เงินเฟ้อและดอกเบี้ยขยับมีผลต่อแต่ละอุตสาหกรรมอย่างไร
-
- Verified User
- โพสต์: 5011
- ผู้ติดตาม: 0
อสังหา และแบงค์
โพสต์ที่ 2
ความเข้าของผมคือ เงินเฟ้อทำให้อำนาจการซื้อของแต่ละคนลดลง และดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอาจทำให้การปล่อยสินเชื่อของกลุ่มแบงค์ลดลงและอาจเกิดหนี้เสียสูงขึ้นใช่ไหม หรือมีอะไรอย่างอื่นด้วยอีก พี่ๆช่วยบอกที กำลังตามข่าวแต่อ่านแล้วก็งง เพราะไม่มีความรู้เรื่องเศรษฐศาสตร์เลย
-
- Verified User
- โพสต์: 47
- ผู้ติดตาม: 0
เงินเฟ้อและดอกเบี้ยขยับมีผลต่อแต่ละอุตสาหกรรมอย่างไร
โพสต์ที่ 3
ประเด็นเงินเฟ้อนะ มันต้องอารมณ์ดีๆ ใจเย็น แล้วมาคุย+จิบเบียร์กัน ตอนค่ำๆ อย่างน้อยก็หลายวันอยู่
หาจะเอาสั้นๆนะ ตามที่เจ้าของกระทู้เข้าในมะผิด แต่มันกระทบกันหลายชิ่งอ่ะ
1. อานาจซื้อลดลงจิงๆ แต่ความรุนแรงของแต่ละกลุ่มผุ้มีรายได้และเงินออมจะมะเท่ากัน .... คนจนหรือคนมีรายได้น้อย สาหัสก่ามาก
2. ส่วนเงินเฟ้อแล้ว ดอกเบียจะสุงขึ้นไหมนั้น ขึ้นอยู่กะผู้คุมกฎคับ
...หากว่าเงินเฟ้อมีแนวโน้มรุนแรง ก็ต้องขึ้นดอกเบีย เพื่อลดความรุนแรงของเงินเฟ้อ
3. หากดอกเบียเพิ่มขึ้น อันนี้คิดกันหลายดอกเลย
3.1 ด้านการลงทุน ... ส่วนหนึ่งคือสินเชื่อตามที่นายกล่าวถึง
3.2 ด้านการบริโภค ... 2เด้ง จากเงินเฟ้อและการออมที่คาดว่าน่าจะเพิ่มขึ้นหรือเอาไปชำระหนี้หรือจ่ายดอกเบีย
3.3 อื่นๆ
4. ประเด็นหนี้เสียก็ตามสภาพอ่ะนะ (ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ขณะที่ขายของได้น้อยลง)
4.1 ด้านผู้ประกอบการ หากเอาตัวรอดได้ก็ไม่กระทบ หากไม่ก็....
4.2 ด้านมนุษย์เงินเดือน หากว่าไม่ก่อหนี้มาก และไม่โดนลดเงินเดือนหรือโดนโล๊ะ ก็พอไหว หากไม่ก็ ....
....
ขออภัยด้วยพยายามเอาให้สั้นแล้วนะ ... จิงๆมันแตกประเด็นได้อีกบาน
และที่สำคัญบางอย่างต้องดูบรรยากาศและนโยบาย(ที่ได้เรื่องและที่หาเรื่องด้วย) หุหุ
หาจะเอาสั้นๆนะ ตามที่เจ้าของกระทู้เข้าในมะผิด แต่มันกระทบกันหลายชิ่งอ่ะ
1. อานาจซื้อลดลงจิงๆ แต่ความรุนแรงของแต่ละกลุ่มผุ้มีรายได้และเงินออมจะมะเท่ากัน .... คนจนหรือคนมีรายได้น้อย สาหัสก่ามาก
2. ส่วนเงินเฟ้อแล้ว ดอกเบียจะสุงขึ้นไหมนั้น ขึ้นอยู่กะผู้คุมกฎคับ
...หากว่าเงินเฟ้อมีแนวโน้มรุนแรง ก็ต้องขึ้นดอกเบีย เพื่อลดความรุนแรงของเงินเฟ้อ
3. หากดอกเบียเพิ่มขึ้น อันนี้คิดกันหลายดอกเลย
3.1 ด้านการลงทุน ... ส่วนหนึ่งคือสินเชื่อตามที่นายกล่าวถึง
3.2 ด้านการบริโภค ... 2เด้ง จากเงินเฟ้อและการออมที่คาดว่าน่าจะเพิ่มขึ้นหรือเอาไปชำระหนี้หรือจ่ายดอกเบีย
3.3 อื่นๆ
4. ประเด็นหนี้เสียก็ตามสภาพอ่ะนะ (ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ขณะที่ขายของได้น้อยลง)
4.1 ด้านผู้ประกอบการ หากเอาตัวรอดได้ก็ไม่กระทบ หากไม่ก็....
4.2 ด้านมนุษย์เงินเดือน หากว่าไม่ก่อหนี้มาก และไม่โดนลดเงินเดือนหรือโดนโล๊ะ ก็พอไหว หากไม่ก็ ....
....
ขออภัยด้วยพยายามเอาให้สั้นแล้วนะ ... จิงๆมันแตกประเด็นได้อีกบาน
และที่สำคัญบางอย่างต้องดูบรรยากาศและนโยบาย(ที่ได้เรื่องและที่หาเรื่องด้วย) หุหุ
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
เงินเฟ้อและดอกเบี้ยขยับมีผลต่อแต่ละอุตสาหกรรมอย่างไร
โพสต์ที่ 4
เงินเฟ้อคือภาวะที่มีเงินอยู่ในมือประชาชนมากเกินไป
เงินหมุนได้มากนั้นเอง ซื้อง่ายขายคล่อง
อันนี้คือ เงินเฟ้อทางด้าน demand คือกำลังการซื้อของคนมีอยู่ในมือ
แต่ในปัจจุบัน เงินเฟ้อที่เกิด มันมาจากเหตุที่ว่า
ข้าวของมันแพง เงินในมือประชาชนมีเท่าเดิม
อ้าวเป็นแบบนี้แก้ไขอย่างไงล่ะ
ทางแก้ทางเดียวคือ ทำอย่างไงให้ข้าวของราคาถูกลง
ถ้าหากพลิกตำราหาวิธีการแก้ไข บอกไว้ก่อนว่า คุณต้องหาตำราของช่วงปี 1880-1900 มาอ่าน เนื่องจากช่วงนั้นมีภาวะเงินเฟ้อทางด้าน supply อยู่
แต่หากเป็นในยุค 2000 แล้ว มีแต่เงินเฟ้อทางด้าน damand อย่างเดียวเลย
เกิดประจำ ใช้ตำราเล่มเดียวกันแก้ไขคือ
1. เพิ่มดอกเบี้ย นั้นคือ มันเพิ่มต้นทุนของเงินทุนที่นำมาลงทุน
2. เพิ่มอัตราภาษี ดูดเงินกลับมาให้แก่รัฐมากเท่าที่มากได้
เพื่อลดความร้อนแรงของการหมุนเวียนเงินในมือประชาชนมากเท่าที่ทำได้
เงินหมุนได้มากนั้นเอง ซื้อง่ายขายคล่อง
อันนี้คือ เงินเฟ้อทางด้าน demand คือกำลังการซื้อของคนมีอยู่ในมือ
แต่ในปัจจุบัน เงินเฟ้อที่เกิด มันมาจากเหตุที่ว่า
ข้าวของมันแพง เงินในมือประชาชนมีเท่าเดิม
อ้าวเป็นแบบนี้แก้ไขอย่างไงล่ะ
ทางแก้ทางเดียวคือ ทำอย่างไงให้ข้าวของราคาถูกลง
ถ้าหากพลิกตำราหาวิธีการแก้ไข บอกไว้ก่อนว่า คุณต้องหาตำราของช่วงปี 1880-1900 มาอ่าน เนื่องจากช่วงนั้นมีภาวะเงินเฟ้อทางด้าน supply อยู่
แต่หากเป็นในยุค 2000 แล้ว มีแต่เงินเฟ้อทางด้าน damand อย่างเดียวเลย
เกิดประจำ ใช้ตำราเล่มเดียวกันแก้ไขคือ
1. เพิ่มดอกเบี้ย นั้นคือ มันเพิ่มต้นทุนของเงินทุนที่นำมาลงทุน
2. เพิ่มอัตราภาษี ดูดเงินกลับมาให้แก่รัฐมากเท่าที่มากได้
เพื่อลดความร้อนแรงของการหมุนเวียนเงินในมือประชาชนมากเท่าที่ทำได้
-
- Verified User
- โพสต์: 47
- ผู้ติดตาม: 0
เงินเฟ้อและดอกเบี้ยขยับมีผลต่อแต่ละอุตสาหกรรมอย่างไร
โพสต์ที่ 5
มาเสริมท่านmiracle
.......
เงินเฟ้อด้าน demand side นั้นส่วนใหญ่จะระยะสั้น และแก้ได้ง่ายก่า
.......
เงินเฟ้อด้าน supply side นั้นส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาเรื้อรัง และใช้เวลาแก้นานก่า
แนวการการแก้ไข ตามความเห็นของเรานะ(ในทางปฏิบัติอีกเรื่องนะ...เนื่องจากอะไรก็มาจิบเบียร์กัน)
1. ปัญหามาจาก supply side ก็ต้องแก้ด้วย supply side นั้นคือการเพิ่มผลิตภาพ
1.1 ด้านการผลิต(สำหรับเพ่ไทย เราสิ้นหวังอ่ะ แกเล่นแบมือขอตังกันหมดเลย)
1.2 ด้านพลังงานทดแทน(แก้ที่ต้นเหตุซะ โดยเฉพาะพลังงานที่เราผลิตได้เองและควบคุมทั้งปริมาณและราคาได้)
1.3 ด้านการศึกษา (หวังช่างริบหรี่...อันนี้ขยายได้อีกหลายประเด็น)
1.4 ด้านคุณภาพแรงงาน (อันนี้จะโยงบางส่วนกับการศึกษา)
1.5 ด้านผู้บริหารทั้งภาพรัฐและเอกชน (โดยเฉพาะภาพรัฐ...อันนี้จะเยียวยาได้ทั้งdemand และ supply เลย)
1.6 จิตใจของทุกคนในประเทศ (อันนี้รวมความกว้างอ่ะ ... คุณธรรม สามัคคี เอื่ออาทร. เป็นต้น)
...................
ที่กล่าวมาไม่เกี่ยวกะการขึ้น ดอกเบี้ยเลยใช่มะ เพราะมันเป็นการแก้ปัญหาแบบยั่งยืน และหลายคนก็พอรู้ แต่หลายคนไม่สามารถปฏิบัติได้....เพราะ (ต้องคุยตอนจิบเบียร์ 5555)
...................
การขึ้นดอกเบี้ยหรือมารตการแบมือขอตังหรือให้ตังเอาใจ ต่างเป็น การรักษาตามอาการ หาใช่การรัษกาที่ทำให้อาการนั้นหายไปไม่ (ปวดก็กินยาแก้ปวด แต่จิงๆแล้วอาการปวดนั้นเกิดจากมะเร็ง หุหุ)
..................
หากขึ้นดอกเบี้ยก็มีผลตามทั้งที่ดีและมะดี คือแก้อาการหนึ่ง ก็จะไปซ้ำเติมในบางจุด อันนี้เรียกว่า ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง (trade off)
.................
สุดท้ายเราเป็นคนธรรมดา ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน และหวังว่าจะหาช่องว่างเล็กๆอันปลอดภัยที่ยังเหลืออยู่แล้วแทรกเข้าไปยังจุดนั้นให้ได้ (สรุปรวมความก็คือ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน )
................
และขออภัยด้วยหากเราตอบไม่ตรงกับประเด็นของกระทู้ แบบว่าช่วงนี้ว่างจัด อิอิ (เดือนมิ.ย. ดูบอล ,ก.ค. ไปที่จันทบรีซัก 1-2 สัปดาห์ , ส.ค. ยังหาที่ไปมะได้)
.......
เงินเฟ้อด้าน demand side นั้นส่วนใหญ่จะระยะสั้น และแก้ได้ง่ายก่า
.......
เงินเฟ้อด้าน supply side นั้นส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาเรื้อรัง และใช้เวลาแก้นานก่า
แนวการการแก้ไข ตามความเห็นของเรานะ(ในทางปฏิบัติอีกเรื่องนะ...เนื่องจากอะไรก็มาจิบเบียร์กัน)
1. ปัญหามาจาก supply side ก็ต้องแก้ด้วย supply side นั้นคือการเพิ่มผลิตภาพ
1.1 ด้านการผลิต(สำหรับเพ่ไทย เราสิ้นหวังอ่ะ แกเล่นแบมือขอตังกันหมดเลย)
1.2 ด้านพลังงานทดแทน(แก้ที่ต้นเหตุซะ โดยเฉพาะพลังงานที่เราผลิตได้เองและควบคุมทั้งปริมาณและราคาได้)
1.3 ด้านการศึกษา (หวังช่างริบหรี่...อันนี้ขยายได้อีกหลายประเด็น)
1.4 ด้านคุณภาพแรงงาน (อันนี้จะโยงบางส่วนกับการศึกษา)
1.5 ด้านผู้บริหารทั้งภาพรัฐและเอกชน (โดยเฉพาะภาพรัฐ...อันนี้จะเยียวยาได้ทั้งdemand และ supply เลย)
1.6 จิตใจของทุกคนในประเทศ (อันนี้รวมความกว้างอ่ะ ... คุณธรรม สามัคคี เอื่ออาทร. เป็นต้น)
...................
ที่กล่าวมาไม่เกี่ยวกะการขึ้น ดอกเบี้ยเลยใช่มะ เพราะมันเป็นการแก้ปัญหาแบบยั่งยืน และหลายคนก็พอรู้ แต่หลายคนไม่สามารถปฏิบัติได้....เพราะ (ต้องคุยตอนจิบเบียร์ 5555)
...................
การขึ้นดอกเบี้ยหรือมารตการแบมือขอตังหรือให้ตังเอาใจ ต่างเป็น การรักษาตามอาการ หาใช่การรัษกาที่ทำให้อาการนั้นหายไปไม่ (ปวดก็กินยาแก้ปวด แต่จิงๆแล้วอาการปวดนั้นเกิดจากมะเร็ง หุหุ)
..................
หากขึ้นดอกเบี้ยก็มีผลตามทั้งที่ดีและมะดี คือแก้อาการหนึ่ง ก็จะไปซ้ำเติมในบางจุด อันนี้เรียกว่า ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง (trade off)
.................
สุดท้ายเราเป็นคนธรรมดา ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน และหวังว่าจะหาช่องว่างเล็กๆอันปลอดภัยที่ยังเหลืออยู่แล้วแทรกเข้าไปยังจุดนั้นให้ได้ (สรุปรวมความก็คือ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน )
................
และขออภัยด้วยหากเราตอบไม่ตรงกับประเด็นของกระทู้ แบบว่าช่วงนี้ว่างจัด อิอิ (เดือนมิ.ย. ดูบอล ,ก.ค. ไปที่จันทบรีซัก 1-2 สัปดาห์ , ส.ค. ยังหาที่ไปมะได้)
-
- Verified User
- โพสต์: 47
- ผู้ติดตาม: 0
เงินเฟ้อและดอกเบี้ยขยับมีผลต่อแต่ละอุตสาหกรรมอย่างไร
โพสต์ที่ 6
มาเสริมท่านmiracle
.......
เงินเฟ้อด้าน demand side นั้นส่วนใหญ่จะระยะสั้น และแก้ได้ง่ายก่า
.......
เงินเฟ้อด้าน supply side นั้นส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาเรื้อรัง และใช้เวลาแก้นานก่า
แนวการการแก้ไข ตามความเห็นของเรานะ(ในทางปฏิบัติอีกเรื่องนะ...เนื่องจากอะไรก็มาจิบเบียร์กัน)
1. ปัญหามาจาก supply side ก็ต้องแก้ด้วย supply side นั้นคือการเพิ่มผลิตภาพ
1.1 ด้านการผลิต(สำหรับเพ่ไทย เราสิ้นหวังอ่ะ แกเล่นแบมือขอตังกันหมดเลย)
1.2 ด้านพลังงานทดแทน(แก้ที่ต้นเหตุซะ โดยเฉพาะพลังงานที่เราผลิตได้เองและควบคุมทั้งปริมาณและราคาได้)
1.3 ด้านการศึกษา (หวังช่างริบหรี่...อันนี้ขยายได้อีกหลายประเด็น)
1.4 ด้านคุณภาพแรงงาน (อันนี้จะโยงบางส่วนกับการศึกษา)
1.5 ด้านผู้บริหารทั้งภาพรัฐและเอกชน (โดยเฉพาะภาพรัฐ...อันนี้จะเยียวยาได้ทั้งdemand และ supply เลย)
1.6 จิตใจของทุกคนในประเทศ (อันนี้รวมความกว้างอ่ะ ... คุณธรรม สามัคคี เอื่ออาทร. เป็นต้น)
...................
ที่กล่าวมาไม่เกี่ยวกะการขึ้น ดอกเบี้ยเลยใช่มะ เพราะมันเป็นการแก้ปัญหาแบบยั่งยืน และหลายคนก็พอรู้ แต่หลายคนไม่สามารถปฏิบัติได้....เพราะ (ต้องคุยตอนจิบเบียร์ 5555)
...................
การขึ้นดอกเบี้ยหรือมารตการแบมือขอตังหรือให้ตังเอาใจ ต่างเป็น การรักษาตามอาการ หาใช่การรัษกาที่ทำให้อาการนั้นหายไปไม่ (ปวดก็กินยาแก้ปวด แต่จิงๆแล้วอาการปวดนั้นเกิดจากมะเร็ง หุหุ)
..................
หากขึ้นดอกเบี้ยก็มีผลตามทั้งที่ดีและมะดี คือแก้อาการหนึ่ง ก็จะไปซ้ำเติมในบางจุด อันนี้เรียกว่า ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง (trade off)
.................
สุดท้ายเราเป็นคนธรรมดา ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน และหวังว่าจะหาช่องว่างเล็กๆอันปลอดภัยที่ยังเหลืออยู่แล้วแทรกเข้าไปยังจุดนั้นให้ได้ (สรุปรวมความก็คือ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน )
................
และขออภัยด้วยหากเราตอบไม่ตรงกับประเด็นของกระทู้ แบบว่าช่วงนี้ว่างจัด อิอิ (เดือนมิ.ย. ดูบอล ,ก.ค. ไปที่จันทบรีซัก 1-2 สัปดาห์ , ส.ค. ยังหาที่ไปมะได้)
.......
เงินเฟ้อด้าน demand side นั้นส่วนใหญ่จะระยะสั้น และแก้ได้ง่ายก่า
.......
เงินเฟ้อด้าน supply side นั้นส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาเรื้อรัง และใช้เวลาแก้นานก่า
แนวการการแก้ไข ตามความเห็นของเรานะ(ในทางปฏิบัติอีกเรื่องนะ...เนื่องจากอะไรก็มาจิบเบียร์กัน)
1. ปัญหามาจาก supply side ก็ต้องแก้ด้วย supply side นั้นคือการเพิ่มผลิตภาพ
1.1 ด้านการผลิต(สำหรับเพ่ไทย เราสิ้นหวังอ่ะ แกเล่นแบมือขอตังกันหมดเลย)
1.2 ด้านพลังงานทดแทน(แก้ที่ต้นเหตุซะ โดยเฉพาะพลังงานที่เราผลิตได้เองและควบคุมทั้งปริมาณและราคาได้)
1.3 ด้านการศึกษา (หวังช่างริบหรี่...อันนี้ขยายได้อีกหลายประเด็น)
1.4 ด้านคุณภาพแรงงาน (อันนี้จะโยงบางส่วนกับการศึกษา)
1.5 ด้านผู้บริหารทั้งภาพรัฐและเอกชน (โดยเฉพาะภาพรัฐ...อันนี้จะเยียวยาได้ทั้งdemand และ supply เลย)
1.6 จิตใจของทุกคนในประเทศ (อันนี้รวมความกว้างอ่ะ ... คุณธรรม สามัคคี เอื่ออาทร. เป็นต้น)
...................
ที่กล่าวมาไม่เกี่ยวกะการขึ้น ดอกเบี้ยเลยใช่มะ เพราะมันเป็นการแก้ปัญหาแบบยั่งยืน และหลายคนก็พอรู้ แต่หลายคนไม่สามารถปฏิบัติได้....เพราะ (ต้องคุยตอนจิบเบียร์ 5555)
...................
การขึ้นดอกเบี้ยหรือมารตการแบมือขอตังหรือให้ตังเอาใจ ต่างเป็น การรักษาตามอาการ หาใช่การรัษกาที่ทำให้อาการนั้นหายไปไม่ (ปวดก็กินยาแก้ปวด แต่จิงๆแล้วอาการปวดนั้นเกิดจากมะเร็ง หุหุ)
..................
หากขึ้นดอกเบี้ยก็มีผลตามทั้งที่ดีและมะดี คือแก้อาการหนึ่ง ก็จะไปซ้ำเติมในบางจุด อันนี้เรียกว่า ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง (trade off)
.................
สุดท้ายเราเป็นคนธรรมดา ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน และหวังว่าจะหาช่องว่างเล็กๆอันปลอดภัยที่ยังเหลืออยู่แล้วแทรกเข้าไปยังจุดนั้นให้ได้ (สรุปรวมความก็คือ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน )
................
และขออภัยด้วยหากเราตอบไม่ตรงกับประเด็นของกระทู้ แบบว่าช่วงนี้ว่างจัด อิอิ (เดือนมิ.ย. ดูบอล ,ก.ค. ไปที่จันทบรีซัก 1-2 สัปดาห์ , ส.ค. ยังหาที่ไปมะได้)