บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14784
ผู้ติดตาม: 1

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 1

โพสต์

มีหุ้นตัวนึง คือ asl และตัวอื่นอาจจะมีเหมือนกัน แต่ผมไม่ได้ดู

ดูแต่ asl คือว่า asl เป็นหุ้นไฟแนน

ที่นี้ ตอนนี้เงินสด มากกว่าราคาทั้งบริษัท ประมาณ 1000 ล้านบาท ลองทำการบ้านกันดู ยังไม่นับอย่างอื่นนะ

ผมก็มานั่งคิดๆ ว่า ถ้าหุ้นลงหนักๆ ใครมีเงิน และมีความรู้ในการเลือกซื้อหุ้น

เท่าที่เห็นก็ต้อง โบรกเกอร์ครับ

เพื่อนๆคิดไง

อ้อ asl คงไม่ได้เหมาะกับการลงทุนแนว vi นะครับ

โค้ด: เลือกทั้งหมด

asl ลงมา .69 คูณ 415.90 ล้านหุ้น ราคาทั้งบริษัทเท่ากับ 2895.17 ล้าน 

งบการเงินล่าสุด

เงินสด 2582.123 ล้านบาท 
เงินฝาก 19.510 ล้านบาท  
เงินลงทุนตราสารหนี้และตราสารทุน 566.148 
ลูกหนี้ธุรกิจหลักทรัพย์ 1076.231

รวม 4244.012

หนี้สินทั้งหมด 413.278 ล้าน

หักกันแล้ว เหลือ 3830.734

แต่ราคาทั้งบริษัท 2895.17

อืม ราคานี้ถูกกว่ารายการเทียบเท่าเงินสด 1000 ล้านโดยประมาณ
เพือนๆคิดไงครับ
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14784
ผู้ติดตาม: 1

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 2

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

 
Notification of the Company's acquired assets  
Translation
ASL 207/2008

June 19, 2008

Re:     Notification of the Company's acquired assets
To:     The President
        The Stock Exchange of Thailand

On June 19, 2008, Adkinson Securities Public Company Limited ("Company") had
purchased 13,954,900 shares of MFC Asset Management Public Company Limited
("MFC"), equivalent to 11.63% of its paid up capital or a total investment of
Baht 202,346,050.

The Company purchased the shares at a price of Baht 14.50 per share from Thai
Military Bank Public Company Limited ("TMB").

The shareholding structures of MFC by the Company and TMB, before and after the
transaction, are as follows:
                          Before Transaction             After Transaction
                         Number of     % holding     Number of   % holding
                          shares                         shares
Adkinson Securities PLC.  5,498,700       4.58       19,543,600     16.21
Thai Military Bank PLC.  13,954,900      11.63           -            -


The value of the transaction represents 5.15% of the Company's net tangible
assets (NTA) and as such does not fall under the SET's "Criteria, Procedure
and Disclosure concerning the Acquisition and Disposition of the Listed
Company's Assets and Related Transactions".

Please be informed accordingly.

Sincerely yours,

Sadawut Teachaubol
(Mr. Sadawut Teachaubol)
Chief Executive Officer and President

 

19/06/2008   01:59 PM  


ข่าววันนี้ asl ไปซื้อ MFC เพิ่มอีก 202 ล้าน
TheHee
Verified User
โพสต์: 238
ผู้ติดตาม: 0

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ผมไม่แน่ใจว่าควรรวม "ลูกหนี้ธุรกิจหลักทรัพย์" ด้วยรึเปล่า เพราะว่าโดยส่วนตัว (เน้นว่า ส่วนตัว) คำว่า ลูกหนี้ ย่อมประกอบด้วยทั้งหนี้ดี (คือหนี้ที่มีความสามารถในการชำระคืน) และ หนี้เสีย (หนี้ที่ไม่มีทางได้คืน)


ยังไงรบกวนผู้รู้ท่านต่อไปช่วยชี้แนะ ข้าน้อยยังด้อยนัก
chode
Verified User
โพสต์: 592
ผู้ติดตาม: 0

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ดันไปซื้อบลจ.ที่ไม่ค่อยมีกำไรครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
โอ@
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4246
ผู้ติดตาม: 0

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 5

โพสต์

jeng เขียน:asl ลงมา .69 คูณ 415.90 ล้านหุ้น ราคาทั้งบริษัทเท่ากับ 2895.17 ล้าน

งบการเงินล่าสุด

เงินสด 2582.123 ล้านบาท
เงินฝาก 19.510 ล้านบาท  
เงินลงทุนตราสารหนี้และตราสารทุน 566.148
ลูกหนี้ธุรกิจหลักทรัพย์ 1076.231

รวม 4244.012

หนี้สินทั้งหมด 413.278 ล้าน

หักกันแล้ว เหลือ 3830.734

แต่ราคาทั้งบริษัท 2895.17

อืม ราคานี้ถูกกว่ารายการเทียบเท่าเงินสด 1000 ล้านโดยประมาณ
CNS ลงมา 24.60 คูณ 71.6823 ล้านหุ้น ราคาทั้งบริษัทเท่ากับ 1792.06 ล้าน

งบการเงินล่าสุด

เงินสด 716.85 ล้านบาท
เงินลงทุนตราสารหนี้และตราสารทุน 1052.66
ลูกหนี้ธุรกิจหลักทรัพย์ 3379.83

รวม 5149.34

หนี้สินทั้งหมด 1783.66 ล้าน

หักกันแล้ว เหลือ 3365.68

แต่ราคาทั้งบริษัท 1792.06

อืม ราคานี้ถูกกว่ารายการเทียบเท่าเงินสด 1500 ล้านโดยประมาณ

ไม่ได้บอกให้ซื้อนะครับ เอามาให้ดูเล่นๆอีกตัวแค่นั้นเองครับ พอดีเห็นพี่เจ๋งอยากได้แบบนี้
_________
ภาพประจำตัวสมาชิก
raruen
Verified User
โพสต์: 161
ผู้ติดตาม: 0

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ตั้งแต่วันปิดงบ ถึงวันนี้
ไม่รู้ว่า port เหลือเท่าไรนะครับ
:twisted:
เผ่งอังๆ
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11444
ผู้ติดตาม: 1

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 7

โพสต์

มีเงินสดเยอะคงมีหลายบริษัท  แต่มีความรู้ในการลงทุน  จะรู้ได้อย่างไรว่ามีความรู้

ยิ่งบริษัทหลักทรัพย์ทั้งหลาย  พวกเรายังตำหนิบทวิเคราะห์จากบล.ทั้งหลายอยู่บ่อยๆ  

สำหรับผมขอบริษัทมีเงินสดจากการดำเนินงานเยอะๆ  และไม่เล่นหุ้นจะดีกว่ามากๆ   :lol:
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
ภาพประจำตัวสมาชิก
cryptonian_man
Verified User
โพสต์: 585
ผู้ติดตาม: 0

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 8

โพสต์

[quote="chatchai"]มีเงินสดเยอะคงมีหลายบริษัท
เขาว่า "หลังจากปากพองจากการดื่มนมร้อน เราจะเป่าโยเกิร์ตให้เย็นก่อนตักเข้าปาก"
แต่ทำไมตรูไม่เข็ด เคาะขวาไวตลอดเนี่ย
wattae
Verified User
โพสต์: 554
ผู้ติดตาม: 0

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ASLซื้อหุ้นMFCหวังกินปันผลงาม

โพสต์ทูเดย SECTION B 20/06/2008 09:12:41


โพสต์ทูเดย์ บล.แอ๊ดคินซัน ซื้อหุ้น MFC จากธนาคารทหารไทยยกล็อต 11.63% ขยับถือ 16.21% ระบุลงทุนยาว หวังรับปันผลงาม
นายสดาวุธ เตชะอุบล ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แอ๊ดคินซัน (ASL) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2551 บริษัทได้ลงทุนซื้อหุ้นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี (MFC) จำนวน 13,954,900 หุ้น คิดเป็น 11.63% ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว รวมมูลค่าเงินลงทุน 202,346,050 บาท
บริษัทได้ซื้อหุ้นทั้งหมดจากธนาคารทหารไทย (TMB) ในราคาหุ้นละ 14.50 บาท และส่งผลให้บริษัทถือหุ้น MFC เพิ่มเป็น 19,453,600 หุ้น หรือ 16.21%
นายสดาวุธ กล่าวว่า การซื้อหุ้น MFC เป็นการซื้อลงทุนเพื่อรับเงินปันผล ซึ่งที่ผ่านมาอัตราเฉลี่ยเงินปันผลประมาณ 5% สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร และคาดว่าปีนี้การจ่ายเงินปันผลจะสูงขึ้น อีกทั้งราคาหุ้นที่ซื้อเหมาะสม โดยก่อนหน้านี้บริษัทได้ซื้อลงทุน 4.58% หรือ 5.49 ล้านหุ้น ตั้งแต่สมัยผู้บริหารเดิมแล้ว
ส่วนจะซื้อเพิ่มหรือไม่ เพื่อ สิทธิในการบริหาร นายสดาวุธ กล่าวว่า ไม่คิดที่จะเข้าร่วมบริหาร เนื่องจาก บล.แอ๊ดคินซัน มีแผน ทำธุรกิจกองทุนรวมอยู่แล้ว แต่ ไม่ใช่เวลานี้
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ MFC กล่าวว่า ผู้ถือหุ้นภาครัฐยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ รวม 42% ซึ่งกระทรวงการคลังเคยให้นโยบายว่า กลุ่มภาครัฐจะไม่ถือหุ้น MFC เกิน 50% เพื่อไม่ทำให้ MFC กลายเป็นรัฐวิสาหกิจ
ก่อนหน้านี้ธนาคารออมสินเจรจาขอซื้อหุ้น MFC จากธนาคารทหารไทย แต่ตกลงราคาไม่ได้
ขณะเดียวกัน TMB จะได้กำไรจากการขายหุ้นครั้งนี้ประมาณ 46.74 ล้านบาท เทียบกับมูลค่าหุ้นทางบัญชีหุ้นละ 11.15 บาท
หุ้น MFC วานนี้ไม่มีการซื้อขาย ล่าสุดปิดที่ 14 บาท
ภาพประจำตัวสมาชิก
HI.ผมเอง
Verified User
โพสต์: 811
ผู้ติดตาม: 0

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 10

โพสต์

[quote="chatchai"]มีเงินสดเยอะคงมีหลายบริษัท
sattaya
Verified User
โพสต์: 1372
ผู้ติดตาม: 1

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ส่งเข้าประกวดด้วยคนครับ สนใจไหมครับว่าบริษัทนั้นกำไรหรือขาดทุน
AFC
งบการเงินล่าสุด

เงินสด    81.98
ลูกหนี้   379.49

หนี้สิน  126.22

หักกันแล้วเหลือ 335.25

mar.cap  159.51

ราคานี้ถูกกว่า 2 เท่าเชียวน่าครับ
สติมา ปัญญาเกิด
thawattt
Verified User
โพสต์: 1141
ผู้ติดตาม: 0

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ไปเจอตัวหนึ่งครับ

เงินสดและทรัพย์สินใกล้เงินสด คือเงินฝากธนาคารและตั๋วเงิน 230 ล้านบาท

ลูกหนี้การค้า 138 ล้านบาท มีหนี้ที่ค้าง 12 เดือนประมาณ 13 ล้านบาท สำรองหมดแล้ว

รายได้ค่าบริการที่รอเรียกเก็บเท่ากับ 247 ล้านบาท ส่งใบรอเรียกเก็บไปแล้วประมาณ 110 ล้านบาท ลูกหนี้มั่นคงมากเพราะเป็นรัฐวิสาหกิจ คงไม่เบี้ยวแน่ ๆ

สินทรัพย์รวม 823 ล้านบาท

ไม่มีหนี้สินกับธนาคาร มีเพียงหนี้หมุนเวียนทางการค้า รายได้รับล่วงหน้า ประมาณ 173 ล้านบาท

ส่วนของผู้ถือหุ้น 651 ล้านบาท
เป็นส่วนเกินมูลค่าหุ้นเท่ากับ 272 ล้านบาท
และกำไรสะสมเท่ากับ 128 ล้านบาท เป็นกำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรรเท่ากับ 105 ล้านบาท

กำไรไตรมาสแรกเริ่มฟื้นตัวเล็กน้อย กำไร 5  ล้านบาทดีกว่าไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา

ตั้งแต่เข้าตลาดมา จ่ายปันผลได้ทุกปี ปีแรก ๆ จ่ายมาก ปีละ 2 ครั้ง หลัง ๆ กำไรหด จ่ายปีละครั้ง แต่ปีที่กำไรไม่ดี หรือไม่มีกำไร ก็จ่ายปันผลเหมือนกัน แต่จ่ายน้อยมาก เนื่องจากนโยบายจะจ่ายปันผลตามผลการดำเนินงาน คือกำไรมากในแต่ละปี ก็จ่ายปันผลเกือบหมด ทำให้มูลค่าหุ้นทางบัญชีไม่เพิ่ม

มูลค่าทางบัญชีปัจจุบันอยู่ที่ 2.60 บาทใกล้เคียงกับในอดีตที่อยู่ที่ประมาณณ 2.7 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นมูลค่าที่ใกล้เคียงกับสมัยที่เพิ่งเริ่มเข้าตลาดใหม่ ๆ เหมือนกัน

ทำธุรกิจให้บริการครบวงจร ธุรกิจหลักแข่งขันกันสูงมาก รอวันที่คู่แข่งขันจะตายจากไปบ้างครับ ต้องดูกันยาว ๆ

ธุรกิจมีรายได้หลักค่อนข้างแน่นอนจำนวนหนึ่งีละไม่ต่ำกว่า 550 ล้านบาท จากรายได้รวมประมาณ 700 – 800 ล้านบาท โดยบริษัทพยายามจะหารายได้อื่น ๆ มาแทนรายได้หลักปัจจุบันที่แข่งขันกันสูงมาก เพราะตัดราคากันเหลือเกิน

ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 255 ล้านบาท เทียบกับในอดีตที่เคยมีมูลค่าตลาดสูงถึง 2250 ล้านบาท ก็ลดลงกว่า 90_เปอร์เซ็นต์เทียบกับสมัยรุ่งเรืองครับ

ข้อจำกัดคือ เป็นหุ้นที่มีรัฐวิสาหกิจถือหุ้นใหญ่กว่า 50  เปอร์เซ้นต์ เลยไม่สามารถทำการควบรวมได้ ทำให้ยากที่จะซื้อแล้วมาแบ่งแยกทรัพย์สินหรือแบ่งกำไรจากเงินสดได้ง่าย คงหวังได้แต่เพียงว่า เมื่อไหร่บริษัทจะฟื้นคืนกำไร และจะได้จ่ายปันผลสูง ๆ เหมือนในอดีตที่ผ่านมา

ลองไปค้นดูครับ

ไม่ได้บอกว่าเป็นหุ้นที่ดีครับ เพราะราคาลดลงทำจุดต่ำสุดมาโดยตลอดเหมือนกันครับ ล่าสุดก็ยังปรับตัวลดลงต่อยังไม่มีแนวโน้มราคาฟื้นตัวแต่อย่างไร จนทำให้มูลค่าหุ้นตลาดเกือบจะเท่ากับราคาพาร์แล้วครับ
A man from the Islay
Verified User
โพสต์: 393
ผู้ติดตาม: 0

Re: บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 13

โพสต์

[quote="Jeng"]มีหุ้นตัวนึง คือ asl และตัวอื่นอาจจะมีเหมือนกัน แต่ผมไม่ได้ดู

ดูแต่ asl คือว่า asl เป็นหุ้นไฟแนน

ที่นี้ ตอนนี้เงินสด มากกว่าราคาทั้งบริษัท ประมาณ 1000 ล้านบาท ลองทำการบ้านกันดู ยังไม่นับอย่างอื่นนะ

ผมก็มานั่งคิดๆ ว่า ถ้าหุ้นลงหนักๆ ใครมีเงิน และมีความรู้ในการเลือกซื้อหุ้น

เท่าที่เห็นก็ต้อง โบรกเกอร์ครับ

เพื่อนๆคิดไง

อ้อ asl คงไม่ได้เหมาะกับการลงทุนแนว vi นะครับ

โค้ด: เลือกทั้งหมด

asl ลงมา .69 คูณ 415.90 ล้านหุ้น ราคาทั้งบริษัทเท่ากับ 2895.17 ล้าน 

งบการเงินล่าสุด

เงินสด 2582.123 ล้านบาท 
เงินฝาก 19.510 ล้านบาท
Ent'
Verified User
โพสต์: 715
ผู้ติดตาม: 0

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 14

โพสต์

นอกจาก ASL และ ตัวที่คุณthawatt  พูดมีตัวอื่นอีกไหมครับ ที่เงินสดเกือบๆ เท่าหรือมากกว่า MarketCapt ของบริษัท ?  ผมเห็นมี Manrin อีกตัว แต่ไม่น่าสนใจเพราะมีข้อพิพาธ เรื่องที่ดินที่ตั้งโรงแรม ถ้าต้องสร้างโรงแรมใหม่เงินสดนี้ก็หมดเกลี้ยงอยู่ดี

ปล. ตัวที่พี่ thawatt ว่า ผมว่า งบQ2 น่าจะมีเงินสดมากกว่า Mcapt ของบริษัทแล้วเพราะน่าจะเก็บเงินได้งานโครงการที่ไปรับทำได้มากขึ้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
kornjackrit
Verified User
โพสต์: 1524
ผู้ติดตาม: 0

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ส่วนตัวผมว่าต่อให้มีเงินสดหรือรายการเทียบเท่าเงินสด
มากกว่าหนี้สินทั้งหมด ถ้านักลงทุนไม่ไป Take over
หรือไปถือหุ้นใหญ่ในบริษัท
เพื่อให้มีอำนาจในการบริหาร
ผมว่าก็อาจจะไมใช่สาระสำคัญเท่าที่ควร
เพราะการที่เราไปซื้อแล้วเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อย
เราก็ไม่มีสิทธิที่จะเอาเงินสดออกมาจ่ายอาจจะเป็นในรูปเงิน
ปันผลหรืออื่นๆ

เว้นแต่บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดี เติบโต ต่อเนื่อง
เพราะถ้าเป็นบริษัทที่ธุรกิจไม่โต หรือ ในอนาคตธุรกิจก็มีแต่ขาดทุน
ผมว่าประเด็นตรงนี้ก็จะเป็นเพียงข้อดีระยะสั้น
เมื่อถึงเวลาบริษัทก็ต้องเอาเงินดที่เก็บไปใช้ในการดำเนินงาน
และถ้าไปใช้แล้วขาดทุนเงินสดหรือรายการเทียบเท่าที่มีก็จะหมด
ไปในที่สุดนะครับ

ไม่ทราบผมเข้าใจถูกไหมคับ ?


:?:  :?:  :?:
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
Ent'
Verified User
โพสต์: 715
ผู้ติดตาม: 0

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 16

โพสต์

วัตถุประสงค์ของคุณ jeng ที่ตั้งกระทู้คงเป็นช่วงที่มองว่า ของถูกมีเต็มตลาด ถ้าบริษัทไหนที่มีเงินสดเยอะๆ ก็คงเป็นอะไรที่ได้เปรียบ

จริงๆ แล้ว การที่เราสามารถซื้อ บริษัทในราคาที่มัน Discount จาก สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง ลบด้วย หนี้สินทั้งหมด มันเป็นตัวกำหนด Margin of Safety อย่างนึง ซึ่งในหนังสือ Intelligent Investor ของ Graham ได้กล่าวว่า เป็นหลักเกณที่เค้าใช้มากที่สุด เพราะสำหรับ Graham การทำ EPS forecast Graham กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้ยากมาก

อย่างที่บทความของ คุณสุมาอี้ตอนเกือบล่าสุด  การที่เราซื้อหุ้น คือเราซื้อโอกาสที่กำไรมันจะ Growth จากปัจจุบัน เพื่อสร้างผลตอบแทนจากราคาหุ้นหรือปันผลที่จะมากขึ้น  ทีนี้การที่เราซื้่อหุ้นทีเป็นหุ้น Net-net ตามตำราของ Graham ( Graham จะให้ปรับ Current Asset แบบ Aggressive มากๆ เช่นลูกหนี้การค้าก็ให้ discount เยอะๆ เป็นต้น) มันก็เป็น Growth Potential อย่างนึง นอกจากโอกาสในการถูก takeover เช่น เอาเงินไปลงทุนใหม่ๆ ได้ หรือดอกเบี้ยขาขึ้น ก็น่าจะได้ดอกเบี้ยรับมากขึ้น หรือการที่บริษัทที่เป็นหุ้น Net-net โอกาสในการจ่าย dividend เยอะๆหรือซื้อหุ้นคืนก็มีสูง ทำให้ผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นได้อีก

แต่ในเล่ม Intelligent Investor ก็กล่าวไว้ว่าในปัจจุบันหุ้น Net-net หาไม่ได้แล้วในตลาดอเมริกา ดังนั้นจึงต้องพยายามมองที่ อัตราการเติบโตของกำไรเป็นสำคัญในการตีมูลค่าหุ้นและซื้อที่ราคาที่มี MoS  แต่หุ้นในไทยที่เป็น net-net ผมก็เห็นว่ายังมีอยู่ อย่างสองปีก่อนก็มี JCT ซึ่งถ้าจำไม่ผิด ถ้าซื้อตอนนั้นแล้วถือถึงปีนี้ก็ ได้ผลตอบแทนกันเป็นเท่าตัวเหมือนกัน(ดูจากCapitalGain อย่างเดียว) สำหรับJCT
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11444
ผู้ติดตาม: 1

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 17

โพสต์

[quote="kornjackrit"]ส่วนตัวผมว่าต่อให้มีเงินสดหรือรายการเทียบเท่าเงินสด
มากกว่าหนี้สินทั้งหมด ถ้านักลงทุนไม่ไป Take over
หรือไปถือหุ้นใหญ่ในบริษัท
เพื่อให้มีอำนาจในการบริหาร
ผมว่าก็อาจจะไมใช่สาระสำคัญเท่าที่ควร
เพราะการที่เราไปซื้อแล้วเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อย
เราก็ไม่มีสิทธิที่จะเอาเงินสดออกมาจ่ายอาจจะเป็นในรูปเงิน
ปันผลหรืออื่นๆ

เว้นแต่บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดี เติบโต ต่อเนื่อง
เพราะถ้าเป็นบริษัทที่ธุรกิจไม่โต หรือ ในอนาคตธุรกิจก็มีแต่ขาดทุน
ผมว่าประเด็นตรงนี้ก็จะเป็นเพียงข้อดีระยะสั้น
เมื่อถึงเวลาบริษัทก็ต้องเอาเงินดที่เก็บไปใช้ในการดำเนินงาน
และถ้าไปใช้แล้วขาดทุนเงินสดหรือรายการเทียบเท่าที่มีก็จะหมด
ไปในที่สุดนะครับ

ไม่ทราบผมเข้าใจถูกไหมคับ ?


:?:
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
thawattt
Verified User
โพสต์: 1141
ผู้ติดตาม: 0

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 18

โพสต์

คุณ Ent'
วัตถุประสงค์ของคุณ jeng ที่ตั้งกระทู้คงเป็นช่วงที่มองว่า ของถูกมีเต็มตลาด ถ้าบริษัทไหนที่มีเงินสดเยอะๆ ก็คงเป็นอะไรที่ได้เปรียบ
การมีเงินสดจำนวนมาก ในช่วงเศรษฐกิจผันผวนและมีแนวโน้มที่ดอกเบี้ยทั้งเงินกู้และเงินฝากมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น จะทำให้เเราเห็นคุณค่าของเงินสดตามค่าของระยะเวลาตามคำกล่าวที่ว่า

If you want to know the value of money, go try to borrow some

ในการลงทุนเพิ่มเติมนั้น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจะเป็นค่าเสียโอกาสของธุรกิจที่ต้องมีการขยายงาน และเป็นตัววัดการลงทุนว่าคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งเกิดจากโครงการลงทุนที่จะขยายงานเพิ่ม มีผลตอบแทนการลงทุนเทียบกับค่าเสียโอกาสของเงินที่อาจเกิดจากการกู้ยืมเงินอย่างไร

ดังนั้น บริษัทที่มีเงินสดจำนวนมาก และใช้ในโอกาสที่เหมาะสม ก็จะมีความได้เปรียบจากการขยายงานที่มีต้นทุนการเงินที่ต่ำกว่าบริษัทที่ขยายงานโดยใช้เงินกู้เพียงอย่างเดียว

ประเด็นคงอยู่ที่ว่า บริษัทสามารถจะนำเงินสดจำนวนมากไปใช้ในการขยายงานในอนาคตที่คุ้มค่ากับค่าเสียโอกาสหรือไม่

แต่ต้องระวังว่าเอาเงินสดไปลงทุนไม่คุ้มค่า หรือเก็บเงินสดไว้กับบริษัทโดยนำไปฝากเงินไว้เฉย ๆ ไม่มีแนวคิดในการขยายงานในอนาคต แบบนี้ ท้ายสุด อัตราเงินเฟ้อจะทำให้เงินสดด้อยค่าลงได้ในระยะยาว เพราะค่าเงินตามรยะเวลาจะลดลงตามอัตราเงินเฟ้อ โดยเมื่ออัตราผลตอบแทนจากเงินฝากเทียบกับเงินเฟ้อที่สูงกว่า จะทำให้เกิดการด้อยค่าเงินสดในที่สุด

แต่ที่โชคร้ายกว่านั้นก็คือ หากนำเงินสดไปลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีคุณภาพเพียงพอซึ่งเคยเกิดกับหลาย ๆ บริษัทมาแล้ว จนเกิดการขาดทุนจำนวนมาก  แบบนี้การมีเงินสดจำนวนมากก็จะไม่ได้ช่วยสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับองค์กรแต่อย่างไรครับและจะบั่นทอนบริษัทไปตามระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น

ก็แล้วแต่มุมมองครับ เพราะเงินสดที่มีอยู่เป็นทั้งโอกาส หากเลือกลงทุนในจังหวะที่เหมาะสมและได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินเฟ้อ เป็นสภาพคล่องรองรับความผันผวน เช่น ในช่วงปี 40-41 ที่เราเคยเผชิญกับความเสี่ยงด้านสภาพคล่องมาแล้ว

และเป็นทั้งอุปสรรค เพราะบริษัทไม่มีความสามารถลงทุนหาผลตอบแทนที่เพียงพอและคุ้มกับเงินเฟ้อครับ
thawattt
Verified User
โพสต์: 1141
ผู้ติดตาม: 0

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 19

โพสต์

ขอเข้ากระทู้ก็แล้วกันนะครับ ไปเลือกดูเพิ่มเติม มีอีก 1 ตัวอยู่ในกลุ่มหลักทรัพย์อีกเช่นกันครับ

ตัวนี้ชื่อ  SYRUS

ราคาทั้งบริษัท 707 ล้านบาท

มีเงินสด 314 ล้านบาท
มีเงินฝากประจำกับสถาบันการเงิน 206 ล้านบาท
มีเงินลงทุนในตราสารหนี้และตราสารทุน 230 ล้านบาท

รวมสินทรัพย์สภาพคล่องที่ใกล้เคียงเงินสด เท่ากับ 750 ล้านบาท

มีหนี้สินรวม 124.41 ล้านบาท

ดังนั้นเมื่อหักหนี้สินออกไปทั้งหมด จะเหลือเงินสดและทรัพย์สินใกล้เงินสด 625.59 ล้านบาท

คิดเป็น 88.48 เปอร์เซ้นต์

ราคาปิดต่อมูลค่าหุ้นทางบัญชี 0.68 เท่า

บริษัทไม่มีขาดทุนสะสม

ก็ลองไปศึกษาต่อกันครับ

แต่ผมไม่ได้ถือหุ้นตัวนี้เลยนะครับ และไม่ได้บอกว่าเป็นหุ้นที่ดีอีกเช่นกันครับ เพียงแต่ตอบตามกรทู้นี้ครับ
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14784
ผู้ติดตาม: 1

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 20

โพสต์

อืม asl นี่ ทำไม ไม่เอาเงินสด มาซื้อหุ้นตัวเองนะนี่ คิดๆแล้ว ไปลงทุนอย่างอื่น จะดีกว่า ลงทุนกับตัวเองหรือ ณ เวลานี้

แค่ซื้อหุ้นตัวเอง 10 % กำไรก็เพิ่มแล้ว เพราะจำนวนหุ้นมาหาร eps น้อยลง ในขณะที่

ราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน ก็ยังต่ำกว่าเงินสดที่มี
thawattt
Verified User
โพสต์: 1141
ผู้ติดตาม: 0

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 21

โพสต์

คุณJeng
อืม asl นี่ ทำไม ไม่เอาเงินสด มาซื้อหุ้นตัวเองนะนี่ คิดๆแล้ว ไปลงทุนอย่างอื่น จะดีกว่า ลงทุนกับตัวเองหรือ ณ เวลานี้

แค่ซื้อหุ้นตัวเอง 10 % กำไรก็เพิ่มแล้ว เพราะจำนวนหุ้นมาหาร eps น้อยลง ในขณะที่

ราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน ก็ยังต่ำกว่าเงินสดที่มี
ระยะสั้น คงไม่สามารถทำให้กำไรเพิ่มขึ้นได้นะครับเพราะ
บริษัท หลักทรัพย์แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน)

                                                    ก่อนตรวจสอบ
                                                  (หน่วย : พันบาท)
                                                 สิ้นสุดวันที่  30 มิถุนายน
งบการเงินรวม
                                    ไตรมาสที่ 2          งวด 6 เดือน
             ปี                    2551        2550        2551        2550

  กำไร (ขาดทุน) สุทธิ                  0       46,562         0        (60,226)
  กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท)      0.00      0.0111       0.00       (0.0144)


 งบการเงินเฉพาะกิจการ
                                      ไตรมาสที่ 2         งวด 6 เดือน
             ปี                    2551        2550        2551        2550

  กำไร (ขาดทุน) สุทธิ              (135,807)    46,111        585      (60,868)
  กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท)    (0.0324)     0.011        0.0001    (0.0145)

จะเห็นได้ว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2  ออกมายังขาดทุนอยู่ และในงบดุลล่าสุด ทำให้มีขาดทุนสะสมเกิดขึ้น

ซึ่งทำให้แม้จะมีการซื้อหุ้นคืนกลับไป ก้ไม่ทำให้กำไรสุทธิดีขึ้น แต่กลับจะทำให้ตัวหารน้อยลง และทำให้ขาดทุนต่อหุ้นสูงยิ่งขึ้นครับ

ตัวนี้หากจะซื้อหุ้นคืนแล้วทำให้กำไรเพิ่มขึ้น ต้องแก้ไขปัญหาความเสี่ยงเรื่องผลการดำเนินงานก่อนให้มีกำไรสุทธิให้ได้

ต่อจากนั้นหากจะซื้อหุ้นคืน ตรงนี้จะช่วยทำให้ตัวหารน้อยลง กำไรต่อหุ้นจึงเพิ่มขึ้นได้ตามสมมุติฐานครับ

ตอนนี้ต้องพยายามแก้ไขผลงานให้ดีขึ้นให้ได้ และต้องทำให้เกิดกำไรสะสมก่อน เพราะตอนนี้ยังขาดทุนสะสมอยู่ แม้จะล้างขาดทุนสะสมไป 1 รอบเมื่อปีที่แล้วก็ตามครับ
thawattt
Verified User
โพสต์: 1141
ผู้ติดตาม: 0

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 22

โพสต์

อ้อที่สำคัญทำไมจึงมีกำไรสุทธิในไตรมาส 1 นะครับ

เนื่องจากเพิ่งมีการขายบริษัทหลักทรัพย์ในเครือออกไป ทำให้เกิดกำไรพิเศษเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่ผลการดำเนินงานจริง ๆ ยังลุ่ม ๆ ดอน ๆ

เท่าที่ดูงบเบื้องต้นในไตรมาส 2 นั้น ก็พบว่ามีปัญหาขาดทุนจากการซื้อขายหลักทรัพย์สูงถึง  111.40 ล้านบาท (แสดงให้เห็นว่ายังมีปัญหาในเรื่องการบริหารเงินสดเพื่อไปลงทุนหาประโยชน์)

มีหนี้สินและหนี้สงสัยจะสูญสูงถึง 59.28 ล้านบาท เนื่องจากมีลูกหนี้พ้นกำหนดชำระเพิ่มขึ้น    โดยบริษัทอยู่ระหว่างการติดตามให้ลูกหนี้มาชำระหนี้และ/หรือนำหลักประกันมาเพิ่ม

แต่ส่วนที่เป็นจุดเดนเพิ่งขึ้น ก็คือ มีค่านายหน้าเพิ่มสูงขึ้นมากในไตรมาส 2  เพิ่มขึ้นถึง ร้อยละ 40.09

มีกำไรจากการขายเงินลงทุนบริษัทย่อยที่กล่าวถึงที่เป็นรายการพิเศษครั้งเดียวเท่านั้น 151.40 ล้านบาท

และมีความคืบหน้าในการติดตามหนี้ค้างชำระได้บ้างและอยู่ระหว่างการฟ้องร้องจำนวนหนึ่ง ได้มาเท่าไรก็เป็นกำไรเพิมขึ้น เพราะส่วนนี้ตั้งสำรองไว้หมดแล้ว

ดูแล้วยังเหนื่อยเรื่องผลการดำเนินงานที่ต้องสร้างความสมดุลย์ของรายได้ค่านายหน้า และรายได้จากการลงทุน รวมถึงการติดตามหนี้ค้างชำระ และสุดท้ายยังมีขาดทุนสะสมอยู่ เพราะขาดทุนจากไตรมาส 2 ช่วงที่ผ่านมาครับ

เป็นข้อมูลประกอบครับ
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14784
ผู้ติดตาม: 1

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 23

โพสต์

ขอบคุณครับ คุณ thawattt

แสดงว่า asl เองก็ไม่มั่นใจว่า เงินที่มี จะมีค่าเท่ากับเงินที่มีใช่ปะ
thawattt
Verified User
โพสต์: 1141
ผู้ติดตาม: 0

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 24

โพสต์

คุณ Jeng
แสดงว่า asl เองก็ไม่มั่นใจว่า เงินที่มี จะมีค่าเท่ากับเงินที่มีใช่ปะ
ถูกต้องครับ

เพราะอยู่ที่บริษัทจะสามารถสร้างผลตอบแทนให้คุ้มค่าหรือไม่ และควรคุ้มค่ากว่าเงินเฟ้อด้วย

จะมีมูลค่ามาก หากสามารถบริหารเงินสดโดยการลงทุนและเพิ่มผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินเฟ้อ
จะเทากับเงินสดปัจจุบัน หากสามารถบริหารเงินสดโดยการลงทุนและเพิ่มผลตอบแทนที่เท่ากับเงินเฟ้อ

และ อาจด้อยค่าลง หากไม่สามารถบริหารเงินสดเพื่อสร้างผลตอบแทนให้มากกว่าเงินเฟ้อ และซ้ำร้าย หากบริหารเงินสดผิดพลาดจนเกิดผลขาดทุนมาก ก็จะทำให้เงินสดที่มีอยู่ ด้อยค่าไปเรื่อย ๆ จนไม่เหลือค่าก็ได้ครับ :lol:
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14784
ผู้ติดตาม: 1

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 25

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ถูกต้องครับ 

เพราะอยู่ที่บริษัทจะสามารถสร้างผลตอบแทนให้คุ้มค่าหรือไม่ และควรคุ้มค่ากว่าเงินเฟ้อด้วย 

จะมีมูลค่ามาก หากสามารถบริหารเงินสดโดยการลงทุนและเพิ่มผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินเฟ้อ 
จะเทากับเงินสดปัจจุบัน หากสามารถบริหารเงินสดโดยการลงทุนและเพิ่มผลตอบแทนที่เท่ากับเงินเฟ้อ 

และ อาจด้อยค่าลง หากไม่สามารถบริหารเงินสดเพื่อสร้างผลตอบแทนให้มากกว่าเงินเฟ้อ และซ้ำร้าย หากบริหารเงินสดผิดพลาดจนเกิดผลขาดทุนมาก ก็จะทำให้เงินสดที่มีอยู่ ด้อยค่าไปเรื่อย ๆ จนไม่เหลือค่าก็ได้ครับ 
อืม น่าสนใจ ข้อสรุปนี้ น่าจะมีโอกาสถูกเกิน 80 % อิอิ
thawattt
Verified User
โพสต์: 1141
ผู้ติดตาม: 0

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 26

โพสต์

คุณ Jeng
อืม น่าสนใจ ข้อสรุปนี้ น่าจะมีโอกาสถูกเกิน 80 % อิอิ
ขอบคุณครับ อิ อิ  :lol:

นอกจากข้อสรุปเบื้องต้นที่ผมสรุปเรื่องความเสี่ยงของการบริหารเงินสดไปแล้วครับ

หากคุณ Jeng จะต่อยอดจากคำถามนี้เพิ่มเติมก็คือ

แล้วผู้ถือหุ้นจะได้ประโยชน์อะไรจากเงินสดจำนวนมากนะครับ

แนวทางที่คนทั่วไปคิดก็คือ ให้ซื้อหุ้นคืน ให้จ่ายปันผลเพิ่มขึ้นตามผลประกอบการ หรือจะเสี่ยงไปลงทุนหาผลตอบแทนที่มากกว่าเงินเฟ้อ ซึ่งพิสูจน์ในหลายธุรกิจก็คือ หากฝ่ายบริหารไม่มีการเตรียมตัวในเรื่องการขยายงานที่ชัดเจน ก็มักจะนำเงินไปลงทุนไปหาผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่า สุดท้ายก็ขาดทุนจำนวนมากและด้อยค่าไปในที่สุด

ดังนั้น หากผู้ลงทุนรายย่อยร่วมกับผู้ถือหุ้นใหญ่อาจใช้วิธีการอีกวิธีหนึ่งนะครับที่จะช่วยสร้าง wealth ให้กับผู้ถือหุ้น ยิ่งหุ้นที่มีเงินสดมากเกินความจำเป็น และมีมูลค่าเงินสดสูงกว่ามูลค่าหุ้นตลาด หรือเกือบเท่ากับราคาตลาด

วิธีการนั้นก็คือ การลดทุนจดทะเบียนลงครับ แล้วนำเงินสดส่วนที่ลดทุนคืนกลับไปยังผู้ถือหุ้นทุกคน

ถามว่ากรณีดังกล่าวเกิดขึ้นหรือยัง

เกิดขึ้นหลายครั้งแล้วด้วย

ตัวอย่างคือ หุ้น KGI Zmico ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ รับเงินไปหลาย ๆ เลยครับ

หรือ กลุ่มสื่อสาร ล่าสุด คือ CSL รับทั้งปันผล และรับทั้งส่วนที่ลดทุนจดทะเบียนลงครับ

ถ้ายังไงคนที่ถือหุ้นที่มีเงินสดมาก ๆ เวลาเข้าประชุมผู้ถือหุ้น ก็ถามแผนการลงทุนจากผู้บริหารด้วย หากไม่มีแผนการลงทุนชัดเจน หรือเห็นว่าเอาเงินสดเก็บไว้ที่บริษัทมีแต่ด้อยค่าเพราะเอาไปฝากเงินไว้ที่ธนาคาร

ก็ให้ฝ่ายบริหารวางแผนการใช้เงินสดเท่าที่จำเป็นต่อการขยายงานในอนาคต บวกเรื่องความมั่นคงสภาพคล่องส่วนหนึ่งที่อาจ Bechmark กับอุตสาหกรรม เพื่อดูว่ามีความจำเป็นต้องใช้เงินสดเท่าไร

ส่วนที่เหลือก็ขอมติผู้ถือหุ้น ลดทุนจดทะเบียนซะเลย ก็จะได้เงินสดคืนกลับมาที่ผู้ถือหุ้นทุกคน แบบนี ก็ Win Win และถ้าหากเราไปพบว่าผู้บริหารเป็นผู้ถือหุ้นร่วมอยู่ด้วย แบบนี้มีโอกาสสำเร็จ เพราะเขาเอาก็ได้ประโยชน์ด้วย อย่าลืมไปดูว่าผู้บริหารถือหุ้นอยู่ด้วยรึเปล่านะครับ :lol:
thawattt
Verified User
โพสต์: 1141
ผู้ติดตาม: 0

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 27

โพสต์

เอาตัวอย่างการลดทุนมาให้ดูครับ หุ้น CSL รับส่วนต่างการลดทุนจดทะเบียนกลับไป จากมูลค่า PAR 1 บาท เหลือ .25 บาทต่อหุ้น ส่วนต่าง 0.75 บาทต่อหุ้น ก็คืนกลับไปที่ผู้ถือหุ้นทุกคนครับ สบายใจไปเลย สูงกว่ารับปันผลแต่ละปีอีกด้วย ที่สำคัญ พอคืนทุนกลับไป ก็ทำให้ส่วนของทุนลดลง หากสามารถทำกำไรได้เท่าเดิม ROE ก็สะท้อนผลงานที่ดียิ่งขึ้นด้วย เพราะใช้ส่วนของทุนอย่างคุ้มค่า ไม่เหลือสินทรัพย์ที่เกินความจำเป็นคือเงินสดเก็บไว้ที่บริษัทมากเกินควรครับ ไปลุ้นกันที่การประชุมผู้ถือหุ้นครั้งถัดไปของหุ้นตัวอื่น ๆ กันด้วยนะครับ อาจได้ปันผลจากส่วนต่างกำไรเพิ่มจากปันผลปกตินะครับ

ที่ CSL-CP 050/2551
                                                            20 มิถุนายน 2551

เรื่อง        แจ้งวันสุดท้ายของการได้รับสิทธิคืนทุน

เรียน        กรรมการและผู้จัดการ
           ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

           ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการของ บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) ("บริษัท") ครั้งที่ 6/2551    
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2551 ได้กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้นในการรับเงินคืนทุน
ค่าหุ้นจำนวน 0.75 บาทต่อหุ้น (ก่อนหักภาษี)
ในวันที่ 26 มิถุนายน 2551 ตั้งแต่เวลา 12.00 น. และกำหนดวันคืนเงิน
ให้กับผู้ถือหุ้น ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2551 นั้น

           บริษัทขอแจ้งว่า ในวันที่ 20 มิถุนายน 2551 เป็นวันสุดท้ายที่ผู้ที่ซื้อหุ้นสามัญของบริษัทจะมีสิทธิได้รับเงิน
คืนทุนดังกล่าว

             จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

                                                              ขอแสดงความนับถือ


                                                             (นายอนันต์ แก้วร่วมวงศ์)
                                                                กรรมการผู้จัดการ
                                                       บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน)
thawattt
Verified User
โพสต์: 1141
ผู้ติดตาม: 0

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 28

โพสต์

ส่วน Case zmico ผมลงผิดไปหน่อยคือ เป็นกรณีที่บริษัทจ่ายปันผลเพิ่มจากกำไรสะสม เพราะผู้ถือหุ้นเห็นว่า ฝ่ายบริหารเก็บเงินสดไว้กับบริษัทเกินความจำเป็น ก็เลยขอมติผู้ถือหุ้นจ่ายปันผลเพิ่มจากส่วนของกำไรสะสม ไม่ใช่เป็นการลดทุนจดทะเบียนลง ซึ่งเป็นอีกกรณีที่มีกำไรสะสมเก็บไว้มากเกินไป ก็เอามาจ่ายปันผลเพิ่มได้ครับ

ปีที่แล้วทำวิธีนี้สามารถรับปันผลหุ้นละ 0.50 บาทต่อหุ้น จากเดิมปีก่อนหน้าที่รับปันผลประมาณ 0.1690 บาทต่อหุ้น

เป็นอีก Case ที่ผู้ถือหุ้นรับเงินเพิ่มครับ แต่ต้องอาศัยมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น โดยต้องร่วมกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ด้วยนะครับ
thawattt
Verified User
โพสต์: 1141
ผู้ติดตาม: 0

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 29

โพสต์

สำหรับ ตัวอย่าง KGI ครับ

เกิดขึ้นเมื่อปี 2546 เดือนมกราคม ลองไปดู 56-1 ส่วนของลักษณะประกอบธุรกิจ ไล่ดูประวัติจะเห็นข้อมูลนี้นะครับ

3.     อนุมัติแผนการปรับโครงสร้างทุนของบริษัทฯ ดังนี้

 อนุมัติการลดทุนของบริษัทฯ โดย (ก) ลดทุนชำระแล้วจาก 30,732 ล้านบาท เป็น 23,049 ล้านบาท และ (2) ลดทุนชำระแล้วจาก 17,333 ล้านบาท เป็น 12,999 ล้านบาท โดยการลดมูลค่าที่ตราไว้จากหุ้นละ 10 บาท เป็นหุ้นละ 7.50 บาท และคืนทุนจำนวน 2.50 บาทต่อหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกรายตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ถืออยู่


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้อนุมัติการลดทุนของบริษัทฯและไม่มีเจ้าหนี้รายใดคัดค้านการลดทุนดังกล่าว บริษัทฯ จึงได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนกับกระทรวงพาณิชย์เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2546

แต่กรณีของ KGI นั้นมีลักษณะพิเศษก็คือ บริษัทมีขาดทุนสะสมจำนวนมาก และมีการเพิ่มทุนมาโดยตลอด ต่อมาจึงหาทางเพิ่มผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น โดยการลดทุนจดทะเบียนลง ทำให้สามารถจ่ายคืนทุนกลับผู้ถือหุ้นได้คนละ 2.50 บาทต่อหุ้น จาก PAR 10 บาทครับ

เอามาเป็นกรณีศึกษาดูกันนะครับ

ดังนั้น ยังพอมีทางออกบ้างสำหรับ บริษัทที่มีเงินสดจำนวนมากเกินความจำเป็น แม้ว่าจะมีผลการขาดทุนสะสมอยู่นะครับ เอากรณี KGI เป็นตัวอย่างได้ครับ
thawattt
Verified User
โพสต์: 1141
ผู้ติดตาม: 0

บริษัทไหนมีเงินเยอะ และมีความรู้ในการลงทุน

โพสต์ที่ 30

โพสต์

case นี้ก็แปลกครับ อยากจ่ายปันผลแต่จ่ายไม่ได้ ทั้งที่ผลประกอบการปัจจุบันมีกำไร ก็เลยใช้วิธีการลดทุนจดทะเบียน แล้วเอาส่วนต่างของทุนจดทะเบียนแทนที่จะจ่ายคืนผู้ถือหุ้น ก็เอามาล้างส่วนขาดทุนที่เกิดจากการการจำหน่ายหุ้นในราคาต่ำกว่า PAR แล้วจึงเริ่มจ่ายปันผลได้ครับ

วันที่ 10 สิงหาคม 2550
     
      เรื่อง  แจ้งมติกรรมการ- ลดทุนจดทะเบียน
     
      เรียน  กรรมการและผู้จัดการ
            ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
     
            บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) ขอแจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2550
      เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2550 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน)
      เลขที่ 51/29 หมู่ที่ 3 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพ ดังนี้
     
      1. จากผลการดำเนินงานของบริษัท สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2550 บริษัทมีผลกำไรสุทธิ จำนวนเงิน 74.8
         ล้านบาท มีเงินสด และเงินลงทุนชั่วคราว รวมเป็นจำนวนเงิน 79.4 ล้านบาท โดยไม่มีหนี้สิน ซึ่งคณะ-
         กรรมการเห็นว่าบริษัทมีผลกำไรเพียงพอที่จะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลได้  แต่เนื่องจากมีประกาศของ
         สภาวิชาชีพฉบับที่ 8/2550 ลงวันที่ 14 พฤษภาคม 2550ระบุว่าหากบริษัทจะจ่ายเงินปันผลในกรณีที่บริษัท
         มีส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้น  ให้บริษัทกันกำไรสะสมไม่น้อยกว่าส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้นเสียก่อน ซึ่งบริษัทฯมีส่วนต่ำ
         กว่ามูลค่าหุ้น จำนวน 1,164,719,073.80 บาท คณะกรรมการจึงได้พิจารณาแล้วมีมติให้ดำเนินการลด
         ทุนจดทะเบียน โดยการลดจำนวนหุ้นจาก 3 หุ้นเดิมเป็น 1 หุ้นใหม่ อันจะทำให้จำนวนหุ้นเดิม
         1,546,230,604 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เหลือจำนวนหุ้นใหม่ 515,410,201 หุ้น มูลค่าที่ตรา
         ไว้หุ้นละ 1 ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ ไม่มีส่วนต่ำมูลค่าหุ้นและยังมีกำไรสะสมเหลือ อีก 107,781,571.05
         บาท ดังนั้นบริษัทฯ สามารถจ่ายเงินปันผลได้ ซึ่งคณะกรรมการจะได้พิจารณาการจ่ายเงินปันผลระหว่าง-
         กาลอีกครั้งหลังการดำเนินการลดทุนจดทะเบียนเสร็จสิ้น
กรณีที่การลดสัดส่วนจำนวนหุ้นตามอัตราส่วนข้างต้น
         ทำให้มีเศษหุ้นสามัญที่เกิดจากการคำนวณให้ดำเนินการดังนี้
         1.1. กรณีที่การลดสัดส่วนการถือหุ้นตามอัตราส่วนดังกล่าว  ทำให้มีเศษหุ้นสามัญที่เกิดจากการคำนวณเป็น
              จำนวนน้อยกว่า 0.5 หุ้น เช่น นาย ก. มีหุ้นเดิม 7 หุ้น คำนวณตามอัตราส่วนจำนวน 3 หุ้น : 1
              หุ้นใหม่ได้ 2.33 จะมีหุ้นคงเหลือ 2 หุ้น/หรือ
         1.2. กรณีที่การลดสัดส่วนการถือหุ้นตามอัตราส่วนดังกล่าวทำให้มีเศษหุ้นสามัญที่เกิดจาการคำนวณเป็นจำนวน
              มากกว่า 0.5 หุ้น ให้ปัดขึ้นให้เป็นจำนวนเต็มหน่วยที่ใกล้ที่สุด โดยหุ้นที่นำมาเติมเศษให้เป็นจำนวนเต็ม
              หน่วยที่ใกล้ที่สุดนั้นจะเป็นหุ้นที่นำมาปัดลงในข้อ 1 เช่น นาย ข. มีหุ้นเดิม 8 หุ้น คำนวณตามอัตราส่วน
              จำนวน 3 หุ้น : 1 หุ้นใหม่ ได้ 2.67 จะมีหุ้นคงเหลือ 3 หุ้น
         1.3. ในกรณีที่มีส่วนที่ขาดหรือเกินภายหลังจากการดำเนินการตามข้อ 1.1 และ 1.2 แล้ว  และมีส่วนที่ขาด
              หรือเกินจากจำนวน 515,410,201 หุ้น ให้ขอจากหรือถือเป็นของ นายวีระ  เหล่าวิทวัส ซึ่งเป็นประ-
              ธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทฯ
         1.4. การปิดสมุดทะเบียนเพื่อกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะถูกลดทุนและกำหนดวันพักการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท
              จนกว่าจะดำเนินการลดทุนแล้วเสร็จนั้นคณะกรรมการจะมีการพิจารณาและจะแจ้งมติดังกล่าวให้ทราบต่อไป
      2. พิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิ ข้อ4 เพื่อให้สอดคล้องกับการลดทุนจดทะเบียนคณะกรรมการมีมติให้แก้ไข
         เพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิข้อ 4 เกี่ยวกับเรื่องทุนจดทะเบียนเพื่อให้สอดคล้องการลดทุนและเพื่อให้เป็นไปตามพระ-
         ราชบัญญัติ บริษัทมหาชน จำกัด เป็นดังนี้
         ทุนจดทะเบียนจำนวน   515,410,201      บาท    (ห้าร้อยสิบห้าล้านสี่แสนหนึ่งหมื่นสองร้อยหนึ่งบาทถ้วน)
         แบ่งออกเป็น         515,410,201      หุ้น     (ห้าร้อยสิบห้าล้านสี่แสนหนึ่งหมื่นสองร้อยหนึ่งหุ้น)
         มูลค่าหุ้นละ                    1      บาท    (หนึ่งบาท)
         โดยแบ่งออกเป็น
         หุ้นสามัญ            515,410,201      หุ้น     (ห้าร้อยสิบห้าล้านสี่แสนหนึ่งหมื่นสองร้อยหนึ่งหุ้น)
         หุ้นบุริมสิทธิ                  ไม่มี      หุ้น     (-)
      3. มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติให้กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2550 ในวันที่ 10 กันยายน 2550 เวลา 15.00น.
         ณ โรงแรมโซฟิเทลเซ็นทรัล ลาดพร้าว โดยมีวาระการประชุม ดังนี้
            วาระที่  1  รับรองรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2550
            วาระที่ 2  พิจารณาอนุมัติเรื่องการลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ
            วาระที่ 3  พิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิ ข้อ 4 เพื่อให้สอดคล้องกับการลด
                                          ทุนจดทะเบียน
            วาระที่ 4  พิจารณาอนุมัติการนำกำไรสะสม ไปชดเชยส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้น เป็นจำนวน              
                            เงิน 133,898,670.80 บาท
            วาระที่ 5  พิจารณาเรื่องอื่นๆ ถ้ามี
      4. มีมติอนุมัติวันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่
         1/2550 ตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2550 เวลา 12.00 น. จนกว่าการประชุมดังกล่าวจะแล้วเสร็จ
           
                จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
                                                        ขอแสดงความนับถือ
     
     
                                                      (นายวีระ  เหล่าวิทวัส)
                                                      ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

ผลของการทำวิธีนี้ก็คือ
ปี 2550 สามารถจ่ายปันผลได้เพิ่มเติม 0.12 บาท และ 0.13 บาทต่อหุ้นได้ในที่สุดครับ

อย่างว่า ปัญหาทุกอย่างมีคำตอบได้เหมือนกันครับ เอามาเป็นตัวอย่างกรณีศึกษาอีก 1 เรื่องครับ
โพสต์โพสต์