รบกวนถามพี่ๆ Mon money, chatchai, ลูกอีสาน และท่านอื่นๆคับ
- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 531
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามพี่ๆ Mon money, chatchai, ลูกอีสาน และท่านอื่นๆคับ
โพสต์ที่ 1
อยากทราบความคิดตอนที่พี่ๆตัดสินใจออกจากงานประจำมาเป็นนักลงทุนเต็มตัวคับ อะไรเป็นที่มาของการตัดสินใจคับ รู้สึกอย่างไร กลัวไหมคับที่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนในตลาด และก็ไม่มีรายได้ประจำ ห่วงไหมคับกับคนที่อยู่ข้างหลัง อะไรเป็นแรงผลักดัน และพี่ๆมีการวางแผนรับมือกับการตัดสินใจนี้อย่างไรถ้ามันไม่เป็นไปตามที่คิด ความรู้ ประสบการณ์ และเงินทุน เป็นสิ่งจำเป็นในการเป็นนักลงทุน แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราสามารถจะเป็นนักลงทุนที่ดีได้ อะไรเป็นสิ่งที่บอกพี่ๆว่าพร้อมแล้วคับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
Re: รบกวนถามพี่ๆ Mon money, chatchai, ลูกอีสาน และท่านอื่นๆค
โพสต์ที่ 2
Tibular เขียน:อยากทราบความคิดตอนที่พี่ๆตัดสินใจออกจากงานประจำมาเป็นนักลงทุนเต็มตัวคับ อะไรเป็นที่มาของการตัดสินใจคับ รู้สึกอย่างไร กลัวไหมคับที่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนในตลาด และก็ไม่มีรายได้ประจำ ห่วงไหมคับกับคนที่อยู่ข้างหลัง อะไรเป็นแรงผลักดัน และพี่ๆมีการวางแผนรับมือกับการตัดสินใจนี้อย่างไรถ้ามันไม่เป็นไปตามที่คิด ความรู้ ประสบการณ์ และเงินทุน เป็นสิ่งจำเป็นในการเป็นนักลงทุน แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราสามารถจะเป็นนักลงทุนที่ดีได้ อะไรเป็นสิ่งที่บอกพี่ๆว่าพร้อมแล้วคับ
ตอนตัดสินใจมาลงทุนอย่างเดียว ผมใช้เวลาตัดสินใจไม่นานเลยครับ ไม่ใช่เพราะทนงว่าฝืมือตัวเองดีอะไร
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- hagrid
- Verified User
- โพสต์: 566
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามพี่ๆ Mon money, chatchai, ลูกอีสาน และท่านอื่นๆคับ
โพสต์ที่ 3
คุณลูกอีสานตอบได้ดีเยี่ยมเลยครับ
ขอยอมรับว่าขณะนี้ผมก็กำลังจะตัดสินใจเลิกทำงานประจำอยู่พอดี
เกณฑ์ที่คุณลูกอีสานให้มาผมก็น่าจะผ่านทั้ง 4 ข้อ
แต่ยังกังวลใจเรื่อง เงินเฟ้อในขณะนี้อยู่ เนื่องจากส่วนตัวไม่เคยผ่าน
ช่วงเงินเฟ้อสูงๆ เลยตั้งแต่จบออกมาทำงาน เลยไม่แน่ว่ารายได้
จากการลงทุนที่คิดว่าเหลือเฝือ จะเพียงพอในอนาคตอีกนานหรือเปล่า
ผมเคย PM ถามคุณ chatchai เรื่องนี้ คุณ chatchai ให้ความคิดเห็นว่า
ถ้าลงทุนในบริษัทที่ดี(ปรับราคาสินค้าได้) ก็จะเอาชนะเงินเฟ้อได้ และ
ดีกว่ารายได้จากงานประจำ ซึ่งน่าจะปรับไม่ทันเงินเฟ้อ
ไม่ทราบว่าคุณลูกอีสานมีมุงมองเรื่องเงินเฟ้ออย่างไรบ้างครับ
ปล.ขอบคุณเจ้าของกระทู้นะครับ ที่ถามคำถามที่ผมอยากถามพอดี
ขอยอมรับว่าขณะนี้ผมก็กำลังจะตัดสินใจเลิกทำงานประจำอยู่พอดี
เกณฑ์ที่คุณลูกอีสานให้มาผมก็น่าจะผ่านทั้ง 4 ข้อ
แต่ยังกังวลใจเรื่อง เงินเฟ้อในขณะนี้อยู่ เนื่องจากส่วนตัวไม่เคยผ่าน
ช่วงเงินเฟ้อสูงๆ เลยตั้งแต่จบออกมาทำงาน เลยไม่แน่ว่ารายได้
จากการลงทุนที่คิดว่าเหลือเฝือ จะเพียงพอในอนาคตอีกนานหรือเปล่า
ผมเคย PM ถามคุณ chatchai เรื่องนี้ คุณ chatchai ให้ความคิดเห็นว่า
ถ้าลงทุนในบริษัทที่ดี(ปรับราคาสินค้าได้) ก็จะเอาชนะเงินเฟ้อได้ และ
ดีกว่ารายได้จากงานประจำ ซึ่งน่าจะปรับไม่ทันเงินเฟ้อ
ไม่ทราบว่าคุณลูกอีสานมีมุงมองเรื่องเงินเฟ้ออย่างไรบ้างครับ
ปล.ขอบคุณเจ้าของกระทู้นะครับ ที่ถามคำถามที่ผมอยากถามพอดี
-
- Verified User
- โพสต์: 366
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รบกวนถามพี่ๆ Mon money, chatchai, ลูกอีสาน และท่านอื่นๆค
โพสต์ที่ 4
ผมขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนะครับ
ถ้า คิด แล้วลงมือทำ แสดงว่าพร้อมแล้ว
แต่ถ้า คิด แล้วยังไม่ทำ แสดงว่ายังไม่พร้อม
ทั้งนี้ (ในความคิดเห็น) ผู้ลงทุนควรมีรายได้มาจากการลงทุนในหลายๆ ช่องทางด้วยครับ เพื่อลดแรงกดดันจากการคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนเพียงช่องทางเดียว
สิ่งที่บอกว่าตัวเราเองพร้อมหรือไม่อย่างไร ก็คือ การตัดสินใจลงมือทำTibular เขียน:อะไรเป็นสิ่งที่บอกพี่ๆว่าพร้อมแล้วคับ
ถ้า คิด แล้วลงมือทำ แสดงว่าพร้อมแล้ว
แต่ถ้า คิด แล้วยังไม่ทำ แสดงว่ายังไม่พร้อม
ผมลาออกจากงานประจำ มาทำงานให้กับตัวเอง ... สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจออกจากงานประจำเพราะ ต้องการอิสระทางด้านการใช้เวลา และคาดการณ์ไว้ว่าในอนาคตจะทำให้มีเงินเพิ่มมากขึ้นTibular เขียน:อยากทราบความคิดตอนที่พี่ๆ ตัดสินใจออกจากงานประจำมาเป็นนักลงทุนเต็มตัวคับ
ทั้งนี้ (ในความคิดเห็น) ผู้ลงทุนควรมีรายได้มาจากการลงทุนในหลายๆ ช่องทางด้วยครับ เพื่อลดแรงกดดันจากการคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนเพียงช่องทางเดียว
- Juninho
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1054
- ผู้ติดตาม: 1
รบกวนถามพี่ๆ Mon money, chatchai, ลูกอีสาน และท่านอื่นๆคับ
โพสต์ที่ 5
ขอถามคุณ ลูกอีสาน เพิ่มอีก 2 ข้อนะครับ
1.ปีที่พี่ลงทุนได้ไม่ดี พี่เครียด หรือว่ากดดันไหมครับ
ยิ่งพี่ที่ลงทุนอย่างเดียว
2.แล้ว หลัง ๆ พ่อแม่แฟนเขายอมรับหรือครับ
(ศึกษาเผื่อไว้ในอนาคต)
1.ปีที่พี่ลงทุนได้ไม่ดี พี่เครียด หรือว่ากดดันไหมครับ
ยิ่งพี่ที่ลงทุนอย่างเดียว
2.แล้ว หลัง ๆ พ่อแม่แฟนเขายอมรับหรือครับ
(ศึกษาเผื่อไว้ในอนาคต)
You Can Get It If You Really Want
But you must try, try and try
But you must try, try and try
-
- Verified User
- โพสต์: 393
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามพี่ๆ Mon money, chatchai, ลูกอีสาน และท่านอื่นๆคับ
โพสต์ที่ 6
ขอบคุณคุณลูกอีสานที่ช่วยแชร์น่ะครับ
- SunShine@Night
- Verified User
- โพสต์: 2196
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามพี่ๆ Mon money, chatchai, ลูกอีสาน และท่านอื่นๆคับ
โพสต์ที่ 8
พี่ลูกอีสานมีอะไรดีๆ มาฝากคนในเวบอีกแล้ว
ขอบคุณนะครับ
ขอบคุณนะครับ
VI ฝึกหัด สำนักปีเตอร์ ลินช์
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
- Luty97
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1552
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามพี่ๆ Mon money, chatchai, ลูกอีสาน และท่านอื่นๆคับ
โพสต์ที่ 10
อ่านข้อความพี่ลูกอีสาน ดีๆครับ ผมว่าคุณเข้าใจผิด :)pornchal เขียน:ไม่ได้กวนนะ สมมุติว่า ผมมีรายได้ เงินเดือน 100,000 บาท
พอร์ทผม ก้อต้อง 20,000,000 บาท เลยหรอ
แล้วผมจะเอาปัญญาที่ไหนไปหา 20 ล้านละนี่ อดเป็นนักลงทุนมืออาชีพเลย
เศร้า
หลักของความสมดุล
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
รบกวนถามพี่ๆ Mon money, chatchai, ลูกอีสาน และท่านอื่นๆคับ
โพสต์ที่ 11
ข้อเขียนของพี่ลูกอีสานนี่เฉียบคมตลอดจริงๆ.. ยิ่งอ่านแล้วก็ยิ่งได้ idea ที่เพิ่มเรื่อยๆ
ผมเองก็ออกมาลงทุนเป็นอาชีพได้พักนึงแล้วเหมือนกัน จะขอยืมตอบในมุมของพี่ลูกอีสานนะครับ
พอดีว่าช่วงที่ผมเรียนโทอยู่ ผมก็ไม่ได้ทำงานอะไร อาศัยว่าใช้เงินทุนกินไปเรื่อยๆ ตอนเริ่มเรียน port ก็ยังไม่ถึงจุดที่จะเป็นนักลงทุนอาชีพได้ ระหว่างเรียนไปก็ยังตั้งใจครับว่าเรียนจบปุ๊บก็จะออกไปหางาน ระหว่างเรียนอยู่เองก็มีสมัครงานไว้บ้าง สัมภาษณ์งานไว้บ้าง แต่จังหวะช่วงที่ผมเรียนจบ port การลงทุนมันก็โตขึ้นค่อนข้างเร็ว ทำให้พอถึงเวลาเรียนจบออกมาจริงๆแล้ว ผมก็เลยไม่ได้หางานต่อ
ที่บ้านก็มีธุรกิจอยู่ รวมถึงผมก็ยังมองว่าถ้าพลาดยังไง ผมเองก็ไม่ได้มีรายจ่ายอะไรเยอะมาก.. ถ้าหมดตัวจริงๆ ก็คงออกไปหางานได้ไม่ยาก คงจะเอาตัวรอดไปได้โดยไม่ได้เดือดร้อนมาก
- เรื่องถูกมองเป็นคนขี้เกียจ นี่ผมว่าก็มีส่วนจริง :lol: (เหมือนพี่ลูกอีสาน)
- ส่วนเรื่องสังคม ตอนนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผม concern มากที่สุดครับ ก่อนตัดสินใจจริงๆก็คิดหนักอยู่เหมือนกันว่าถ้าลงทุนอย่างเดียวนี่เพื่อนจะน้อยลงมากมั๊ย จะเบื่อมั๊ยจะเหงามั๊ย... แต่ช่วงที่ใกล้จะออกมาลงทุนจริงๆ เริ่มเห็นเพื่อนๆนักลงทุนรุ่นใกล้ๆกัน ลงทุนเป็นอาชีพมากขึ้นเรื่อยๆ เลยคิดว่าปัญหาตรงนี้คงไม่หนักหนามาก.. แล้วพอออกมาลงทุนจริงๆกลับกลายเป็นว่าเรามีเวลามากขึ้น การออกไปพบปะสังคมใหม่ๆก็มากขึ้น รู้สึกคล้ายๆกะพี่ลูกอีสานครับว่าเพื่อนที่ Hang out ด้วยกันบ่อยๆนี่เยอะกว่าทำงานประจำซะอีก
โดยสรุปแล้วหลังจากที่ผมออกมาลงทุนอย่างเดียวเป็นเวลาประมาณ 1 ปี ก็ไม่รู้สึกเสียดายครับที่ตัดสินใจไป แต่ของอย่างนี้ก็คงต้องใช้เวลาพิสูจน์อีกหลายปีครับ :D
ผมเองก็ออกมาลงทุนเป็นอาชีพได้พักนึงแล้วเหมือนกัน จะขอยืมตอบในมุมของพี่ลูกอีสานนะครับ
port ลงทุนที่ผมเคยคิดว่าจะออกลงทุนอย่างเดียวก็คิดโดยใช้หลักการคล้ายๆกันนะครับ คือรายได้จากเงินปันผลอย่างเดียวควรจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายได้ครบ โดยประเมินว่าเงินปันผลน่าจะได้แบบ safeๆ ประมาณ 5% ต่อปี หรือคิดเป็นเงินลงทุน 240 เท่าของรายจ่าย แต่ผมมองว่ารายจ่ายนี้ควรจะเป็นรายจ่ายในระยะยาว คือหลังจากคำนึงถึงเวลาที่มีครอบครัว เลี้ยงลูกเลี้ยงเมียได้ด้วย.. ผมไม่ใช่คนที่สุรุยสุร่ายมาก แต่ก็ไม่ใช่คนที่ประหยัดมากมาย ผมประเมินรายจ่ายระยะยาวของผมไว้ที่เดือนละ ประมาณ 100,000 บาท (เยอะหน่อย แต่ผมคิดว่าเผื่อไว้ก่อนเป็นดี) เพราะงั้นผมจะต้องมี port ลงทุนอย่างต่ำคือ 24 ล้านบาท1.พอร์ตเงินลงทุนไม่ควรต่ำกว่า 200 เท่าของรายจ่ายประจำต่ำเดือน
พอดีว่าช่วงที่ผมเรียนโทอยู่ ผมก็ไม่ได้ทำงานอะไร อาศัยว่าใช้เงินทุนกินไปเรื่อยๆ ตอนเริ่มเรียน port ก็ยังไม่ถึงจุดที่จะเป็นนักลงทุนอาชีพได้ ระหว่างเรียนไปก็ยังตั้งใจครับว่าเรียนจบปุ๊บก็จะออกไปหางาน ระหว่างเรียนอยู่เองก็มีสมัครงานไว้บ้าง สัมภาษณ์งานไว้บ้าง แต่จังหวะช่วงที่ผมเรียนจบ port การลงทุนมันก็โตขึ้นค่อนข้างเร็ว ทำให้พอถึงเวลาเรียนจบออกมาจริงๆแล้ว ผมก็เลยไม่ได้หางานต่อ
ณ เวลาที่ผมเรียนจบและออกมาลงทุน ผมมีประสบการณ์มาประมาณ 4.5 ปี .. ตอนนั้นก็คิดเหมือนกันครับว่าประสบการณ์ของตัวเองเพียงพอรึเปล่า เพราะที่ผ่านมาก็ลงทุนในปีที่ตลาดไม่ได้แย่มาก คือไม่ได้ผ่านวิกฤตมา แต่ก็หลอกๆตัวเองเหมือนกันว่าเราน่าจะเอาตัวรอดได้ ถ้าวิกฤตมาเยือนจริงๆ2.ต้องพอจะมีประสบการณ์ลงทุนระดับนึง ลงทุนมาแล้วอย่างน้อย 5 ปี และผลตอบแทนควรชนะตลาดอย่างมีนัยสำคัญ
โค้ด: เลือกทั้งหมด
3.เพื่อเพิ่มความแน่นอนอีกระดับ ถึงเราจะขาดทุนหุ้นหมดตัวก็ยังมีข้าวกิน เช่น มีรายได้ทางอื่นเช่นค่าเช่า ภรรยายังมีรายได้ประจำ ยังมีพ่อแม่จุนเจือ จะลดความกดดันไปได้เยอะครับ
- พอดียังไม่ได้ขอสาวแต่งงาน ปัญหาเรื่องนี้ก็ตกไป ไม่เคยได้คิดเลย4.แรงกดดันทางสังคม ถ้าเรากำลังจะขอสาวแต่งงาน อย่าเพิ่งไปบอกพ่อแม่ฝ่ายหญิงนะครับ ว่าเราเล่นหุ้นกิน จะไม่มีใครยกลูกสาวให้ สังคมยังไม่ยอมรับว่าอาชีพนี้จะยั่งยืนเลี้ยงชีพได้ แถมถูกมองว่าเป็นคนขี้เกียจ (ก็มีส่วนจริง ) นอกจากนั้นยังไม่ค่อยมีสังคมเพื่อนฝูงเหมือนทำงานประจำครับ (แต่นี่ไม่จริงเสมอไป ขึ้นอยู่กับอุปนิสัยแต่ละคนด้วย อย่างผมมีเพื่อนมากกว่าตอนทำงานประจำเสียอีก)
- เรื่องถูกมองเป็นคนขี้เกียจ นี่ผมว่าก็มีส่วนจริง :lol: (เหมือนพี่ลูกอีสาน)
- ส่วนเรื่องสังคม ตอนนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผม concern มากที่สุดครับ ก่อนตัดสินใจจริงๆก็คิดหนักอยู่เหมือนกันว่าถ้าลงทุนอย่างเดียวนี่เพื่อนจะน้อยลงมากมั๊ย จะเบื่อมั๊ยจะเหงามั๊ย... แต่ช่วงที่ใกล้จะออกมาลงทุนจริงๆ เริ่มเห็นเพื่อนๆนักลงทุนรุ่นใกล้ๆกัน ลงทุนเป็นอาชีพมากขึ้นเรื่อยๆ เลยคิดว่าปัญหาตรงนี้คงไม่หนักหนามาก.. แล้วพอออกมาลงทุนจริงๆกลับกลายเป็นว่าเรามีเวลามากขึ้น การออกไปพบปะสังคมใหม่ๆก็มากขึ้น รู้สึกคล้ายๆกะพี่ลูกอีสานครับว่าเพื่อนที่ Hang out ด้วยกันบ่อยๆนี่เยอะกว่าทำงานประจำซะอีก
โดยสรุปแล้วหลังจากที่ผมออกมาลงทุนอย่างเดียวเป็นเวลาประมาณ 1 ปี ก็ไม่รู้สึกเสียดายครับที่ตัดสินใจไป แต่ของอย่างนี้ก็คงต้องใช้เวลาพิสูจน์อีกหลายปีครับ :D
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามพี่ๆ Mon money, chatchai, ลูกอีสาน และท่านอื่นๆคับ
โพสต์ที่ 14
ขอบคุณครับน้องลูกอีสาน :D
อืม ข้อ1 พอร์ตต้องมี200เท่ารายจ่ายประจำเดือน
ข้อนี้ไม่ผ่านได้แค่100เท่า
ดีว่าปัจจุบันมีข้อ3 ภรรยายังมีรายได้ประจำ ช่วยไว้
หากคิดถึงอนาคต ที่ภรรยาไม่ได้ทำงานแล้ว
หากไม่ทำพอร์ตใหญ่ขึ้น ก็ต้องลดค่าใช้จ่าย
ไม่ลง ชีวิตผมยังยืนอยู่บนเส้นด้ายแท้ๆ :lol:
อืม ข้อ1 พอร์ตต้องมี200เท่ารายจ่ายประจำเดือน
ข้อนี้ไม่ผ่านได้แค่100เท่า
ดีว่าปัจจุบันมีข้อ3 ภรรยายังมีรายได้ประจำ ช่วยไว้
หากคิดถึงอนาคต ที่ภรรยาไม่ได้ทำงานแล้ว
หากไม่ทำพอร์ตใหญ่ขึ้น ก็ต้องลดค่าใช้จ่าย
ไม่ลง ชีวิตผมยังยืนอยู่บนเส้นด้ายแท้ๆ :lol:
==หากบริษัทไม่ได้อยู่ในตลาดฯ หุ้นยังน่าซื้อหรือไม่ ==
- krisy
- Verified User
- โพสต์: 736
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามพี่ๆ Mon money, chatchai, ลูกอีสาน และท่านอื่นๆคับ
โพสต์ที่ 16
ขอบคุณทั้งพี่ลูกอิสานและคุณโยโย่ที่แชร์นะคะ
เราว่าข้อ 1 กับ 2 หินพอดูนะคะ และทำให้ฝันของนักลงทุนหลายท่านทลายลงมาอยู่ที่ความเป็นไปได้จริงมากขึ้น อย่างตัวเราเองเนี่ย ก็มีแต่คนวาดฝันให้ว่า มันเป็นไปได้จริงนะที่จะออกมาลงทุนอย่างเดียว อย่าไปทำงานให้เหนื่อยเลย แต่สงสัยจะ conservative ไปหน่อย เราคิดว่าไม่ทำงานจะเอาเงินที่ไหนมาขยาย port กันหนอ เพราะมือใหม่มักมาพร้อมข้อจำกัดทางการเงิน กว่าจะรอให้ปันผลออกมา cover ค่าใช้จ่ายอาจจะต้องอดข้าวและอดบริโภคความสุขอย่างอื่น (แม้ข้อ 3 และ 4 เราจะผ่านฉลุย แต่จะให้พึ่งแต่พ่อแม่ได้อย่างไร โตโตกันแล้ว) เราก็เลยตั้งใจจะทำงานต่อไปก่อน
กรอบเวลา 5 ปีเนี่ย ดีมากเลยนะคะ เพราะน่าจะมีความรู้ในการลงทุนเพียงพอเลยทีเดียว ส่วนในเรื่องของนัยสำคัญ ไม่แน่ใจว่า ชนะตลาดเท่าไหร่ถึงเรียกว่านัยสำคัญค่ะ
ถามซอกแซกไปนิดนะคะ พอดีอยากเอาไปตั้งเป้าหมาย เป้าที่ดีต้อง SMART ไม่งั้นเราจะมองไม่เห็นทาง แล้วที่พี่ลูกอิสานให้ตัวเลขมานั้น ของคุณมากจริงๆ ค่ะ
เราว่าข้อ 1 กับ 2 หินพอดูนะคะ และทำให้ฝันของนักลงทุนหลายท่านทลายลงมาอยู่ที่ความเป็นไปได้จริงมากขึ้น อย่างตัวเราเองเนี่ย ก็มีแต่คนวาดฝันให้ว่า มันเป็นไปได้จริงนะที่จะออกมาลงทุนอย่างเดียว อย่าไปทำงานให้เหนื่อยเลย แต่สงสัยจะ conservative ไปหน่อย เราคิดว่าไม่ทำงานจะเอาเงินที่ไหนมาขยาย port กันหนอ เพราะมือใหม่มักมาพร้อมข้อจำกัดทางการเงิน กว่าจะรอให้ปันผลออกมา cover ค่าใช้จ่ายอาจจะต้องอดข้าวและอดบริโภคความสุขอย่างอื่น (แม้ข้อ 3 และ 4 เราจะผ่านฉลุย แต่จะให้พึ่งแต่พ่อแม่ได้อย่างไร โตโตกันแล้ว) เราก็เลยตั้งใจจะทำงานต่อไปก่อน
กรอบเวลา 5 ปีเนี่ย ดีมากเลยนะคะ เพราะน่าจะมีความรู้ในการลงทุนเพียงพอเลยทีเดียว ส่วนในเรื่องของนัยสำคัญ ไม่แน่ใจว่า ชนะตลาดเท่าไหร่ถึงเรียกว่านัยสำคัญค่ะ
ถามซอกแซกไปนิดนะคะ พอดีอยากเอาไปตั้งเป้าหมาย เป้าที่ดีต้อง SMART ไม่งั้นเราจะมองไม่เห็นทาง แล้วที่พี่ลูกอิสานให้ตัวเลขมานั้น ของคุณมากจริงๆ ค่ะ
.....Give Everything but not Give Up.....
-
- Verified User
- โพสต์: 470
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามพี่ๆ Mon money, chatchai, ลูกอีสาน และท่านอื่นๆคับ
โพสต์ที่ 17
คุณแม่ผมเคยถามว่า
"ถ้าผมแต่งงานต้องขึ้นไปบนเวทีจะพูดว่าทำงานอะไร"
ตอนนี้ผมอายุ 28 ปี(มีรายได้ส่วนใหญ่จากการลงทุนในหุ้นและรายได้การทำงานกิจการที่บ้านส่วนหนึ่ง 80 : 20 )
โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยที่จะแคร์อะไรซักเท่าไร ความสำเร็จอยู่ที่ตัวเรา ความสุขก็ที่ตัวเรา ที่คุณแม่ถามก็ไม่
ได้ซีเรียลอะไร ส่วนผมทำอะไรก็คงว่าไปตามนั้น
พี่ๆน้อง เคยเจอคล้ายแบบนี้ไหมครับ แล้วให้คำตอบอย่างไร หรือ จะให้คำตอบว่าอย่างไร ครับ
"ถ้าผมแต่งงานต้องขึ้นไปบนเวทีจะพูดว่าทำงานอะไร"
ตอนนี้ผมอายุ 28 ปี(มีรายได้ส่วนใหญ่จากการลงทุนในหุ้นและรายได้การทำงานกิจการที่บ้านส่วนหนึ่ง 80 : 20 )
โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยที่จะแคร์อะไรซักเท่าไร ความสำเร็จอยู่ที่ตัวเรา ความสุขก็ที่ตัวเรา ที่คุณแม่ถามก็ไม่
ได้ซีเรียลอะไร ส่วนผมทำอะไรก็คงว่าไปตามนั้น
พี่ๆน้อง เคยเจอคล้ายแบบนี้ไหมครับ แล้วให้คำตอบอย่างไร หรือ จะให้คำตอบว่าอย่างไร ครับ
- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 531
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามพี่ๆ Mon money, chatchai, ลูกอีสาน และท่านอื่นๆคับ
โพสต์ที่ 18
ขอบคุณมากๆนะคับ พี่ลูกอีสาน, พี่ Penguins ,คุณ yoyo และท่านอื่นๆ คนเรานั้นมีทางเลือกว่าอยากจะมีชีวิตที่ตัวเองอยากจะเป็น หรือมีชีวิตอย่างที่เป็นอยู่ ตัวเราเองเท่านั้นที่จะรู้คำตอบนะคับ คำแนะนำจากผู้ที่ผ่านประสบการณ์มาก่อนเป็นเหมือนเครื่องนำทางที่ทำให้เราได้พินิจ พิจารณา ถึงมุมมองต่างๆได้อย่างลึกซึ้ง ผมจะพยายามเป็นนักลงทุนที่ดีขี้นคับ ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนยิ่งๆขึ้นคับ
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 1
รบกวนถามพี่ๆ Mon money, chatchai, ลูกอีสาน และท่านอื่นๆคับ
โพสต์ที่ 19
ที่จริงว่าจะไม่โพสท์ เพราะผมยังไม่ได้เลิกจากงานประจำ แต่มันคันไม้คันมือ ขอแชร์ความเห็นนะครับ
คุณลูกอิสานสามารถยืนได้ด้วยขาการลงทุนของตนเอง ต้องเราก็ต้องยอมรับว่า จะมีสักกี่คนที่เป็นเซียนหุ้น มีกี่คนที่เก่งเหมือนเขา เพราะฉะนั้นผมว่าปลอดภัยไว้ก่อนจะดีกว่า สำหรับคนที่คิดจะลงทุนเพียงอย่างเดียว
ก่อนหน้านี้สักครึ่งปี ผมก็มีแนวคิดว่าจะเลิกทำงานประจำ เพราะถ้าพูดถึงเกณฑ์ทั้ง4ข้อ ผมก็ผ่านมาแล้ว และภาระที่ต้องแบกก็เบาบางลงแล้ว เราจะเหนื่อยไปทำไม
แต่มาสองเดือนหลังนี่ ผมก็คิดอีกมุมหนึ่งว่า ที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ที่ทำงานประจำ เราก็ลงทุนในหุ้นได้ งานประจำของเราก็เป็นcash cow ตัวใหญ่ที่ใครๆก็อยากได้ แล้วเราจะเลิกไปทำไม ถ้าเรายังมีความสุข ถึงแม้นจะเหนื่อยกายและใจบ้างเป็นครั้งคราวกับงาน แต่ผมก็คิดว่านั่นคือครูที่จะช่วยให้เราพัฒนาตนเอง
และพอมาเจอสภาวะเงินเฟ้อช่วงนี้ ผมเลยคิดว่าTIMING การเลิกทำธุรกิจตอนนี้ของผมที่จะมาลงทุนอย่างเดียวยังไม่ถึงจังหวะที่ดี
ยังไงคนที่จะหันมาลุยลงทุนอย่างเดียว ช่วงที่สภาวะไม่แน่นอนของเศรษฐกิจอย่างนี้ ขอให้ยึดหลัก เก้าอี้สามขาของจีนไว้ดีกว่าครับ
คุณลูกอิสานสามารถยืนได้ด้วยขาการลงทุนของตนเอง ต้องเราก็ต้องยอมรับว่า จะมีสักกี่คนที่เป็นเซียนหุ้น มีกี่คนที่เก่งเหมือนเขา เพราะฉะนั้นผมว่าปลอดภัยไว้ก่อนจะดีกว่า สำหรับคนที่คิดจะลงทุนเพียงอย่างเดียว
ก่อนหน้านี้สักครึ่งปี ผมก็มีแนวคิดว่าจะเลิกทำงานประจำ เพราะถ้าพูดถึงเกณฑ์ทั้ง4ข้อ ผมก็ผ่านมาแล้ว และภาระที่ต้องแบกก็เบาบางลงแล้ว เราจะเหนื่อยไปทำไม
แต่มาสองเดือนหลังนี่ ผมก็คิดอีกมุมหนึ่งว่า ที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ที่ทำงานประจำ เราก็ลงทุนในหุ้นได้ งานประจำของเราก็เป็นcash cow ตัวใหญ่ที่ใครๆก็อยากได้ แล้วเราจะเลิกไปทำไม ถ้าเรายังมีความสุข ถึงแม้นจะเหนื่อยกายและใจบ้างเป็นครั้งคราวกับงาน แต่ผมก็คิดว่านั่นคือครูที่จะช่วยให้เราพัฒนาตนเอง
และพอมาเจอสภาวะเงินเฟ้อช่วงนี้ ผมเลยคิดว่าTIMING การเลิกทำธุรกิจตอนนี้ของผมที่จะมาลงทุนอย่างเดียวยังไม่ถึงจังหวะที่ดี
ยังไงคนที่จะหันมาลุยลงทุนอย่างเดียว ช่วงที่สภาวะไม่แน่นอนของเศรษฐกิจอย่างนี้ ขอให้ยึดหลัก เก้าอี้สามขาของจีนไว้ดีกว่าครับ
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
- Alastor
- Verified User
- โพสต์: 2590
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามพี่ๆ Mon money, chatchai, ลูกอีสาน และท่านอื่นๆคับ
โพสต์ที่ 21
ผมเคยคิดจะออกไปลงทุนอย่างเดียวเพราะเบื่องานเหมือนกันนะ พอมาเจอปีนี้เลยคิดได้ว่าประสบการณ์ & เงินทุนยังไม่พอจริงๆ ยิ่งจะมีครอบครัวจะปล่อยให้ลูกกินแกลบพ่อนอนสบายได้ไง ตอนนี้อยากหางานที่เสริมความสามารถด้านการลงทุนไปก่อน ซัก 10 ปีค่อยว่ากัน ผมคิดว่าคงต้องใช้หลักเก้าอี้สามขาเหมือนพี่ naris อ่ะครับnaris เขียน:ช่วงที่สภาวะไม่แน่นอนของเศรษฐกิจอย่างนี้ ขอให้ยึดหลัก เก้าอี้สามขาของจีนไว้ดีกว่าครับ
1. งานประจำ
2. หุ้น
3. ภรรยา เลี้ยงด้วยจ้า
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1339
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามพี่ๆ Mon money, chatchai, ลูกอีสาน และท่านอื่นๆคับ
โพสต์ที่ 22
เห็นด้วยคุณ Naris 100% เต็ม อย่าเสี่ยงดีกว่า จงคิดเสมอว่าเราไม่ใช่เซียน
อย่าทำอย่างเซียน เพราะผมเปรียบเทียบกับการเล่นกีฬา ไม่ว่าเราจะฝึกฝน
หนักแค่ไหนก็ตาม เราจะเก่งได้ระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่มีทางที่จะเก่งเท่า
คุณ Yoyo,Blueblood,ลูกอิสาน, อ.นิเวศน์,Naris,chatchai และท่านอื่นๆ
เราอาจจะพลาดท่าในปีในปีหนึ่งก็ได้ มีงานประจำไว้เป็นกันชนดีกว่า
ตัวไม่เก่งแต่อยากออกความเห็น ครับ
อย่าทำอย่างเซียน เพราะผมเปรียบเทียบกับการเล่นกีฬา ไม่ว่าเราจะฝึกฝน
หนักแค่ไหนก็ตาม เราจะเก่งได้ระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่มีทางที่จะเก่งเท่า
คุณ Yoyo,Blueblood,ลูกอิสาน, อ.นิเวศน์,Naris,chatchai และท่านอื่นๆ
เราอาจจะพลาดท่าในปีในปีหนึ่งก็ได้ มีงานประจำไว้เป็นกันชนดีกว่า
ตัวไม่เก่งแต่อยากออกความเห็น ครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 128
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามพี่ๆ Mon money, chatchai, ลูกอีสาน และท่านอื่นๆคับ
โพสต์ที่ 24
ยังไม่ผ่านเกณฑ์ของคุณลูกอีสานว่าไว้ทั้งข้อ 1-3 ส่วนข้อ 4 ยังไม่ได้คิดไปถึงเลยครับ
แต่ผมว่า เกณฑ์ข้อ 1. ก็คือดัชนีชี้วัดอิสรภาพทางการเงินนั่นเอง หากเราสามารถบรรลุอิสรภาพทางการเงินได้แล้ว ก็ย่อมมีอิสรภาพในการเลือกจะทำอะไรหรือไม่ทำอะไรก็ได้
สำหรับบางคนแล้ว การได้เป็นนักลงทุนอิสระที่ไม่ต้องทำงานประจำเป็นความสุขในชีวิต ก็สามารถเลือกเป็นได้ ส่วนบางคนที่ยังรักทีจะทำงานประจำหรือทำธุรกิจของตนเองอยู่ ก็สามารถจะทำต่อไปได้
อิสรภาพในการเลือกเป็นสิทธิพิเศษจริงๆครับ
แต่ผมว่า เกณฑ์ข้อ 1. ก็คือดัชนีชี้วัดอิสรภาพทางการเงินนั่นเอง หากเราสามารถบรรลุอิสรภาพทางการเงินได้แล้ว ก็ย่อมมีอิสรภาพในการเลือกจะทำอะไรหรือไม่ทำอะไรก็ได้
สำหรับบางคนแล้ว การได้เป็นนักลงทุนอิสระที่ไม่ต้องทำงานประจำเป็นความสุขในชีวิต ก็สามารถเลือกเป็นได้ ส่วนบางคนที่ยังรักทีจะทำงานประจำหรือทำธุรกิจของตนเองอยู่ ก็สามารถจะทำต่อไปได้
อิสรภาพในการเลือกเป็นสิทธิพิเศษจริงๆครับ
"As Above, So Below"
- preeda_mark
- Verified User
- โพสต์: 173
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามพี่ๆ Mon money, chatchai, ลูกอีสาน และท่านอื่นๆคับ
โพสต์ที่ 25
ผมเริ่มจากตอนนั้นเรียนจบปี 41 เศรษฐกิจอย่างที่รู้ๆ ผมเริ่มงานจากเป็น sale เงินเดือนเพียง 9000 เองซึ่งน้อยมาก ไหนจะค่าซ่อมรถค่าเช่าอพาร์ตเม้นต์อีกจิปาถะ ประหยัดสุดๆครับแต่ก็ยังมีเงินเก็บบ้างนิดหน่อยทำงานไม่มีความสุขหลังจากทำงานอยู่แต่ห้องคุยกับหมาแก้เหงา อยู่บริษัทก็โดนนายกระตุ้นให้ขายของให้ได้ ไปโรงงานก็โดนปฐิเสธ การไปขายสินค้าในโรงงาน(ผมขายพวกเครื่องจักร) ความรู้สึกเหมือนเค้ามองเราเป็นแมลงสาป(เหมือนในโฆษณาประกัน) แต่ก็ต้องทนครับเนื่องจากบ้านไม่ได้รวย แต่ก็เก็บเงินมาตลอดมารู้จักรหุ้นตอนเดินไปแผงหนังสือเห็น หนังสือชื่อ Big thinking อ่านเสร็จรู้สึกใจมันพองโต รู้สึกทัศนคติต่างๆ เปลี่ยนไปเยอะมาก เห็นชื่อคนแปร เลยไปซื้อ ตีแตกมาอ่าน ระหว่างนั้นอ่านพวก Rich dad รู้สึกสนใจการลงทุนทุกรูปแบบ ผมตั้งธงว่าผมจะเป็นนักลงทุนมืออาชีพให้ได้ ผมไม่อยากทำงานที่ทำอยู่นี้ี การลงทุนแรกที่ผมลงทุนคือหุ้นครับผมเก็บเงินได้ประมาณแสนกว่าบาท ช่วงปี 46 ถือว่าผมโชคดีด้วยแหละซื้อตัวไหนส่วนใหญ่จำกำไรบางตัว 3-4 เด้งก็มีภายใน 2 ปี เงินแสนกว่าบาทผมเพิ่มมาเป็นหลักล้าน ปี 47 ผมลาออกจากงานและขายหุ้นทั้งหมดที่มี บวกกับกู้แบงค์บางส่วน มาทำธุรกิจอพาร์ทเม้นต์ ขนาด 45 ห้อง ระหว่างนั้นซื้อพวกเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ และตู้น้ำหยอดเหรียญรู้สึกทำไมมันแพงจัง เครื่องละหกหมื่นกว่าบาทซื้อมาเครื่องหนึ่งถอดดูก็ไม่เห็นมีอะไรซับซ้อนผม รื้อออกและหาซื้ออุปกรณ์มาประกอบต้นทุนทั้งตู้ประมาณหมื่นต้นๆ ผมเลยทำขายบ้างขายเครื่องละ สี่หมืนกว่าบาท ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เดือนๆ เป็นร้อยตู้ กำไรตู้ละ สามหมื่นกว่าบาท บวกกับไปตั้งตามจุดต่างๆ ภายในสองปี ผมสามารถขยาย อพาร์ตเม้นต์เป็น 300 ห้องได้โดยไม่มีหนี้สักบาท รายได้ค่าเช่าก็ไปปล่อยกู้พวกรับจำนองที่ดินถูกต้องตามกฏหมาย ดอกเบี้ย 15% หรือบางทีก็ไปซื้อที่ตามกรมบังคับคดีถูกๆเยอะมาก มาแบ่งขายเป็นแปลงเล็กๆ เงินบางส่วนก็กลับมาซื้อหุ้นบางทีก็ซื้อลืม หมาที่ห้องก็เอาไปจ้างผสมลูกออกมาไม่กี่ปีออกลูกออกหลานเยอะแยะไปหมด ลองประกาศขายลูกหมาดู พันธุ์ชิวาวา ขายได้สวยๆ ก็หลักหมืนไม่สวยมาก ก็ หกถึงแปดพัน ปีๆ รายรับตรงนี้ก็หลักล้านต่อปีได้เงินด้วยมีความสุขด้วย ตอนนี้ Port ลงทุนผมทั้งหมดก็ เลขแปดหลักเกือบเก้าหลัก ที่ผมเล่าเรื่องผมให้ฟัง ประเด็นสำคัญที่อยากบอกจงเชื่อมั่นใน ศักยภาพตัวเองการที่บริษัทจ้างเราทำงานแสดงว่าเราต้องทำเงินให้เค้ามากกว่าที่เค้าจ้างเราแน่นอนไม่งั้นคงไล่เราออกไปแล้ว เพราะฉนั้นเราทำเงินให้ตัวเราเองไม่ดีกว่าเหรอ และระหว่างทางที่เราเดินไปที่ธงเราจะเจออะไรที่เหมาะกับเรา และมันเหมือนกับเล่นเกมแนว RPG การลงทุนไม่ได้มีเฉพาะในหุ้นครับ ทำสิ่งที่เราชอบและมีความสุขนั้นแหละสิ่งที่ดีที่สุด สุดท้ายเคยได้ยินคำนี้ไหมครับ If you beleive you can move moutain
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 1
รบกวนถามพี่ๆ Mon money, chatchai, ลูกอีสาน และท่านอื่นๆคับ
โพสต์ที่ 26
สงสัยคุณลูกอิสานติดธุระ เรื่องนี้ผมก็คันไม้คันมืออีกเช่นเคย ขอตอบสักหน่อยนะครับhagrid เขียน:
ผมเคย PM ถามคุณ chatchai เรื่องนี้ คุณ chatchai ให้ความคิดเห็นว่า
ถ้าลงทุนในบริษัทที่ดี(ปรับราคาสินค้าได้) ก็จะเอาชนะเงินเฟ้อได้ และ
ดีกว่ารายได้จากงานประจำ ซึ่งน่าจะปรับไม่ทันเงินเฟ้อ
ไม่ทราบว่าคุณลูกอีสานมีมุงมองเรื่องเงินเฟ้ออย่างไรบ้างครับ
ปล.ขอบคุณเจ้าของกระทู้นะครับ ที่ถามคำถามที่ผมอยากถามพอดี
มุมมองผมเรื่องเงินเฟ้อ ถ้ามองในรูปของการลงทุน ธุรกิจที่จะชนะเงินเฟ้อ(ในกระเป๋าเรา)ได้มีต้องดูอะไรประกอบบ้าง
1-เราก็ต้องหาบริษัทที่มีการเจริญเติบโตของยอดขายของบริษัทนั้นๆมากกว่าเงินเฟ้อ ถ้าตีเงินเฟ้อปีนี้คือ10% หมายความว่าเราก็เลือกหุ้นที่มีการขยายสาขา หรือมีธุรกิจที่กำลังgrowthมากกว่า10%อย่างชัดเจน
2-มีการปรับราคาขายสินค้าและพลักภาระให้ผู้บริโภคได้ เท่าที่ต้นทุนเพิ่ม เท่าที่มองง่ายๆในกลุ่มนี้ก็กลุ่มโรงพยาบาล(เพราะต้นทุนยาและหมอเป็นสัดส่วนที่ไม่มาก สามารถพลักภาระได้) หรือบริษัทที่มีbrandที่เด่นสามารถปรับราคาและผู้บริโภคยอมรับได้ และกลุ่มธุรกิจซื้อมาขายไปทั้งปลีกและส่งโดยไม่จำกัดว่าขายสินค้าโภคภัณฑ์หรือไม่ เพราะกลุ่มนี้ตลาดจะรับรู้ว่า ต้นทุนบวกกำไรขั้นต้นเป็นราคาขาย
3-ในกลุ่มอุตสาหกรรมมีการแข่งขันที่ไม่รุนแรงจนเกินไป(ยกตัวอย่างทั้งสามกลุ่มข้างบน ถ้าการแข่งขันสูง ไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาลงของเงินเฟ้อก็ทำให้กำไรลดลงได้ เพราะถ้ากลุ่มนั้นเป็นสินค้าที่อยู่ในสภาวะถดถอย กำลังซื้อลดลงเรื่อยๆ และบริษัทอาจขาดกระแสเงินสดในมือ การขายอาจมีการขายกำไรเท่าเดิมหรือลดลงทั้งๆที่ในสต๊อกราคาถูกที่มีอยู่ในมือ)
4-เป็นธุรกิจที่มีfixed costต่ำกว่าคู่แข่ง และถ้ามีสูงก็ต้องเป็นfixed cost ที่ไม่ต้องการเงินลงทุนเพิ่มเติมในสัดส่วนที่สูงเพื่อรักษาสถานะในการทำกำไร ไม่อย่างนั้นกำไรที่เราได้มาจะต้องแบ่งค่าใช้จ่ายไปซ่อมแซม บำรุงดูแลรักษาเพิ่มเติมในสัดส่วนที่มากขึ้น
5-แต่ถ้ากลุ่มบ.ไหนมีfixed cost สูงในส่วนของที่ดิน อาคาร หรือการลงทุนที่ไม่ต้องมาลงทุนหนักทีหลัง จะทำให้สามารถกันคู่แข่งที่จะเข้ามาได้ แต่ก็กันตัวเราเองจะเพิ่มรายได้เช่นกันถ้าcapasityเราเต็มแล้ว กลุ่มอสังหาจริงๆก็เข้าข่ายในข้อนี้หลายตัวที่มีสต๊อกที่ดินและโครงการสร้างเสร็จแล้วหลายโครงการ แต่มีหลายบริษัทที่เริ่มขาดสภาพคล่องทำให้ต้องขายบ้าน คอนโด หรือที่ดินเปล่าออกมาในราคาที่กำไรน้อยเกินไป(เข้าข่ายข้อ3)
6-เป็นธุรกิจที่เป็นต้นตอของความเฟ้อของเงิน หรือคือสินค้าโภคภัณฑ์ที่มันปรับตัวเพิ่มนั่นแหละครับ แต่ปัญหาในกลุ่มนี้ของผมคือ ไม่รู้จะคำนวนมูลค่าความเหมาะสมได้อย่างไร
ปล.และที่พี่ฉัตรชัยพูดถึงเรื่องเงินเฟ้อกับหุ้น คงไม่เกี่ยวกับงานประจำที่เราทำงานหรอกครับ เพราะงานที่เราทำนั้นเป็นกำไรหนุน ถ้าเราเลิกคือไม่ได้เลย แต่เราทำอยู่ถึงจะแพ้เงินเฟ้อแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลยนะครับ
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
- คนขายของ
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 792
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามพี่ๆ Mon money, chatchai, ลูกอีสาน และท่านอื่นๆคับ
โพสต์ที่ 27
ผมเองเคยลงทุนผ่านช่วงวิกฤตตอนปี 40 มาทำให้ผมรู้สึกว่าตลาดหุ้น
เอาแน่เอานอนไม่ได้ หุ้น หรือ กิจการที่ดี แต่อยู่บนเศรษฐกิจที่คลอนแคลน
เหมือนมีบ้านสวยงานที่ปลูกไว้บนโคลนตม ตลาดหุ้นมีสิ่งที่เป็น
Unknow Factor เยอะมาก ถ้าน้องๆท่านใดไม่เคยผ่าน Market Crash ครั้ง
ใหญ่มาจริงอาจนึกไม่ออกว่าถูกแล้วมี ถูกกว่า มีถูกไปจนไม่มีราคา ผมมียังมีใบ
หุ้นบริษัทธนสยาม ที่ผมซื้อไว้ที่ราคาประมาณ 104 บาทเก็บไว้เป็นที่ระลึก
ถ้าท่านทั้งหลายเริ่มลงทุนประมาณปี 44 เป็นต้นมาอาจจะมองเหรียญนี้เพียง
ด้านเดียว ตลาดหุ้นอยู่คู่โลกมาไม่ถึงร้อยปีนะครับ โลกมีมาเป็นล้านๆปีแล้ว
ผมว่ายังไงลองหาอาชีพที่ท่านรักเผื่อไว้อีกอย่างก็ดีครับ ถ้าท่านจะลงทุนเป็น
แบบ Full Time ก็อาจจะเจียดเวลาเรียนทำอาหาร เรียนงานช่าง วาดรูป
ถ่ายภาพ งานฝีมือ เผื่อไว้ในบางเวลาที่อาจจะคาดไม่ถึงครับ
ขออภัยที่อาจจะมองแง่ร้ายไปบ้าง ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุนครับ
เอาแน่เอานอนไม่ได้ หุ้น หรือ กิจการที่ดี แต่อยู่บนเศรษฐกิจที่คลอนแคลน
เหมือนมีบ้านสวยงานที่ปลูกไว้บนโคลนตม ตลาดหุ้นมีสิ่งที่เป็น
Unknow Factor เยอะมาก ถ้าน้องๆท่านใดไม่เคยผ่าน Market Crash ครั้ง
ใหญ่มาจริงอาจนึกไม่ออกว่าถูกแล้วมี ถูกกว่า มีถูกไปจนไม่มีราคา ผมมียังมีใบ
หุ้นบริษัทธนสยาม ที่ผมซื้อไว้ที่ราคาประมาณ 104 บาทเก็บไว้เป็นที่ระลึก
ถ้าท่านทั้งหลายเริ่มลงทุนประมาณปี 44 เป็นต้นมาอาจจะมองเหรียญนี้เพียง
ด้านเดียว ตลาดหุ้นอยู่คู่โลกมาไม่ถึงร้อยปีนะครับ โลกมีมาเป็นล้านๆปีแล้ว
ผมว่ายังไงลองหาอาชีพที่ท่านรักเผื่อไว้อีกอย่างก็ดีครับ ถ้าท่านจะลงทุนเป็น
แบบ Full Time ก็อาจจะเจียดเวลาเรียนทำอาหาร เรียนงานช่าง วาดรูป
ถ่ายภาพ งานฝีมือ เผื่อไว้ในบางเวลาที่อาจจะคาดไม่ถึงครับ
ขออภัยที่อาจจะมองแง่ร้ายไปบ้าง ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุนครับ
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
รบกวนถามพี่ๆ Mon money, chatchai, ลูกอีสาน และท่านอื่นๆคับ
โพสต์ที่ 29
ผมเคยดูกราฟผลตอบแทนการลงทุนต่างๆทั้งหุ้น เงินฝาก ทองคำ พันธบัตร ของอเมริกา หุ้นจะให้ผลตอบแทนมากที่สุด อย่างมีนัยสำคัญด้วย ผมก็เลยคิดง่ายๆไปเลยว่าหุ้นน่าจะเป็นสินทรัพย์ที่ชนะเงินเฟ้อได้ครับ ถ้าเรามาดูตัวเลขเงินเฟ้อเฉลี่ย 10-20 ปีที่ผ่านมาน่าจะประมาณ 6-7% แต่หุ้นให้ผลตอบแทนประมาณ 10% ก็ยังชนะเงินเฟ้อ ถ้าเงินเฟ้อสูงกว่าผลตอบแทนหุ้นนี่ คนกินเงินเดือนไม่แย่หรือครับ และถ้าให้ดีที่สุดก็อย่างที่พี่ฉัตรชัย พี่นริศแนะนำคือเลือกลงทุนในหุ้นที่ยังทำกำไรได้ดีในสภาวะที่มีเงินเฟ้อ หรือจะลงทุนในหุ้นโภคภัณฑ์เลยก็ได้hagrid เขียน:แต่ยังกังวลใจเรื่อง เงินเฟ้อในขณะนี้อยู่ เนื่องจากส่วนตัวไม่เคยผ่านช่วงเงินเฟ้อสูงๆ เลยตั้งแต่จบออกมาทำงาน เลยไม่แน่ว่ารายได้จากการลงทุนที่คิดว่าเหลือเฝือ จะเพียงพอในอนาคตอีกนานหรือเปล่า
ผมเคย PM ถามคุณ chatchai เรื่องนี้ คุณ chatchai ให้ความคิดเห็นว่าถ้าลงทุนในบริษัทที่ดี(ปรับราคาสินค้าได้) ก็จะเอาชนะเงินเฟ้อได้ และดีกว่ารายได้จากงานประจำ ซึ่งน่าจะปรับไม่ทันเงินเฟ้อไม่ทราบว่าคุณลูกอีสานมีมุงมองเรื่องเงินเฟ้ออย่างไรบ้างครับปล.ขอบคุณเจ้าของกระทู้นะครับ ที่ถามคำถามที่ผมอยากถามพอดี
1.ปีแรกๆก็มีบ้างครับ เพราะเงินยังไม่มาก พอเงินมากขึ้นถึงจุดหนึ่งก็ไม่ค่อยเครียดแล้วครับ ไม่ว่าจะทำผลตอบแทนได้มากหรือน้อยขอถามคุณ ลูกอีสาน เพิ่มอีก 2 ข้อนะครับ
1.ปีที่พี่ลงทุนได้ไม่ดี พี่เครียด หรือว่ากดดันไหมครับ
ยิ่งพี่ที่ลงทุนอย่างเดียว
2.แล้ว หลัง ๆ พ่อแม่แฟนเขายอมรับหรือครับ
(ศึกษาเผื่อไว้ในอนาคต)
2.แม่ยายผมฝากเงินให้ผมลงทุนให้ครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว