ขอหุ้นในดวงใจคนละหนึ่งตัวได้ปะครับ คนละตัวพอนะครับ
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
ขอหุ้นในดวงใจคนละหนึ่งตัวได้ปะครับ คนละตัวพอนะครับ
โพสต์ที่ 65
อิอิ ไม่ได้นาาา เอาความลับมาเปิดเผยhongvalue เขียน: ผมเข้ามาแซวทั้งสองท่านดีกว่าครับ
ชอบ cpall แล้วทำไมประชุมผู้ถือหุ้นเสร็จ
เจอปัญหานิดเดียว ขายเกลี้ยงเลยล่ะครับ
อิอิ ไม่รักจริงแบบผมนี้น้า :lol: :lol:
แค่กะว่าจะได้ซื้อของถูกลงนิดหน่อย สุดท้ายก็ขายหมู
ตอนนี้เอากลับคืนมาหมดละ เซ็งจริงๆ
:lol: :lol: :lol:
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
-
- Verified User
- โพสต์: 1808
- ผู้ติดตาม: 0
ขอหุ้นในดวงใจคนละหนึ่งตัวได้ปะครับ คนละตัวพอนะครับ
โพสต์ที่ 66
GFM ครับ
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
- หมีบึงกุ่ม
- Verified User
- โพสต์: 408
- ผู้ติดตาม: 0
ขอหุ้นในดวงใจคนละหนึ่งตัวได้ปะครับ คนละตัวพอนะครับ
โพสต์ที่ 67
เสนอ TR ครับ โดยวิเคราะห์ตามขั้นตอนในหนังสือ The New Buffettology ได้ดังนี้ (ยินดีหากช่วยแก้ไขข้อผิดพลาด และให้ความเห็นเพิ่มเติมครับ)
1. บริษัทมี DCA ไหม?
ยอดขายในประเทศ:ต่างประเทศ ประมาณ 50:50 ในประเทศเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเพียงผู้เดียว ในต่างประเทศจำหน่ายผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงภายใต้เครื่องหมายการค้า Birla Cellulose [TR 56-1 ปี2550] ในเครือ Aditya Birla Group ที่มี market share มากที่สุดในโลก (21%) [Grasim.com] ดังนั้นหากมองว่าเป็น commodity ก็มีความได้เปรียบด้าน economy of scales และมี barrier of entry โดยอาจดูได้จาก NPM ที่สูงในระดับเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังประมาณ 25% [settrade.com]
2. มีความเข้าใจในตัวสินค้าไหม?
เป็นเส้นใยกึ่งธรรมชาติกึ่งสังเคราะห์ใช้ทำเสื้อผ้า แจ็คเก็ต ชุดชั้นใน ผ้าพันคอ สูท ไท ผ้าปูเตียง ผ้าห่ม ผ้าม่าน (woven) ผลิตภัณฑ์ผ่าตัดศัลยกรรม ผ้าอนามัย (non-woven) สร้างความรู้สึกสัมผัสเลียนแบบได้ทั้ง ผ้าไหม วูล์ ฝ้าย และลินิน [wikipedia]
3. บริษัทมีโครงสร้างเงินทุนอนุรักษ์นิยมหรือไม่?
ปี 2550 มีหนี้สิ้นทั้งหมด768.742 ลบ. (ระยะยาว 122.547 หมุนเวียน 646.195 ลบ.) มีส่วนของผู้ถือหุ้น 13,643.908 ลบ. กำไรปี 2550 เท่ากับ 2,489.367 ลบ. นั่นหมายความว่าสามารถจ่ายหนี้หมดได้โดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งปี
4. ผลกำไรแข็งแกร่งและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นหรือไม่?
ปี กำไรต่อหุ้น(บาท) ROE(%)
08 13.45(ประมาณการเอง) 20.74 (ไฟล์EPSคุณครรชิต)
07 12.35 20.36
06 5.76 11.4
05 7.60 17.22
04 6.23 16.53
03 4.86 15
02 4.09 14.44
01 3.01 11.83
00 3.07 13.26
99 2.20 10.5
98 3.00 15.99
ประมาณว่าทั้งปี 2008 ได้กำไร 13.45 บาท โตขึ้นจาก 3 บาทในปี 1998 ด้วยอัตราทบต้นเป็นระยะเวลา 10 ปี = {(13.45/3)^(1/10)}-1 = 16.19% ต่อปี
5. บริษัทนำเงินไปลงทุนในธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้นหรือไม่?
ใช่ลงทุนไปข้างหน้าและข้างหลังล้วนเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องและส่งเสริมธุรกิจหลักทั้งนั้น
6. บริษัทมีการซื้อหุ้นคืนจากตลาดหรือไม่?
ไม่มีการซื้อหุ้นคืนในช่วงปี 1998 2008 (ใครพอทราบแหล่งหาข้อมูลการซื้อหุ้นคืนของ บมจ.ย้อนหลังบ้างไหมครับ?)
7. กำไรที่สะสมไว้นำไปลงทุนทำให้กำไรต่อหุ้นเพิ่มสูงขึ้น และมูลค่าของผู้ถือหุ้นเพิ่มสูงตามหรือไม่?
ประมาณการว่าปี 2008 จ่ายปันผล 2 บาทต่อหุ้น ดังนั้นกำไรต่อหุ้นที่บริษัทสะสมไว้ตั้งแต่ปี 1998 ถึง 2008 เท่ากับ 65.62 บาท หักปันผลที่จ่ายให้ผู้ถือหุ้นทั้งหมดในช่วงเดียวกัน 10.8 บาท เท่ากับ 54.82 บาทซึ่งกล่าวได้ว่าเงินจำนวนนี้ได้ถูกนำมาเพิ่มกำไรต่อหุ้นจาก 3 บาทเป็น 13.45 หรือเพิ่มขึ้น 10.45 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเท่ากับ 10.45/54.82 = 19.06%
8. ROE ของบริษัทเหนือกว่าค่าเฉลี่ยหรือไม่?
ROE เฉลี่ยช่วงปี 1998 2008 อยู่ที่ 15.2% สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 12% โดยเฉพาะในช่วงปีหลังมีแนวโน้มเฉลี่ยสูงกว่าช่วงแรก
9. ROTC สูงต่อเนื่องหรือไม่?
ปี ROTC(%) เงินปันผล
08 18.67 (ไฟล์EPSคุณครรชิต) 2.00 (คาดการณ์)
07 18.08 1.6
06 10.63 1.1
05 15.81 1.2
04 15.10 1.1
03 13.8 0.9
02 13.58 0.8
01 11.29 0.7
00 12.69 0.6
99 9.94 0.5
98 12.82 0.3
ROTC เฉลี่ยในช่วงปี 1998-2008 อยู่ที่ 13.86% ต่อปีแต่ช่วง 2 ปีหลังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
10. ปรับราคาสินค้าได้ตามภาวะเงินเฟ้อหรือไม่?
มีการปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยดูจากในช่วงเวลาดังกล่าวมีปีที่ราคาขายลดลงเพียง 3 ปี คือ ปี 1999, 2002 และ 2006 (ดูจากรายงานชี้แจงผลการดำเนินงานสำหรับรอบปีบัญชี ในแต่ละปี)
11. ต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อปรับปรุงโรงงาน และเครื่องจักรอยู่เรื่อยๆ หรือไม่?
จำเป็นต้องลงทุนสูงในการขยายกำลังการผลิต แต่ยังคงอัตราส่วน ROE และ ROTC ที่สูงขึ้นเอาไว้ได้แม้ว่าจะมีการลงทุนขยายกำลังการผลิตในช่วงปี 2007-2008
1. บริษัทมี DCA ไหม?
ยอดขายในประเทศ:ต่างประเทศ ประมาณ 50:50 ในประเทศเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเพียงผู้เดียว ในต่างประเทศจำหน่ายผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงภายใต้เครื่องหมายการค้า Birla Cellulose [TR 56-1 ปี2550] ในเครือ Aditya Birla Group ที่มี market share มากที่สุดในโลก (21%) [Grasim.com] ดังนั้นหากมองว่าเป็น commodity ก็มีความได้เปรียบด้าน economy of scales และมี barrier of entry โดยอาจดูได้จาก NPM ที่สูงในระดับเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังประมาณ 25% [settrade.com]
2. มีความเข้าใจในตัวสินค้าไหม?
เป็นเส้นใยกึ่งธรรมชาติกึ่งสังเคราะห์ใช้ทำเสื้อผ้า แจ็คเก็ต ชุดชั้นใน ผ้าพันคอ สูท ไท ผ้าปูเตียง ผ้าห่ม ผ้าม่าน (woven) ผลิตภัณฑ์ผ่าตัดศัลยกรรม ผ้าอนามัย (non-woven) สร้างความรู้สึกสัมผัสเลียนแบบได้ทั้ง ผ้าไหม วูล์ ฝ้าย และลินิน [wikipedia]
3. บริษัทมีโครงสร้างเงินทุนอนุรักษ์นิยมหรือไม่?
ปี 2550 มีหนี้สิ้นทั้งหมด768.742 ลบ. (ระยะยาว 122.547 หมุนเวียน 646.195 ลบ.) มีส่วนของผู้ถือหุ้น 13,643.908 ลบ. กำไรปี 2550 เท่ากับ 2,489.367 ลบ. นั่นหมายความว่าสามารถจ่ายหนี้หมดได้โดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งปี
4. ผลกำไรแข็งแกร่งและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นหรือไม่?
ปี กำไรต่อหุ้น(บาท) ROE(%)
08 13.45(ประมาณการเอง) 20.74 (ไฟล์EPSคุณครรชิต)
07 12.35 20.36
06 5.76 11.4
05 7.60 17.22
04 6.23 16.53
03 4.86 15
02 4.09 14.44
01 3.01 11.83
00 3.07 13.26
99 2.20 10.5
98 3.00 15.99
ประมาณว่าทั้งปี 2008 ได้กำไร 13.45 บาท โตขึ้นจาก 3 บาทในปี 1998 ด้วยอัตราทบต้นเป็นระยะเวลา 10 ปี = {(13.45/3)^(1/10)}-1 = 16.19% ต่อปี
5. บริษัทนำเงินไปลงทุนในธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้นหรือไม่?
ใช่ลงทุนไปข้างหน้าและข้างหลังล้วนเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องและส่งเสริมธุรกิจหลักทั้งนั้น
6. บริษัทมีการซื้อหุ้นคืนจากตลาดหรือไม่?
ไม่มีการซื้อหุ้นคืนในช่วงปี 1998 2008 (ใครพอทราบแหล่งหาข้อมูลการซื้อหุ้นคืนของ บมจ.ย้อนหลังบ้างไหมครับ?)
7. กำไรที่สะสมไว้นำไปลงทุนทำให้กำไรต่อหุ้นเพิ่มสูงขึ้น และมูลค่าของผู้ถือหุ้นเพิ่มสูงตามหรือไม่?
ประมาณการว่าปี 2008 จ่ายปันผล 2 บาทต่อหุ้น ดังนั้นกำไรต่อหุ้นที่บริษัทสะสมไว้ตั้งแต่ปี 1998 ถึง 2008 เท่ากับ 65.62 บาท หักปันผลที่จ่ายให้ผู้ถือหุ้นทั้งหมดในช่วงเดียวกัน 10.8 บาท เท่ากับ 54.82 บาทซึ่งกล่าวได้ว่าเงินจำนวนนี้ได้ถูกนำมาเพิ่มกำไรต่อหุ้นจาก 3 บาทเป็น 13.45 หรือเพิ่มขึ้น 10.45 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเท่ากับ 10.45/54.82 = 19.06%
8. ROE ของบริษัทเหนือกว่าค่าเฉลี่ยหรือไม่?
ROE เฉลี่ยช่วงปี 1998 2008 อยู่ที่ 15.2% สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 12% โดยเฉพาะในช่วงปีหลังมีแนวโน้มเฉลี่ยสูงกว่าช่วงแรก
9. ROTC สูงต่อเนื่องหรือไม่?
ปี ROTC(%) เงินปันผล
08 18.67 (ไฟล์EPSคุณครรชิต) 2.00 (คาดการณ์)
07 18.08 1.6
06 10.63 1.1
05 15.81 1.2
04 15.10 1.1
03 13.8 0.9
02 13.58 0.8
01 11.29 0.7
00 12.69 0.6
99 9.94 0.5
98 12.82 0.3
ROTC เฉลี่ยในช่วงปี 1998-2008 อยู่ที่ 13.86% ต่อปีแต่ช่วง 2 ปีหลังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
10. ปรับราคาสินค้าได้ตามภาวะเงินเฟ้อหรือไม่?
มีการปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยดูจากในช่วงเวลาดังกล่าวมีปีที่ราคาขายลดลงเพียง 3 ปี คือ ปี 1999, 2002 และ 2006 (ดูจากรายงานชี้แจงผลการดำเนินงานสำหรับรอบปีบัญชี ในแต่ละปี)
11. ต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อปรับปรุงโรงงาน และเครื่องจักรอยู่เรื่อยๆ หรือไม่?
จำเป็นต้องลงทุนสูงในการขยายกำลังการผลิต แต่ยังคงอัตราส่วน ROE และ ROTC ที่สูงขึ้นเอาไว้ได้แม้ว่าจะมีการลงทุนขยายกำลังการผลิตในช่วงปี 2007-2008
- หมีบึงกุ่ม
- Verified User
- โพสต์: 408
- ผู้ติดตาม: 0
ขอหุ้นในดวงใจคนละหนึ่งตัวได้ปะครับ คนละตัวพอนะครับ
โพสต์ที่ 68
การวิเคราะห์ราคา
1. อัตราผลตอบแทนเริ่มแรกและมูลค่าหุ้นเมื่อเทียบกับพันธบัตรรัฐบาล
กำไรต่อหุ้นปี 2008 ประมาณการที่ 13.45 นำมาหารด้วยอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะยาว 20 ปี ในปี 2008 คิดที่อัตราสูงสุด 6.4% ได้ราคาหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเทียบเท่าพันธบัตรเท่ากับ 210 บาท แต่ในปี 2008 สามารถซื้อหุ้น TR ได้ (24 มิ.ย.51) ที่ราคา 54.5 บาท จะได้ผลตอบแทนเริ่มแรก 13.45/54.5 = 24.68% และกำไรนี้จะเติบโตขึ้น 16.19% ต่อปี (สมมติว่า TR จะเติบโตขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้าเท่ากับการเติบโตใน 10 ปีที่ผ่านมา) จะเอาเงิน 54.5 ไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลหรือซื้อหุ้น TR?
2. มอง TR เป็นเหมือนหุ้น/หุ้นกู้
ในปี 2008 ส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 71.45 บาทต่อหุ้น (ส่วนของผู้ถือหุ้น/จำนวนหุ้นทั้งหมด) หากอีก 10 ปีข้างหน้ายังรักษา ROE เฉลี่ยที่ 15.2% ได้ และยังคงเก็บกำไรสะสมถึง 83.54 % เหมือน 10 ปีที่ผ่านมา (อย่างที่รู้กันว่าปันผลน้อยยยย น้อย) ส่วนของผู้ถือหุ้นต่อหุ้นจะเติบโตทบต้นต่อปีประมาณ 12.7% (83.54%*15.2%=12.7%) ซึ่งจะมีมูลค่าประมาณ 236 บาทต่อหุ้นในปี 2018 และหากยังคงสร้าง ROE ที่ 15.2% จะได้กำไรต่อหุ้นที่ประมาณ 36 บาทต่อหุ้น (236*15.2% = 35.93) หาก TR ซื้อขายที่ PE ในช่วง 1.29 8.19 (PE ซื้อขายกันของ TR ในช่วงปี 1998-2008) จะคำนวณราคาหุ้นได้ 46 294 บาทต่อหุ้น และหากใช้ PE เฉลี่ยที่ 4.7 จะได้ราคาหุ้น = 168 บาทต่อหุ้น หรือเท่ากับอัตราผลตอบแทนทบต้นระหว่าง -1.61 (ติดลบ) ถึง 18.37% หรือเท่ากับอัตราผลตอบแทนทบต้นเฉลี่ย 11.94%
หมายเหตุ ปี 1998 PE ต่ำกว่าปกติ (1.29) เนื่องจากเพิ่งพ้นภาวะขาดทุนเนื่องจากประกาศลดค่าเงินในปี 1997 ซึ่งมีผลการดำเนินงานของ TR ขาดทุนในปีนั้น
3. คาดอัตราผลตอบแทนทบต้นต่อปีโดยใช้การเติบโตของ EPS ในอดีต
หากกำไรต่อหุ้นของ TR เติบโตขึ้นด้วยอัตรา 16.19% ต่อปีในอีก 10 ปีข้างหน้า
ปี EPS เงินปันผล
09 15.63 2.76
10 18.16 3.2
11 21.10 3.72
12 24.51 4.32
13 28.48 5.02
14 33.09 5.84
15 38.45 6.78
16 44.67 7.88
17 51.9 9.16
18 60.3 10.64
19 70.06 12.36 รวมปันผลปี 2009-2019 เท่ากับ 71.68 บาท
ใช้ PE 1.29-8.19 จะคำนวณ ราคาหุ้น TR ในปี 2019 ได้ระหว่าง 90-574 บาทต่อหุ้น ราคาเฉลี่ยเท่ากับ 329 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนทบต้นระหว่าง 5-27% ต่อปี โดยมีอัตราเฉลี่ย 19.71% ต่อปี
1. อัตราผลตอบแทนเริ่มแรกและมูลค่าหุ้นเมื่อเทียบกับพันธบัตรรัฐบาล
กำไรต่อหุ้นปี 2008 ประมาณการที่ 13.45 นำมาหารด้วยอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะยาว 20 ปี ในปี 2008 คิดที่อัตราสูงสุด 6.4% ได้ราคาหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเทียบเท่าพันธบัตรเท่ากับ 210 บาท แต่ในปี 2008 สามารถซื้อหุ้น TR ได้ (24 มิ.ย.51) ที่ราคา 54.5 บาท จะได้ผลตอบแทนเริ่มแรก 13.45/54.5 = 24.68% และกำไรนี้จะเติบโตขึ้น 16.19% ต่อปี (สมมติว่า TR จะเติบโตขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้าเท่ากับการเติบโตใน 10 ปีที่ผ่านมา) จะเอาเงิน 54.5 ไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลหรือซื้อหุ้น TR?
2. มอง TR เป็นเหมือนหุ้น/หุ้นกู้
ในปี 2008 ส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 71.45 บาทต่อหุ้น (ส่วนของผู้ถือหุ้น/จำนวนหุ้นทั้งหมด) หากอีก 10 ปีข้างหน้ายังรักษา ROE เฉลี่ยที่ 15.2% ได้ และยังคงเก็บกำไรสะสมถึง 83.54 % เหมือน 10 ปีที่ผ่านมา (อย่างที่รู้กันว่าปันผลน้อยยยย น้อย) ส่วนของผู้ถือหุ้นต่อหุ้นจะเติบโตทบต้นต่อปีประมาณ 12.7% (83.54%*15.2%=12.7%) ซึ่งจะมีมูลค่าประมาณ 236 บาทต่อหุ้นในปี 2018 และหากยังคงสร้าง ROE ที่ 15.2% จะได้กำไรต่อหุ้นที่ประมาณ 36 บาทต่อหุ้น (236*15.2% = 35.93) หาก TR ซื้อขายที่ PE ในช่วง 1.29 8.19 (PE ซื้อขายกันของ TR ในช่วงปี 1998-2008) จะคำนวณราคาหุ้นได้ 46 294 บาทต่อหุ้น และหากใช้ PE เฉลี่ยที่ 4.7 จะได้ราคาหุ้น = 168 บาทต่อหุ้น หรือเท่ากับอัตราผลตอบแทนทบต้นระหว่าง -1.61 (ติดลบ) ถึง 18.37% หรือเท่ากับอัตราผลตอบแทนทบต้นเฉลี่ย 11.94%
หมายเหตุ ปี 1998 PE ต่ำกว่าปกติ (1.29) เนื่องจากเพิ่งพ้นภาวะขาดทุนเนื่องจากประกาศลดค่าเงินในปี 1997 ซึ่งมีผลการดำเนินงานของ TR ขาดทุนในปีนั้น
3. คาดอัตราผลตอบแทนทบต้นต่อปีโดยใช้การเติบโตของ EPS ในอดีต
หากกำไรต่อหุ้นของ TR เติบโตขึ้นด้วยอัตรา 16.19% ต่อปีในอีก 10 ปีข้างหน้า
ปี EPS เงินปันผล
09 15.63 2.76
10 18.16 3.2
11 21.10 3.72
12 24.51 4.32
13 28.48 5.02
14 33.09 5.84
15 38.45 6.78
16 44.67 7.88
17 51.9 9.16
18 60.3 10.64
19 70.06 12.36 รวมปันผลปี 2009-2019 เท่ากับ 71.68 บาท
ใช้ PE 1.29-8.19 จะคำนวณ ราคาหุ้น TR ในปี 2019 ได้ระหว่าง 90-574 บาทต่อหุ้น ราคาเฉลี่ยเท่ากับ 329 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนทบต้นระหว่าง 5-27% ต่อปี โดยมีอัตราเฉลี่ย 19.71% ต่อปี
- หมีบึงกุ่ม
- Verified User
- โพสต์: 408
- ผู้ติดตาม: 0
ขอหุ้นในดวงใจคนละหนึ่งตัวได้ปะครับ คนละตัวพอนะครับ
โพสต์ที่ 69
และถ้าหากนำปันผลในช่วงปี 2009-2019 ประมาณ 72 บาทต่อหุ้นเข้ามารวมด้วยก็จะได้ราคาหุ้นปี 2019 เป็น 162-646 บาทต่อหุ้น หรือราคาเฉลี่ยเท่ากับ 401 บาท ต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนทบต้นระหว่าง 11.51-28.05% ต่อปี หรือที่อัตราเฉลี่ยเท่ากับ 22.09%
หมายเหตุ โดยส่วนตัวคาดว่า หลังจากวิกฤตปี 1997 แล้วตลาดโดยรวมมีแนวโน้มที่จะให้ค่า PE ที่สูงขึ้น
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุนครับ :D
หมายเหตุ โดยส่วนตัวคาดว่า หลังจากวิกฤตปี 1997 แล้วตลาดโดยรวมมีแนวโน้มที่จะให้ค่า PE ที่สูงขึ้น
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุนครับ :D
- หมีบึงกุ่ม
- Verified User
- โพสต์: 408
- ผู้ติดตาม: 0
ขอหุ้นในดวงใจคนละหนึ่งตัวได้ปะครับ คนละตัวพอนะครับ
โพสต์ที่ 70
พอเอาหลักการที่คุณแมรี่เขียนมาวิเคราะห์ TR อ้างอิงจากอดีตช่วง 5 ปี เริ่มจาก 1998-2002 เพื่อจะมาประมาณราคาหุ้น 5 ปีถัดมา 2003-2007 โดยประมาณว่า 5 ปีถัดมาจะคงผลประกอบการเหมือนกัน ผลที่ได้คือผิดจากความจริงมาก ราคาคำนวณต่างจากราคาจริงหลายร้อยเปอร์เซ็นต์เลยครับ
จากตัวเลขผลประกอบการ 5 ปีแรกค่อนข้างไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก EPS ทบต้นเพียง 6% ต่อปี แต่ 5 ปีหลังเพิ่มแบบก้าวกระโดด เนื่องจากกำลังการผลิตและราคาขายเพิ่ม แบบนี้จะคาดการณ์ผลประกอบการอีก 5-10 ปีข้างหน้าได้อย่างไรล่ะครับ?
ธุรกิจแบบไหนจึงจะเหมาะกับวิธีคุณแมรี่? ต้องมีผลกำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง? ต่อเนื่องแบบใด เส้นตรง, parabola, exponential? แบบก้าวกระโดดเป็นขั้นๆ แบบนี้ใช้ไม่ได้ครับ
ผมคุ้นๆ ว่าเคยอ่านเจอกระทู้ที่ว่า New Buffettology ของคุณแมรี่มีข้อผิดพลาด แต่ตอนนั้นยังไม่สนใจมันเลย ตอนนี้อยากอ่านแต่หาไม่เจอแล้วครับ ใครพอทราบบ้าง?
จากตัวเลขผลประกอบการ 5 ปีแรกค่อนข้างไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก EPS ทบต้นเพียง 6% ต่อปี แต่ 5 ปีหลังเพิ่มแบบก้าวกระโดด เนื่องจากกำลังการผลิตและราคาขายเพิ่ม แบบนี้จะคาดการณ์ผลประกอบการอีก 5-10 ปีข้างหน้าได้อย่างไรล่ะครับ?
ธุรกิจแบบไหนจึงจะเหมาะกับวิธีคุณแมรี่? ต้องมีผลกำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง? ต่อเนื่องแบบใด เส้นตรง, parabola, exponential? แบบก้าวกระโดดเป็นขั้นๆ แบบนี้ใช้ไม่ได้ครับ
ผมคุ้นๆ ว่าเคยอ่านเจอกระทู้ที่ว่า New Buffettology ของคุณแมรี่มีข้อผิดพลาด แต่ตอนนั้นยังไม่สนใจมันเลย ตอนนี้อยากอ่านแต่หาไม่เจอแล้วครับ ใครพอทราบบ้าง?
- johnlennon
- Verified User
- โพสต์: 202
- ผู้ติดตาม: 0
ขอหุ้นในดวงใจคนละหนึ่งตัวได้ปะครับ คนละตัวพอนะครับ
โพสต์ที่ 71
[quote="johnlennon"]...lpn ครับ ผลงานกำไรดีสม่ำเสมอ ปันผลดี
ซื้อหุ้นดีเปรียบเหมือนดาวเดือน
-
- Verified User
- โพสต์: 912
- ผู้ติดตาม: 0
ขอหุ้นในดวงใจคนละหนึ่งตัวได้ปะครับ คนละตัวพอนะครับ
โพสต์ที่ 72
โอ้โห ละเอียดมากเลยครับพี่หมี ขอบทุนแทนพี่เจ๋งเลยครับ : )
ว่าแต่ว่า พี่หมีคิดว่าสภาวะ เงินเฟ้อทั่วเอเชียแบบนี้ จะมีผลกระทบต่อยอดขายของ TR ไหมครับ
ถ้าคำถามนี้มันนอกกระทู้ pm ก็ได้ครับ :8)
ว่าแต่ว่า พี่หมีคิดว่าสภาวะ เงินเฟ้อทั่วเอเชียแบบนี้ จะมีผลกระทบต่อยอดขายของ TR ไหมครับ
ถ้าคำถามนี้มันนอกกระทู้ pm ก็ได้ครับ :8)
- หมีบึงกุ่ม
- Verified User
- โพสต์: 408
- ผู้ติดตาม: 0
ขอหุ้นในดวงใจคนละหนึ่งตัวได้ปะครับ คนละตัวพอนะครับ
โพสต์ที่ 73
ผมเชื่อว่าพี่เจ๋งทำได้ดีกว่านี้มากครับ จะคอยเชียร์สวนหย่อม เขียน:โอ้โห ละเอียดมากเลยครับพี่หมี ขอบทุนแทนพี่เจ๋งเลยครับ : )
โดยส่วนตัวคิดว่าการวิเคราะห์แบบคุณแมรี่น่าจะมีข้อจำกัดหลายประการครับ
- ง่ายไป (คิดแค่หัวท้าย ตรงกลางจะเป็นยังไงไม่มีผลต่อการวิเคราะห์เลย) จะให้ความสำคัญกับช่วงกลางๆ ต้องคิดเป็น IRR (Internal Rate of Return) ครับ
- เหมาเอาว่าอนาคตจะเหมือนอดีต โดยไม่ใส่ใจข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจนั้นๆ เพียงพอเช่น แนวโน้มของธุรกิจในอนาคตที่อาจเปลี่ยนไปจากเดิม และการขยายตัวแบบก้าวกระโดด
- ใช้ไม่ได้ธุรกิจที่ไม่มีการเติบโตของผลกำไรอย่างสม่ำเสมอเป็นระยะเวลายาวนานเช่น commodity และธุรกิจที่เป็นวัฎจักร
ผมว่า demand กับ supply ของผลิตภัณฑ์+ของทดแทน (i.e. cotton) วัตถุดิบ และกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นมีผลกระทบมากกว่าครับสวนหย่อม เขียน:ว่าแต่ว่า พี่หมีคิดว่าสภาวะ เงินเฟ้อทั่วเอเชียแบบนี้ จะมีผลกระทบต่อยอดขายของ TR ไหมครับ
ขอโทษครับเพิ่งรู้สึกตัวว่าทำกระทู้พี่เขาเลอะ พอดีกำลังอ่านอยู่เลยอยากลองทำตามไปด้วยครับ จริงๆ ผมแค่จะบอกว่า "TR ครับ เพราะมันถูกและกำไรแข็งแกร่งยาวนานดี มี growth อีกตะหาก"สวนหย่อม เขียน:ถ้าคำถามนี้มันนอกกระทู้ pm ก็ได้ครับ :8)
- หมีบึงกุ่ม
- Verified User
- โพสต์: 408
- ผู้ติดตาม: 0
ขอหุ้นในดวงใจคนละหนึ่งตัวได้ปะครับ คนละตัวพอนะครับ
โพสต์ที่ 76
[quote="แผ่วเบา"]
พี่หมีคาดว่าปีนี้ tr จะได้กำไรเท่าไหร่ครับ
ไม่ต้องเป๊ะๆ
พี่หมีคาดว่าปีนี้ tr จะได้กำไรเท่าไหร่ครับ
ไม่ต้องเป๊ะๆ
- หมีบึงกุ่ม
- Verified User
- โพสต์: 408
- ผู้ติดตาม: 0
ขอหุ้นในดวงใจคนละหนึ่งตัวได้ปะครับ คนละตัวพอนะครับ
โพสต์ที่ 78
กำไรต่อหุ้นนั้นผมนั่งเทียน ใบ้หวยล้วนๆ เลยครับ เพียงให้มันมีตัวเลขมาลองคำนวณตามหนังสือเท่านั้นครับ :oops:สวนหย่อม เขียน:เอากำไรต่อหุ้นที่พี่หมีประมาณคูณด้วยจำนวนหุ้นไม่ได้เหรอครับ
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
ขอหุ้นในดวงใจคนละหนึ่งตัวได้ปะครับ คนละตัวพอนะครับ
โพสต์ที่ 81
อ่า ตัวเดียวหรอคับพูดยาก 55+
ถ้าเอาหุ้นที่ผมสนใจก็เยอะพอควรเลยคับ
อยู่ในรายชื่อหุ้นที่ศึกษานะครับ
HMPRO , BGH , BH , CPALL , MAJOR
CPN , CENTEL , OISHI , SCC , PTT
GLOW , RATCH , BIGC , KBANK
แต่เอาหุ้นในดวงใจ
ผมให้ RATCH ครับ
อาจจะไม่ใช่ธุรกิจ หรือกิจการที่ดีที่สุด ใน SET
แต่เป็นหุ้นที่ผมชื่นชอบที่สุด
ในเรื่องของ รายได้สม่ำเสมอมาก
ไม่นับเวลาการหยุดซ่อมโรงไฟฟ้านะครับ
บริษัทมีแผนการเติบโตที่ยั่งยืน(ศึกษาลงทุนในหลังงานทางเลือกอื่น)
และความมีีธรรมาภิบาล + ความเชี่ยวชาญในธุรกิจ
ถ้าเอาหุ้นที่ผมสนใจก็เยอะพอควรเลยคับ
อยู่ในรายชื่อหุ้นที่ศึกษานะครับ
HMPRO , BGH , BH , CPALL , MAJOR
CPN , CENTEL , OISHI , SCC , PTT
GLOW , RATCH , BIGC , KBANK
แต่เอาหุ้นในดวงใจ
ผมให้ RATCH ครับ
อาจจะไม่ใช่ธุรกิจ หรือกิจการที่ดีที่สุด ใน SET
แต่เป็นหุ้นที่ผมชื่นชอบที่สุด
ในเรื่องของ รายได้สม่ำเสมอมาก
ไม่นับเวลาการหยุดซ่อมโรงไฟฟ้านะครับ
บริษัทมีแผนการเติบโตที่ยั่งยืน(ศึกษาลงทุนในหลังงานทางเลือกอื่น)
และความมีีธรรมาภิบาล + ความเชี่ยวชาญในธุรกิจ
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.