บททดสอบหลักการ ความเชื่อ ข้อผิดพลาด และการตัดสินใจ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 554
- ผู้ติดตาม: 1
บททดสอบหลักการ ความเชื่อ ข้อผิดพลาด และการตัดสินใจ
โพสต์ที่ 1
ช่วงนี้เห็นราคาหุ้นแล้วรู้สึกเครียด ผมมานั่งทบทวนหลักการ ความเชื่อ สิ่งที่คิดว่าไม่ควรทำ และจะทำอะไรกับพอร์ตต่อไป
ผมตัดสินใจว่าผมจะไม่ขายหุ้นที่มีอยู่ในราคานี้ ปลอบใจตัวเองคิดซะว่าซื้อที่ดินตาบอดเก็บไว้ ขายตอนนี้ก็คงไม่ได้ราคา ตอนนี้เก็บที่ดินไว้แล้วกินค่าเช่า (ปันผล) ก็ยังได้ผลตอบแทนที่ใช้ได้ อีก2-3ปีจะมีถนนตัดผ่าน ถึงเวลานั้นแล้วค่อยดูกันอีกที
ผมคิดแบบนี้โดยที่ยังเชื่อว่าวิกฤตการณ์ครั้งนี้คงไม่ทำให้พื้นฐานของกิจการที่ผมถืออยู่เปลียนไปมากนัก ถึงอาจจะมีผลกระทบต่อกำลังซื้อโดยรวมบ้าง แต่บริษัทก็ยังมีกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าได้โดยไม่ต้องรบกวนเงินของผู้ถือหุ้น
ผมคงยึดในหลักการเดิมคือการถือหุ้นโดยความเชื่อในพื้นฐานของบริษัทเป็นหลัก ถ้าปัจจัยภายนอกเลวร้ายแต่ถ้าเชื่อว่ามันจะไม่ทำให้พื้นฐานของบริษัทเปลี่ยนก็คงจะไม่ขาย จะไม่ขายเพื่อรอราคาหุ้นลงแล้วซื้อกลับเพราะไม่รู้ว่ามันจะลงจริงหรือเปล่า แต่จะขายเมื่อราคาหุ้นขึ้นไปในราคาที่ไม่เห็น margin of safety ที่จะถือต่อ หรือ ขายเพื่อไปซื้อหุ้นตัวอื่นที่น่าสนใจมากกว่า (หรือจะขายเมื่อต้องการใช้เงิน หรือกำลังจะโดน force sale)
ผมคิดว่าผมยังคงถือหุ้นเต็มพอร์ตต่อไป เพราะเชื่อว่าการถือเงินสดมากเกินไปเป็นการเสียโอกาสทางการเงิน หุ้นของกิจการที่ดี ราคาต้องกลับมาตามมูลค่าของมัน สิ่งที่เสียคือแค่เวลาในการรอ กับโอกาสในการลงทุนอย่างอื่นคิดว่าที่มีความเสี่ยงมากกว่า
ผมจะยอมรับถ้ากิจการที่ผมคิดว่าดี ไม่ได้ดีอย่างที่ผมคิด แล้วราคาตกลงไปอย่างไม่มีวันกลับ และผมคงขายหุ้นถึงแม้ว่าจะขาดทุนทันทีที่รู้ตัว
ผมจะยอมรับในการตัดสินใจถ้าวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นเปลี่ยนพื้นฐานของกิจการมากกว่าที่คิด จนทำให้ต้องขาดทุนมหาศาลเพราะไม่ยอม cut loss
ซึ่งที่เขียนมาบางคนอาจจะคิดว่าไม่ฉลาดนักแต่ผมก็จะยึดมั่นในหลักการที่มีอยู่
และประสบการณ์ครั้งนี้ก็ทำให้ผมมีความระมัดระวังมากขึ้น
ผมจะกันเงินเผื่อที่จำเป็นไว้ในอนาคต ถ้าเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้นก็จะได้ไม่เดือดร้อนมากนัก
ผมจะไม่ใช้โลภโดยใช้ margin loan เต็มร้อยอีก เพราะมันหวาดเสียวเหรอเกิน แต่จะใช้ในปริมาณที่เหมาะสม
ขอบคุณอเมริกาสำหรับบททดสอบ และการเรียนรู้ที่น่าจดจำครั้งนี้ครับ
ผมตัดสินใจว่าผมจะไม่ขายหุ้นที่มีอยู่ในราคานี้ ปลอบใจตัวเองคิดซะว่าซื้อที่ดินตาบอดเก็บไว้ ขายตอนนี้ก็คงไม่ได้ราคา ตอนนี้เก็บที่ดินไว้แล้วกินค่าเช่า (ปันผล) ก็ยังได้ผลตอบแทนที่ใช้ได้ อีก2-3ปีจะมีถนนตัดผ่าน ถึงเวลานั้นแล้วค่อยดูกันอีกที
ผมคิดแบบนี้โดยที่ยังเชื่อว่าวิกฤตการณ์ครั้งนี้คงไม่ทำให้พื้นฐานของกิจการที่ผมถืออยู่เปลียนไปมากนัก ถึงอาจจะมีผลกระทบต่อกำลังซื้อโดยรวมบ้าง แต่บริษัทก็ยังมีกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าได้โดยไม่ต้องรบกวนเงินของผู้ถือหุ้น
ผมคงยึดในหลักการเดิมคือการถือหุ้นโดยความเชื่อในพื้นฐานของบริษัทเป็นหลัก ถ้าปัจจัยภายนอกเลวร้ายแต่ถ้าเชื่อว่ามันจะไม่ทำให้พื้นฐานของบริษัทเปลี่ยนก็คงจะไม่ขาย จะไม่ขายเพื่อรอราคาหุ้นลงแล้วซื้อกลับเพราะไม่รู้ว่ามันจะลงจริงหรือเปล่า แต่จะขายเมื่อราคาหุ้นขึ้นไปในราคาที่ไม่เห็น margin of safety ที่จะถือต่อ หรือ ขายเพื่อไปซื้อหุ้นตัวอื่นที่น่าสนใจมากกว่า (หรือจะขายเมื่อต้องการใช้เงิน หรือกำลังจะโดน force sale)
ผมคิดว่าผมยังคงถือหุ้นเต็มพอร์ตต่อไป เพราะเชื่อว่าการถือเงินสดมากเกินไปเป็นการเสียโอกาสทางการเงิน หุ้นของกิจการที่ดี ราคาต้องกลับมาตามมูลค่าของมัน สิ่งที่เสียคือแค่เวลาในการรอ กับโอกาสในการลงทุนอย่างอื่นคิดว่าที่มีความเสี่ยงมากกว่า
ผมจะยอมรับถ้ากิจการที่ผมคิดว่าดี ไม่ได้ดีอย่างที่ผมคิด แล้วราคาตกลงไปอย่างไม่มีวันกลับ และผมคงขายหุ้นถึงแม้ว่าจะขาดทุนทันทีที่รู้ตัว
ผมจะยอมรับในการตัดสินใจถ้าวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นเปลี่ยนพื้นฐานของกิจการมากกว่าที่คิด จนทำให้ต้องขาดทุนมหาศาลเพราะไม่ยอม cut loss
ซึ่งที่เขียนมาบางคนอาจจะคิดว่าไม่ฉลาดนักแต่ผมก็จะยึดมั่นในหลักการที่มีอยู่
และประสบการณ์ครั้งนี้ก็ทำให้ผมมีความระมัดระวังมากขึ้น
ผมจะกันเงินเผื่อที่จำเป็นไว้ในอนาคต ถ้าเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้นก็จะได้ไม่เดือดร้อนมากนัก
ผมจะไม่ใช้โลภโดยใช้ margin loan เต็มร้อยอีก เพราะมันหวาดเสียวเหรอเกิน แต่จะใช้ในปริมาณที่เหมาะสม
ขอบคุณอเมริกาสำหรับบททดสอบ และการเรียนรู้ที่น่าจดจำครั้งนี้ครับ
"A lot of times the question is harder than the answer. If you can properly phrase the question, then the answer is the easy part." Elon Musk
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
บททดสอบหลักการ ความเชื่อ ข้อผิดพลาด และการตัดสินใจ
โพสต์ที่ 4
ที่สุพรรณเมื่อก่อนมีการหาเสียง mottoเขาว่า
"คิิดอะไรไม่ออกบอกจองชัย"
คุณบรรหารออกมาเก(เกนะครับไม่ใช่เกย์)ทับ
"แต่หาอะไรไม่ได้ให้รีบมาบอกบรรหาร"
คุณจองชัย งี๊จ๋อยไปเลย
ตอนหลังต้องไปเข้าพรรคชาิติไทยเพราะรู้ว่าแพ้แน่อย่างนี้
สำหรับเซนนะ
"คิดอะไรไม่ออกบอกพอใจ"ได้ครับ
"แต่ถ้าหาอะไรไม่ได้ค่อยบอก(อีตา)สามัญชน"...ครับ...ขานั้นเขาตั๋งกว่าเยอะ
"คิิดอะไรไม่ออกบอกจองชัย"
คุณบรรหารออกมาเก(เกนะครับไม่ใช่เกย์)ทับ
"แต่หาอะไรไม่ได้ให้รีบมาบอกบรรหาร"
คุณจองชัย งี๊จ๋อยไปเลย
ตอนหลังต้องไปเข้าพรรคชาิติไทยเพราะรู้ว่าแพ้แน่อย่างนี้
สำหรับเซนนะ
"คิดอะไรไม่ออกบอกพอใจ"ได้ครับ
"แต่ถ้าหาอะไรไม่ได้ค่อยบอก(อีตา)สามัญชน"...ครับ...ขานั้นเขาตั๋งกว่าเยอะ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 193
- ผู้ติดตาม: 0
บททดสอบหลักการ ความเชื่อ ข้อผิดพลาด และการตัดสินใจ
โพสต์ที่ 6
เมื่อ...............
คิดอะไรไม่ออก
ให้ออกจากความคิด
ทำจิตให้สงบ
แล้วจะพบทางออก
คิดอะไรไม่ออก
ให้ออกจากความคิด
ทำจิตให้สงบ
แล้วจะพบทางออก
-
- Verified User
- โพสต์: 601
- ผู้ติดตาม: 0
บททดสอบหลักการ ความเชื่อ ข้อผิดพลาด และการตัดสินใจ
โพสต์ที่ 9
ชอบประโยคนี้ครับ ว่าแต่หาอะไรดีครับ :?:"คิดอะไรไม่ออกบอกพอใจ"ได้ครับ
"แต่ถ้าหาอะไรไม่ได้ค่อยบอก(อีตา)สามัญชน"...ครับ...ขานั้นเขาตั๋งกว่าเยอะ