อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
wr
Verified User
โพสต์: 149
ผู้ติดตาม: 0

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 31

โพสต์

ถ้าค่ายรถเมกันถึงแก่กาลอวสานไป
ก็คงเป็นยุโรปกับญี่ปุ่นแย่งเค้ก และใหญ่โตขึ้น
แต่ก็อาจเป็นโอกาสให้รายใหม่จากจีนหรืออินเดียได้ลองโตดู
เช่น เข้ามาเทค โนวฮาว หรือ แบรนด์ โดยเสริมการควบคุมต้นทุนแบบเอเชีย
ภายหน้าอาจเป็นภัยคุกคามค่ายอื่นยิ่งกว่าเมกันก็ได้นาครับ
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 32

โพสต์

ร้องรัฐโดดอุ้ม อุตฯยานยนต์ คำสั่งผลิตวูบ

โพสต์ทูเดย์ ร้องรัฐช่วยอุตสาห กรรมยานยนต์ หลังแนวโน้มการผลิตไตรมาสแรกทรุด 40%

นายวัลลภ เตียศิริ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ เปิดเผยว่า รัฐบาลจะต้องหันมาให้ความช่วยเหลือกับอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างจริงจังในปีนี้ เนื่องจากได้รับผลกระทบ จากการหดตัวของตลาดทั้งในและต่างประเทศ เห็นได้จากการชะลอกำลังการผลิตและปิดโรงงานในช่วงปลายปีที่ผ่านมา
ตัวเลขล่าสุดของผู้ผลิตรถยนต์ พบว่ามียอดสั่งผลิตในไตรมาสแรกลดลงไปกว่า 40% เป็นผลมาจากสต๊อกสินค้ารถยนต์ยังเหลือมาก แม้ว่าไทยจะไม่ได้ส่งออกไปสหรัฐโดยตรง แต่ตลาดส่งออกไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย ยุโรป และญี่ปุ่น ล้วนเป็นประเทศที่เป็นคู่ค้ากับสหรัฐทั้งสิ้น และมีแนวโน้มว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ในแต่ละประเทศจะหดตัวตามมา

การลดกำลังผลิตจะกระทบกับแรงงานในอุตสาหกรรมยานยนต์ เพราะกว่า 30% หรือ 1 แสนคน เป็นแรงงานในส่วนซับคอนแทรก เตอร์ ที่อาจจะโดนปลดออกจากงานได้ในอนาคต นายวัลลภ กล่าว

สำหรับในปี 2552 นั้น จากการคาดการณ์เบื้องต้น พบว่าจะมียอดการผลิตรถยนต์ราว 1.2 ล้านคัน เท่านั้น ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่ผลิตไปมากกว่า 1.4 ล้านคัน

ตัวเลขที่หายไปเป็นผลกระทบจากตลาดในประเทศ 5 หมื่นคัน และตลาดส่งออก 1.5 แสนคัน ถือว่าพลาดจากการคาดการณ์ในช่วงก่อนหน้านี้ ที่เคยคาดการณ์ว่ายอดผลิตรถยนต์ในไทยจะเติบโตไม่น้อยกว่า 2 ล้านคันต่อปี ในปี 2552


http://www.posttoday.com/business.php?id=25840
:)
nw108
Verified User
โพสต์: 503
ผู้ติดตาม: 0

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 33

โพสต์

:roll:


    ผมทำงานในโรงงานที่ส่งวัตถุดิบที่เป็นวัสดุที่ใช้ในงานหล่อเหล็กเข้าโรงหล่อชิ้นส่วนรถยนต์

    6 เดือนเเรกในปี2009 นี้คำสั่งซื้อล่วงหน้าลดลง50 % เนื่องจากบริษัทที่เป็นลูกค้าได้รับคำสั่งซื้อลดลงอย่างมาก

    ดังนั้นคาดได้เลยว่าปีนี้ในกลุ่มยานยนต์คงจะเป็นปีที่ยาวนานเเละยากลำบากมาก

   ผมยังเชื่อมั่นในความสามารถในการเเข่งขันของประเทศไทยเเละคิดว่าคงมีโอกาสกลับมาอีกครั้งเเต่คงต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควรเลยละครับ


:idea: NET-NET can save your ass.
Tao_PK
Verified User
โพสต์: 146
ผู้ติดตาม: 0

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 34

โพสต์

ผมก็ทำงานบริษัทเกี่ยวชิ้นส่วนยานยนต์ จริงอยุ่ครับอุตสาหกรรมแนวโน้มลดลง แต่ก้ยังรถรุ่นใหม่ๆที่กำลัง develope แต่รอภาวะเศรษฐกิจเริ่มส่งฟื้นตัว honda เองก้เพิ่งเปิดโรงงานใหม่ที่โรจนะ คิดว่าสักระยะ แต่ตอนนี้ส่วนใหญ่ราคาหุ้นลงมาทุกตัว  ตัดสินใจกันเอาเองละกันครับ
Linsu_th
Verified User
โพสต์: 497
ผู้ติดตาม: 0

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 35

โพสต์

ฟันธงยอดผลิตรถปีวัว1.2ล้านคัน ส.ยานยนต์ระบุลดกำลังผลิตลอยแพคนงานทะลุแสนคน
ส.ยานยนต์ชี้ปีหน้าอุตสาหกรรมยานยนต์จ้องปลดพนังงานอีกเฉียดแสน ระบุยอดผลิตวูบเหลือ 1.2 ล้านคัน เหตุค่ายรถยนต์เตรียมปรับลด "สต๊อก" ลง 40% ในไตรมาสแรกหลังตลาดส่งออกลดลง 1.5 แสนคัน เชื่อตลาดในประเทศตก 5 หมื่นคัน
นายวัลลภ เตียศิริ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงสถานการณ์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ใน ปี 2552 ว่า เบื้องต้นคาดจะมีปริมาณการผลิตรถยนต์ลดเหลือเพียง 1.2 ล้านคัน โดยปริมาณการผลิตที่ลดลงนั้นแบ่งเป็นตลาดในประเทศจำนวน 50,000 คัน และตลาดส่งออก 150,000 คัน จากเดิมที่คาดว่ายอดการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านคันในปีนี้ และภายในปี 2553
ทั้งนี้ พิจารณาจากผลกระทบจากปริมาณรถยนต์ค้างสต๊อกจะมีผลต่อเนื่องมาจนถึงในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2552 โดยบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จะมีการปรับลดการผลิตลง 40% เพื่อปรับสต๊อกสำหรับลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ
"จริงๆ ตัวเลขปีที่แล้วเราผลิตมากกว่า ปีก่อนหน้านี้ 4% แต่ตัวเลขขายนั้นขายน้อยกว่า 2% ตลาดในต่างประเทศแม้จะมี คำสั่งซื้อมาล่วงหน้า แต่ต่อไปในอนาคตจะต้องปรับลดคำสั่งซื้อแม้ว่าลูกค้าเราจะไม่ใช่ อเมริกา แต่ประเทศลูกค้าอย่างออสเตรเลีย ยุโรป อเมริกาใต้ ซึ่งเป็นประเทศที่มีการค้าขายกับอเมริกาอาจทำให้มีสินค้าคงคลังใน สต๊อกมากขึ้น ทำให้การปรับลด สต๊อกลง 40% มีความเป็นไปได้"
ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์กล่าวอีกว่า สิ่งที่จะตามมา คือ 1.การปรับลดการทำงานล่วงเวลา 2.ลดกะเวลาการทำงานซึ่งจะส่งผลให้แรงงานในส่วนของซับคอนแทร็กต์ ที่ปัจจุบันคิดเป็น 30% ของแรงงานในอุตสาหกรรมยานยนต์ หรือประมาณ 100,000 คนอาจมีปัญหาจนกระทั่งนำไปสู่การปลดพนักงานได้ในอนาคต และเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางด้านแรงงาน ครั้งนี้ภาครัฐและเอกชนจะต้องหามาตรการช่วยเหลือหรือกระตุ้นให้อุตสาหกรรมสามารถเดินหน้าต่อไปได้ เช่น การทำให้ระบบสินเชื่อของอุตสาหกรรม ยานยนต์เดินหน้าต่อไปได้ การกระตุ้นตลาดด้วยโครงสร้างภาษีต่างๆ อาทิ รถที่ใช้พลังงานทดแทน และการหามาตรการช่วยเหลือทั้งในด้านการพัฒนาบุคลากร และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
สำหรับการลงทุนของอุตสาหกรรมยานยนต์หลักๆ ในปี 2552 นั้น คาดว่าจะเป็นการลงทุนในโครงการอีโคคาร์ สำหรับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์บางรายที่มีความพร้อม โดยจะเป็นการลงทุนเครื่องจักรและโรงงานบางส่วน
นายวัลลภกล่าวอีกว่า หวังเป?นอย่างยิ่งว่าในปี 2552 อุตสาหกรรมยานยนต์และ ชิ้นส่วนของไทยจะมีความชัดเจนเพิ่มขึ้น ทั้งสถานการณ์ทางด้านการเมือง และ สถานการณ์ทางด้านแรงงาน สำหรับใน ปี 2551 ยอดการผลิตรถยนต์ 1.4 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปี 2550 คือ 11%
ส่วนยอดในประเทศ 11 เดือนของ ปี 2551 จากเดิมที่มียอดขาย 556,267 คัน เทียบ 11 เดือน ปีที่แล้วลดลง 1.88% ขณะที่ตลาดส่งออก 11 เดือน ปี 2551 มียอด 732,879 คัน
http://www.matichon.co.th/prachachat/pr ... ionid=0210
Linsu_th
Verified User
โพสต์: 497
ผู้ติดตาม: 0

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 36

โพสต์

ที่ญี่ปุ่น...บ้างโตโยต้าจะระงับการผลิตในประเทศ 11 วัน
โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น เผยวันนี้ว่า จะระงับการผลิตทั้งหมดที่โรงงานในประเทศเป็นเวลา 11 วัน ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคมนี้ เป็นการขานรับยอดขายที่ลดลง
โฆษกโตโยต้า ระบุว่า จะระงับการผลิตที่โรงงาน 12 แห่งในญี่ปุ่นเพิ่มอีก 11 วัน หลังจากตัดสินใจระงับการผลิตที่โรงงานในประเทศเป็นเวลา 3 วัน ในเดือนนี้ เพื่อรับมือกับอุปสงค์ที่ลดลงอย่างรวดเร็ว
การลดกำลังการผลิตครั้งล่าสุดมีขึ้น หลังจากเมื่อเดือนก่อนโตโยต้าคาดการณ์ว่าจะประสบปัญหาขาดทุนจากการดำเนินงานรายปีเป็นครั้งแรก จากวิกฤติที่ไม่เคยมีมาก่อนในอุตสาหกรรมยานยนต์โลก ก่อนหน้านี้โตโยต้าได้ลดกำลังการผลิตที่โรงงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ในสหรัฐ แคนาดา และฝรั่งเศส ทั้งยังมีแผนจะลดจำนวนพนักงานชั่วคราวในญี่ปุ่นลง 3,000 ตำแหน่ง ปัญหาที่โตโยต้าเผชิญครั้งนี้เป็นการตอกย้ำถึงภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวที่สร้างความเสียหายอย่างหนักแก่อุตสาหกรรมยานยนต์ และทำให้ค่ายรถยนต์รายใหญ่ 3 บริษัทของสหรัฐ พยายามขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากรัฐบาลสหรัฐเพื่อให้รอดพ้นจากการล้มละลาย.
http://www.thannews.th.com/view_newstod ... d=52000113
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 37

โพสต์

http://www.posttoday.com/business.php?id=27921
โตโยต้าชี้ตลาดรถปีนี้จ๋อย
โตโยต้า ทำใจตลาดรถยนต์ปีนี้สุดซึม คาดตลาดรวม ในประเทศหดตัว 15.4% ส่วนโตโยต้าหดตัว 15.7%

นายมิทซิฮิโระ โซโนดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ยอดจำหน่ายรถยนต์ปี 2552 ว่า จะมียอดจำหน่ายลดลง 15.4% หรือมี ยอดจำหน่าย 5.2 แสนคัน จาก ยอดจำหน่ายรถยนต์รวมปีที่แล้ว ที่มียอดจำหน่าย 615,270 คัน

สำหรับยอดจำหน่ายรถนต์นั่งในปีนี้ คาดว่ายอดจำหน่ายจะหดตัว 8.6% เหลือ 2.05 แสนคัน จาก 226,805 คัน ในปีที่ผ่านมา และรถเพื่อการพาณิชย์หดตัวลง 19.0% เหลือ 3.15 แสนคัน จาก 334,282 คัน โดยรถยนต์ปิกอัพ 1 ตันในกลุ่มนี้ จะหดตัว 19.1% เหลือเพียง 2.69 แสนคัน จาก 311,470 คัน

นายโซโนดะ กล่าวว่า สำหรับยอดจำหน่ายของโตโยต้าเอง คาดว่าจะหดตัวลง 15.7% เหลือ 2.21 แสนคัน จาก 262,209 คันในปีที่ผ่านมา โดยรถยนต์นั่งหดตัว 14.9% เหลือ 9.1 หมื่นคัน จาก 106,853 คัน รถยนต์เชิงพาณิชย์หดตัว 16.3% เหลือ 1.3 แสนคัน จาก 155,356 คัน และเป็นรถปิกอัพ 1 ตันหดตัว 16.6% เหลือเพียง 1.178 แสนคัน จาก 141,249 คัน

เวลานี้ ต้องการให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ และหวังว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะสร้างความเชื่อมั่น และเพิ่มอำนาจการซื้อให้แก่ ผู้บริโภค นายโซโนดะ กล่าว

สำหรับการทำตลาดในประเทศ จะยังคงเปิดตัวสินค้าใหม่ ตามแผนไม่ว่าจะเป็นคัมรี่ ไฮบริด ยาริส ไมเนอร์เชนจ์ รวมไปถึงเครื่องยนต์รุ่นใหม่ของอัลติส สำหรับรถกระบะวีโก้ โตโยต้าตั้งเป้าหมายที่จะรักษาระดับสัดส่วนการจำหน่ายให้ได้ที่ 60% จากปีที่ผ่านมาที่สัดส่วนการขายลดเหลือ 50% เท่านั้น ซึ่งต้องกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการทำแคมเปญแยกตามภูมิภาค

ทั้งนี้ แผนการส่งออก และปริมาณการส่งออกในปีนี้ โตโยต้า ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ เนื่องจากตลาดส่งออกมีความผันผวนอย่างมาก ทำให้โตโยต้าต้องวางแผนการผลิตในแบบเดือนต่อเดือน โดยปีที่ผ่านมา โตโยต้าส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 3.13 แสนคันมูลค่ากว่า 1.34 หมื่นล้านบาท และส่งออกชิ้นส่วนอะไหล่ 2.88 หมื่นคอนเทนเนอร์ มูลค่ากว่า 4.4 หมื่นล้านบาท

---------------------------------------------------------------------------
เจ้าพ่อตลาดออกข่าวแบบนี้แล้วต่อไปเป็นอย่างไงล่ะเนี่ย
:)
:)
ซากทัพ
Verified User
โพสต์: 393
ผู้ติดตาม: 0

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 38

โพสต์

ยังไงผมก็ไม่เชื่อว่าบ.แม่ ของรถค่ายยี่ปุ่นจะเจ๊ง
ที่ผ่านมาโรงงานใช้กำลังผลิตเกินร้อยติดต่อกันมาหลายปี
ที่ทรุดตัว 40% น่าจะเท่ากับว่าผลิต 80% ของกำลังผลิตมากกว่า
คงไม่ใช่ผลิตเท่ากับ 60%ของกำลังผลิตนะครับ
อุตสาหกรรมนี้ โกยกำไรไปมากแล้วยังจะมาให้รัฐอุ้มอีกทำไม

ที่เจ๊งคงเป็นบ.ซัพพลายเออร์อันดับสามที่คนไทยเป็นเจ้าของส่วนใหญ่นั่นแหละ
ในเมื่อคนไทยยังไม่มีโนฮาวน์เป็นของตนเอง ก็จะถูกกระทบตลอด
nw108
Verified User
โพสต์: 503
ผู้ติดตาม: 0

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 39

โพสต์

:D


    เทรนของกลุ่มรถยนต์ภายใน1-2ปี น่าจะทรงๆกึ่งทรุด เนื่องจากปัจจุบันผลิตส่งออกประมาณ40% -50% ของยอดขายiทั้งหมด

    เเต่ยอดส่งออกเริ่มลดลงอมากทั้งเเต่ปลายปีที่เเล้ว เเละจะลดลงเพิ่มมากขึ้นอีกใน q1-q2 (q3-q4 2009 ยังคาดการณ์ลำบากในขณะนี้)


    ต้องดูโปรเจค อีโคคาร์ด้วย  ว่าเเต่ละค่ายจะเลื่อนการผลิตออกไป จากปี2009 อีกหรือไหม

    เเต่ถ้ามองระยะยาว5ปี++ ผมว่ากลุ่มนี้น่าสนใจพอสมควรเลยครับเพราะประเทศไทยมีข้อได้เปรียบในการผลิตพอสมควรจากช่างฝีมือเเละประสบการณ์ที่ยังสามารถเเข่งขันในตลาดโลกได้ เเละราคาได้ปรับตัวลงมารอข่าวไปเเล้วพอสมควร ในหลายๆบริษัท มีหนี้ที่ไม่มากหนัก ทำให้น่าจะผ่านวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปได้
( เเต่ราคาก็ยังมีโอกาสปรับลดลงได้อีก เพราะคงยังมีข่าวร้ายๆรออยู่มาก , เเละผลประกอบการณ์ที่คงดูเเย่ลงมากเมือเทียบกับปี2008 )


:idea: NET-NET can save your ass.
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 40

โพสต์

http://www.posttoday.com/news.php?id=28989

ยอดผลิตรถวูบ3แสน

วันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2552

อุตสาหกรรมยานยนต์ คาดยอดผลิตรถยนต์ปีนี้หาย 3 แสนคัน ลุ้นรัฐลดแวตซื้อรถยนต์เหลือ 4% เชื่อดันยอดขายในประเทศเพิ่มได้ 1 แสนคัน

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ได้ประเมินว่าสถานการณ์ตลาดรถยนต์ในปี 2552 ยังมีแนวโน้มไม่ดีนัก ส่งผลให้บริษัทผลิตรถยนต์ทุกค่ายลดกำลังการผลิตลง จากเดิมกำหนดเป้าหมายไว้ที่ 1.394 ล้านคัน ในปี 2551 เหลือ 1.08 ล้านคัน ในปี 2552 หรือลดลง 3.14 แสนคัน แบ่งเป็นผลิตเพื่อส่งออก 5.9 แสนคัน ลดลงจากปีก่อน 24% และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 4.88 แสนคัน หรือลดลง 20% โดยคาดว่ายอดจำหน่ายในประเทศปีนี้จะอยู่ที่ 5 แสนคัน ลดลงจากปีก่อนประมาณ 18%

สำหรับประมาณการผลิตรถจักรยานยนต์ปี 2552 จะอยู่ที่ 1.65 ล้านคัน ลดลงจากปีก่อน 13% แยกเป็นการผลิตเพื่อส่งออกประมาณ 1.57 แสนคัน และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 1.5 ล้านคัน

ทั้งนี้ จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงได้ส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเริ่มเห็นชัดเจนในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา โดยยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศตลอดปี 2551 มีจำนวน 615,270 คัน ลดลง 2.5% แยกเป็นรถยนต์นั่ง 226,805 คัน เพิ่มขึ้น 33.3% รถกระบะ 334,282 คัน ลดลง 17.6% และรถบรรทุก 17,910 คัน ลดลง 21.3% เป็นต้น

สำหรับยอดการส่งออกรถยนต์ตลอดปี 2551 อยู่ที่ 7.76 แสนคัน ลดลงจากเป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้ 7.7 แสนคัน สำหรับการผลิตรถ จักรยานยนต์ในเดือนธ.ค. 2551 มีจำนวนทั้งสิ้น 1.9 แสนคัน ลดลง 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เมื่อรวมเฉลี่ยทั้งปีมียอดการผลิตอยู่ที่ 3 ล้านคัน ลดลงจากปีก่อน 9.6%

นายอดิศักดิ์ โรหิตะศุน รองประธานส.อ.ท. กล่าวว่า ต้องการให้หน่วยงานราชการเร่งการจัดประมูลรถยนต์ที่นำไปใช้ในส่วนราชการ โดยเน้นรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมัน และรถยนต์ อี20 ซึ่ง นอกจากจะช่วยส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนแล้ว ยังกระตุ้นยอดขายรถยนต์ในประเทศด้วย
:)
ภาพประจำตัวสมาชิก
gnomeller
Verified User
โพสต์: 425
ผู้ติดตาม: 0

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 41

โพสต์

4 ปี รอไปเหอะ วัฒจักรของมัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
tum_H
Verified User
โพสต์: 1857
ผู้ติดตาม: 0

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 42

โพสต์

"จีเอ็ม" ป่วนหนัก ประกาศปลดคนรอบที่ 2 หลังลดกำลังผลิตถึง 50% ชี้เป็นผลจากตลาดส่งออกที่ตกลงไป 60% แต่ยังเดินหน้าหาเงินลงทุนขยายงานต่อ ย้ำชัดไม่พับฐานหนีไปไหน


.......ด้าน "มิตซูบิชิ" ยอมรับปรับลดกำลังผลิตลง 50% เช่นกัน หลังออร์เดอร์จากต่างประเทศฮวบ เร่งเดินหน้าตลาดในประเทศส่งรถรุ่นใหม่ลงตลาด ชูอีโคคาร์

แหล่งข่าวจากกลุ่มบริษัทจีเอ็ม ในประเทศไทย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ผลพวงจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้ยอดการส่งออกรถยนต์จากฐานการผลิตในประเทศไทยต้องปรับลดลง ซึ่งมีผลให้กำลังการผลิตของโรงงานประกอบรถยนต์จีเอ็ม ที่จังหวัดระยอง ต้องปรับลดลงตามไปด้วย ดังนั้นบริษัทจึงได้มีประกาศให้พนักงานสมัครใจลาออก ฉบับที่ 2 ขึ้น โดยเปิดรับสมัครพนักงานในสายการผลิตจำนวน 700 คน ซึ่งโครงการนี้ให้ผลตอบแทนที่จูงใจมากกว่าครั้งแรกที่บริษัทได้เปิดรับสมัครเมื่อปลายปีที่ผ่านมา

"จากวิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นในปีที่แล้ว และส่งกระทบต่อตลาดส่งออกรถปิกอัพของบริษัทไปทั่วโลก ทำให้บริษัทต้องปรับกำลังการผลิตรถยนต์ในปีนี้ลง ดังนั้นเพื่อให้เหมาะสมกับกำลังการผลิตที่เหลืออยู่ บริษัทจึงได้จัดทำโครงการสมัครใจลาออกครั้งที่ 2 ขึ้น ซึ่งโครงการนี้ถือว่าให้ผลตอบแทนที่จูงใจมากกว่าเดิม โดยเปิดรับสมัครมาตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ จนถึงวันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ และจนถึงขณะนี้ถือว่าได้รับการตอบรับจากพนักงานเป็นจำนวนมาก คาดว่าจะได้ผู้สมัครใจตามจำนวนที่กำหนดไว้"

นอกจากนั้นพนักงานในไลน์การผลิตที่ตัดสินใจสมัครเข้าในโครงการดังกล่าว ยังจะได้สิทธิในการเรียกกลับเข้าทำงานอีกครั้ง เมื่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจดีขึ้น และบริษัทได้ปรับเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีกครั้ง

สำหรับกำลังการผลิตรถยนต์ในปีนี้ บริษัทวางเป้าหมายไว้ที่ 50,000 คัน ลดลงจากปีที่ผ่านมาถึง 56% แบ่งเป็นผลิตเพื่อส่งออก 60% และป้อนตลาดในประเทศประมาณ 40% ทั้งนี้ปัจจัยที่ทำให้กำลังการผลิตลดลงมาจากตลาดส่งออกเป็นหลัก โดยคาดว่ายอดการส่งออกของบริษัทในปีนี้จะปรับลดลงถึง 63% เนื่องมาจากยอดการสั่งซื้อที่ปรับตัวลดลงตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามในสถานการณ์นี้ บริษัทยังเดินหน้าลงทุนในเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแผนการตั้งโรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซลและแผนการผลิตรถปิกอัพรุ่นใหม่ ซึ่งขณะนี้บริษัทกำลังเจรจาธนาคารในประเทศไทย และกระทรวงอุตสาหกรรม ในการหาแหล่งเงินสนับสนุนจากรัฐบาล หลังจากที่บริษัทแม่ได้ปรับนโยบายให้บริษัทลูกในประเทศต่างๆ หาเงินลงทุนด้วยตัวเอง และถ้าโครงการดังกล่าวสำเร็จและบรรลุผลตามแผนงานที่ได้วางไว้ จะเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศไทย รวมทั้งบริษัทชิ้นส่วนและบริษัทคู่ค้าให้เดินหน้าต่อไปได้

"ในส่วนของโครงการลงทุนต่อเนื่องของจีเอ็มในประเทศไทยนั้น เรายังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าทางบริษัทแม่จะเปลี่ยนนโยบายให้เราหาเงินลงทุนเอง นั่นเป็นการยืนยันว่าเราจะยังคงตั้งฐานการผลิตอยู่ในเมืองไทย ไม่ได้คิดที่จะหนีไปไหน และในช่วง 10 ปีที่เราเข้ามาลงทุนที่นี่ เราก็ลงเงินไปแล้วกว่า 3 หมื่นล้านบาท"

@ "มิตซูบิชิ" ลดกำลังผลิต 50%
นายทาเคโอะ ซากูไร ผู้อำนวยการใหญ่สำนักประธานบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงสถานการณ์ของบริษัทว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมีแผนจะลดกำลังการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยลง 50% จากเดิมที่ผลิตอยู่ 200,000 คันต่อปี ให้เหลือเพียง 100,000 คันต่อปี ทำให้ในช่วงครึ่งปีแรก มิตซูบิชิจะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 50,000 คัน

นอกจากนี้ยังมีการปรับลดเวลาในการทำงานจากเดิมที่ทำ 2 กะ ให้เหลือเพียง 1 กะ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รวมทั้งการปรับลดพนักงานอัตราจ้างลงไป 1,100 คน เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

"ก่อนหน้านี้บริษัทยังไม่ได้มีแผนในการลดกำลังการผลิตแต่อย่างใด แต่เลือกใช้วิธีการตัดสินใจที่จะเดินสายการผลิตเพียงกะเดียว แทนที่จะเป็น 2 กะเหมือนปีที่แล้ว แต่จากสถานการณ์ในตลาดส่งออกที่ซบเซา ทำให้บริษัทต้องปรับลดกำลังการผลิตลง 50% และให้มีการผลิตเพียงแค่ 1 กะเท่านั้น และยังไม่สามารถจะระบุได้ว่าบริษัทจะกลับมาเปิดทำงาน 2 กะเช่นเดิมได้เมื่อใด"

ส่วนสาเหตุที่มีการลดกำลังการผลิตนั้นเป็นผลมาจากการลดลงของคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ เนื่องมาจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่ปัจจุบันมียอดการส่งออกกว่า 80% ของกำลังผลิตทั้งหมด

"ผมขอยืนยันว่ามิตซูบิชิไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ จากพนักงานสัญญาจ้างและสหภาพแรงงานของเรา เนื่องจากพนักงานเหล่านี้เข้าใจดีถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นอกเหนือจากการจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงานแล้ว เรามีส่วนเพิ่มเติมพิเศษด้วย แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้" นายซากูไรกล่าว

ทั้งนี้แม้ว่าบริษัทมีความจำเป็นจะต้องลดค่าใช้จ่ายในหลายส่วน โดยเฉพาะการปรับลดส่วนที่ไม่จำเป็นและค่าใช้จ่ายที่ไม่เร่งด่วน เพื่อรับมือกับสภาพตกต่ำของเศรษฐกิจโลก แต่บริษัทยังยืนยันถึงแผนส่งรถยนต์รุ่นใหม่อย่าง"นิวแลนเซอร์" ออกสู่ตลาดอย่างแน่นอน ส่วนโครงการอีโคคาร์นั้น มิตซูบิชิยังคงมีความตั้งใจจริงที่จะผลิตรถอีโคคาร์ที่เมืองไทยด้วย
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
KB
Verified User
โพสต์: 1558
ผู้ติดตาม: 0

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 43

โพสต์

ผมว่าน่าสนใจนะ เพราะความต้องการรถยนตร์ของคนที่อยากมีรถใหม่และ คนที่มีรถมือสองแต่ต้องการเปลี่ยนรถใหม่ก็ยังมีอยู่ เพียงแต่ชะลอการซื้อไป หลังเศรษฐกิจพื้น คนซื้อเริ่มมั่นใจ ยอดขายก็จะโตแบบก้าวกระโดด เสียดายในไทยไม่มีหุ้นบริษัทผลิตรถยนตร์ให้ซื้อเลย มีแต่ผลิตชิ้นส่วน
ภาพประจำตัวสมาชิก
tum_H
Verified User
โพสต์: 1857
ผู้ติดตาม: 0

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 44

โพสต์

KB เขียน:ผมว่าน่าสนใจนะ เพราะความต้องการรถยนตร์ของคนที่อยากมีรถใหม่และ คนที่มีรถมือสองแต่ต้องการเปลี่ยนรถใหม่ก็ยังมีอยู่ เพียงแต่ชะลอการซื้อไป หลังเศรษฐกิจพื้น คนซื้อเริ่มมั่นใจ ยอดขายก็จะโตแบบก้าวกระโดด เสียดายในไทยไม่มีหุ้นบริษัทผลิตรถยนตร์ให้ซื้อเลย มีแต่ผลิตชิ้นส่วน
นั่นดิครับ เมืองไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญแท้ๆ น่าจะมีเข้าตลาดบ้าง
ขนเงินกลับต่างประเทศหมดเลย

ตอนนี้ที่กระทบมากๆก็คือบริษัทที่เน้นส่งออกเป็นหลัก เมื่อเปรียบเทียบภายใน
ประเทศถือว่าลดลงไม่มาก หากบริษัทไหนยึดหลัก 50-50 ก็ยังพออยู่ได้

ตอนนี้บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนที่อิงรายใหญ่เพียงรายเดียวและไม่มีการกระจาย
ความเสี่ยงออกไปบ้างก็ตกที่นั่งลำบากเหมือนกัน เห็นได้จากตอนนี้เริ่มมีการ
ออกหางานใหม่ๆจากผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเนื่องจากปรกติ
ก็มีการซื้อกับเจ้าประจำอยู่แล้ว แถมเศรษฐกิจอย่างนี้ก็ต้องมีการอุ้มผู้ผลิตราย
เดิมเพื่อให้อยู่รอด การตีตลาดก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

ต้องคอยดูว่ารัฐจะมีมาตราการอะไรออกมาช่วยบรรเทาบ้าง
:oops:
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 45

โพสต์

ผมว่าปีนี้เป็นปีทองที่ใครจะซื้อรถน่าครับ
เพราะว่า stock สินค้าเก่าก็ขายไม่ดี ของใหม่ก็ต้องผลิตออกมา
ถ้าไม่ผลิตก็ไม่เกิดการวิจัย หรือปรุงปรับของเก่าให้ดีขึ้น

เนี่ยเป็นโอกาสทองของใครที่มองว่าซื้อรถปีนี้ครับ
:)
:)
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 1

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 46

โพสต์

gnomeller เขียน:4 ปี รอไปเหอะ วัฒจักรของมัน
เขามีวิธีดูอย่างไรครับ
ว่า 4 ปี หรือ 6 ปี หรือ 2 ปี
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 47

โพสต์

http://www.bangkokpost.com/business/eco ... f-recovery

Toyota: No sign of recovery
By: SANTAN SANTIVIMOLNAT
Published: 13/02/2009 at 12:00 AM
Newspaper section: Business
Toyota Motor Thailand (TMT) sees no sign of recovery for the local automotive industry in the near future since vehicle sales in January still declined compared with the same month last year.

"The environment for the industry last month was not different from the month before as consumer sentiment remains poor," TMT president Mitsuhiro Sonoda said yesterday.

Japanese automakers met recently and concluded that total vehicle sales this year would just hover above 500,000 units, compared with 615,270 last year.

Mr Sonoda said sales of pickup trucks, which make up more than half the local market, continued to fall but passenger cars remained steady due partly to the appeal of cheaper E20 fuel which enjoys a lower excise tax.

However, he said he believed the government's new stimulus package would help the economy to recover, thereby improving the automobile market.

Some executives say industry-wide sales in 2009 could fall by up to 20%.

Mr Sonoda insisted that despite the decline in sales, Toyota was sticking with its policy of keeping the jobs of its permanent workers, but those hired under contracts would be asked to accept voluntary resignation with pay.

Toyota has laid off contract workers over the past two months but the number is still minimal and it will try to keep as many of their jobs as possible, he added.

Yesterday, Toyota launched the new Lexus RX350 luxury sport utility vehicle locally after introducing it in Japan and the United States. The company also plans to introduce the world's only hybrid SUV, the Lexus RX450h, at the Bangkok International Motor Show in March.

The RX350 costs 5.55 million baht which includes a four-year unlimited mileage warranty, discounts on parts and labour and a maintenance package featuring a minimum 10% discount.
:)
golfkinmon
Verified User
โพสต์: 281
ผู้ติดตาม: 0

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 48

โพสต์

อ้างอิงจาก หนังสือรวยด้วยหุ้นแบบฉบับ ดร.นิเวศน์ ปี 2547

บทความ มอเตอร์โชว์ หน้า 109 กรุงเทพธุรกิจ 16 มิ.ย. 2546

                                                                                    มอเตอร์โชว์

         ตัวเลขยอดขายรถยนต์ทุกประเภท ในเดือนพฤษภาคม 2546 ซึ่งสูงสุดในรอบ 5 เดือนของช่วงปีนั้น โดยมียอดขาย 42,751 คัน และเป็นการเติบโตถึง 42.1% เมื่อเทียบกับปี 2545 และเมื่อรวมยอดขาย 5 เดือนในปี 2546 มีจำนวนถึง 203024 คับ คิดเป็น การเติบโตถึง 38.4%
         
         ผมไม่ได้ติดตามว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศเติบโตขึ้นมากี่เดือนแล้ว รู้แต่ว่ายอดขายเติบโตต่อเนื่องมายาวนาน ข่าวดีของอุตสาหกรรมรถยนต์เกิดขึ้นเดือนแล้วเดือนเล่า ที่จริงน่าจะเรียกว่าปีแล้วปีเล่า หลังจากที่ตกต่ำอย่างรุนแรงหลังจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540

         นอกจากรถยนต์แล้ว รถจักรยานยนต์ก็เติบโตไม่แพ้กันถ้าผมเข้าใจไม่ผิด มอเตอร์ไซค์นั้นเติบโตมากกว่ารถยนต์ด้วยซ้ำ แต่การเติบโตของภาคยานยนต์นั้น ดูเหมือนจะมีการพูดกันมากเฉพาะในหน้าการตลาด หรือหน้าเกี่ยวกับรถยนต์ในหนังสือพิมพ์ ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับหุ้นในหมวดยานยนต์นั้น กลับมีการกล่าวถึงน้อยมาก เหตุผลสำคัญอาจจะมาจากการที่หุ้นในกลุ่มนี้มีน้อยขนาดก็เล็ก และที่สำคัญก็คือ ไม่ใช่หุ้นกลุ่มยอดนิยมที่นักเก็นกำไรสนใจ

         หุ้นในหมวดยานยนต์อาจจะไม่ใคร่มีใครให้ความสนใจมากนัก แต่ผลตอบแทนจากการลงทุนในช่วงที่ผ่านมาก็ไม่เลวนัก นับตั้งแต่ต้นปี 2546 จนถึงวันที่ 13 มิถุนายน 2546 ผลตอบแทนรวมของหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับยานยนต์เฉลี่ยประมาณ 29% ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ให้ผลตอบแทนประมาณ 20%

         แต่เหตุการณ์ที่ทำให้หุ้นกลุ่มยานยนต์เป็นที่สนใจมากนั้นน่าจะมาจากการปรับตัวของราคาหุ้นในกลุ่มเมื่อมีหุ้นหลายตัววิ่งขึ้นเหมือนติดจรวด

         เพียงสัปดาห์เดียว หุ้นอาปิโก ไฮเทค (AH) ซึ้งทำอุปกรณ์เกี่ยวกับอุตสาหกรรมรถยนต์และขายรถยนต์บางส่วน ปรับตัวไปจากราคา 49.25 บาท ในวันที่ 6 มิถุนายน 2546 เป็น 67.5 บาท ในวันที่ 13 มิถุนายน 2546 หรือปรับตัวขึ้นถึง 37% ภายในเวลาเพียง 5 วันซื้อขาย

         การดีดตัวของราคาหุ้นอาปิโกนั้น นอกจากธุรกิจเดิมที่ทำอยู่แล้ว ก็ยังน่าจะมาจากการเก็งกำไรของนักลงทุน ที่มองว่าการที่บริษัทเข้าซื้อกิจการของบริษัททำชิ้นส่วนรถยนต์อีกบริษัทหนึ่งน่าจะช่วยให้กำไรของบริษัทในอนาคตเติบโตแบบก้าวกระโดดด้วย

         หุ้นตัวต่อมาก็คือหุ้นไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ (BAT-3K) ซึ่งชื่อก็บอกว่าทำแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ ปรับตัวขึ้นจาก 42.75 บาท เป็น 47 บาท ในช่วงเวลาเดียวกัน หรือปรับขึ้น 9.9% ในชณะที่หุ้นยัวซ่าแบตเตอรี่ (YUASA) ซึ่งจดทะเบียนในตลาดใหม่เติบโตขึ้นจาก 26.75 บาท เป็น 27.75 บาท หรือปรับตัวขึ้น 3.7%

         หุ้นที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ตัวต่อมา ก็คือ หุ้นกู๊ดเยียร์ (GYT) ซึ่งผลิตยางรถยนต์ ปรับขึ้นจาก 286 บาท เป็น 322 บาท หรือปรับเพิ่มขึ้น 12.6% เช่นเดียวกับหุ้นไทยคาร์บอนแบล็ค (TCB) ซึ่งไม่ได้อยู่ในหมวดยานยนต์ แต่ผลิตผงถ่านดำที่ใช้ผสมทำยางรถยนต์ ก็เติบโตขึ้นจากราคา 12.3 บาท เป็น 13.3 บาท หรือปรับเพิ่มขึ้น 8.1%

         หุ้นอีโนเว รับเบอร์ (IRC) ซึ่งทำยางเหมือนกัน แต่เป็นยางรถมอเตอร์ไซค์ และชิ้นส่วนยางที่ใช้ในรถยนต์เองก็ปรับตัวขึ้นไม่แพ้กัน เพราะราคาปรับขึ้นจาก 72 บาท เป็น 84.5 บาท หรือปรับเพิ่มขึ้นถึง 17.4% ภายในเวลาเพียงสัปดาห์เดียว

         ถัดจากยางมอเตอร์ไซค์ ก็ถึงรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งก็คือหุ้นของ เอส.พี.ซูซูกิ (SPSU) ซึ่งขายมอเตอร์ไซค์เป็นหลัก ก็เติบโตขึ้นจาก 10.5 บาท เป็น 11.10 บาท หรือให้ผลตอบแทน 5.7%

         หุ้นดาราอีกตัวหนึ่งของกลุ่มยานยนต์ ก็คือ หุ้นบริษัทไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า (STANLY) ซึ่งผลิตหลอดไฟและโคมไฟให้กับรถยนต์แทบทุกยี้ห้อในประเทศไทย ซึ้งราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างหวือหวาจาก 150 บาทต่อหุ้น เป็น 190 บาท หรือปรับตัวขึ้นถึง 26.7%

         และหุ้นที่ค่อนข้างเห็นได้ชัดว่าจะได้ประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ก็คือ หุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์เหมือนกัน แต่อาจจะไม่ได้ประโยชน์ชัดเจน หรือยังมีข้อเสียเปรียบบางอย่าง เริ่มต้นจากหุ้นของสวีเดนมอเตอร์ส (SMC) ซึ้งขายรถวอลโว่ แต่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มเพียง 1% หรือปรับจากราคา 2 บาท เป็น 2.02 บาท ต่อหุ้น

         นอกจากนี้ ยังมีหุ้นอีกบริษัทหนึ่งที่ได้รับเช่นเดียวหับรถวอลโว หรืออาจจะไม่ได้เติบโตดีเหมือนรถยี้ห้ออื่นก็คือ หุ้นของไทยรุ่งยูเนียนคาร์ (TRU) ซึ้งทำรถดัดแปลง ที่ราคาหุ้นปรับลดลงจาก 7.15 บาท เป็น 7.05 บาท หรือปรับลดลง 1.4%

         หุ้นตัวสุดท้ายซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่ได้ตอบสนองต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์มากนักก็คือ หุ้นของสยามภัณฑ์กรุ๊ป (SPG) ซึ่งราคาไม่ขยับไปไหนที่ 59 บาทต่อหุ้น อาจจะเป็นเพราะผลิตภัณฑ์ เช่น น้ำมันเครื่องที่บริษัทขายนั้น อาจจะมีคู่แข่งมาก และการเจริญเติบโตอาจจะไม่ชัดเจนนัก

         โดยสรุปแล้ว หุ้นในกลุ่มยานยนต์และที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ที่ดูเหมือนว่าจะได้ประโยชน์ชัดเจนจากการเติบโตของอุตสาหกรรม ซึ้งประกอบด้วยหุ้น AH, BAT-3K, YUASA, GYT, TCB, IRC, SPSU และ STANLY เพราะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย ถึง 15.1% ภายในเวลาเพียงสัปดาห์เดียว ในขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้นเพียง 2.4%

         คำถามที่น่าสนใจต่อไปก็คือ อุตสาหกรรมยานยนต์จะเติบโตต่อไปหรือไม่? และราคาหุ้นเหล่านั้น สูงเกินไปหรือยัง?

         คำตอบของผมก็คือ อุตสาหกรรมยานยนต์นั้นคงจะเติบโตต่อไปอย่างแน่นอน โดยเฉพาะรถปิกอัพ ซึ่งค่ายรถณี่ปุ่นใหญ่ๆ เกือบทุกค่ายมีแผนที่จะย้ายฐานการผลิตมาอยู่ในประเทศไทยดังนั้นแม้ว่าการเจริญเติบโตของยอดขายในประเทศอาจจะไม่สูงเหมือนที่ผ่านมา แต่การส่งออกรถยนต์คงจะเพิ่มขึ้นมาก

         ส่วนเรื่องของราคาหุ้นนั้น ถ้ามองตัวเลขโดยเฉลี่ยของค่า PE ที่ประมาณ 10 เท่า และค่า PB ที่ 1.7 เท่า โดยมีปันผลจ่ายหรือค่า DP ที่ประมาณ 4-5% ต่อปีแล้ว ผมเห็นว่าราคาหุ้นโดยส่วนรวมแล้ว ยังไม่แพงเมื่อเปรียบเทียบกับการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรม

        แต่ทั้งหมดทั้งปวงนั้น ในแง่ของ Value Investor เราต้องมองหุ้นเป็นตัวๆ เสมอในการพิจารณาที่จะลงทุน แม้งาน "มอเตอร์โชว์" อาจจะดูตื่นตาตื่นใจ แต่เวลาลงทุนต้องไม่ให้ความตี่นเต้นมาครอบงำอารมณ์ครับ

--จบ--
ภาพประจำตัวสมาชิก
tum_H
Verified User
โพสต์: 1857
ผู้ติดตาม: 0

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 49

โพสต์

หุ้นอุตสาหกรรมนี้ ยังไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่

แต่ตอนนี้ เห็นรัฐบาลเตรียมออกมาตราการ ลดภาษีมาช่วยจะทำให้ราคา
รถลดลงพอสมควร

น่าจะเป็นผลดีสำหรับผู้บริโภคเป็นอย่างดี

ถ้าผู้ซื้อ เป็น ลูกค้าทั่วไป ก็จะได้ลด 3-5 หมื่นบาท(ข่าวว่าอย่างงั้น)
แต่ถ้าเป็นพนักงานบริษัทรถยนต์ ก็ถือว่าโชคดี หลายชั้นหน่อย

บนวิกฤต ก็มีโอกาศดีๆเหมือนกันนะ
:lol:
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 50

โพสต์

ปีนี้เป็นปีทองของคนซื้อรถยนต์
แต่เป็นปีย่ำแย่ของบริษัทผลิตรถยนต์

:)
:)
sci
Verified User
โพสต์: 678
ผู้ติดตาม: 0

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 51

โพสต์

แล้วจะเป็นปีทองของ คนซื้อหุ้นรึเปล่าครับ

***

เคยคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้ซื้อหุ้น ตอนเกิดวิกฤตแล้วแท้ๆ แต่พอมาถึง
ก็กล้าๆกลัวๆ และคิดว่า หุ้นมันไม่ได้ถูกเลย เหมือนกับรถแหละครับ
เศรษฐกิจไม่ดี ไม่ค่อยกล้าใช้เงินมาก
แต่ถ้าเศรษฐกิจ ดีก็คิดว่าเงินหาง่ายกว่า
จะผ่อนจะซื้อ ลู่ทางก็มีมากกว่า ถ้าเกิดผิดพลาด
ปีทองรึเปล่าไม่รู้แต่สำหรับผม ถ้าซื้อปีนี้จะเครียดกว่า
ที่สำคัญ เอาเงินไปซื้อหุ้นซะแล้ว 55
ภาพประจำตัวสมาชิก
gnomeller
Verified User
โพสต์: 425
ผู้ติดตาม: 0

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 52

โพสต์

สามัญชน เขียน: เขามีวิธีดูอย่างไรครับ
ว่า 4 ปี หรือ 6 ปี หรือ 2 ปี
คำพูดนี้ผมไปคุยกับท่านๆหนึง ก็คือผู้เจ้าของกิจการ ที่เกียวกับพวกรถยนต์เนี่ยแหล่ะครับ เค้าบอกว่าที่ผ่านมาถือว่าเป้นปีที่ดีมากของธุรกิจนี้ ถ้าจำให้มันขึ้นมาดีเหมือนเดิมได้ เค้าบอกว่าน่าจะใช้เวลาอย่างน้อย4ปี เพราะปีก่อนนี้มันดีมากๆ แล้วเค้าก็ตบท้ายด้วยคำพูดที่ว่า ธุรกิจนี้มันมีวัฒจักรของมัน อยู่ที่ประมาณ 3-4ปี
golfkinmon
Verified User
โพสต์: 281
ผู้ติดตาม: 0

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 53

โพสต์

โตโยต้า เผยตลาดรวมรถยนต์ในประเทศ ม.ค.ลดลง 29.8% มาที่ 32,085 คัน

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 1 ชั่วโมง 42 นาทีที่แล้ว
        นายวุฒิกร  สุริยะฉันทนานนท์  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยถึงสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม 52 ว่า มีปริมาณการขายทั้งสิ้น 32,085 คัน  ลดลง 29.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

โดย รถยนต์นั่ง 13,527 คัน ลดลง 10.0%  รถเพื่อการพาณิชย์  18,558 คัน ลดลง 39.5% รวมทั้ง รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ จำนวน 16,061 คัน ลดลง 38.8%  
        แม้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆจากทางภาครัฐ และสถานการณ์ทางการเมืองที่คลี่คลายจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดรถยนต์โดยรวม แต่วิกฤตการณ์ทางการเงินโลกที่ยังไม่คลี่คลายยังคงเป็นปัจจัยสำคัญกดดันเศรษฐกิจภายในประเทศ ประกอบกับยอดขายเดือนมกราคมในปีทีผ่านมาที่สูงมากเนื่องจากการประกาศใช้อัตราภาษีสรรพสามิตใหม่สำหรับรถยนต์ที่ใช้พลังงาน อี20          
        อย่างไรก็ดี ตลาดรถยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ คาดว่าปริมาณการขายมีแนวโน้มดีขึ้น  แม้ว่าสถาบันการเงินต่างๆ จะเพิ่มระดับความเข้มงวดของการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดรถยนต์ แต่มาตรการต่างๆทางด้านเศรษฐกิจของภาครัฐที่มุ่งกระตุ้นระบบเศรษฐกิจของประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม จะส่งผลดีต่อการบริโภคภายในประเทศซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ดีต่อตลาดรถยนต์


--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: [email protected]--
golfkinmon
Verified User
โพสต์: 281
ผู้ติดตาม: 0

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 54

โพสต์

จังหวะเข้าซื้อหุ้นกลุ่มยานยนต์

อ้างอิงจากหนังสือ ลงทุนอย่าง...ปีเตอร์ลินซ์ Beating the Street

บทที่ 15 หุ้นวัฏจักร:อะไรที่แย่เดี่ยวมันก็ดี

         เมื่อไรก็ตามที่ภาวะเศรษฐกิจเริ่มดูซบเซา  ผู้จัดการกองทุนมืออาชีพจะเริ่มคิดถึงการลงทุนในหุ้นวัฏจักร การขึ้นๆ ลงๆ ของบริษัทอลูมิเนียม, บริษัทเหล็ก, บริษัทผู้ผลิตกระดาษ, บริษัทผู้ผลิตรถยนต์, บริษัทสารเคมี และสายการบินเป็นรูปแบบ ซึ่งมีการรับรู้กันเป็นอย่างดีและมีความเชื่อถือได้พอๆ กับการเปลี่ยนฤดูกาล

        ประเด็นที่เป็นปัญหาก็คือ  การที่ผู้จัดการกองทุนมักจะกระตือรือร้นอยากที่จะเข้าไปลงทุนในหุ้นวัฏจักก่อนคนอื่นๆ มันดูเหมือนว่า วอลล์ สตรีทจะคาดการณ์วงจรขาขึ้นของอุตสาหกรรมที่เป็นวัฏจักรเร็วเกินกว่าความเป็นจริงไปมาก ซึ่งเหตุนี้มันไปทำให้การลงทุนในหุ้นวัฏจักรเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยกลเม็ดเด็ดพรายมากยิ่งขึ้น

        ตัวบ่งชี้ที่มีประโยชน์ตัวหนึ่งที่สามารถนำมาใช้บอกว่า เราควรจะซื้อหุ้นบริษัทรถยนต์เมื่อไรก็คือ  ราคารถมือสอง  เมื่อไรก็ตามที่เต๊นท์รถมือสองลดราคารถยนต์ของพวกเขาลง  มันหมายถึงว่า  พวกเขามีปัญหาในการขายรถ  ซึ่งตลาดรถมือสองที่ว่าแย่แล้ว  ตลาดรถใหม่จะย่ำแย่ยิ่งกว่านั้นอีก  อย่างไรก็ตาม  เมื่อไรที่ราคารถมือสองมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น  มันจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงอนาคตที่สดใสขี้นสำหรับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์

        ตัวบ่งชี้ที่น่าเชื่อถือยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ  ตัวเลข "การชะลอตัวของความต้องการซื้อรถ"

         ในช่วงระยะเวลาสีปีนับจากปี 1980 ถึงปี 1983 ซึ่งเศรษฐกิจมีภาวะซบเซาและผู้คนต่างก็พยายามที่จะประหยัดเงิน  ยอดขายรถที่เกิดขึ้นจริงมีจำนวนน้อยกว่ายอดขายรถที่ควรจะเป็น (แนวโน้ม) ถึงเจ็ดล้านคัน (คนจำนวนเจ็ดล้านคนที่ควรจะซื้อรถยนต์และรถบรรทุกไปแล้วได้เลื่อนการซื้อของพวกเขาออกไป)  ตัวเลขนี้บอกเราว่า การบูมของยอดขายรถมันน่าจะเกิดขึ้น  ซึ่งเราก็ได้เห็นการบูมเกิดขึ้นจริงๆ ในช่วงปี 1984 ถึงปี 1989 ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว  ยอดขายรถที่เกิดขึ้นจริงมีจำนวนสูงกว่ายอดขายที่ควรจะเป็นถึง 7.8 ล้านคัน

         หลังจากช่วงระยะเวลาที่ยอดขายจริงมั่นต่ำกว่ายอดขายที่ควรจะเป็นผ่านไปได้สีหรือห้าปี  ช่วงระยะเวลาที่ยอดขายจริงสูงกว่ายอดขายที่ควรจะเป็นจะกินเวลาอีกสีหรือห้าปีกว่าที่ตลาดรถมันจะกลับมามีความสมดุลหากคุณไม่รู้ข้อมูลนี้  คุณอาจจะขายหมู  ตัวอย่างเช่น  หลังจากการบูมในปี 1983 ซึ่งยอดขายรถได้เพิ่มขึ้นจาก 10.5 ล้านคันไปเห้น 12.3 ล้านคัน  คุณอาจจะตัดสินใจขายหุ้น Ford หรือ Chrysler ออกไป  เนื่องจากคุณคิดว่าการบูมของตลาดรถยนต์มันจะสิ้นสุดลงแล้ว  แต่ถ้าหากคุณได้เกาะติดแนวโน้ม  คุณจะเห็นว่า  มันยังมีการชะลอตัวของความต้องการซื้อรถที่หลงเหลืออยู่มากกว่า 7 ล้านคัน  ซึ่งกว่ามันจะถูกดูดซับหมดก็ปาเข้าไปปี 1988

         ปีที่คุณควรจะขายหุ้นบริษัทรถยนต์ออกไปก็คือปี 1988 ซึ่งเป็นปีที่การชะลอตัวของความต้องการซื้อรถที่สะสมมาตั้งแต่ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1980 ได้ถูกดูดซับไปหมดแล้ว  ผู้คนได้ซื้อรถใหม่ไปกว่า 74 ล้านคันในช่วงระยะเวลาห้าปีและแนวโน้มของยอดขายก้น่าจะเป็นไปในทิศทางขาลง  มากกว่าที่จะเป็นขาขึ้น  กระทั่งในปี 1989 ซึ่งเป้นปีที่ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมดี  ยอดขายรถก็ยังลดลงไป 1 ล้านคัน ซึ่งมันไปทำให้ราคาหุ้นของบริษัทรถยนต์ลดลงตามไปด้วย

         นับจากปี 1990 เราก็เริ่มต้นสะสมตัวเลขการชะลอตัวของความต้องการซื้อรถกันอีกครั้ง  เรามียอดขายที่ต่ำกว่ายอดขายที่ควรจะเป็นติดต่อกันสองปี  หากแนวโน้มยังเป็นแบบนี้ต่อไป  เราจะมีตัวเลขการชะลอตัวของความต้องการซื้อรถจำนวน 5.6 ล้านคันภายในสิ้นปี 1993 และมันน่าจะก่อให้เกิดการบูมของยอดขายรถในช่วงปี 1994-1996 (สี่ปีอีกแล้วครับพี่น้อง :idea: )

        การรู้วัฏจักรของธุรกิจรถยนต์เปนเพียงครึ่งเดียวของเรื่องราวทั้งหมดอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือก้คือการคัดเลือกบริษัทที่จะให้ผลตอบแทนสูงสุด  หากคุณคิดถูกเกี่ยวกับอุตสาหกรรมแต่เลือกลงทุนผิดบริษัท  คุณก็สามารถที่จะขาดทุนได้พอๆ กับกรณีที่คุณคิดเกี่ยวกับอุตสาหกรรมผิด

         ในช่วงขาขึ้นที่เริ่มต้นในปี  1982 (สองปีหลังวิกฤติ :idea: )  ผมมีข้อสรุปว่า 1. มันเป็นช่วงเวลาที่ดีของการลงทุนในหุ้นกลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ 2.Chrysler, Ford และ Volvo น่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่า General Motors คุณอาจจะคิดว่า GM น่าจะเป็นหุ้นที่ดีที่สุด เนื่องจาก GM เป็นบริษัทผูผลิตรถยนต์อันดับหนึ่ง  แต่จริงๆ แล้ว  มันไม่ใช่หุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด  ชื่อเสียงในด้านความเป็นเลิศของ GM มันยิ่งใหญ่เกินกว่าความปราถนาของบริษัทในการที่จะรักษามันเอาไว้  บริษัททั้งหยิ่งยโส  ทั้งมองระยะสั้นๆ และยึดติดกับความสำเร็จของมัน  อย่างไรก็ตาม  หากเราไม่มองถึงประเด็นเหล่านี้แล้วบริษัทก็ถือได้ว่าอยู่ในสภาพที่ดี

         ผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง  Roger & Me ไม่ใช่คนที่ประสบกับความยุ่งยากในการเข้าไปในอาคารของ GM เพียงคนเดียว   ครั้งหนึ่ง  ผมได้รับการนัดหมายให้ไปพบกับเจ้าหน้าที่นักลงทุนสัมพันธ์ที่หาศูนย์วิจัยและการพัฒนาของ GM ที่มีขนาดพอๆ กับวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ไม่พบ  พวกเราสองคนต้องใช้เวลาสองสามชั่วโมงในการเสาะหาที่ตั้งของมัน   หากกระทั่งคนในแผนกนักลงทุนสัมพันธ์ยังไม่รู้ว่า  ส่วนต่างๆ ของบริษัทตั้งอยู่ที่ไหน  คุณสามารถที่จะตั้งสมมติฐานไว้ได้เลยว่า  คนอื่นๆ ในบริษัทก็คงจะไม่รู้เช่นกัน

         ในช่วงทศวรรษที่  1980 GM ได้สร้างความประทับใจอันเลวร้ายไว้กับผู้ซื้อหุ้นของบริษัท  ในช่วงระยะเวลา 10 ปี ราคาหุ้นของ GM ได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า  อย่างไรก็ตามคนที่ซื้อหุ้น Chrysler ในช่วงใกล้จุดต่ำสุดในปี 1982 จะได้กำไรเกือบ 50 เท่าภายในระยะเวลาห้าปี  และคนที่ซื้อหุ้น Ford จะได้กำไรถึง  17 เท่า  พอมาถึงในช่วงสิ้นทศวรรษ  ความอ่อนแอของ GM ก็เป็นสิ่งที่มีการรับรู้กันโดยทั่วไป  คนที่เดินตามท้องถนนจะสามารถบอกกับคุณว่า บริษัทผู้ผลิตรถยนต์อันดับหนึ่งของอเมริกาได้พ่ายแพ้อย่างหมดรูปต่อบริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 55

โพสต์

European car sales 'in 20-year slump'
Published: 13/02/2009 at 10:45 PM
BRUSSELS (AFP) -- European new cars sales slumped in January to the lowest level for twenty years, trade data showed on Friday.

Sales fell by 27 percent in January from the figure in January last year, the European Automobile Manufacturers Association (ACEA) said.

New registrations totalled 958,517 cars, the lowest level for two decades, ACEA said

"All markets (contributed) negatively to the results," it said in a statement which underscores distress in the European industry, badly hit by the US-born economic crisis which has left most of Europe in recession.

On Thursday, the European Union's Eurostat data agency reported that factories and refineries in EU had cut production at the fastest rate on record last month, and for 2008 as a whole.

Industrial output in the 15 EU nations using the euro currency last year fell by 2.6 percent in December and 12 percent for 2008 as a whole, both the biggest slumps since records began in 1990,

The news was little better for the 27-nation European Union as a whole.

Industrial production fell by a record 2.3 percent in December in the wider EU and by yet another record 11.5 percent for the whole of last year.

Earlier this week, European car makers urged EU nations to step up and coordinate action to help their industry through the economic crisis with auto production set to slide further as the year progresses.

"The measures that the EU has agreed upon so far are insufficient to meet the needs of our industry," said Carlos Ghosn, president of the European auto industry's ACEA trade association.

The ACEA said that auto production fell by 20 percent in the last quarter of 2008, and it expects output to decline this year by at least 15 percent, putting pressure on costs and jobs.

Sales at Europe's leading auto maker Volkswagen fell by 15 percent in January.

It has put around two-thirds of its German workforce on shorter hours as it slashes production to cope with the fall in demand.

Late last month Sergio Marchionne, chief executive at Italy's Fiat, said he expects 2009 to be the company's toughest year to date, while also warning that the country's auto sector could shed 60,000 jobs unless the state comes to the rescue.

National bailouts of their auto sectors are high on Europe's agenda, both from those eager to implement them and those warning against the threats of protectionism.

The European Commission warned France Thursday that its plan to bailout struggling French car makers must not have "negative collateral effects" on other EU nations.

President Nicolas Sarkozy has announced plans to lend PSA Peugeot Citroen and Renault three billion euros (3.9 billion dollars) each and other measures in exchange for a promise not to shut French plants or sack French workers.

The scheme has riled several EU nations, not least the Czech Republic, which currently holds the EU's rotating presidency.

The Czech Republic is home to a number of foreign-owned car plants, including one by France's PSA Citroen Peugeot, which announced plans on Wednesday to cut 11,000 jobs worldwide in 2009.

New car registrations in Europe have now dropped for nine straight months, mirroring the effects of the credit crunch.

In absolute numbers, January 2009 volumes reached 958,517 units, or the lowest level in two decades.

With the exception of France (-7.9 percent), all markets faced a double-digit downturn.

German sales were down by over 14 percent, Britain's remaining auto industry registered over 30 percent fewer cars, Italy was down 32 percent and Spain a whopping 41.6 percent.

http://www.bangkokpost.com/business/ret ... year-slump
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 56

โพสต์

Yamaha expects first loss in 26 years
Published: 13/02/2009 at 01:32 AM
TOKYO (AFP) -- Japan's Yamaha Motor Co. said Thursday it expects its first loss in 26 years in 2009 because of sluggish motorcycle sales and the strong yen.


The two groups have signed a letter of intent and are also planning the development of battery systems for the next generation of electric vehicles, a statement said.

The drive units and "accompanying power electronics" would be used in VW's planned New Small Family of vehicles that are still in the concept stage, it added.

VW said it aimed to be the first manufacturer to provide "an emissions-free, affordable and safe large-scale production electric vehicle."

Such a car would not be available right away however, and VW chairman Martin Winterkorn was quoted as saying that "a considerable amount of research and development work still has to be carried out until we can produce the electric vehicle."

Research into lithium-ion battery technology was now being done by VW and "further potential technological partners alongside Toshiba," he added.

But Winterkorn called the partnership with Toshiba "a major step forward toward the development of series production electric vehicles for our customers."

Toshiba president Atsutoshi Nishida said that "the combined know-how of the two international technology groups Volkswagen and Toshiba will be an important step towards the drive technologies of tomorrow."

Zero-emission cars are a major goal for auto manufacturers, and all major brands are working towards it.

After lagging behind for some time, the Germans have presented several projects, with Daimler and VW planning some offers for 2010 and BMW testing electric systems with its Mini brand of cars.

Specialists estimate however that the first mass-production of electric cars is still 10-20 years away.

Some kind of model should nonetheless be available by 2012, when increasingly strict carbon emissions limits set by the European Union are due to take effect.

http://www.bangkokpost.com/business/mar ... ve-systems
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 57

โพสต์

http://www.bangkokpost.com/business/ret ... n-26-years

Yamaha expects first loss in 26 years
Published: 13/02/2009 at 01:32 AM
TOKYO (AFP) -- Japan's Yamaha Motor Co. said Thursday it expects its first loss in 26 years in 2009 because of sluggish motorcycle sales and the strong yen.

The company said it would cut hundreds more jobs to cope with the economic downturn.

Yamaha said fewer people were expected to buy motorcycles this year, even in once resilient markets in Asia and Latin America. At the same time the yen's strength is eating into overseas earnings.

The group forecast a net loss of 42 billion yen (467 million dollars) for 2009. Revenue is expected to decline 22.1 percent to 1.25 trillion yen.

The firm said it would reduce output at all its plants, take steps to cut costs and shrink investment in a bid to stem the losses.

It plans to reduce the number of temporary workers in Japan to zero by mid-2009, from 1,400 in spring 2008.

Yamaha had been enjoying record high sales until the economic crisis began curbing demand for its products, which also include boat engines and all-terrain vehicles.

In the calendar year 2008, net profit fell 97.4 percent to 1.85 billion yen. Revenue dropped 8.7 percent to 1.60 trillion yen.

"2008 began with surges in oil and raw material prices," said Yamaha Motor president Takashi Kajikawa.

"In the second half of the year, the financial crisis quickly spread around the world due to the US subprime loan problem, seriously pressuring the real economy," he said.

"Demand in Europe as well as North and South America shrank rapidly, particularly from November, leading to a sharp fall in sales."

All Japanese automakers have seen a drastic turnaround in their fortunes in recent months as recessions in major markets batter demand.
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 58

โพสต์

GM Thailand axes 790 workers
By: SANTAN SANTIVIMOLNAT
Published: 18/02/2009 at 12:00 AM
Newspaper section: News
GM Thailand is laying off 790 workers after its offer to production staff of temporary leave on 75% wages failed to help allay the effects of the economic downturn.

The company recently introduced a voluntary retirement programme offering production staff 11 months in severance pay, in line with the labour law, plus another 15,000 baht.

The layoffs at GM are a blow to the local automotive industry following similar actions by a number of Japanese car makers including Toyota and Mitsubishi.

The US car maker earlier shut its factory in Rayong for two months to avoid an inventory buildup in the face of weakening orders from home and abroad.

Local orders until last month were down 56% compared to the same period last year.

Since only 700 workers came forward to join the voluntary retirement programme, forced layoffs have been introduced for another 90 staff.

Some 50 workers who were forced to resign have lodged a complaint with their union demanding action against GM Thailand's management.

GM Thailand's Rayong plant employs about 3,000 workers.

The company has issued a statement saying the layoffs were unavoidable after it fell victim to the economic downturn.

It said the economic crisis was affecting all industries, including the automotive sector, and GM had to restructure its operations to get through the slump.

"Unfortunately, this restructuring plan is affecting the organisation in terms of reduced human resources," the company said in the statement.

"That's why we have had to implement the voluntary layoff programme. Production staff joining this programme would receive payment packages in accordance with the labour law.

"However, with the crisis we're all facing, the company may have to implement another restructuring option if the voluntary programme doesn't yield sufficient reductions.

"Nevertheless, all employees who resign under any options of the restructuring plan will surely receive compensation packages consistent with the requirements of the Thai Labour Act."

Staff have been told layoffs were happening worldwide and in all industries.

It said the temporary leave programme turned out to be an unrealistic solution to the problems faced by the company as employees received only half or less of their salaries over a short period.

http://www.bangkokpost.com/news/local/1 ... 90-workers
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 59

โพสต์

sci เขียน:แล้วจะเป็นปีทองของ คนซื้อหุ้นรึเปล่าครับ

***

เคยคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้ซื้อหุ้น ตอนเกิดวิกฤตแล้วแท้ๆ แต่พอมาถึง
ก็กล้าๆกลัวๆ และคิดว่า หุ้นมันไม่ได้ถูกเลย เหมือนกับรถแหละครับ
เศรษฐกิจไม่ดี ไม่ค่อยกล้าใช้เงินมาก
แต่ถ้าเศรษฐกิจ ดีก็คิดว่าเงินหาง่ายกว่า
จะผ่อนจะซื้อ ลู่ทางก็มีมากกว่า ถ้าเกิดผิดพลาด
ปีทองรึเปล่าไม่รู้แต่สำหรับผม ถ้าซื้อปีนี้จะเครียดกว่า
ที่สำคัญ เอาเงินไปซื้อหุ้นซะแล้ว 55
มันกล้าๆกลัวๆทุกคนล่ะครับ
เพราะไม่มีใครรู้ว่า วิกฤติแต่ละครั้ง มันจบที่ไหน
รู้อีกทีก็จบแล้ว
:)
:)
ภาพประจำตัวสมาชิก
tum_H
Verified User
โพสต์: 1857
ผู้ติดตาม: 0

อุตสาหกรรมรถยนต์ น่าสนใจไหมตอนนี้?

โพสต์ที่ 60

โพสต์

โตโยต้าเพิ่มผลิตพ.ค.นี้-จีเอ็มปลด4.7หมื่น


เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ เอเอฟพีรายงานว่า หลังจากลดกำลังการผลิตลงอย่างมากตามภาวะเศรษฐกิจโลก โฆษกของโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป. ออกมาระบุว่า จะเริ่มเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนพฤษภาคม เพราะขณะนี้สามารถลดปริมาณสต๊อคสินค้าได้แล้ว และวางแผนจะเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ส่วนจะผลิตเพิ่มเท่าใดนั้น จะตัดสินใจในภายหลังให้สอดคล้องกับยอดขาย อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์นิคเกอิของญี่ปุ่นระบุว่า โตโยต้าจะผลิตเพิ่มประมาณ 2 แสนคัน หรือประมาณ 30% แต่ถึงกระนั้นก็ยังต่ำกว่ายอดการผลิตในปีที่แล้ว 40%

ทางด้านเจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ประกาศจะปลดพนักงานทั่วโลก 47,000 คน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูบริษัทแลกกับการได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งบริษัทรับความช่วยเหลือก้อนแรกมาแล้ว 13,400 ล้านดอลลาร์ พร้อมกันนี้ระบุว่า บริษัทอาจต้องการเงินกู้จากรัฐบาลอีก 16,600 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ในแผนฟื้นฟูกิจการที่จีเอ็มส่งถึงรัฐบาลสหรัฐนั้นมีความยาว 117 หน้า โดยนอกจากปรับลดคนงานแล้วยังมีการปิดโรงงานหลายแห่ง ลดยี่ห้อรถภายใต้เครือจีเอ็ม

จีเอ็ม ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของรถยนต์ซาบแห่งสวีเดน เปิดเผยว่า ซาบอาจต้องยื่นต่อศาลเพื่อขอความคุ้มครองจากภาวะล้มละลายภายในเดือนนี้ หากว่าซาบไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสวีเดน
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก