Purchasing Power Parity กับ การลงทุนในต่างประเทศ
- Alastor
- Verified User
- โพสต์: 2590
- ผู้ติดตาม: 0
Purchasing Power Parity กับ การลงทุนในต่างประเทศ
โพสต์ที่ 1
พอดีเพิ่งกลับจาก Switzerland มาครับ ตั้งใจพาแฟนไป honeymoon แต่ผมก็ใจวอกแวกแอบมองบริษัทที่โน่นไว้ด้วย รู้สึกที่โน่นมองไปทางไหนนอกจากธรรมชาติจะงดงาย ผู้คนเป็นมิตร (มากกว่า Germany เยอะ) แล้ว บริษัทที่ลงท้ายด้วย AG (ถ้าจำไม่ผิด Aktien Geschaeft = บริษัทมหาชน) เยอะมากๆ ตอนแรกผมนึกว่าตลาดเงินทุนจะโดนยึดโดยพวก Big Bank กันซะอีก
ตอนซื้อของฝากก็เจอ chocolate ยี่ห้อ Lindt ที่เป็นบริษัทมหาชน และมีรายได้จากทั่วโลกน่าจะเข้าข่าย "หุ้นที่หาไม่ได้ในเมืองไทย" ที่ผมตามหา แต่นอกจาก chocolate จะแพงแล้วหุ้นก็แพงตามไปด้วย -_-'
เท่าที่ผมดูๆของที่โน่นบางอย่างน่าจะคุณภาพเหมือนเมืองไทยเลยแต่แพงมาก เช่น Starbulks แก้วนึง 7.xx CHF ราวๆ 2 เท่าของเมืองไทย กินน้ำก๊อกก็ได้ฟ่ะ
พอเห็นของแพงๆแบบนี้ทำให้ผมนึกถึง ทฤษฎีเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนอันนึงที่เคยเรียนเมื่อนานมาแล้ว ที่อาจารย์สอนว่า ของที่เหมือนๆถึงแม้จะอยู่คนละที่ก็ต้องมีราคาเท่ากัน หรือ PPP (Purchasing Power Parity) ตัวอย่างก็มี Big Mac Index ซึ่งผมได้ยินมาว่า ระยะยาวแล้วค่าเงินของประเทศที่ Big Mac แพงกว่าก็จะลดลงๆ เข้าสู่จุดที่ BigMac ของทุกที่ในโลกมีราคาเท่ากัน
ตอนซื้อของฝากก็เจอ chocolate ยี่ห้อ Lindt ที่เป็นบริษัทมหาชน และมีรายได้จากทั่วโลกน่าจะเข้าข่าย "หุ้นที่หาไม่ได้ในเมืองไทย" ที่ผมตามหา แต่นอกจาก chocolate จะแพงแล้วหุ้นก็แพงตามไปด้วย -_-'
เท่าที่ผมดูๆของที่โน่นบางอย่างน่าจะคุณภาพเหมือนเมืองไทยเลยแต่แพงมาก เช่น Starbulks แก้วนึง 7.xx CHF ราวๆ 2 เท่าของเมืองไทย กินน้ำก๊อกก็ได้ฟ่ะ
พอเห็นของแพงๆแบบนี้ทำให้ผมนึกถึง ทฤษฎีเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนอันนึงที่เคยเรียนเมื่อนานมาแล้ว ที่อาจารย์สอนว่า ของที่เหมือนๆถึงแม้จะอยู่คนละที่ก็ต้องมีราคาเท่ากัน หรือ PPP (Purchasing Power Parity) ตัวอย่างก็มี Big Mac Index ซึ่งผมได้ยินมาว่า ระยะยาวแล้วค่าเงินของประเทศที่ Big Mac แพงกว่าก็จะลดลงๆ เข้าสู่จุดที่ BigMac ของทุกที่ในโลกมีราคาเท่ากัน
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
- Alastor
- Verified User
- โพสต์: 2590
- ผู้ติดตาม: 0
Purchasing Power Parity กับ การลงทุนในต่างประเทศ
โพสต์ที่ 2
ถึงแม้ทฤษฎีนี้จะมีข้อโต้แย้งพอสมควร แต่พอผมนึกถึงเรื่องนี้ทำให้กังวลเรื่องการลงทุนในต่างประเทศเหมือนกัน เพราะนอกจากราคาสินทรัพย์จะเปลี่ยนไปแล้ว บริษัทที่เราลงทุนก็จะได้รับผลกระทบจากค่าเงินเช่นกัน ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่า การทำนายทิศทางของค่าเงินในระยะเกิน 1 ปี ผมทำไม่ได้แน่ๆ การลงทุนในต่างประเทศน่าจะเป็นการลงทุนระยะยาวจริงๆ ไม่งั้นก็ เล่นรอบ, เล่นทำนายกำไรราย Quarter, ซื้อดักก่อน TVI ไป company visit ฯลฯ ในเมืองไทยก็กำไรงดงามอยู่แล้ว จะเหนื่อยไปทำไม :lol:
ผมคิดว่าก่อนเลือกประเทศที่ลงทุน น่าจะต้องดู PPP ประกอบไปด้วย ถ้าบริษัทที่เราเลือกลงทุนทำธุรกิจ Import มาขายสินค้าในประเทศ การที่ค่าเงินของประเทศนั้นอ่อนลง นอกจากเราจะขาดทุนจากมูลค่าสินทรัพย์ที่ลดลงแล้ว บริษัทที่เราลงทุนยังมีต้นทุนสินค้าแพงกว่าเดิมด้วย
ในอีกรูปแบบนึง ถ้าเป็นบริษัท Export ค่าเงินที่ลดลง ถึงแม้เราจะขาดทุนจากราคาสินทรัพย์ แต่บริษัทที่เราลงทุนก็จะขายสินค้าได้ดีขึ้นกำไรมากกว่าเดิม ราคาหุ้นน่าจะขึ้น
ผมคิดว่าก่อนเลือกประเทศที่ลงทุน น่าจะต้องดู PPP ประกอบไปด้วย ถ้าบริษัทที่เราเลือกลงทุนทำธุรกิจ Import มาขายสินค้าในประเทศ การที่ค่าเงินของประเทศนั้นอ่อนลง นอกจากเราจะขาดทุนจากมูลค่าสินทรัพย์ที่ลดลงแล้ว บริษัทที่เราลงทุนยังมีต้นทุนสินค้าแพงกว่าเดิมด้วย
ในอีกรูปแบบนึง ถ้าเป็นบริษัท Export ค่าเงินที่ลดลง ถึงแม้เราจะขาดทุนจากราคาสินทรัพย์ แต่บริษัทที่เราลงทุนก็จะขายสินค้าได้ดีขึ้นกำไรมากกว่าเดิม ราคาหุ้นน่าจะขึ้น
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
- Alastor
- Verified User
- โพสต์: 2590
- ผู้ติดตาม: 0
Purchasing Power Parity กับ การลงทุนในต่างประเทศ
โพสต์ที่ 3
ส่วนตัวผมคิดว่า สินค้าในเมืองไทยถูกมากๆ น่าจะเพราะประเทศเราส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์เยอะเลยใช้นโยบายเงินบาทอ่อน เช่นเดียวกับ ประเทศอื่นๆในเอเชีย ดังนั้นการจะไปหา Importor ในประเทศที่ค่าเงินจะเพิ่มขึ้นและมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่พอที่จะมีหุ้นระดับโลกได้ ผมว่า ยาก ดังนั้นการหาหุ้น Exportor น่าจะมีตัวเลือกมากกว่า
ถึงตอนนี้ผมมองบริษัทใน Singapore ไว้สองตัว แต่ไม่มีเงินเฮะ -_-' ผมคิดว่าน่าจะทำการบ้านให้มากๆซะหน่อย ปีหน้าไปซื้อก็ไม่น่าจะสาย ไม่รู้คนอื่นๆ เช่น เสี่ยเมืองเลย ไปถึงไหนแล้ว ไว้ว่างๆจะไปขอคำชี้แนะนะครับ
ถึงตอนนี้ผมมองบริษัทใน Singapore ไว้สองตัว แต่ไม่มีเงินเฮะ -_-' ผมคิดว่าน่าจะทำการบ้านให้มากๆซะหน่อย ปีหน้าไปซื้อก็ไม่น่าจะสาย ไม่รู้คนอื่นๆ เช่น เสี่ยเมืองเลย ไปถึงไหนแล้ว ไว้ว่างๆจะไปขอคำชี้แนะนะครับ
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 1
Purchasing Power Parity กับ การลงทุนในต่างประเทศ
โพสต์ที่ 4
ถ้ามีสินค้าสองอย่างมีขายทั่วโลกเหมือนกัน
แต่ที่ประเทศนึง ของ A แำพงแต่ของ B ถูก
แล้วอีกประเทศ A ของ ถูกแต่ของ B แำพง
อย่างนี้ตามทฏษฎีเขาอธิบายเรื่องค่าเงินว่าควรเป็นอย่างไรครับ
แต่ที่ประเทศนึง ของ A แำพงแต่ของ B ถูก
แล้วอีกประเทศ A ของ ถูกแต่ของ B แำพง
อย่างนี้ตามทฏษฎีเขาอธิบายเรื่องค่าเงินว่าควรเป็นอย่างไรครับ
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 1
Purchasing Power Parity กับ การลงทุนในต่างประเทศ
โพสต์ที่ 5
พูดถึงเรื่องค่าเงินแล้ว
อยากรู้ว่ามีหลักการอย่างไรบ้าง ในการกำหนดค่าเงินสมัยก่อนที่จะมีตลาดทุนครับ
ไม่ทราบว่าำพอจะมีผู้ใดช่วยไขข้อข้องใจให้ได้บ้างครับ :oops:
อยากรู้ว่ามีหลักการอย่างไรบ้าง ในการกำหนดค่าเงินสมัยก่อนที่จะมีตลาดทุนครับ
ไม่ทราบว่าำพอจะมีผู้ใดช่วยไขข้อข้องใจให้ได้บ้างครับ :oops:
- Alastor
- Verified User
- โพสต์: 2590
- ผู้ติดตาม: 0
Purchasing Power Parity กับ การลงทุนในต่างประเทศ
โพสต์ที่ 6
PPP มันมีข้อแย้งอ่ะครับ ที่ผมจำได้ คือ ราคาสินค้าไม่ได้บอกว่า ต้นทุนสินค้าจริงๆเป็นเท่าไหร่ เช่น ของ A ขายในประเทศ P มี Profit Margin 20% แต่ของ A เหมือนกันขายในประเทศ Q อาจจะมี Profit Margin แค่ 5% แบบนี้ของ A ในประเทศ P ก็สามารถมีราคาสูงกว่าในประเทศ Q ได้เนื่องจาก Margin ที่ดีกว่า (ด้วยสาเหตุใดก็ตามแต่) โดยไม่เกี่ยวข้องกับค่าเงินเลยกล้วยไม้ขาว เขียน:ถ้ามีสินค้าสองอย่างมีขายทั่วโลกเหมือนกัน
แต่ที่ประเทศนึง ของ A แำพงแต่ของ B ถูก
แล้วอีกประเทศ A ของ ถูกแต่ของ B แำพง
อย่างนี้ตามทฏษฎีเขาอธิบายเรื่องค่าเงินว่าควรเป็นอย่างไรครับ
อีกเรื่องนึงคือคุณภาพของสินค้า ที่อาจจะวัดออกมาเป็นตัวเลขได้ยาก
เรื่องสุดท้ายที่ผมพอจะนึกออกคือ ต่อให้สินค้าราคาไม่เท่ากัน แต่คนไม่สามารถซื้อสินค้าจากที่นึงไปขายอีกที่นึงเพื่อทำ arbitrage ได้ดังเช่นในทฤษฎี เนื่องจากมีต้นทุนการขนส่งหรือ barrier อื่นๆ ทำให้สินค้าอย่างเดียวกันในสองประเทศสามารถมีราคาต่างกันนี้
ข้อจำกัดเหล่านี้ ทำให้ PPP เป็นทฤษฎีที่ใช้ราคาสินค้าเป็นตัวบอกค่าเงิน แต่ราคาสินค้าจริงๆแล้วกลับไม่ได้บอกเราทุกอย่าง ทำให้การเคลื่อนไหวของค่าเงินสามารถวิ่งสวนกับ PPP ได้ ที่ผมเรียนจำได้ว่ามีทฤษฎีอยู่ 5 อัน อีก 4 ตัวต้องไปแคะหัวดูก่อนอ่ะครับ แต่ที่ผมคิดว่า PPP น่าจะเหมาะที่สุดสำหรับโครงการไปลงทุนในต่างประเทศของผมเพราะมันใช้ทำนายค่าเงินในระยะ"ยาว" ซึ่งอาจจะยาวกว่าที่นักลงทุนจะสามารถอดทนรอได้ก็เป็นได้ครับ
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
- romee
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 1
Purchasing Power Parity กับ การลงทุนในต่างประเทศ
โพสต์ที่ 8
จี๊ดครับ มันจี๊ดดดดAlastor เขียน:การลงทุนในต่างประเทศน่าจะเป็นการลงทุนระยะยาวจริงๆ ไม่งั้นก็ เล่นรอบ, เล่นทำนายกำไรราย Quarter, ซื้อดักก่อน TVI ไป company visit ฯลฯ ในเมืองไทยก็กำไรงดงามอยู่แล้ว จะเหนื่อยไปทำไม :lol:
ปล.ไปสวิสมา ไปทะเลสาบลูเซินป่ะครับ เห็นเขาว่าสวยสุดๆ จริงป่าวหว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 115
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Purchasing Power Parity กับ การลงทุนในต่างประเทศ
โพสต์ที่ 9
555Alastor เขียน:Starbulks แก้วนึง 7.xx CHF ราวๆ 2 เท่าของเมืองไทย กินน้ำก๊อกก็ได้ฟ่ะ
ความสำเร็จคือการลงมือทำ
ความฝันคือการนั่งเฉยๆ
ความฝันคือการนั่งเฉยๆ
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 1
Purchasing Power Parity กับ การลงทุนในต่างประเทศ
โพสต์ที่ 10
ถ้าอย่างนี้ก็น่าคิดนะครับ ว่าปัจจัยที่ทำให้ PPP เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ได้เนี่ยมันคืออะำไรบ้างchode เขียน:ผมว่าตลาดสินค้าบางอย่างเริ่มเป็นไปตามPPP แล้วนะครับใน ebay amazon
แต่ต้องบวกค่าส่งและค่าธรรมเนียมแบงก์
แต่ตลาดแรงงานยังไม่เสรี
PPPคงเกิดแต่สินค้าที่ซื้อขายออนไลน์ได้
อย่างแรกเนี่ยผมว่าเรื่องของระยะทางนี่สำคัญที่สุดเลย เำพราะโลกออนไลน์ไม่มีระยะทาง
คนซื้อเวลาเลือกดูไม่ต้องนั่งรถไป คนขายเวลาจะขายไม่ต้องส่งไปที่ร้านเพื่อตั้งโชว์ ไม่มีุำภาษีนำเข้าบวกในราคา (ไม่แน่ใจว่ามันบวกเอาทีหลังรวมในค่าส่งไหม)
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Purchasing Power Parity กับ การลงทุนในต่างประเทศ
โพสต์ที่ 11
อ่านบทความอันลึกซึ้งของน้อง Alastor แล้วรู้อยู่ที่เดียว :lovl:Alastor เขียน: ตอนซื้อของฝากก็เจอ chocolate ยี่ห้อ Lindt ที่เป็นบริษัทมหาชน และมีรายได้จากทั่วโลกน่าจะเข้าข่าย "หุ้นที่หาไม่ได้ในเมืองไทย" ที่ผมตามหา แต่นอกจาก chocolate จะแพงแล้วหุ้นก็แพงตามไปด้วย -_-'
คอนเฟิร์มว่า Lindt นี่เป็นหนึ่งในสุดยอด chocolate จริง ๆ ที่คุณภาพไม่หนีกันก็เช่น Godiva และ Ghirardelli
อูยยย... อ้วนดีจริง ๆ
ไม่สน return rate เยอะ, ขอแค่ financial freedom ภายใน 14 ปีก็พอ..
------------------------
------------------------
- Alastor
- Verified User
- โพสต์: 2590
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Purchasing Power Parity กับ การลงทุนในต่างประเทศ
โพสต์ที่ 12
กรรม ขออภัยที่เขียนให้งงครับmprandy เขียน: อ่านบทความอันลึกซึ้งของน้อง Alastor แล้วรู้อยู่ที่เดียว :lovl:
รู้สึกว่าที่นั่นจะอร่อยแต่ chocolate นะครับ อาหารทั่วไปเค็มมาก ไตทนได้ไงเนี่ย -_-' อร่อยที่สุดที่นั่นคือ Kebap ครับ :lol:
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
Purchasing Power Parity กับ การลงทุนในต่างประเทศ
โพสต์ที่ 13
ไปสวิช เขาว่าต้องกินฟูดอง ฟองดูนี่ครับ ชีสตึ๋งหนืดมาก :lol: :lol:
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
-
- Verified User
- โพสต์: 912
- ผู้ติดตาม: 0
Purchasing Power Parity กับ การลงทุนในต่างประเทศ
โพสต์ที่ 14
อืม .... :lol:Alastor เขียน:ซื้อดักก่อน TVI ไป company visit ฯลฯ ในเมืองไทยก็กำไรงดงามอยู่แล้ว จะเหนื่อยไปทำไม :lol:
ในยามลมแรง แม้แต่ไก่งวงยังบินได้
แต่เมื่อยามลมพัดหวน ผู้ที่อยู่รอดนั้่นคือพญาอินทรี
แต่เมื่อยามลมพัดหวน ผู้ที่อยู่รอดนั้่นคือพญาอินทรี
-
- Verified User
- โพสต์: 912
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Purchasing Power Parity กับ การลงทุนในต่างประเทศ
โพสต์ที่ 15
อันนี้ถ้าใครอยากลองชิม ผมเคยเห็นมีขายที่ paragon นะครับ :ep:mprandy เขียน: อ่านบทความอันลึกซึ้งของน้อง Alastor แล้วรู้อยู่ที่เดียว :lovl:
คอนเฟิร์มว่า Lindt นี่เป็นหนึ่งในสุดยอด chocolate จริง ๆ ที่คุณภาพไม่หนีกันก็เช่น Godiva และ Ghirardelli
อูยยย... อ้วนดีจริง ๆ
ในยามลมแรง แม้แต่ไก่งวงยังบินได้
แต่เมื่อยามลมพัดหวน ผู้ที่อยู่รอดนั้่นคือพญาอินทรี
แต่เมื่อยามลมพัดหวน ผู้ที่อยู่รอดนั้่นคือพญาอินทรี