ราคาหุ้นที่แท้จริง
-
- Verified User
- โพสต์: 3
- ผู้ติดตาม: 0
ราคาหุ้นที่แท้จริง
โพสต์ที่ 1
ผมถามใน pantip
ยังไม่มีคนตอบครับ ( หรือว่าเขาเล่นหุ้นโดยไม่ดูอันนี้กัน??? )
ขออนุญาติถามในนี้ด้วยนะครับ
ที่บอกว่า "หุ้นราคาสูงเกินจริง"
ผมอยากรู้ว่า ราคาหุ้นที่แท้จริง หรือที่ควรจะเป็น หรือไม่สูงเกินไป
สำหรับบริษัทหนึ่งๆ ดูจากอะไรครับ
ตีราคาจากทรัพย์สิน, cash flow, หรืออะไรครับ
ถ้าดูจบรายงานประจำปี จะสามารถหาข้อมูลมาคิดได้ไหมครับ
เหมือนกับการตีราคาที่ดินรึป่าว?
แล้วราคาที่ดินเขาประเมินกันยังไงครับ
มือใหม่ครับ ยังงง ๆ
รบกวนชี้แนะด้วยครับ
ยังไม่มีคนตอบครับ ( หรือว่าเขาเล่นหุ้นโดยไม่ดูอันนี้กัน??? )
ขออนุญาติถามในนี้ด้วยนะครับ
ที่บอกว่า "หุ้นราคาสูงเกินจริง"
ผมอยากรู้ว่า ราคาหุ้นที่แท้จริง หรือที่ควรจะเป็น หรือไม่สูงเกินไป
สำหรับบริษัทหนึ่งๆ ดูจากอะไรครับ
ตีราคาจากทรัพย์สิน, cash flow, หรืออะไรครับ
ถ้าดูจบรายงานประจำปี จะสามารถหาข้อมูลมาคิดได้ไหมครับ
เหมือนกับการตีราคาที่ดินรึป่าว?
แล้วราคาที่ดินเขาประเมินกันยังไงครับ
มือใหม่ครับ ยังงง ๆ
รบกวนชี้แนะด้วยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 3
- ผู้ติดตาม: 0
ราคาหุ้นที่แท้จริง
โพสต์ที่ 3
หือ???
งง นะครับ ถามแบบนี้
ผมแ่ค่อยากรู้ว่าการประเมินราคาหุ้นของสักบริษัทนึง เขาประเมินราคากันยังไงเท่านั้นเองครับ
ดูจากอะไรบ้าง พิจารณาอะไรบ้าง
เหตุผลก็เพื่อ ใช้เทียบราคากับปัจจุบัน
ผมยังไม่ได้คิดจะซื้อหุ้นครับ
ผมเพียงแค่ต้องการรู้เรื่องเกี่ยวกับหุ้น เกี่ยวกับตลาด เกี่ยวกับารลงทุน เท่านั้นเองครับ
บางครั้งอาจจะเอาไปใช้ทดลองแนวคิดที่เขาว่ากัน
กับโปรแกรมจำลองหุ้นออนไลน์ อะไรแบบนี้ครับ
ผมชอบทดลองมากกว่า
แพ้บางก็ไม่เป็นไรครับ
งง นะครับ ถามแบบนี้
ผมแ่ค่อยากรู้ว่าการประเมินราคาหุ้นของสักบริษัทนึง เขาประเมินราคากันยังไงเท่านั้นเองครับ
ดูจากอะไรบ้าง พิจารณาอะไรบ้าง
เหตุผลก็เพื่อ ใช้เทียบราคากับปัจจุบัน
ผมยังไม่ได้คิดจะซื้อหุ้นครับ
ผมเพียงแค่ต้องการรู้เรื่องเกี่ยวกับหุ้น เกี่ยวกับตลาด เกี่ยวกับารลงทุน เท่านั้นเองครับ
บางครั้งอาจจะเอาไปใช้ทดลองแนวคิดที่เขาว่ากัน
กับโปรแกรมจำลองหุ้นออนไลน์ อะไรแบบนี้ครับ
ผมชอบทดลองมากกว่า
แพ้บางก็ไม่เป็นไรครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
ราคาหุ้นที่แท้จริง
โพสต์ที่ 4
ที่ผมถามเพราะ หลายคนซื้อหุ้นเพื่อหวังจะไปขายต่อให้คนอื่นในราคาที่สูงกว่าที่ซื้อมา ถ้าคิดแบบนี้ ผมก็ไม่รู้จะคิดราคาพื้นฐานอย่างไร
แต่ถ้าเราคิดว่าซื้อหุ้นเพื่อหวังเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าของกิจการ หวังผลตอบแทนจากผลการดำเนินงานในอนาคตของบริษัท
การคำนวณราคาพื้นฐานก็ต้องเริ่มคิดจาก ประมาณการผลการดำเนินงานของบริษัทในอนาคต และความคาดหวังผลตอบแทนที่เราต้องการ
แต่ถ้าเราคิดว่าซื้อหุ้นเพื่อหวังเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าของกิจการ หวังผลตอบแทนจากผลการดำเนินงานในอนาคตของบริษัท
การคำนวณราคาพื้นฐานก็ต้องเริ่มคิดจาก ประมาณการผลการดำเนินงานของบริษัทในอนาคต และความคาดหวังผลตอบแทนที่เราต้องการ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 476
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ราคาหุ้นที่แท้จริง
โพสต์ที่ 5
สามารถดูได้หลายวิธีครับ เช่นดูจาก P/E ,P/BV หรือให้ใกล้เคียงหน่อยก็ DCF ครับRonaldinho เขียน:ที่บอกว่า "หุ้นราคาสูงเกินจริง"
ผมอยากรู้ว่า ราคาหุ้นที่แท้จริง หรือที่ควรจะเป็น หรือไม่สูงเกินไป
สำหรับบริษัทหนึ่งๆ ดูจากอะไรครับ
ได้ครับ จากงบการเงินรายไตรมาส และรายปี แต่ต้องประเมิน Growth ในอนาคต จะต้องใช้ข้อมูลหลายๆปีครับ 5-10 ปีเป็นอย่างน้อยRonaldinho เขียน:ตีราคาจากทรัพย์สิน, cash flow, หรืออะไรครับ
ถ้าดูจบรายงานประจำปี จะสามารถหาข้อมูลมาคิดได้ไหมครับ
แล้วราคาที่ดินเขาประเมินกันยังไงครับRonaldinho เขียน:เหมือนกับการตีราคาที่ดินรึป่าว?
ไม่เหมือนซะทีเดียวครับ มูลค่าหุ้นจะต้องละเอียดกว่ามาก แนะนำให้หาหนังสือ "วัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวคุณเอง" ของพี่สุมาอี้ ครับ
ยินดีครับRonaldinho เขียน:มือใหม่ครับ ยังงง ๆ
รบกวนชี้แนะด้วยครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1487
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ราคาหุ้นที่แท้จริง
โพสต์ที่ 6
มูลค่าหุ้นมันมีส่วนที่ต้องเดา หรือตีความเยอะครับ ไม่เหมือนที่ดินสามารถเดินทางไปดูสภาพหรือทำเลได้ แต่หุ้นมันขึ้นอยู่กับบริษัทจะเดินเข้าไปบริษัทไปค้นเอกสารทางบัญชี โดน รปภ.จับส่งตำรวจได้ครับ :DRonaldinho เขียน:ผมถามใน pantip
ยังไม่มีคนตอบครับ ( หรือว่าเขาเล่นหุ้นโดยไม่ดูอันนี้กัน??? )
ขออนุญาติถามในนี้ด้วยนะครับ
ที่บอกว่า "หุ้นราคาสูงเกินจริง"
ผมอยากรู้ว่า ราคาหุ้นที่แท้จริง หรือที่ควรจะเป็น หรือไม่สูงเกินไป
สำหรับบริษัทหนึ่งๆ ดูจากอะไรครับ
ตีราคาจากทรัพย์สิน, cash flow, หรืออะไรครับ
ถ้าดูจบรายงานประจำปี จะสามารถหาข้อมูลมาคิดได้ไหมครับ
เหมือนกับการตีราคาที่ดินรึป่าว?
แล้วราคาที่ดินเขาประเมินกันยังไงครับ
มือใหม่ครับ ยังงง ๆ
รบกวนชี้แนะด้วยครับ
เลยมีหลายจะหลายวิธีให้เลือกแล้วแต่แนวทาง ถ้าสนใจซื้อเพื่อเก็บปันผลก็ดูที่ dividend yield ถ้าซื้อเพื่อหวังราคาหุ้นขึ้นก็ดูการเติบโต ซึ่งอาจคิดจากการเติบโต cash flow (ซึ่งเป็นรายได้ที่ได้มาเป็นเงินสด) หรือดูค่า PE ปัจจุบัน (หุ้นที่คนคาดหวังในอนาคตมากจะมี PE สูง) ถ้าหวัง takeover กิจการ หรือ ซื้อดักกรณีที่บริษัทมีโอกาสจะถูก takeover ก็ดูที่ทรัพย์สินทางบัญชีหรือ book value
รายงานประจำปีมีส่วนสำคัญในการเข้าใจกิจการบริษัทมากครับ แต่มันเป็นข้อมูลอดีต ผลประกอบการในอนาคตก็ต้องเดาเอาครับ อยู่ที่ความเข้าใจในธุรกิจกับประสบการณ์ว่าสามารถเดาได้ใกล้เคียงความเป็นจริงแค่ไหนครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 191
- ผู้ติดตาม: 0
ราคาหุ้นที่แท้จริง
โพสต์ที่ 7
เสริมเรื่องการประเมิน Growth โดยใช้ข้อมูลจากอดีต ซึ่งเป็นที่นิยมในการใช้มากแต่มีข้อเสียเรื่องของความใกล้เคียงซึ่งบางทีแล้วก็ผิดพลาดไปมากได้เหมือนกัน ดังนั้นถ้าคุณเข้าใจในสภาพของธุรกิจนั้นๆที่คุณประเมินจะเป็นการง่ายที่คุณจะประเมิน Growth โดยวิธีการประเมินศักยภาพของตลาดที่บริษัทนั้นทำการค้าอยู่ และ ความสามารถในการแข่งขันของบริษัท ซึ่งหากใช้วิธีนี้จะทำให้เราสามารถประเมิน Growth ของกิจการได้อย่างใกล้เคียงมากขึ้น และเมื่อนำมาใช้ในการประเมินมูลค่าหุ้น เราก็จะมีความผิดพลาดน้อยทำให้การตัดสินใจลงทุนมีความเสี่ยงน้อยลงด้วยครับ
ดังนั้นจึงเป็นที่มาของความเข้าใจในธุรกิจนั้นที่เราเข้าไปลงทุน ส่วนตัวผมคิดว่าการลงทุนไม่ว่าจะซื้อเพื่อขายต่อ หรือซื้อเพื่อเป็นเจ้าของกิจการ ก็สมควรที่จะรู้จักธุรกิจนั้นๆอย่างแท้จริงเสมือนเราเป็นคนบริหารเอง เพราะถ้าเราประเมินทุกอย่างผิด เราก็มีความเสี่ยงที่จะขาดทุนซึ่งเป็นเงินจริงของเรา และในบางคนอาจเป็นเงินที่หามาได้ทั้งชีวิต
ขอให้ทุกวันเป็นวันที่ดีของคุณ และขอให้คุณมีวันที่ดีตลอดไป
ดังนั้นจึงเป็นที่มาของความเข้าใจในธุรกิจนั้นที่เราเข้าไปลงทุน ส่วนตัวผมคิดว่าการลงทุนไม่ว่าจะซื้อเพื่อขายต่อ หรือซื้อเพื่อเป็นเจ้าของกิจการ ก็สมควรที่จะรู้จักธุรกิจนั้นๆอย่างแท้จริงเสมือนเราเป็นคนบริหารเอง เพราะถ้าเราประเมินทุกอย่างผิด เราก็มีความเสี่ยงที่จะขาดทุนซึ่งเป็นเงินจริงของเรา และในบางคนอาจเป็นเงินที่หามาได้ทั้งชีวิต
ขอให้ทุกวันเป็นวันที่ดีของคุณ และขอให้คุณมีวันที่ดีตลอดไป
อย่าเชื่อสิ่งที่พระเจ้าบอก แต่จงคิดและเลือกที่จะเชื่อด้วยตัวท่านเอง !!
-
- Verified User
- โพสต์: 191
- ผู้ติดตาม: 0
ราคาหุ้นที่แท้จริง
โพสต์ที่ 11
การประเมินอนาคตของกิจการโดยใช้ข้อมูลที่มีในปัจจุบัน สิ่งสำคัญที่สุดคือความเข้าใจอุตสาหกรรมที่บริษัททำธุรกิจอยู่ และ ศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของกิจการในปัจจุบันครับ ซึ่งปัจจัยต่อมาที่เราจะประเมินก็คือความเสี่ยงในด้านต่างๆ ที่จะกระทบกับอุตสาหกรรม และบริษัท เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมองให้ครบทุกด้าน เพื่อที่เมื่อเหตุการณ์นั้นๆเกิดขึ้นเราจะสามารถประเมินสถานการณ์ได้อย่างถูกต้อง ดังนั้นก็ขอย้ำวลีเดิมๆที่หลายท่านอาจจะอ่านและฟังจนคุ้นหูแล้วว่า "การลงทุนในบริษัทใดๆนั้นเราควรเข้าใจธุรกิจนั้นอย่างดี" ถ้าคุณทำได้อย่างผมว่า ผมคิดว่าคุณจะสามารถลดความเสี่ยงในการลงทุนได้อย่างมากเลยครับลองศึกษาดูนะครับ
ขอให้ทุกวันของคุณเป็นวันที่ดี และขอให้วันที่ดีจงเกิดกับคุณตลอดไป
ขอให้ทุกวันของคุณเป็นวันที่ดี และขอให้วันที่ดีจงเกิดกับคุณตลอดไป
อย่าเชื่อสิ่งที่พระเจ้าบอก แต่จงคิดและเลือกที่จะเชื่อด้วยตัวท่านเอง !!
-
- Verified User
- โพสต์: 1036
- ผู้ติดตาม: 0
ราคาหุ้นที่แท้จริง
โพสต์ที่ 12
ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำดีๆนะครับchavanakorn เขียน:การประเมินอนาคตของกิจการโดยใช้ข้อมูลที่มีในปัจจุบัน สิ่งสำคัญที่สุดคือความเข้าใจอุตสาหกรรมที่บริษัททำธุรกิจอยู่ และ ศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของกิจการในปัจจุบันครับ ซึ่งปัจจัยต่อมาที่เราจะประเมินก็คือความเสี่ยงในด้านต่างๆ ที่จะกระทบกับอุตสาหกรรม และบริษัท เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมองให้ครบทุกด้าน เพื่อที่เมื่อเหตุการณ์นั้นๆเกิดขึ้นเราจะสามารถประเมินสถานการณ์ได้อย่างถูกต้อง ดังนั้นก็ขอย้ำวลีเดิมๆที่หลายท่านอาจจะอ่านและฟังจนคุ้นหูแล้วว่า "การลงทุนในบริษัทใดๆนั้นเราควรเข้าใจธุรกิจนั้นอย่างดี" ถ้าคุณทำได้อย่างผมว่า ผมคิดว่าคุณจะสามารถลดความเสี่ยงในการลงทุนได้อย่างมากเลยครับลองศึกษาดูนะครับ
ขอให้ทุกวันของคุณเป็นวันที่ดี และขอให้วันที่ดีจงเกิดกับคุณตลอดไป
อย่าโลภเกินความรู้ความสามารถของตัวเราเอง
- tmadoka
- Verified User
- โพสต์: 6
- ผู้ติดตาม: 0
ราคาหุ้นที่แท้จริง
โพสต์ที่ 13
ขอแจมด้วยคนครับ มือใหม่เหมือนกัน
ผมก็สงสัยเหมือนกันว่าเวลาที่เราบอกว่าหุ้นตัวไหนราคาสูงหรือต่ำเราจะเอาอะไรไปวัด จากการอ่านกระูทู้หลายๆ ส่วนก็ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน แต่ถ้าเป็นผมก็จะประเมินจากบริษัทฯ ที่ประกอบกิจการแบบเดียวกับที่เราสนใจ แล้วเปรียบเทียบข้อมูลพื้นฐานของบริษัทฯ นั้นเทียบกัน แล้วเฉลี่ยราคาของหุ้นดูผมว่าน่าจะช่วยได้ เราก็จะประเมินได้ว่าบริษัทฯ ที่เราสนใจ ควรจะมีราคาหุ้นที่ควรจะเป็นเท่าไร
ไม่รู้ว่าใกล้เคียงไหมครับ ถ้าไม่ใช่รบกวนช่วยแนะนำด้วยครับ
ผมก็สงสัยเหมือนกันว่าเวลาที่เราบอกว่าหุ้นตัวไหนราคาสูงหรือต่ำเราจะเอาอะไรไปวัด จากการอ่านกระูทู้หลายๆ ส่วนก็ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน แต่ถ้าเป็นผมก็จะประเมินจากบริษัทฯ ที่ประกอบกิจการแบบเดียวกับที่เราสนใจ แล้วเปรียบเทียบข้อมูลพื้นฐานของบริษัทฯ นั้นเทียบกัน แล้วเฉลี่ยราคาของหุ้นดูผมว่าน่าจะช่วยได้ เราก็จะประเมินได้ว่าบริษัทฯ ที่เราสนใจ ควรจะมีราคาหุ้นที่ควรจะเป็นเท่าไร
ไม่รู้ว่าใกล้เคียงไหมครับ ถ้าไม่ใช่รบกวนช่วยแนะนำด้วยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 191
- ผู้ติดตาม: 0
ราคาหุ้นที่แท้จริง
โพสต์ที่ 14
การประเมินมูลค่าหุ้นเรามีวิธีอยู่หลายวิธีเหมือนกันครับ
1.การประเมินมูลค่าสินทรัพย์ ณ วันที่เราซื้อกิจการ อันนี้ขออธิบายแบบย่อเพราะพูดง่ายแต่ทำยากมากๆ ถ้าไม่มีข้อมูลเพียงพอเพราะเราต้องรู้ว่ากิจการมีิสินทรัพย์อะไรบ้างและมีมูลค่าเท่าไหร่ ส่วนมากเราก็จะทำแบบง่ายๆคือ discount สินทรัพย์หมุนเวียน และสินทรัพย์ถาวร แร้วเอามาลบกับ หนี้สินทั้งหมด หารด้วยจำนวนหุ้น แต่ถ้าเราสามารถประเมินราคาของสินทรัพย์ถาวรได้จะดีมากครับ เพราะเราจะประเมินได้ถูกต้องมากขึ้น
2.การประเมินกำไรในอนาคต อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ประเมินว่าจะเลือกใช้การประเมินออกไปเป็นระยะเวลากี่ปี ซึ่งมูลค่าของตัวกิจการก็จะขึ้นอยู่กับกำไรที่เค้าจะทำได้ในอนาคต แต่การประเมินแบบนี้ก็มีตัวแปรหลายอย่างที่เราควรจะเข้าใจ ซึ่งขออธิบายแบบพอสังเขปเพราะมีเวลาน้อยในการพิมตอนนี้
- เราจำเป็นต้องเข้าใจรายได้ของกิจการในอนาคต
- ความเสี่ยงของการลดลงของรายได้ และโอกาสที่รายได้จะเพิ่มขึ้น ข้อนี้ขออธิบายแบบง่ายๆคือ ความเสี่ยงที่ราคาขาย หรือความต้องการในสินค้าของบริษัทลดลง ส่วนโอกาสก็คือราคาขายเพิ่มขึ้น และความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น ตรงนี้จำเป็นต้องเข้าใจเพราะถ้าเกิดเหตุการณ์พวกนี้เกิดขึ้นเราจะได้สามารถประเมินมูลค่าใหม่ได้อย่างทันเวลา
-ต้องรู้รายจ่ายของกิจการและมีสาเหตุใดบ้างที่จะเพิ่มขึ้น หรือลดลง
- ต้องเข้าใจอุตสาหกรรมที่ธุรกิจอยู่ว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีอนาคตที่จะเติบโตไหม หรือว่าสามารถดำรงอยู่โดยไม่ถดถอยหรือไม่ หรือกำลังถดถอย
- ต้องเข้าใจว่าธุรกิจมีศักยภาพเพียงใดที่จะคงอยู่ในอุตสาหกรรมนั้น พูดตรงนี้ก็ต้องอธิบายว่าเช่นความแข็งแกร่งของแบรนด์ ยอดขายที่สูงกว่าจุดคุ้มทุนมากๆ ส่วนแบ่งทางการตลาดสูง มีมาร์จิ้นสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง พวกนี้เป็นศักยภาพการแข่งขัน ส่วนศักยภาพการเงินดูหนี้สินต่อทุน ความเพียงพอของกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่จะสามารถชำระหนี้ หรือขยายงานในอนาคตได้หรือไม่ (ถ้าตรงนี้มีน้อยอาจจะทำให้มีการก่อหนี้มากขึ้นหรือเพิ่มทุนในอนาคต)
พอเราทำความเข้าใจหัวข้อข้างต้นแล้วคุณก็มาประมาณการกำไร,กระแสเงินสดในอนาคตครับ ส่วนวิธีในการประเมินมูลค่าของผมใช้แบบง่ายๆดังนี้ครับ มูลค่าุหุ้น = ราคาหุ้นปีที่t / 1+r^t
โดยที่
ราคาหุ้นปีที่ t คือกำไรสุทธิปีที่ t*PEที่คาดหวัง (กำไรสุทธิในสูตรสามารถเปลี่ยนเป็น กำไรเงินสด กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน หรือ FCF ได้ตามที่เราเลือก)
PE ที่คาดหวังมีวิธีคำนวณหลายวิธีดังนี้
1. PE เฉลี่ยในอดีต 5 ปี 7 ปี 10 ปีก็ได้ตามแต่ผู้ประเมินจะเลือกใช้
2. นำอัตราการเติบโตที่เราคาดหวัง /2 เช่นอัตราการเติบโตที่คาดหวังเท่ากับ 10% PE= 5
3. ใช้อัตราการเติบโตในอดีต / 2
4. ใช้อัตราการเติบโตเลย
r ที่ใช้คืออัตราผลตอบแทนที่นำมาคิดลด ส่วนตัวผมใช้อัตราผลตอบแทนที่ผมต้องการต่อปี โดยเมื่อเราได้มูลค่าหุ้นมาแล้วถ้าสูงกว่าก็คือแพงไป ต่ำกว่าก็คือถูกไป บางคนอาจนำมาคูณกับ 0.7 เพื่อเป็นส่วนต่างความปลอดภัยอีกทีนึงด้วยครับ
วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ เวลาหมดแล้วขอให้โชคดีในการลงทุนนะครับ
1.การประเมินมูลค่าสินทรัพย์ ณ วันที่เราซื้อกิจการ อันนี้ขออธิบายแบบย่อเพราะพูดง่ายแต่ทำยากมากๆ ถ้าไม่มีข้อมูลเพียงพอเพราะเราต้องรู้ว่ากิจการมีิสินทรัพย์อะไรบ้างและมีมูลค่าเท่าไหร่ ส่วนมากเราก็จะทำแบบง่ายๆคือ discount สินทรัพย์หมุนเวียน และสินทรัพย์ถาวร แร้วเอามาลบกับ หนี้สินทั้งหมด หารด้วยจำนวนหุ้น แต่ถ้าเราสามารถประเมินราคาของสินทรัพย์ถาวรได้จะดีมากครับ เพราะเราจะประเมินได้ถูกต้องมากขึ้น
2.การประเมินกำไรในอนาคต อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ประเมินว่าจะเลือกใช้การประเมินออกไปเป็นระยะเวลากี่ปี ซึ่งมูลค่าของตัวกิจการก็จะขึ้นอยู่กับกำไรที่เค้าจะทำได้ในอนาคต แต่การประเมินแบบนี้ก็มีตัวแปรหลายอย่างที่เราควรจะเข้าใจ ซึ่งขออธิบายแบบพอสังเขปเพราะมีเวลาน้อยในการพิมตอนนี้
- เราจำเป็นต้องเข้าใจรายได้ของกิจการในอนาคต
- ความเสี่ยงของการลดลงของรายได้ และโอกาสที่รายได้จะเพิ่มขึ้น ข้อนี้ขออธิบายแบบง่ายๆคือ ความเสี่ยงที่ราคาขาย หรือความต้องการในสินค้าของบริษัทลดลง ส่วนโอกาสก็คือราคาขายเพิ่มขึ้น และความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น ตรงนี้จำเป็นต้องเข้าใจเพราะถ้าเกิดเหตุการณ์พวกนี้เกิดขึ้นเราจะได้สามารถประเมินมูลค่าใหม่ได้อย่างทันเวลา
-ต้องรู้รายจ่ายของกิจการและมีสาเหตุใดบ้างที่จะเพิ่มขึ้น หรือลดลง
- ต้องเข้าใจอุตสาหกรรมที่ธุรกิจอยู่ว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีอนาคตที่จะเติบโตไหม หรือว่าสามารถดำรงอยู่โดยไม่ถดถอยหรือไม่ หรือกำลังถดถอย
- ต้องเข้าใจว่าธุรกิจมีศักยภาพเพียงใดที่จะคงอยู่ในอุตสาหกรรมนั้น พูดตรงนี้ก็ต้องอธิบายว่าเช่นความแข็งแกร่งของแบรนด์ ยอดขายที่สูงกว่าจุดคุ้มทุนมากๆ ส่วนแบ่งทางการตลาดสูง มีมาร์จิ้นสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง พวกนี้เป็นศักยภาพการแข่งขัน ส่วนศักยภาพการเงินดูหนี้สินต่อทุน ความเพียงพอของกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่จะสามารถชำระหนี้ หรือขยายงานในอนาคตได้หรือไม่ (ถ้าตรงนี้มีน้อยอาจจะทำให้มีการก่อหนี้มากขึ้นหรือเพิ่มทุนในอนาคต)
พอเราทำความเข้าใจหัวข้อข้างต้นแล้วคุณก็มาประมาณการกำไร,กระแสเงินสดในอนาคตครับ ส่วนวิธีในการประเมินมูลค่าของผมใช้แบบง่ายๆดังนี้ครับ มูลค่าุหุ้น = ราคาหุ้นปีที่t / 1+r^t
โดยที่
ราคาหุ้นปีที่ t คือกำไรสุทธิปีที่ t*PEที่คาดหวัง (กำไรสุทธิในสูตรสามารถเปลี่ยนเป็น กำไรเงินสด กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน หรือ FCF ได้ตามที่เราเลือก)
PE ที่คาดหวังมีวิธีคำนวณหลายวิธีดังนี้
1. PE เฉลี่ยในอดีต 5 ปี 7 ปี 10 ปีก็ได้ตามแต่ผู้ประเมินจะเลือกใช้
2. นำอัตราการเติบโตที่เราคาดหวัง /2 เช่นอัตราการเติบโตที่คาดหวังเท่ากับ 10% PE= 5
3. ใช้อัตราการเติบโตในอดีต / 2
4. ใช้อัตราการเติบโตเลย
r ที่ใช้คืออัตราผลตอบแทนที่นำมาคิดลด ส่วนตัวผมใช้อัตราผลตอบแทนที่ผมต้องการต่อปี โดยเมื่อเราได้มูลค่าหุ้นมาแล้วถ้าสูงกว่าก็คือแพงไป ต่ำกว่าก็คือถูกไป บางคนอาจนำมาคูณกับ 0.7 เพื่อเป็นส่วนต่างความปลอดภัยอีกทีนึงด้วยครับ
วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ เวลาหมดแล้วขอให้โชคดีในการลงทุนนะครับ
อย่าเชื่อสิ่งที่พระเจ้าบอก แต่จงคิดและเลือกที่จะเชื่อด้วยตัวท่านเอง !!