คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่คิดแบบนี้กันหรือป่าว
-
- Verified User
- โพสต์: 1049
- ผู้ติดตาม: 0
คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่คิดแบบนี้กันหรือป่าว
โพสต์ที่ 1
เรื่องคือว่า มีเพื่อนแฟน ช่วงหลังหันมาเล่นหุ้น ได้ประมาณ 2-3ปี น่าจะได้
โทรมาเล่าว่า รอบนี้เขาได้กำไรหุ้นเยอะ แต่ไม่บอกว่าได้เท่าไร
เพิ่งแต่งงาน มาได้ แค่ 2ปีเอง เล่นหุ้นจนบ้าหรือป่าว ไม่รู้นะ แต่มีแนวคิดว่า
เขาจะปลีกวิเวกไปคนเดียว ขอแค่โน๊ตบุค 1เครื่อง กับ อินเตอร์เนท
ไปอยู่ที่สงบคนเดียว วันๆๆ จะนั่งเล่นแต่หุ้น เพราะเขาคิดว่า เล่นหุ้นจะทำให้เขารวย
โดยทิ้งกิจการครอบครัว ทิ้งภรรยา ผมล่ะงง กับมันจริงๆๆ
มีใครเคยมีความคิดแบบนี้ หรือป่าวครับ
ถ้าไม่มีกิจการ ตัวคนเดียว ทำงานประจำจะคิดว่าโอเคนะ
ปล. มันคงจะบ้าจริงๆๆ ล่ะ ฮาๆๆๆๆ
โทรมาเล่าว่า รอบนี้เขาได้กำไรหุ้นเยอะ แต่ไม่บอกว่าได้เท่าไร
เพิ่งแต่งงาน มาได้ แค่ 2ปีเอง เล่นหุ้นจนบ้าหรือป่าว ไม่รู้นะ แต่มีแนวคิดว่า
เขาจะปลีกวิเวกไปคนเดียว ขอแค่โน๊ตบุค 1เครื่อง กับ อินเตอร์เนท
ไปอยู่ที่สงบคนเดียว วันๆๆ จะนั่งเล่นแต่หุ้น เพราะเขาคิดว่า เล่นหุ้นจะทำให้เขารวย
โดยทิ้งกิจการครอบครัว ทิ้งภรรยา ผมล่ะงง กับมันจริงๆๆ
มีใครเคยมีความคิดแบบนี้ หรือป่าวครับ
ถ้าไม่มีกิจการ ตัวคนเดียว ทำงานประจำจะคิดว่าโอเคนะ
ปล. มันคงจะบ้าจริงๆๆ ล่ะ ฮาๆๆๆๆ
- austin_bd
- Verified User
- โพสต์: 172
- ผู้ติดตาม: 0
คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่คิดแบบนี้กันหรือป่าว
โพสต์ที่ 2
แค่เสนอความคิดเห็นนะคับ
"คนเล่นหุ้น" ส่วนใหญ่ ก็อาการประมาณนั้นละคับ แต่บางคนอาจจะไม่รุนแรงขนาดนั้น แต่สำหรับเว็บนี้ส่วนใหญ่จะเป็น "นักลงทุน" น่ะคับ เลยไม่ค่อยเจออาการประ้เภทนั้น
ปล.เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวนะคับ ผิดถูกประการใดขอโทษด้วยนะคับ :D
"คนเล่นหุ้น" ส่วนใหญ่ ก็อาการประมาณนั้นละคับ แต่บางคนอาจจะไม่รุนแรงขนาดนั้น แต่สำหรับเว็บนี้ส่วนใหญ่จะเป็น "นักลงทุน" น่ะคับ เลยไม่ค่อยเจออาการประ้เภทนั้น
ปล.เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวนะคับ ผิดถูกประการใดขอโทษด้วยนะคับ :D
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1339
- ผู้ติดตาม: 0
คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่คิดแบบนี้กันหรือป่าว
โพสต์ที่ 3
ช่วงหุ้นขาขึ้น มีคนมากหลายที่หลงผิดคิดว่าเป็นเซียน เล่นหุ้นง่ายจริงๆ
โดยคิดว่าเล่นหุ้นแล้ว 2-3 ปีก็รวยแล้ว มันก็เป็นจริงถ้าเขาเล่น 2-3 ปี
แล้วเลิกขณะได้กำไร แต่ถ้าเล่นหุ้นต่อไปเรื่อยๆตลาดหุ้นจะเรียกกำไรคืน
พร้อมดอกเบี้นที่แสนแพง คนในตลาดหุ้น 90% จะถูกเรียกคืนเช่นนี้
โดยคิดว่าเล่นหุ้นแล้ว 2-3 ปีก็รวยแล้ว มันก็เป็นจริงถ้าเขาเล่น 2-3 ปี
แล้วเลิกขณะได้กำไร แต่ถ้าเล่นหุ้นต่อไปเรื่อยๆตลาดหุ้นจะเรียกกำไรคืน
พร้อมดอกเบี้นที่แสนแพง คนในตลาดหุ้น 90% จะถูกเรียกคืนเช่นนี้
- killyz
- Verified User
- โพสต์: 409
- ผู้ติดตาม: 0
คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่คิดแบบนี้กันหรือป่าว
โพสต์ที่ 4
ผมว่า ก็เหมือน ผีพนันเข้าสิง
คนบ้าบอล วันๆก็ดูแต่ นสพ.บอลกับบทวิเคราะห์บอล
คนบ้าหวย ก็แห่ไปหาสิ่งแปลกๆ หลวงพ่อดังๆ ไหว้ขอเลข
หุ้นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต
ความปกติของคนเราวัดที่ตรงไหน วัดตรงที่เหมือนกับคนส่วนมากหรือ
ถ้าวัยรุ่นที่ใช้มือถือและคอมไม่เป็น นี้เรียกว่าไม่ปกติใช่ไหมครับ
คนบ้าบอล วันๆก็ดูแต่ นสพ.บอลกับบทวิเคราะห์บอล
คนบ้าหวย ก็แห่ไปหาสิ่งแปลกๆ หลวงพ่อดังๆ ไหว้ขอเลข
หุ้นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต
ความปกติของคนเราวัดที่ตรงไหน วัดตรงที่เหมือนกับคนส่วนมากหรือ
ถ้าวัยรุ่นที่ใช้มือถือและคอมไม่เป็น นี้เรียกว่าไม่ปกติใช่ไหมครับ
การลงทุนมีความเสียว โปรดใช้วิจารณญาณในการลอก
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
Re: คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่คิดแบบนี้กันหรือป่าว
โพสต์ที่ 5
[quote="superboy"]เรื่องคือว่า มีเพื่อนแฟน ช่วงหลังหันมาเล่นหุ้น ได้ประมาณ 2-3ปี น่าจะได้
โทรมาเล่าว่า รอบนี้เขาได้กำไรหุ้นเยอะ แต่ไม่บอกว่าได้เท่าไร
เพิ่งแต่งงาน มาได้ แค่ 2ปีเอง เล่นหุ้นจนบ้าหรือป่าว ไม่รู้นะ แต่มีแนวคิดว่า
เขาจะปลีกวิเวกไปคนเดียว ขอแค่โน๊ตบุค 1เครื่อง กับ อินเตอร์เนท
ไปอยู่ที่สงบคนเดียว วันๆๆ จะนั่งเล่นแต่หุ้น เพราะเขาคิดว่า เล่นหุ้นจะทำให้เขารวย
โดยทิ้งกิจการครอบครัว ทิ้งภรรยา
โทรมาเล่าว่า รอบนี้เขาได้กำไรหุ้นเยอะ แต่ไม่บอกว่าได้เท่าไร
เพิ่งแต่งงาน มาได้ แค่ 2ปีเอง เล่นหุ้นจนบ้าหรือป่าว ไม่รู้นะ แต่มีแนวคิดว่า
เขาจะปลีกวิเวกไปคนเดียว ขอแค่โน๊ตบุค 1เครื่อง กับ อินเตอร์เนท
ไปอยู่ที่สงบคนเดียว วันๆๆ จะนั่งเล่นแต่หุ้น เพราะเขาคิดว่า เล่นหุ้นจะทำให้เขารวย
โดยทิ้งกิจการครอบครัว ทิ้งภรรยา
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
- hagrid
- Verified User
- โพสต์: 566
- ผู้ติดตาม: 0
คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่คิดแบบนี้กันหรือป่าว
โพสต์ที่ 6
ใครลงทุนมาตั้งแต่ก่อน เมษา ปีนี้
ส่วนใหญ่จะฮึกเฮิม กันเกือบทุกคนนะครับ
เพราะได้กำไรทำได้ง่ายมากจริงๆ
ผมก็เป็น แถมยังแอบหลงคิดว่าตัวเองเก่งไปหลายรอบ
ผมว่าใครอยากลองทำอะไร ก็ให้เขาทำไป
เถอะครับ แล้วประสบการณ์จะสอนเขาเอง
ว่าทำได้จริงหรือไม่ ผมเคยมีความคิดว่า
สิ่งที่คิดตามตรรกะ มักต้องถูกเสมอไป แต่จาก
ประสบการณ์ก็มักจะมีข้อยกเว้นไว้สำหรับ
คนกลุ่มหนึ่งที่กล้าทำอะไรฝืนโลก แล้ว
ก็ประสบความสำเร็จ เดี๋ยวนี้เลยไม่
ค่อยค้านเวลาใครจะทำอะไรแปลกๆ แล้วครับ
ไม่แน่อีกหน่อยเพื่อนคุณ superboy อาจจะ
กลายเป็นเซียนหุ้นพันล้านอีกคนในวงการ
ก็ได้นะครับ
ส่วนใหญ่จะฮึกเฮิม กันเกือบทุกคนนะครับ
เพราะได้กำไรทำได้ง่ายมากจริงๆ
ผมก็เป็น แถมยังแอบหลงคิดว่าตัวเองเก่งไปหลายรอบ
ผมว่าใครอยากลองทำอะไร ก็ให้เขาทำไป
เถอะครับ แล้วประสบการณ์จะสอนเขาเอง
ว่าทำได้จริงหรือไม่ ผมเคยมีความคิดว่า
สิ่งที่คิดตามตรรกะ มักต้องถูกเสมอไป แต่จาก
ประสบการณ์ก็มักจะมีข้อยกเว้นไว้สำหรับ
คนกลุ่มหนึ่งที่กล้าทำอะไรฝืนโลก แล้ว
ก็ประสบความสำเร็จ เดี๋ยวนี้เลยไม่
ค่อยค้านเวลาใครจะทำอะไรแปลกๆ แล้วครับ
ไม่แน่อีกหน่อยเพื่อนคุณ superboy อาจจะ
กลายเป็นเซียนหุ้นพันล้านอีกคนในวงการ
ก็ได้นะครับ
- baby-investor
- Verified User
- โพสต์: 312
- ผู้ติดตาม: 0
คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่คิดแบบนี้กันหรือป่าว
โพสต์ที่ 8
ประสบการณ์จะสอนเขาเองครับ และเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ในการกระทำของตัวเขาด้วยครับ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปถ้าเขาล้มเหลว เราก็คงคิดว่าเขาเป็นคนผิดปกติจริงๆอย่างที่เราคิดไว้แต่แรก แต่ถ้าเขาสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในตลาดหุ้นได้ เราอาจจะคิดว่าเขาคิดถูกก็ได้
ผมเคยเรียนกับอาจารย์ท่านนึงซึ่งท่านเคยเอนทรานส์ไม่ติด หลังจากนั้น1ปี อาจารย์ผมไม่ไปไหนเลย อ่านหนังสืออยู่แต่ในบ้านอย่างเดียว ในท้ายที่สุดพอไปสอบใหม่ก็ติดในคณะที่ตั้งความหวังไว้
อีกคนเป็นญาติผมเอง ในสมัยยังเด็กด้วยความไม่ชอบเรียนหนังสือเลยออกจากโรงเรียน สมัยนั้นก็มีแต่คนมองว่าไม่เอาถ่าน หัวไม่ดี แต่ทุกวันนี้ไม่มีใครพูดถึงเรื่องในอดีตอีกแล้ว เพราะเขาทำการค้าจนร่ำรวย และคนแถวนั้นก็รู้จักและชื่นชมเขาทุกคน ซึ่งปัจจัยสำคัญคือเขาเป็นคนขยัน มีหัวการค้าและเจาะตลาดที่เป็น blue ocean ครับ
ผมว่าคนที่จะประสบความสำเร็จได้ต้องมุ่งมั่น และใช้ทักษะที่มีให้เกิดประโยชน์ครับ และเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ ซึ่งถ้าไม่มีทักษะนั้นๆก็ยากทีเดียว แต่ถ้าทำอะไรในลักษณะที่ฉาบฉวยเป็นการพนันด้วยแล้ว มีโอกาสสูงทีเดียวครับที่จะก่อให้เกิดความเสียหาย แทนที่จะประสบความสำเร็จ กลับล้มเหลวด้วยครับ
ผมเคยเรียนกับอาจารย์ท่านนึงซึ่งท่านเคยเอนทรานส์ไม่ติด หลังจากนั้น1ปี อาจารย์ผมไม่ไปไหนเลย อ่านหนังสืออยู่แต่ในบ้านอย่างเดียว ในท้ายที่สุดพอไปสอบใหม่ก็ติดในคณะที่ตั้งความหวังไว้
อีกคนเป็นญาติผมเอง ในสมัยยังเด็กด้วยความไม่ชอบเรียนหนังสือเลยออกจากโรงเรียน สมัยนั้นก็มีแต่คนมองว่าไม่เอาถ่าน หัวไม่ดี แต่ทุกวันนี้ไม่มีใครพูดถึงเรื่องในอดีตอีกแล้ว เพราะเขาทำการค้าจนร่ำรวย และคนแถวนั้นก็รู้จักและชื่นชมเขาทุกคน ซึ่งปัจจัยสำคัญคือเขาเป็นคนขยัน มีหัวการค้าและเจาะตลาดที่เป็น blue ocean ครับ
ผมว่าคนที่จะประสบความสำเร็จได้ต้องมุ่งมั่น และใช้ทักษะที่มีให้เกิดประโยชน์ครับ และเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ ซึ่งถ้าไม่มีทักษะนั้นๆก็ยากทีเดียว แต่ถ้าทำอะไรในลักษณะที่ฉาบฉวยเป็นการพนันด้วยแล้ว มีโอกาสสูงทีเดียวครับที่จะก่อให้เกิดความเสียหาย แทนที่จะประสบความสำเร็จ กลับล้มเหลวด้วยครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1841
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่คิดแบบนี้กันหรือป่าว
โพสต์ที่ 10
[quote="superboy"]เรื่องคือว่า มีเพื่อนแฟน ช่วงหลังหันมาเล่นหุ้น ได้ประมาณ 2-3ปี น่าจะได้
โทรมาเล่าว่า รอบนี้เขาได้กำไรหุ้นเยอะ แต่ไม่บอกว่าได้เท่าไร
เพิ่งแต่งงาน มาได้ แค่ 2ปีเอง เล่นหุ้นจนบ้าหรือป่าว ไม่รู้นะ แต่มีแนวคิดว่า
เขาจะปลีกวิเวกไปคนเดียว ขอแค่โน๊ตบุค 1เครื่อง กับ อินเตอร์เนท
ไปอยู่ที่สงบคนเดียว วันๆๆ จะนั่งเล่นแต่หุ้น เพราะเขาคิดว่า เล่นหุ้นจะทำให้เขารวย
โดยทิ้งกิจการครอบครัว ทิ้งภรรยา
โทรมาเล่าว่า รอบนี้เขาได้กำไรหุ้นเยอะ แต่ไม่บอกว่าได้เท่าไร
เพิ่งแต่งงาน มาได้ แค่ 2ปีเอง เล่นหุ้นจนบ้าหรือป่าว ไม่รู้นะ แต่มีแนวคิดว่า
เขาจะปลีกวิเวกไปคนเดียว ขอแค่โน๊ตบุค 1เครื่อง กับ อินเตอร์เนท
ไปอยู่ที่สงบคนเดียว วันๆๆ จะนั่งเล่นแต่หุ้น เพราะเขาคิดว่า เล่นหุ้นจะทำให้เขารวย
โดยทิ้งกิจการครอบครัว ทิ้งภรรยา
Rabbit VS. Turtle
-
- Verified User
- โพสต์: 1808
- ผู้ติดตาม: 0
คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่คิดแบบนี้กันหรือป่าว
โพสต์ที่ 11
เก่งหรือเฮง
โลกในมุมมองของ Value Investor
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ช่วงที่ตลาดหุ้นกำลังบูม มีเงินและคนหน้าใหม่ๆ เข้ามาในตลาดหุ้นกันมาก เรามักจะได้ยินเรื่องของนักเล่นหุ้นที่ได้กำไรจากการซื้อขายหุ้นเป็นร้อยๆเปอร์เซ็นก็มี ภายในระยะเวลาอันสั้น ดูเหมือนว่า เซียนหุ้น จะเกิดขึ้นมาก หลายๆ คนอาจจะคิดว่าตัวเองก็เป็นเซียนคนหนึ่งเหมือนกัน แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะไม่รู้จักแต่เพื่อนๆ และคนรู้จักหลายคนต่างก็ยอมรับ
เหตุที่คนบางคนคิดว่าตนเองเป็นหนึ่งในตองอูไม่ใช่เพียงเพราะว่าเขาได้กำไรมากกว่าผลตอบแทนเฉลี่ยของปีนี้ที่ราคาหุ้นเติบโตขึ้นมาถึง 50% ไปแล้วเท่านั้น แต่หุ้นของเขาเติบโตขึ้นนับร้อยเปอร์เซ็นต์ และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ผลตอบแทนในปีก่อนๆ หลายปีของเขาก็สูงอย่างน่าประทับใจและเหนือผลตอบแทนของตลาดมหาศาล ทั้งหมดนี้ได้มาด้วย ฝีมือ การซื้อๆ ขายๆ หุ้นด้วยเทคนิคที่เขาศึกษาและคิดค้นด้วยตนเอง ประกอบกับประสบการณ์ที่คนอื่นไม่สามารถเลียนแบบได้
คำถามก็คือ คนที่เล่นหุ้นแล้วได้กำไรมหาศาลทุกคนเป็นเซียนหุ้นตัวจริงหรือไม่ หรือที่จริงแล้วหลายๆ คนที่ทำกำไรร่ำรวยขึ้นมานั้นเกิดขึ้นเพราะความบังเอิญหรือเป็นคนที่โชคดีกว่าคนอื่นเหมือนกับคนถูกล็อตเตอรี่ที่เรารู้ว่าเป็นเรื่องของโชคและความบังเอิญมิได้เกี่ยวกับฝีมือในการเก็งตัวเลขของกองสลากแต่อย่างใด?
ในการตอบคำถามข้างต้น วอเร็น บัฟเฟตต์ เซียนหุ้นตัวจริงเล่าเรื่อง การปั่นแปะระดับชาติ ซึ่งผมขอดัดแปลงให้เป็นของไทยๆ แต่พยายามรักษาสาระและความคิดของเดิมเอาไว้ดังต่อไปนี้ครับ
ลองสมมุติว่าเราสามารถชักชวนให้คนไทยจำนวน 60 ล้านคนเข้าร่วมการแข่งขันปั่นแปะโดยที่แต่ละคนต้องเอาเงินมาเล่นคนละ 100 บาท เพื่อเข้าร่วมในการเดิมพันระดับชาติในครั้งนี้ ซึ่งการแข่งขันจะเป็นระบบแพ้คัดออกโดยที่แต่ละคนจะเข้าแข่งเพียงวันละครั้งเดียวตอน 10.00 น. ของแต่ละวัน ผู้ชนะจะไดัรับเงินจากผู้แพ้ทั้งหมดนั่นคือวันแรก คนชนะจะได้รับเงิน 100 บาท เมื่อรวมกับของตนเองอีก 100 บาท กลายเป็น 200 บาท ซึ่งจะต้องเอาไปเดิมพันในวันต่อไป
วันที่สองของการแข่งขันก็จะเหลือคนที่เข้าแข่งเพียง 30 ล้านคน แต่ละคนมีเงินกันคนละ 200 บาท นี่คือกลุ่มคนที่เป็นผู้ชนะในยกแรกและคนส่วนมากคงคิดว่าเป็นเรื่องของโชคที่ตนเองชนะ หลังจากวันที่สองก็เหลือผู้ชนะเพียง 15 ล้านคน โดยแต่ละคนได้กำไรมาคนละ 300 บาท รวมกับเงินของตนเองอีก 100 บาทเป็น 400 บาท ในวันนี้คนส่วนใหญ่ที่ชนะคงจะยังคิดว่าตนเองกำลังมีโชค
วันที่สามผ่านไปและกลุ่มผู้ชนะลดลงมาเหลือ 7.5 ล้านคนโดยแต่ละคนได้กำไรมาแล้ว 700 บาท จากต้นทุน 100 บาทที่นำมา เล่น คนบางคนคงจะเริ่มคิดว่านี่คงเป็นเพราะตนเองเริ่ม รู้ วิธีการเลือกแทงว่าเป็นหัวหรือเป็นก้อย และโชคก็คงมีส่วนอยู่บ้าง
วันที่สี่ จบสิ้นลงพร้อมกับผู้ชนะที่เหลืออยู่ 3.75 ล้านคน แต่ละคนมีเงินอยู่ในกระเป๋า 1,600 บาท หรือกำไร 1500% ซึ่งถึงเม็ดเงินจะไม่มากนักแต่การที่ชนะมาถึง 4 ครั้งติดต่อกันทำให้คนกลุ่มนี้เริ่มรู้สึกถึง ฝีมือ ของตนเองที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
วันที่ห้าผ่านไปพร้อมๆ กับผู้ชนะที่ลดจำนวนลงเหลือ 1.875 ล้านคน แต่ละคนมีเงินจากการเดิมพัน 3200 บาท การชนะติดต่อกันห้าวันในความคิดเห็นของพวกเขาหลายคนคงไม่ใช่เรื่องโชคหรือบังเอิญเสียแล้ว เขาเริ่มเห็น กลยุทธ์การปั่นแปะ ที่ได้ผลและวาดภาพว่าในที่สุดเขาคงจะเป็นเศรษฐีในไม่ช้า
สิ้นวันที่หกและจำนวนผู้ชนะเหลือเพียง 937,500 คน แต่ละคนมีเงิน 6,400 บาท ขณะนี้คนในกลุ่มหลายคนมีความมั่นใจในหลักและวิธีการปั่นแปะของตนแล้ว หลายคนเริ่มคุยกับญาติมิตรเพื่อนฝูงถึงชัยชนะของตนเอง บางคนเริ่มเข้าไปคุยในอินเตอร์เน็ต
พอถึงวันที่สิบสี่ ผู้ชนะที่เหลืออยู่ก็มีเพียงประมาณ 3662 คน ซึ่งแต่ละคนมีเงินที่ได้จากการเดิมพันถึงคนละประมาณ 1.6 ล้านบาท การที่ได้ชัยชนะมาถึง 14 ครั้งติดต่อกันโดยไม่เคยแพ้เลยนั้นทำให้เขามั่นใจในวิธีการของเขาเป็นอย่างสูงและเงินที่ได้มามากและรวดเร็วนี้ทำให้บางคนเริ่มคิดว่าจะยึดอาชีพการปั่นแปะเป็นหลัก แม้ว่าหลายคนจะยังเป็นห่วงเรื่องภาพพจน์ของตนเองในสายตาของเพื่อนฝูงและญาติมิตร
การปั่นแปะดำเนินต่อเนื่องมานานพอสมควร ขณะนี้เราก็เริ่มเห็น เซียน ที่ไม่เคยแพ้เลยและกลยุทธ์และความคิดของผู้ชนะหลายๆ คนเริ่มปรากฏต่อสายตาของคนที่ยังอยู่ในเกมและคนที่ ตกรอบ ไปแล้วแต่ยังหวังที่จะกลับเข้าไปเล่นใหม่ในรอบหน้า
พอสิ้นวันที่ 20 คนที่ยังชนะอยู่ก็เหลือเพียงประมาณ 114 คน แต่ละคนเป็นเศรษฐีเงินล้านดอลลาร์คือประมาณ 52 ล้านบาทเข้าไปแล้ว คนกลุ่มนี้เริ่มถูกจับตามอง เขาจะเริ่มวางท่านิดๆ แต่ก็พยายามพูดจาถ่อมตัวให้ดูพองาม บางคนเริ่มออกหนังสือ เป็นเศรษฐีเงินล้านด้วยการปั่นแปะ บางคนก็เริ่มได้รับการเชิญไปพูดในงานสัมนา กลยุทธ์การปั่นแปะแบบเหยี่ยว
แต่แล้วในวันที่ 21 เศรษฐีเงินล้านจำนวน 57 คนก็หายวับไปหลังจากการปั่นแปะในตอนสิบโมงเช้า เหลือผู้ชนะจำนวน 57 คนที่ขณะนี้กลายเป็นเศรษฐีเงินร้อยล้านบาท ซึ่งผู้คนกล่าวขวัญกันมาก หลายๆ คนถูกสัมภาษณ์โดยหนังสือพิมพ์ กระทิงรายวัน หลายคนได้รับเชิญออกรายการวิทยุและโทรทัศน์ทั้งเรื่องการปั่นแปะและความเห็นอื่นๆ รวมทั้งไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตในฐานะนักปั่นแปะชั้นแนวหน้าของประเทศไทย
ทุกอย่างดูดีไปหมดสำหรับ เซียนปั่นแปะ จนกระทั่งรายการโทรทัศน์ ดวงใครดวงมัน นำเด็กอายุ 5 ขวบ คนหนึ่งซึ่งเข้าร่วมการแข่งขันปั่นแปะชนะมา 21 ครั้งติดต่อกัน และได้กำไรกว่าร้อยล้านบาทมาสัมภาษณ์ออกรายการ โดยที่เด็กคนนี้เปิดเผยเทคนิคในการปั่นแปะอย่างน่าทึ่งว่า ที่ชนะมาทั้งหมดนั้นอาศัยลิงที่เลี้ยงไว้เป็นคนเลือกว่าจะแทงหัวหรือก้อยทุกวัน
จากเหตุการณ์สมมุตินี้เห็นได้ชัดว่า โดยหลักทางสถิติแล้ว เป็นเรื่องที่เป็นไปได้สูงที่คนๆ หนึ่งจะสามารถชนะในการปั่นแปะหรือในการลงทุนอย่างใหญ่หลวงได้โดยไม่ได้เกิดจากฝีมืออะไรเลย เป็นแต่เรื่องของความบังเอิญหรือโชคเท่านั้น แต่การที่ได้ชัยชนะและทำเงินได้มากมักจะทำให้คนสำคัญผิด ประกอบกับความลำเอียงที่มีอยู่แล้วโดยธรรมชาติทำให้เขาคิดว่านี่คือเรื่องของฝีมือหรือความสามารถ
Value Investor นั้นจะต้องรู้ตัวตลอดเวลาว่าชัยชนะที่ได้รับในการลงทุนนั้น เกิดจากโชคหรือการวิเคราะห์และศึกษาอย่างถี่ถ้วนในตัวหุ้นก่อนการลงทุนกันแน่ กฏง่ายๆของผมก็คือถ้าซื้อแล้วราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ และยืนอยู่ได้อย่างถาวร นั่นเป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่าเราเลือกหุ้นได้ถูกต้อง ส่วนหุ้นที่ซื้อแล้วราคาหุ้นอาจจะขึ้นไป แต่ขึ้นชั่วคราว เสร็จแล้วก็ปรับตัวลงมาเท่าเดิมหรือต่ำกว่าแบบนี้ถึงแม้ว่าเราจะขายหุ้นไปก่อนและได้กำไรมามากก็จงเข้าใจว่านี่เป็นเรื่องของโชคหรือความฟลุ๊กและอนาคตเราอาจจะโชคไม่ดีและพ่ายแพ้ได้ เปรียบเสมือนนักปั่นแปะที่ชนะมา 20 ครั้ง แต่ไม่มีใครบอกว่าจะชนะในครั้งที่ 21 เพราะทุกอย่างเป็นเรื่องของความบังเอิญล้วนๆ
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
- Alastor
- Verified User
- โพสต์: 2590
- ผู้ติดตาม: 0
คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่คิดแบบนี้กันหรือป่าว
โพสต์ที่ 12
test แบบนี้คงใช้กับคนที่เล่นหุ้น (หรือลงทุน) ในหุ้น cylicle ไม่ได้นะครับ ต่อให้ไม่ใช่ cylicle ยังไงผลประกอบการณ์และราคาหุ้นก็ต้องขึ้นลงตาม เศรษฐกิจอยู่ดี ถ้าทดสอบในใจเอาเอง ไม่มีใครยอมรับว่าตัวเองโชคดีที่กำไรหรอกครับ (แต่จะยอมรับว่าโชคร้ายที่ขาดทุน)กฏง่ายๆของผมก็คือถ้าซื้อแล้วราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ และยืนอยู่ได้อย่างถาวร นั่นเป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่าเราเลือกหุ้นได้ถูกต้อง ส่วนหุ้นที่ซื้อแล้วราคาหุ้นอาจจะขึ้นไป แต่ขึ้นชั่วคราว เสร็จแล้วก็ปรับตัวลงมาเท่าเดิมหรือต่ำกว่าแบบนี้ถึงแม้ว่าเราจะขายหุ้นไปก่อนและได้กำไรมามากก็จงเข้าใจว่านี่เป็นเรื่องของโชคหรือความฟลุ๊กและอนาคตเราอาจจะโชคไม่ดีและพ่ายแพ้ได้ เปรียบเสมือนนักปั่นแปะที่ชนะมา 20 ครั้ง แต่ไม่มีใครบอกว่าจะชนะในครั้งที่ 21 เพราะทุกอย่างเป็นเรื่องของความบังเอิญล้วนๆ
ผมคิดว่าน่าจะทำ statistic test มากกว่า โดยเทียบผลตอบแทนของตัวเองกับของตลาด ตั้ง null hypothesis ว่า ผลตอบแทนของเรา <= ผลตอบแทนตลาด และ alternative hypothesis ว่า ผลตอบแทนของเรา > ผลตอบแทนของตลาด
จากนั้นหา month return ของตลาดย้อนหลังตั้งแต่เริ่มลงทุน คำนวณ geometric mean และ variance
จากนั้นก็คำนวณ geometric mean ของ monthly return ของเราเอง
สุดท้ายก็ใช้ one-tailed t-test ดูสิว่า สามารถ reject Ho ที่ความเชื่อมั่น 99% ได้หรือเปล่า อ้อ degree of freedom = จำนวน month - 1 ด้วยนิ
ถ้าใครใช้ margin ก็ต้องตัดกำไร/ขาดทุนส่วนนั้นออกด้วยเพราะใน SET ไม่ได้คิดตรงนี้ โอ้ SET น่าจะต้องใช้ Total Return Index ด้วยนะครับ จะได้รวมปันผลเข้าไปด้วย
ว่าแล้วลองเล่นมั่งดีก่า :lol:
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
-
- Verified User
- โพสต์: 1601
- ผู้ติดตาม: 0
คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่คิดแบบนี้กันหรือป่าว
โพสต์ที่ 14
[quote="Alastor"][quote]กฏง่ายๆของผมก็คือถ้าซื้อแล้วราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ และยืนอยู่ได้อย่างถาวร นั่นเป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่าเราเลือกหุ้นได้ถูกต้อง ส่วนหุ้นที่ซื้อแล้วราคาหุ้นอาจจะขึ้นไป แต่ขึ้นชั่วคราว เสร็จแล้วก็ปรับตัวลงมาเท่าเดิมหรือต่ำกว่าแบบนี้ถึงแม้ว่าเราจะขายหุ้นไปก่อนและได้กำไรมามากก็จงเข้าใจว่านี่เป็นเรื่องของโชคหรือความฟลุ๊กและอนาคตเราอาจจะโชคไม่ดีและพ่ายแพ้ได้ เปรียบเสมือนนักปั่นแปะที่ชนะมา
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่คิดแบบนี้กันหรือป่าว
โพสต์ที่ 15
ผมว่า เค้าต้องนิยามก่อนว่า ความสุข ของเค้าคืออะไรครับ
สำหรับความสุขของผม คือการมีเวลาแม้จะไม่มาก ที่จะได้อยู๋กับคนที่เรารัก และตอบแทนสังคม ครับ
มีคนเคยบอกว่า มนุษย์เราไม่สามารถอยู่ตัวคนเดียวโดยไม่ติดต่อใครเลยได้
และผมคิดว่า การที่นำใจไปจดจ่อ ตลาดหุ้นมากเกินไป น่าจะเป็นข้อเสีย มากกว่าเป็นข้อดีนะครับ
การเดินห้างกับแฟน ยังสามารถนำมาสู่การเลือกหุ้นดีๆได้เลยครับ
(อ้างอิงจาก Peter Lynch )
สำหรับความสุขของผม คือการมีเวลาแม้จะไม่มาก ที่จะได้อยู๋กับคนที่เรารัก และตอบแทนสังคม ครับ
มีคนเคยบอกว่า มนุษย์เราไม่สามารถอยู่ตัวคนเดียวโดยไม่ติดต่อใครเลยได้
และผมคิดว่า การที่นำใจไปจดจ่อ ตลาดหุ้นมากเกินไป น่าจะเป็นข้อเสีย มากกว่าเป็นข้อดีนะครับ
การเดินห้างกับแฟน ยังสามารถนำมาสู่การเลือกหุ้นดีๆได้เลยครับ
(อ้างอิงจาก Peter Lynch )
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่คิดแบบนี้กันหรือป่าว
โพสต์ที่ 16
สงสัยคุณหมอ จะเอามาจากชีวิตจิง ของตัวเองด้วยมั้งอะ :lol:noooon010 เขียน: การเดินห้างกับแฟน ยังสามารถนำมาสู่การเลือกหุ้นดีๆได้เลยครับ
(อ้างอิงจาก Peter Lynch )
(แซว)
สาเหตุหลักๆมาจาก ความโลภ ที่ทำให้ขาดสติ
เมื่อไม่มีสติ ก้อเตรียมเสียตังค์ได้เลย
ไม่ใช่วันนี้ แต่ก้อไม่นานเกินรอ
ขอยืมคำหมอมาใช้หน่อย "มีความสุขกับการลงทุนคับ"
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่คิดแบบนี้กันหรือป่าว
โพสต์ที่ 17
[quote="Alastor"][quote]กฏง่ายๆของผมก็คือถ้าซื้อแล้วราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ และยืนอยู่ได้อย่างถาวร นั่นเป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่าเราเลือกหุ้นได้ถูกต้อง ส่วนหุ้นที่ซื้อแล้วราคาหุ้นอาจจะขึ้นไป แต่ขึ้นชั่วคราว เสร็จแล้วก็ปรับตัวลงมาเท่าเดิมหรือต่ำกว่าแบบนี้ถึงแม้ว่าเราจะขายหุ้นไปก่อนและได้กำไรมามากก็จงเข้าใจว่านี่เป็นเรื่องของโชคหรือความฟลุ๊กและอนาคตเราอาจจะโชคไม่ดีและพ่ายแพ้ได้ เปรียบเสมือนนักปั่นแปะที่ชนะมา
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 1230
- ผู้ติดตาม: 0
คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่คิดแบบนี้กันหรือป่าว
โพสต์ที่ 18
เชื่อว่าพวกเราหลายคนก็ได้เยอะ......ก็หุ้นขึ้นทั้งกระดานนี่หน่า
ใครที่ลง 1-2 ตัว ก็อาจได้เยอะมาก ๆ แต่ต้องรอดให้ได้ก่อนจะมีอะไรมาสะดุด พลาด 1 ครั้งอาจกลับบ้านเก่า
แน่ใจหรือว่าหมกหมุ่นแบบปีกวิเวกพร้อมกับ com + internet คู่ชีพแล้ว จะทำให้กำไรหุ้น มากขึ้น..... การเล่นหุ้นต้องการเพียงเท่านี้หรือ
เราน่าจะหาสมดุลของชีวิตมากกว่าไหม (ชีวิตของการลงทุน ส่วนตัว ครอบครัว การงาน เพื่อน แฟน ) ที่สำคัญ คือ สุขทั้งเราและคนใกล้ตัวเราดีกว่า
เพื่อนหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาดหุ้นมาในช่วงปีนี้ หากได้กำไรมากก็ดีใจด้วย แต่สำหรับเราทั้งหลายยิ่งเก๋าเท่าไร ส่วนใหญ่ก็ผ่านการขาดทุนมานักต่อนัก แล้ว รู้ดีกว่าต้องเผื่อโอกาสพลาดไว้บ้าง
ใครที่ลง 1-2 ตัว ก็อาจได้เยอะมาก ๆ แต่ต้องรอดให้ได้ก่อนจะมีอะไรมาสะดุด พลาด 1 ครั้งอาจกลับบ้านเก่า
แน่ใจหรือว่าหมกหมุ่นแบบปีกวิเวกพร้อมกับ com + internet คู่ชีพแล้ว จะทำให้กำไรหุ้น มากขึ้น..... การเล่นหุ้นต้องการเพียงเท่านี้หรือ
เราน่าจะหาสมดุลของชีวิตมากกว่าไหม (ชีวิตของการลงทุน ส่วนตัว ครอบครัว การงาน เพื่อน แฟน ) ที่สำคัญ คือ สุขทั้งเราและคนใกล้ตัวเราดีกว่า
เพื่อนหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาดหุ้นมาในช่วงปีนี้ หากได้กำไรมากก็ดีใจด้วย แต่สำหรับเราทั้งหลายยิ่งเก๋าเท่าไร ส่วนใหญ่ก็ผ่านการขาดทุนมานักต่อนัก แล้ว รู้ดีกว่าต้องเผื่อโอกาสพลาดไว้บ้าง
- Alastor
- Verified User
- โพสต์: 2590
- ผู้ติดตาม: 0
คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่คิดแบบนี้กันหรือป่าว
โพสต์ที่ 19
ได้สิ ตอบคำถามว่าในอดีตที่ทำมาชนะตลาดจริงๆหรือเปล่า stat ไม่ได้บอกอนาคตได้นิ ว่าแต่ ลองคิดๆดูแล้วน่าจะไม่ใช่สมการแบบนี้เฮะ เพราะจะได้แค่ 1 เดือน แต่ถ้าทำติดๆกันหลายๆเดือนผลตอบแทนจะอยู่ในรูปแบบของผลบวก natural log เฮะ คิดไม่ออก ขอตัวไปเปิดตำราดีก่า -_-'picatos เขียน:ผมว่า Test ไปผลลัพธ์ที่ได้แม้ว่าจะ significant แต่คงเอาไปใช้ตีความอะไรไม่ได้มั้งครับ เพราะ
1. Sampling ไม่น่ามีมากพอ
2. วิีธีการลงทุนเปลี่ยนไปตามเวลา ไม่ได้การเป็นทดสอบหลักการลงทุนที่ Static แต่ Dynamic ไปตามสถานการณ์ของตลาด และองค์ความรู้ของเรา
ผมว่า... ถ้าจะทดสอบน่าจะใช้กลุ่มตัวอย่างจากนักลงทุนหลายๆ คน ที่มีหลักการลงทุนใกล้ๆ กัน ในช่วงเวลาเดียวกัน น่าจะได้ผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือมากกว่า...
ถ้าทดสอบจากกลุ่มหลายๆคนมันจะไปตอบคำถามอื่นนะ ไม่ใช่คำถามนี้
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่คิดแบบนี้กันหรือป่าว
โพสต์ที่ 20
ทดสอบแค่ว่าเราชนะตลาดหรือเปล่านะเหรอ... ผมว่าก็คงได้นะ... อ่านไม่ดี... นึกว่าทดสอบว่าวิธีการลงทุนแบบหนึ่งๆ ให้ผลตอบแทนที่เหนือว่าตลาดรึเปล่าซะอีก...Alastor เขียน: ได้สิ ตอบคำถามว่าในอดีตที่ทำมาชนะตลาดจริงๆหรือเปล่า stat ไม่ได้บอกอนาคตได้นิ ว่าแต่ ลองคิดๆดูแล้วน่าจะไม่ใช่สมการแบบนี้เฮะ เพราะจะได้แค่ 1 เดือน แต่ถ้าทำติดๆกันหลายๆเดือนผลตอบแทนจะอยู่ในรูปแบบของผลบวก natural log เฮะ คิดไม่ออก ขอตัวไปเปิดตำราดีก่า -_-'
ถ้าทดสอบจากกลุ่มหลายๆคนมันจะไปตอบคำถามอื่นนะ ไม่ใช่คำถามนี้
แต่ของผมไม่ต้องทดสอบครับ... ฟันธงเลยว่าปีนี้ดวงดี... ก็เท่านั้น... :lol: :lol: :lol:
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 90
- ผู้ติดตาม: 0
คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่คิดแบบนี้กันหรือป่าว
โพสต์ที่ 21
ในความเห็นผมนะครับ ความรวยไม่ได้รับประกันว่า เราจะมีความสุขเสมอไป กลับกัน ความไม่รวย(พอมีใช้จ่ายตามสมควร)ก็ใช่ว่าจะมีความสุขไม่ได้ ความสุขมันดูเหมือนขึ้นอยู่กับหลายมิติ เช่นความสัมพันธ๊ในครอบครัว สุขภาพกาย สุขภายใจเป็นต้น และผมเชื่อว่าคำตอบที่แท้จริงของความสุขนั้นองค็สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้เฉลยคำตอบออกมาแล้ว
ได้เท่าไรก็พอ
- poppo
- Verified User
- โพสต์: 1356
- ผู้ติดตาม: 0
คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่คิดแบบนี้กันหรือป่าว
โพสต์ที่ 22
อ่านแล้วนึกถึง โอ่ง หรือตุ่ม หรือหม้อสามใบของเฮียคลายเครียดเลยแฮะ
เอาให้พอดีๆนะครับ ผมว่า
แต่เรื่องแนะนำเพื่อน ผมว่าปล่อยไปเถอะ
แนะแล้วดี ก็เสมอตัว
แนะแล้วไม่ดี เราก็แย่
ประสบการ์ณสร้างคนครับ
เอาให้พอดีๆนะครับ ผมว่า
แต่เรื่องแนะนำเพื่อน ผมว่าปล่อยไปเถอะ
แนะแล้วดี ก็เสมอตัว
แนะแล้วไม่ดี เราก็แย่
ประสบการ์ณสร้างคนครับ
จงทนอด และอดทน
- porntipd
- Verified User
- โพสต์: 12
- ผู้ติดตาม: 0
คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่คิดแบบนี้กันหรือป่าว
โพสต์ที่ 23
เน้นแนว vi ดีกว่าค่ะ ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอทุกวัน ไม่เครียดมากด้วยค่ะ