บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้
-
- Verified User
- โพสต์: 1036
- ผู้ติดตาม: 0
บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้
โพสต์ที่ 1
13,14 ตุลาคม 2552 ผมจะขอจดจำมันเอาไว้ในความทรงจำของการเป็นนักลงทุนในตลาดหุ้นของผม
Panic sell เป็นอย่างไร ในที่สุดก็ได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว (สารภาพด้วยว่าหลวมตัวเป็นไปกับเขาด้วย )
ตลาดหุ้น เป็นตลาดที่อ่อนไหว เล่นอยู่บนพื้นฐานของจิตใจคน ใครใจไม่แข็ง ไม่มีจุดยืน
เจออย่างสองวันนี้เข้าไป อาจมีสิทธิ์ล้มทั้งยืนก็เป็นได้ นับว่าเป็นอีกหนึ่งบททดสอบสำหรับผู้อยู่รอดได้มากทีเดียว
ในสิ่งที่เลวร้าย หากปล่อยให้มันเกิดขึ้น แล้วก็ปล่อยผ่านไป โดยให้เหตุผลว่า "มันได้ผ่านไปแล้ว"
มันจะฟังดูแย่มากๆ หากเราไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลยในภาวะวิกฤตเช่นนั้น สิ่งที่ควรได้รับกลับมานั่นคือ "บทเรียน"
1. ผมลงทุนในแนว VI ผมซื้อหุ้นเมื่อเห็นว่าราคามันถูก (นัยหนึ่งคือมันต่ำกว่ามูลค่าความเป็นจริง)
แต่จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ผมต้องขายหุ้นที่ผมอุตส่าห์เลือกสรรมาอย่างดีไปสองตัว
เหตุผลที่ขายมันคือ "อารมณ์" ซึ่งขัดแย้งกับเหตุผลที่ผมเลือกซื้อหุ้นนั้นอย่างสิ้นเชิง ! เสียดายจริงๆครับ
ซื้อหุ้นด้วยเหตุผลไหน คุณก็ต้องขายด้วยเหตุผลนั้น
2. ในความผิดหวังก็ยังคงมีเรื่องที่ดีหลงเหลืออยู่ อย่างน้อยที่สุด ผมก็ไม่ได้ "ตกใจ" ขายหุ้นที่ผมรักมากอีกสองตัวไป
เมื่อมานั่งคิดทบทวนดูแล้ว พบว่าอะไรที่ทำให้ผมไม่ได้ตกใจขายหุ้นสองตัวนั้นไป
คำตอบก็คือ หุ้นสองตัวนั้นมี Margin of safety มากเพียงพอ
ในที่สุด ผมก็ได้เห็นถึงความสำคัญของค่า MOS ว่ามันมีความสำคัญมากขนาดไหน เพราะเหตุใด นักลงทุนแนว VI
ถึงให้ความสำคัญกับการพิจารณาค่า MOS ก่อนตัดสินใจซื้อหุ้นตัวนั้นๆ ... ตอนนี้ผมได้คำตอบจากบทเรียนจริงแล้ว
ควรซื้อหุ้นในกิจการที่กำลังไปได้ด้วยดี ในราคาที่ถูก รวมถึงมีค่า MOS ที่มากเพียงพอ
3. ซื้อหุ้นเฉลี่ยในขาขึ้น อาจไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไป ถึงแม้บางครั้งเราอาจคิดว่า "ต้นทุนของหุ้น มันน้อยเกินไป"
ข้อนี้ผมยังทำไม่ค่อยได้ เวลาที่ผมตัดสินใจจะซื้อหุ้นตัวใดๆครั้งแรก ผมมักไม่กล้าทุ่มอย่างสุดตัว เพราะผมกลัวพลาด
ผมมักจะกล้าตัดสินใจทยอยซื้ออีกครั้ง เมื่อราคาหุ้นมันได้ปรับตัวขึ้นไปแล้ว
เหตุผลที่ผมต้องซื้ออีก เพราะผมยังไม่ได้จำนวนหุ้นครบตามที่ต้องการ ...
ด้วยวิธีดังกล่าวนี้ มันจะเป็นการดึงค่าเฉลี่ยของหุ้นของผมให้สูงขึ้นไป ซึ่งจะทำให้ค่า MOS มีค่าลดลงตามไปด้วย
พยายามอย่าทยอยซื้อหุ้นในช่วงขาขึ้นให้มากเกินไป ต้องเผื่อค่า MOS ไว้ด้วย ยามเกิดภาวะที่ผิดปกติ
4. ผมซื้อหุ้น ผมไม่ได้ซื้อ set index แต่ทำไมผมถึงชอบมองภาพรวมของ set มากกว่าที่ผมจะเจาะลึกไปมองที่ตัวธุรกิจหุ้นของผม
มันเป็นความโง่เขลงของผมเอง ตัวธุรกิจมันยังคงดำเนินกิจการต่อไป ผลประกอบการกำลังไปได้สวย กำไรเติบโตขึ้นทุกวัน
เหตุผลเพียงเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอเพื่อการันตีว่า ราคาหุ้นมันต้องไปได้มากกว่านี้
แต่ผมกลับเอา "อารมณ์" ของผมมาตัดสิน เพียงเพราะผมยึดภาพหลักของดัชนี set อีกแล้ว ทั้งๆที่กิจการมันก็ยังคงดำเนินต่อไป
เราซื้อหุ้นเพราะเราดูผลประกอบการของกิจการ ดังนั้นเราควรเอาตัวเองออกมาจากดัชนี set ที่ปรับตัวขึ้นลงในแต่ละวัน
5. แปลกแต่จริง เมื่อใดที่ราคาหุ้นลดต่ำลงมากๆ บางครั้งเกือบจะใกล้ราคาเฉลี่ยนของหุ้นที่เรามี ทำไมในใจผมคิดแต่อยากจะขาย
ผมกลัวขาดทุน แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านไป ผมกลับมานั่งคิด หากเราแน่ใจแล้วว่าหุ้นตัวนั้นเป็นหุ้นที่ดี กิจการมันไม่ได้เจ๊ง
การที่ราคาปรับตัวลงอย่างไม่มีนัยยะสำคัญ ทำไมเราถึงไม่ "กล้า" ที่จะซื้อหุ้นนั้นเพิ่ม เพราะราคาที่มันตกต่ำลงมานั้น
หากเราตั้งตัวไปตอนที่ยังไม่ได้ถือหุ้นตัวนั้นอยู่ แน่นอนว่าเราต้องซื้อ แต่ ณ ตอนนั้น ทำไมถึงมีแต่ความคิดว่าอยากจะขาย ?
หากพื้นฐานของบริษัทยังไม่ได้เปลี่ยน การที่ราคาหุ้นตกต่ำลงมาก แม้บางครั้งจะต่ำกว่าราคาเฉลี่ยหุ้นของเรา ก็ควรต้องซื้อเพิ่มโดยไม่ต้องลังเล
6. สุดท้าย ... หุ้นมีขึ้น และก็มีลง จริงๆครับ
ไม่มีคำว่า "สาย" สำหรับการเข้าสู่ตลาดหุ้น ขอให้มีความอดทนในการรอคอย เมื่อเราเจอหุ้นที่ดี ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานก็พอ
------------------------------------------------------------------------------------------
ในช่วงเวลาที่หุ้นกำลังโดนทุบอย่างหนัก หลายคนบอกว่าอย่าเอามือไปรับมีดที่กำลังหล่นลงพื้น เพราะมันอาจจะหล่นได้มากกว่านั้นอีก ให้อยู่เฉยๆ
ในช่วงที่ไต่ขึ้นเพราะมีแรงซื้อเข้ามา หลายคนกลับแสดงตัวแล้วบอกว่า เมื่อวานผมช้อนตัวนั้นมา ตัวนี้มา รอมานานนนนนน
ผมกำลังมองว่า คนที่โชคดีในเหตุการณ์ใดๆ ก็จะกล้าเปิดเผยตนเพื่อบอกในสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไปแล้วได้ผลดีกลับมา
ในขณะที่อีกหลายๆคน ต้องหลบหายไป เพราะดูเหมือนว่าเขาได้ "ตัดสินใจพลาด" ในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ผมขอเป็นกำลังใจให้บุคคลกลุ่มหลังนะครับ สู้ๆนะครับ เราจะสู้ไปด้วยกัน
Panic sell เป็นอย่างไร ในที่สุดก็ได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว (สารภาพด้วยว่าหลวมตัวเป็นไปกับเขาด้วย )
ตลาดหุ้น เป็นตลาดที่อ่อนไหว เล่นอยู่บนพื้นฐานของจิตใจคน ใครใจไม่แข็ง ไม่มีจุดยืน
เจออย่างสองวันนี้เข้าไป อาจมีสิทธิ์ล้มทั้งยืนก็เป็นได้ นับว่าเป็นอีกหนึ่งบททดสอบสำหรับผู้อยู่รอดได้มากทีเดียว
ในสิ่งที่เลวร้าย หากปล่อยให้มันเกิดขึ้น แล้วก็ปล่อยผ่านไป โดยให้เหตุผลว่า "มันได้ผ่านไปแล้ว"
มันจะฟังดูแย่มากๆ หากเราไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลยในภาวะวิกฤตเช่นนั้น สิ่งที่ควรได้รับกลับมานั่นคือ "บทเรียน"
1. ผมลงทุนในแนว VI ผมซื้อหุ้นเมื่อเห็นว่าราคามันถูก (นัยหนึ่งคือมันต่ำกว่ามูลค่าความเป็นจริง)
แต่จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ผมต้องขายหุ้นที่ผมอุตส่าห์เลือกสรรมาอย่างดีไปสองตัว
เหตุผลที่ขายมันคือ "อารมณ์" ซึ่งขัดแย้งกับเหตุผลที่ผมเลือกซื้อหุ้นนั้นอย่างสิ้นเชิง ! เสียดายจริงๆครับ
ซื้อหุ้นด้วยเหตุผลไหน คุณก็ต้องขายด้วยเหตุผลนั้น
2. ในความผิดหวังก็ยังคงมีเรื่องที่ดีหลงเหลืออยู่ อย่างน้อยที่สุด ผมก็ไม่ได้ "ตกใจ" ขายหุ้นที่ผมรักมากอีกสองตัวไป
เมื่อมานั่งคิดทบทวนดูแล้ว พบว่าอะไรที่ทำให้ผมไม่ได้ตกใจขายหุ้นสองตัวนั้นไป
คำตอบก็คือ หุ้นสองตัวนั้นมี Margin of safety มากเพียงพอ
ในที่สุด ผมก็ได้เห็นถึงความสำคัญของค่า MOS ว่ามันมีความสำคัญมากขนาดไหน เพราะเหตุใด นักลงทุนแนว VI
ถึงให้ความสำคัญกับการพิจารณาค่า MOS ก่อนตัดสินใจซื้อหุ้นตัวนั้นๆ ... ตอนนี้ผมได้คำตอบจากบทเรียนจริงแล้ว
ควรซื้อหุ้นในกิจการที่กำลังไปได้ด้วยดี ในราคาที่ถูก รวมถึงมีค่า MOS ที่มากเพียงพอ
3. ซื้อหุ้นเฉลี่ยในขาขึ้น อาจไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไป ถึงแม้บางครั้งเราอาจคิดว่า "ต้นทุนของหุ้น มันน้อยเกินไป"
ข้อนี้ผมยังทำไม่ค่อยได้ เวลาที่ผมตัดสินใจจะซื้อหุ้นตัวใดๆครั้งแรก ผมมักไม่กล้าทุ่มอย่างสุดตัว เพราะผมกลัวพลาด
ผมมักจะกล้าตัดสินใจทยอยซื้ออีกครั้ง เมื่อราคาหุ้นมันได้ปรับตัวขึ้นไปแล้ว
เหตุผลที่ผมต้องซื้ออีก เพราะผมยังไม่ได้จำนวนหุ้นครบตามที่ต้องการ ...
ด้วยวิธีดังกล่าวนี้ มันจะเป็นการดึงค่าเฉลี่ยของหุ้นของผมให้สูงขึ้นไป ซึ่งจะทำให้ค่า MOS มีค่าลดลงตามไปด้วย
พยายามอย่าทยอยซื้อหุ้นในช่วงขาขึ้นให้มากเกินไป ต้องเผื่อค่า MOS ไว้ด้วย ยามเกิดภาวะที่ผิดปกติ
4. ผมซื้อหุ้น ผมไม่ได้ซื้อ set index แต่ทำไมผมถึงชอบมองภาพรวมของ set มากกว่าที่ผมจะเจาะลึกไปมองที่ตัวธุรกิจหุ้นของผม
มันเป็นความโง่เขลงของผมเอง ตัวธุรกิจมันยังคงดำเนินกิจการต่อไป ผลประกอบการกำลังไปได้สวย กำไรเติบโตขึ้นทุกวัน
เหตุผลเพียงเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอเพื่อการันตีว่า ราคาหุ้นมันต้องไปได้มากกว่านี้
แต่ผมกลับเอา "อารมณ์" ของผมมาตัดสิน เพียงเพราะผมยึดภาพหลักของดัชนี set อีกแล้ว ทั้งๆที่กิจการมันก็ยังคงดำเนินต่อไป
เราซื้อหุ้นเพราะเราดูผลประกอบการของกิจการ ดังนั้นเราควรเอาตัวเองออกมาจากดัชนี set ที่ปรับตัวขึ้นลงในแต่ละวัน
5. แปลกแต่จริง เมื่อใดที่ราคาหุ้นลดต่ำลงมากๆ บางครั้งเกือบจะใกล้ราคาเฉลี่ยนของหุ้นที่เรามี ทำไมในใจผมคิดแต่อยากจะขาย
ผมกลัวขาดทุน แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านไป ผมกลับมานั่งคิด หากเราแน่ใจแล้วว่าหุ้นตัวนั้นเป็นหุ้นที่ดี กิจการมันไม่ได้เจ๊ง
การที่ราคาปรับตัวลงอย่างไม่มีนัยยะสำคัญ ทำไมเราถึงไม่ "กล้า" ที่จะซื้อหุ้นนั้นเพิ่ม เพราะราคาที่มันตกต่ำลงมานั้น
หากเราตั้งตัวไปตอนที่ยังไม่ได้ถือหุ้นตัวนั้นอยู่ แน่นอนว่าเราต้องซื้อ แต่ ณ ตอนนั้น ทำไมถึงมีแต่ความคิดว่าอยากจะขาย ?
หากพื้นฐานของบริษัทยังไม่ได้เปลี่ยน การที่ราคาหุ้นตกต่ำลงมาก แม้บางครั้งจะต่ำกว่าราคาเฉลี่ยหุ้นของเรา ก็ควรต้องซื้อเพิ่มโดยไม่ต้องลังเล
6. สุดท้าย ... หุ้นมีขึ้น และก็มีลง จริงๆครับ
ไม่มีคำว่า "สาย" สำหรับการเข้าสู่ตลาดหุ้น ขอให้มีความอดทนในการรอคอย เมื่อเราเจอหุ้นที่ดี ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานก็พอ
------------------------------------------------------------------------------------------
ในช่วงเวลาที่หุ้นกำลังโดนทุบอย่างหนัก หลายคนบอกว่าอย่าเอามือไปรับมีดที่กำลังหล่นลงพื้น เพราะมันอาจจะหล่นได้มากกว่านั้นอีก ให้อยู่เฉยๆ
ในช่วงที่ไต่ขึ้นเพราะมีแรงซื้อเข้ามา หลายคนกลับแสดงตัวแล้วบอกว่า เมื่อวานผมช้อนตัวนั้นมา ตัวนี้มา รอมานานนนนนน
ผมกำลังมองว่า คนที่โชคดีในเหตุการณ์ใดๆ ก็จะกล้าเปิดเผยตนเพื่อบอกในสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไปแล้วได้ผลดีกลับมา
ในขณะที่อีกหลายๆคน ต้องหลบหายไป เพราะดูเหมือนว่าเขาได้ "ตัดสินใจพลาด" ในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ผมขอเป็นกำลังใจให้บุคคลกลุ่มหลังนะครับ สู้ๆนะครับ เราจะสู้ไปด้วยกัน
อย่าโลภเกินความรู้ความสามารถของตัวเราเอง
-
- Verified User
- โพสต์: 1036
- ผู้ติดตาม: 0
บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้
โพสต์ที่ 2
จากบทความที่ผมได้เขียนไป
อยากให้พี่ๆช่วยให้คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับมุมมองในการลงทุนของผมหน่อยครับ
ผมจิตใจยังไม่แข็งแกร่งพอ ยอมรับว่าสองวันที่ผ่านมานั้น
ผมตกอยู่อาการ "คนตื่นกลัว" มากพอสมควร ไม่ดีเลยครับ
ผมเสียใจที่ผมต้องตัดใจขาย MCS และ SPALI ไป
แต่ก็ต้องขอบคุณความหนักแน่นของผมที่ทำให้ผมได้มีโอกาสถือ CPF , TPAC และ KYE ของผมต่อไปครับ
อยากให้พี่ๆช่วยให้คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับมุมมองในการลงทุนของผมหน่อยครับ
ผมจิตใจยังไม่แข็งแกร่งพอ ยอมรับว่าสองวันที่ผ่านมานั้น
ผมตกอยู่อาการ "คนตื่นกลัว" มากพอสมควร ไม่ดีเลยครับ
ผมเสียใจที่ผมต้องตัดใจขาย MCS และ SPALI ไป
แต่ก็ต้องขอบคุณความหนักแน่นของผมที่ทำให้ผมได้มีโอกาสถือ CPF , TPAC และ KYE ของผมต่อไปครับ
อย่าโลภเกินความรู้ความสามารถของตัวเราเอง
- newbie_12
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2912
- ผู้ติดตาม: 1
บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้
โพสต์ที่ 3
คือผมมองว่ามันไม่ได้เป็นวิกฤติอะไรเลยนะ ตลาดลงแค่นิดหน่อยประมาณ 2 วัน เทียบกับที่ขึ้นไปเยอะมากจากต้นปี
ถ้าจะบอกว่าวิกฤติ ต่อจากนี้ต้องลงต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน vol หาย ภาวะหมีเข้าครอบงำ
ยืนยันว่าลงแค่สองวันนี่ น้ำจิ้มครับ
ถ้าจะบอกว่าวิกฤติ ต่อจากนี้ต้องลงต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน vol หาย ภาวะหมีเข้าครอบงำ
ยืนยันว่าลงแค่สองวันนี่ น้ำจิ้มครับ
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
-
- Verified User
- โพสต์: 1746
- ผู้ติดตาม: 0
บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้
โพสต์ที่ 7
ถ้าคุณ winkung เข้าตลาดมาเลยว่านี้ซักปีนึง (ตั้งแต่ตุลาปีที่แล้ว) หรือสมัย อุ๋ย 108
ผมว่าแค่นี้ ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยครับ ส่วนตัวผมไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดครับ เราแค่ปรับตัวตามและใช้สมองมากกว่าอารมณ์ก็พอ
อย่าทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมเท่านั้นเอง
ผมว่าแค่นี้ ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยครับ ส่วนตัวผมไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดครับ เราแค่ปรับตัวตามและใช้สมองมากกว่าอารมณ์ก็พอ
อย่าทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมเท่านั้นเอง
- SEHJU
- Verified User
- โพสต์: 1238
- ผู้ติดตาม: 0
บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้
โพสต์ที่ 8
ดีใจด้วยครับ ที่ได้บทเรียนไปอีกหนึ่งบท
ส่วนผมก็ถือโอกาสลองฝึกใช้สเต็ป short against port ดู ปรากฎว่าเจอเซิฟเว่อร์ดาวน์ :? จะทำไรก็เสียจังหวะไปหมด นี่ก็เป็นอีกบทเรียนหนึ่งของผมเช่นกัน
(โถ ตลท. แล้วก็สนับสนุนให้นักลงทุนเข้ามาเทรดหุ้นกันมากๆ โดยเฉพาะทางเน็ต แล้วดูสิ....)
ส่วนผมก็ถือโอกาสลองฝึกใช้สเต็ป short against port ดู ปรากฎว่าเจอเซิฟเว่อร์ดาวน์ :? จะทำไรก็เสียจังหวะไปหมด นี่ก็เป็นอีกบทเรียนหนึ่งของผมเช่นกัน
(โถ ตลท. แล้วก็สนับสนุนให้นักลงทุนเข้ามาเทรดหุ้นกันมากๆ โดยเฉพาะทางเน็ต แล้วดูสิ....)
-
- Verified User
- โพสต์: 181
- ผู้ติดตาม: 0
บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้
โพสต์ที่ 9
ใจหวิวๆไปเหมือนกัน กำไรที่มีอยู่หายไปเกือบ 30 %
พอตั้งสติได้เลยถือโอกาสปรับพอร์ท ขายตัวที่ลงน้อย (grammy) ไปเข้า mcs กับ kye เพราะลงเป็นเปอร์เซนต์ที่มากกว่า
พอถึงวันศุกร์กำไรหายไปน้อยลงเหลือ 19 %
ได้บทเรียนสำหรับการเตรียมตัวครั้งต่อไปว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกจะทำอย่างไร
พอตั้งสติได้เลยถือโอกาสปรับพอร์ท ขายตัวที่ลงน้อย (grammy) ไปเข้า mcs กับ kye เพราะลงเป็นเปอร์เซนต์ที่มากกว่า
พอถึงวันศุกร์กำไรหายไปน้อยลงเหลือ 19 %
ได้บทเรียนสำหรับการเตรียมตัวครั้งต่อไปว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกจะทำอย่างไร
-
- Verified User
- โพสต์: 1036
- ผู้ติดตาม: 0
บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้
โพสต์ที่ 10
[quote="SV2"]ใจหวิวๆไปเหมือนกัน กำไรที่มีอยู่หายไปเกือบ 30 %
พอตั้งสติได้เลยถือโอกาสปรับพอร์ท ขายตัวที่ลงน้อย (grammy) ไปเข้า mcs กับ kye เพราะลงเป็นเปอร์เซนต์ที่มากกว่า
พอถึงวันศุกร์กำไรหายไปน้อยลงเหลือ 19 %
พอตั้งสติได้เลยถือโอกาสปรับพอร์ท ขายตัวที่ลงน้อย (grammy) ไปเข้า mcs กับ kye เพราะลงเป็นเปอร์เซนต์ที่มากกว่า
พอถึงวันศุกร์กำไรหายไปน้อยลงเหลือ 19 %
อย่าโลภเกินความรู้ความสามารถของตัวเราเอง
-
- Verified User
- โพสต์: 1598
- ผู้ติดตาม: 0
บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้
โพสต์ที่ 11
ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้
อย่างแรกที่ผมอยากให้พี่winkungทำคือ
ตั้งสติ เพราะเหตุการณ์อย่างนี้มักจะมีเกิดขึ้นเสมอ
ลองมองกับไป
คิดให้ได้ว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยมีผลในระยะสั้น หรือระยะยาว
แล้วเหตุการณ์เหล่านี้มันกระทบต่อบริษัทที่เราลงทุนมากน้อยแค่ไหน
แล้วคิดโดยมีสติว่าเราจะทำอย่างไร ขายทิ้ง เปลี่ยนตัว ซื้อเพิ่ม
ส่วนเรื่องอื่นผมเห็นว่ามันไม่เกี่ยวเท่าไร
ลงทุนโดยมีสติ
อย่างแรกที่ผมอยากให้พี่winkungทำคือ
ตั้งสติ เพราะเหตุการณ์อย่างนี้มักจะมีเกิดขึ้นเสมอ
ลองมองกับไป
คิดให้ได้ว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยมีผลในระยะสั้น หรือระยะยาว
แล้วเหตุการณ์เหล่านี้มันกระทบต่อบริษัทที่เราลงทุนมากน้อยแค่ไหน
แล้วคิดโดยมีสติว่าเราจะทำอย่างไร ขายทิ้ง เปลี่ยนตัว ซื้อเพิ่ม
ส่วนเรื่องอื่นผมเห็นว่ามันไม่เกี่ยวเท่าไร
ลงทุนโดยมีสติ
อย่ามัวติดกับเรื่องในอดีต กังวลกับเรื่องในอนาคต จนลืมว่าปัจจุบันต้องทำอะไร
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้
โพสต์ที่ 12
เย็นวันศุกร์ เดินทางกลับจาก ตจว.
พอถึงบ้าน ประโยคแรกที่แม่ถามผมคือ...
"ขายหุ้นไปหรือยัง..?"
ผมทำหน้างงเล็กน้อย
ถึงที่ผ่านมาคนที่บ้านจะยอมรับได้ว่าผมน่าจะพอเอาตัวรอดได้
แต่คนที่บ้านก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังทำ
ผมตอบแม่ของผมไปว่า "เปล่า..."
แม่ผมถามต่อว่า "แล้วลงไหม..?"
"ไม่ลงครับ เท่าเดิม"
หลังจากนั้นถึงได้คุยขยายความต่อ ว่าผมแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย
นอกจากเอาเงินสดติดปลายไม้จิ้มฟัน
ทิ่มไปหน่อยเมื่อเย็นวันพฤหัส
เมื่อนายตลาดเสนอ
ผมก็พร้อมจะสนองครับ
เลยจิ้มเงินสดติดปลายไม้จ้มฟันของผมลงไปที่พุงของนายตลาด
จึกๆๆๆ :lol: ...
ผมว่าเหตุการณ์ 2 วันนั้นเรื่องธรรมดามากเลย
คราวตอนที่มีนโยบายกันสำรองฯ น่ากลัวกว่ามาก
แต่นักลงทุนหลายคนก็ผ่านมาได้
ประเด็นคือ ถ้าใน 2 วันนั้น เราไม่ได้อยู่ที่หน้าจอ
เราจะทำอย่างไร ก่อนหน้านั้นเราเตรียมตัว และมีความพร้อมอะไร
ที่จะรองรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันบ้าง
วอร์เรน บัฟเฟต เคยสอนเราว่า "ซื้อหุ้นทางไปรษณีย์ก็ยังทัน"
ในมุมกลับกัน ผมก็ค้นพบว่า "ขายหุ้นทางไปรษณีย์ ก็ยังทันพอๆ กัน"
พอถึงบ้าน ประโยคแรกที่แม่ถามผมคือ...
"ขายหุ้นไปหรือยัง..?"
ผมทำหน้างงเล็กน้อย
ถึงที่ผ่านมาคนที่บ้านจะยอมรับได้ว่าผมน่าจะพอเอาตัวรอดได้
แต่คนที่บ้านก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังทำ
ผมตอบแม่ของผมไปว่า "เปล่า..."
แม่ผมถามต่อว่า "แล้วลงไหม..?"
"ไม่ลงครับ เท่าเดิม"
หลังจากนั้นถึงได้คุยขยายความต่อ ว่าผมแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย
นอกจากเอาเงินสดติดปลายไม้จิ้มฟัน
ทิ่มไปหน่อยเมื่อเย็นวันพฤหัส
เมื่อนายตลาดเสนอ
ผมก็พร้อมจะสนองครับ
เลยจิ้มเงินสดติดปลายไม้จ้มฟันของผมลงไปที่พุงของนายตลาด
จึกๆๆๆ :lol: ...
ผมว่าเหตุการณ์ 2 วันนั้นเรื่องธรรมดามากเลย
คราวตอนที่มีนโยบายกันสำรองฯ น่ากลัวกว่ามาก
แต่นักลงทุนหลายคนก็ผ่านมาได้
ประเด็นคือ ถ้าใน 2 วันนั้น เราไม่ได้อยู่ที่หน้าจอ
เราจะทำอย่างไร ก่อนหน้านั้นเราเตรียมตัว และมีความพร้อมอะไร
ที่จะรองรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันบ้าง
วอร์เรน บัฟเฟต เคยสอนเราว่า "ซื้อหุ้นทางไปรษณีย์ก็ยังทัน"
ในมุมกลับกัน ผมก็ค้นพบว่า "ขายหุ้นทางไปรษณีย์ ก็ยังทันพอๆ กัน"
- kurapica
- Verified User
- โพสต์: 587
- ผู้ติดตาม: 0
บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้
โพสต์ที่ 13
ถ้ามวยวัดผมแกร่งกล้ามากกว่านี้ คงฉวยโอกาสจากวิกฤตครั้งนี้ได้
ก่อนหน้านั้นผมเห็นราคาหุ้นของผมขึ้นมาเยอะมาก ตอนเช้าวันที่มันเริ่มลงผมเลยมาเปิดกราฟดูราคา เพื่อวิเคราะห์ตามแนวทางของตัวเอง
ระหว่างนั้นผมสังเกตราคาไปด้วย เห็นมันเริ่มลงอย่างรวดเร็ว กราฟแท่งเทียนเริ่มเปลี่ยนสี จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของผมกับหุ้นตัวนี้ สัญชาติญาณบอกให้ผมขายทันที
เพื่อเก็บเงินไว้รอช้อน เพราะผมถือหุ้นเต็ม 100% ถ้ามันลงมาเยอะ จะไม่มีเงินไปเก็บมัน
แต่ด้วยวินัยแบบ VI และความเชื่อมั่นบอกให้ผมถือต่อไป ผมลังเลสักพัก แล้วก็ปิดจอ ออกไปทำอย่างอื่น เลยไม่ได้ขายอะไรออกไปเลย
วันที่สองหุ้นลงมาเยอะมาก แต่ผมไม่มีเงินไปเก็บมัน
วิกฤตครั้งนี้เลยกลายเป็นอากาศสำหรับผม เพราะไม่มีเงินไปเก็บหุ้นถูก
แถมกำไรส่วนหนึ่งก็หายไปกับอากาศด้วย มันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
สรุปว่า กำไรหายไปเกือบครึ่ง แถมมีบางตัวขาดทุนด้วย
จึงได้บทเรียนมวยวัดว่า ถ้าไม่แน่ใจควรทำครึ่งหนึ่ง คือตอนที่ผมลังเล เมื่อสังเกตเห็นหุ้นเริ่มลงจากที่ขึ้นมาเยอะมาก ผมควรขายหุ้นไปครึ่งหนึ่ง เพื่อจะได้มีเงินสดไว้รองรับโอกาส
ก่อนหน้านั้นผมเห็นราคาหุ้นของผมขึ้นมาเยอะมาก ตอนเช้าวันที่มันเริ่มลงผมเลยมาเปิดกราฟดูราคา เพื่อวิเคราะห์ตามแนวทางของตัวเอง
ระหว่างนั้นผมสังเกตราคาไปด้วย เห็นมันเริ่มลงอย่างรวดเร็ว กราฟแท่งเทียนเริ่มเปลี่ยนสี จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของผมกับหุ้นตัวนี้ สัญชาติญาณบอกให้ผมขายทันที
เพื่อเก็บเงินไว้รอช้อน เพราะผมถือหุ้นเต็ม 100% ถ้ามันลงมาเยอะ จะไม่มีเงินไปเก็บมัน
แต่ด้วยวินัยแบบ VI และความเชื่อมั่นบอกให้ผมถือต่อไป ผมลังเลสักพัก แล้วก็ปิดจอ ออกไปทำอย่างอื่น เลยไม่ได้ขายอะไรออกไปเลย
วันที่สองหุ้นลงมาเยอะมาก แต่ผมไม่มีเงินไปเก็บมัน
วิกฤตครั้งนี้เลยกลายเป็นอากาศสำหรับผม เพราะไม่มีเงินไปเก็บหุ้นถูก
แถมกำไรส่วนหนึ่งก็หายไปกับอากาศด้วย มันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
สรุปว่า กำไรหายไปเกือบครึ่ง แถมมีบางตัวขาดทุนด้วย
จึงได้บทเรียนมวยวัดว่า ถ้าไม่แน่ใจควรทำครึ่งหนึ่ง คือตอนที่ผมลังเล เมื่อสังเกตเห็นหุ้นเริ่มลงจากที่ขึ้นมาเยอะมาก ผมควรขายหุ้นไปครึ่งหนึ่ง เพื่อจะได้มีเงินสดไว้รองรับโอกาส
ยอดดอยอยู่ไหนจ๊ะ ขึ้นมามากแล้วนะ
-
- Verified User
- โพสต์: 1036
- ผู้ติดตาม: 0
บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้
โพสต์ที่ 15
ขอบคุณทุกๆท่านมากเลยครับ
ผมเองมือใหม่ พึ่งลงทุนในหุ้นได้สองเดือนกว่าๆ
เคยได้ยินแต่ความหายนะของวิกฤตเมื่อครั้งอดีต
อย่างที่หลายคนว่า "ไม่เจอกับตัวเอง ไม่มีวันรู้สึก"
คนภายนอกมองเข้ามา หากเทียบอารมณ์กับคนที่อยู่ภายในนั้น มันจะคนละเรื่องกันอย่างสิ้นเชิง
ผมต้องนิ่งให้มากกว่านี้
ผมว่าผมน่าจะนิ่งกว่าแต่ก่อนแล้วนะ สุดท้ายก็ยังเป็นกระต่าย(โง่)ที่ตื่นตูมอยู่ดี :wall: :wall:
ไม่เป็นไรครับ ถือว่าเป็นบทเรียน เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือ ควายยยยย :shock: (เกี่ยวไหมเนี่ย อิอิ)
ผมเองมือใหม่ พึ่งลงทุนในหุ้นได้สองเดือนกว่าๆ
เคยได้ยินแต่ความหายนะของวิกฤตเมื่อครั้งอดีต
อย่างที่หลายคนว่า "ไม่เจอกับตัวเอง ไม่มีวันรู้สึก"
คนภายนอกมองเข้ามา หากเทียบอารมณ์กับคนที่อยู่ภายในนั้น มันจะคนละเรื่องกันอย่างสิ้นเชิง
ผมต้องนิ่งให้มากกว่านี้
ผมว่าผมน่าจะนิ่งกว่าแต่ก่อนแล้วนะ สุดท้ายก็ยังเป็นกระต่าย(โง่)ที่ตื่นตูมอยู่ดี :wall: :wall:
ไม่เป็นไรครับ ถือว่าเป็นบทเรียน เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือ ควายยยยย :shock: (เกี่ยวไหมเนี่ย อิอิ)
อย่าโลภเกินความรู้ความสามารถของตัวเราเอง
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้
โพสต์ที่ 16
ถือหุ้น 100% ตลอดเวลาเหมือนกันครับkurapica เขียน:ถ้าไม่แน่ใจควรทำครึ่งหนึ่ง คือตอนที่ผมลังเล เมื่อสังเกตเห็นหุ้นเริ่มลงจากที่ขึ้นมาเยอะมาก ผมควรขายหุ้นไปครึ่งหนึ่ง เพื่อจะได้มีเงินสดไว้รองรับโอกาส
เวลาเกิดอารมณ์กระสันต์อยากได้เงินสดไปซื้อหุ้น
ก็แค่แบ่งขายหุ้นที่พิจารณาแล้วว่า Upside เหลือน้อยออกไป
แต่เหตุการณ์เมื่อ 2-3 วันก่อน ผมไม่มีความรู้สึกอย่างนั้นน่ะครับ
- vi_tal signs
- Verified User
- โพสต์: 631
- ผู้ติดตาม: 0
บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้
โพสต์ที่ 17
บทเรียนในครั้งนี้คือ
พอราคามันลงแล้ว ดันไม่มีเงินซื้อ :oops: :oops:
พอราคามันลงแล้ว ดันไม่มีเงินซื้อ :oops: :oops:
มันจะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 355
- ผู้ติดตาม: 0
บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้
โพสต์ที่ 19
พอร์ทผมเหมือนเดิม 100 เปอร์เซนต์เลยอะครับ
ช่วงนั้นงานหนักไม่ได้ดูจอเลย
ช่วงนั้นงานหนักไม่ได้ดูจอเลย
- sorawut
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2494
- ผู้ติดตาม: 2
บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้
โพสต์ที่ 20
การอยู่เฉยๆก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายนะครับ
ไม่จำเป็นต้องโลภ อยากได้ไปทุกจังหวะที่นายตลาดมาเสนอหรอก :lol: :lol: :lol:
ไม่จำเป็นต้องโลภ อยากได้ไปทุกจังหวะที่นายตลาดมาเสนอหรอก :lol: :lol: :lol:
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 355
- ผู้ติดตาม: 0
บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้
โพสต์ที่ 21
ฮ่าๆ ผมไม่เล่นทุกสนามครับ
อีกอย่างผมก็ไม่สามารถคาดการณ์ทิศทางของตลาดได้ว่าต่อไปจะขึ้นหรือลงหนัก แต่ผมรู้พื้นฐานหุ้นที่ถือครับ :D
อีกอย่างผมก็ไม่สามารถคาดการณ์ทิศทางของตลาดได้ว่าต่อไปจะขึ้นหรือลงหนัก แต่ผมรู้พื้นฐานหุ้นที่ถือครับ :D
-
- Verified User
- โพสต์: 173
- ผู้ติดตาม: 1
บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้
โพสต์ที่ 22
ผมซื้อเพิ่มในเช้าวันพฤ. เพราะคิดว่ามันจะรีบาวน์แล้วไปต่อ แต่กลับผิดคาด
บทเรียนของผมคือ ต้องอดทนและใจเย็นๆครับ
บทเรียนของผมคือ ต้องอดทนและใจเย็นๆครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 1
บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้
โพสต์ที่ 23
สองวันนั้น ผมนอนกลางวันครับ วันพุธไม่รู้สึกจึงไม่ได้ทำอะไร ส่วนพฤหัสบดี ตอนที่ได้เห็นว่าดีชนีลบไปเยอะ เลยหาข้อมูลว่ามีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็ไม่เจอข้อมูลอะไรที่เป็นข่าวร้ายมีตัวตน แถมประเทศอื่นยังเป็นข่าวดีอีกแน่ะ เลยไม่ทำอะไรอีกวัน นอนกลางวันอีกครั้ง แต่ก็โดนที่บ้านเป็นห่วงนะ
บทเรียน เป็นการยำอีกครั้งว่าผมไม่เหมาะกับการเล่นสาย VS (Value Speculator) จริง ๆ นั้นแหละ
บทเรียน เป็นการยำอีกครั้งว่าผมไม่เหมาะกับการเล่นสาย VS (Value Speculator) จริง ๆ นั้นแหละ
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้
โพสต์ที่ 24
เล่นหุ้นมาไม่นาน เจอแบบนี้บทเรียนนี้เข้าไปแล้วเรียนรู้ได้ขนาดนี้ผมว่าก็เยี่ยมแล้วครับ ที่เขียนสรุปออกมานั้นทำได้ดีมาก
ไม่ต้องห่วงครับว่าฝีมือจะไม่พัฒนา เพราะเหตุการณ์แบบนี้เดี๋ยวคงได้เจออยู่บ่อยๆ มีทุกปี มีประจำ เรียนรู้จากความผิดพลาดไปเรื่อยๆเดี๋ยวเก่งครับ
ฝากไว้ 1 เรื่อง "ลืมต้นทุนให้ได้ครับ"
ไม่ต้องห่วงครับว่าฝีมือจะไม่พัฒนา เพราะเหตุการณ์แบบนี้เดี๋ยวคงได้เจออยู่บ่อยๆ มีทุกปี มีประจำ เรียนรู้จากความผิดพลาดไปเรื่อยๆเดี๋ยวเก่งครับ
ฝากไว้ 1 เรื่อง "ลืมต้นทุนให้ได้ครับ"
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
-
- Verified User
- โพสต์: 272
- ผู้ติดตาม: 0
บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้
โพสต์ที่ 25
วันนั้น panic กัน ผมยังไม่ได้ซื้อเลยอ่ะ เพราะคิดว่ามันยังไม่ถึงราคาที่ตั้งไว้
-
- Verified User
- โพสต์: 1036
- ผู้ติดตาม: 0
บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้
โพสต์ที่ 26
หวัดดีครับพี่โย (เมื่อวานผมพึ่งได้มีโอกาสดูคลิป MONEY TALK - คาถาลงทุนหุ้นคุณค่า)yoyo เขียน:เล่นหุ้นมาไม่นาน เจอแบบนี้บทเรียนนี้เข้าไปแล้วเรียนรู้ได้ขนาดนี้ผมว่าก็เยี่ยมแล้วครับ ที่เขียนสรุปออกมานั้นทำได้ดีมาก
ไม่ต้องห่วงครับว่าฝีมือจะไม่พัฒนา เพราะเหตุการณ์แบบนี้เดี๋ยวคงได้เจออยู่บ่อยๆ มีทุกปี มีประจำ เรียนรู้จากความผิดพลาดไปเรื่อยๆเดี๋ยวเก่งครับ
ฝากไว้ 1 เรื่อง "ลืมต้นทุนให้ได้ครับ"
ในที่สุดก็ได้เห็นหน้าพี่โย แล้วก็คุณพี่ลูกอีสานแล้ว :D
ยอมรับว่าเรื่อง "ลืมต้นทุน" มันทำได้ยากมากๆสำหรับผมตอนนี้
แต่จะพยายาม ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับผม
อย่าโลภเกินความรู้ความสามารถของตัวเราเอง
-
- Verified User
- โพสต์: 193
- ผู้ติดตาม: 0
บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้
โพสต์ที่ 27
yoyo เขียน:เล่นหุ้นมาไม่นาน เจอแบบนี้บทเรียนนี้เข้าไปแล้วเรียนรู้ได้ขนาดนี้ผมว่าก็เยี่ยมแล้วครับ ที่เขียนสรุปออกมานั้นทำได้ดีมาก
ไม่ต้องห่วงครับว่าฝีมือจะไม่พัฒนา เพราะเหตุการณ์แบบนี้เดี๋ยวคงได้เจออยู่บ่อยๆ มีทุกปี มีประจำ เรียนรู้จากความผิดพลาดไปเรื่อยๆเดี๋ยวเก่งครับ
ฝากไว้ 1 เรื่อง "ลืมต้นทุนให้ได้ครับ"
งั้นผมถือเงินสดรอเหตุการณ์แบบนี้อย่างเดียวเลยได้ไหมครับ ในเมื่อปี ๆ มันจะมาบ่อย ๆ ... :lol:
- Juninho
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1054
- ผู้ติดตาม: 1
บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้
โพสต์ที่ 29
หุ้นก็ขึ้น ๆ ลง ๆ ให้ปวดหัวเล่นงี้ละครับ แต่ทุกอย่าง
มันก็จะผ่านไป
ซีพีเอฟ ก็กลับมาเยอะเลย นี่ครับ
เพิ่งรู้ว่า คุณวินคุง คือ คนจนที่อยากรวย ในพันทิพย์
สงสัยชอบโดเรม่อน มีในบล็อกเต็มเลย :D
มันก็จะผ่านไป
ซีพีเอฟ ก็กลับมาเยอะเลย นี่ครับ
เพิ่งรู้ว่า คุณวินคุง คือ คนจนที่อยากรวย ในพันทิพย์
สงสัยชอบโดเรม่อน มีในบล็อกเต็มเลย :D
You Can Get It If You Really Want
But you must try, try and try
But you must try, try and try