ขุดกระทู้เก่า " บทเรียน 16 ข้อ จากสุดยอด VI อังกฤษ"
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
ขุดกระทู้เก่า " บทเรียน 16 ข้อ จากสุดยอด VI อังกฤษ"
โพสต์ที่ 1
ผมขอ คัดลอก กระทู้เก่าที่พี่ WEB ได้โพสต์ไว้ เมื่อเกือบ 5 ปี
ที่แล้ว แต่มีคนเข้าไปอ่านแค่ 7 พันกว่า และ reply 20 ครั้งเอง
มาให้น้องๆเพื่อนๆ อ่านกันอีกที่นะครับ
ผมอ่านบ่อยกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ มันเป็นสิ่งเตือนใจเราตลอดเวลา
เป็นประโยชน์มากครับ
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... highlight=
บทเรียน 16 ข้อจาก Anthony Bolton สุดยอด VI ของอังกฤษ
บทเรียนเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากประสบการณ์ในการเป็นผู้จัดการกองทุนมานาน 25 ปีของผม
1. เข้าใจความได้เปรียบเชิงแข่งขันและคุณภาพของบริษัท
คุณจะต้องรู้ฐานะการแข่งขันของบริษัทและรู้ว่าบริษัททำผลกำไร
ได้ด้วยวิธีการใด ธุรกิจที่ผมชอบคือ ธุรกิจที่มีความได้เปรียบเชิงแข่งขันที่ยั่งยืนเป็นระยะเวลายาวนาน
สิ่งที่ผมจะถามก็คือ : ในอีก 10 ปีข้างหน้า บริษัทนี้จะยังอยู่หรือไม่และบริษัทน่าจะมีมูลค่าสูงกว่านี้หรือเปล่า ?
2. เข้าใจตัวแปรสำคัญๆ ที่เป็นตัวผลักดันธุรกิจ
ระบุตัวแปรหลัก ๆ ที่จะส่งผลต่อการดำเนินงานของบริษัทออกมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวแปรที่บริษัทควบคุมไม่ได้อย่างเช่น
ค่าเงิน, อัตราดอกเบี้ย และภาษี สำหรับผม ธุรกิจที่ดีคือ
ธุรกิจที่สามารถควบคุมชะตากรรมส่วนใหญ่ของตัวเองได้
3. สนใจธุรกิจที่เข้าใจได้ง่ายมากกว่าธุรกิจที่ซับซ้อน
ธุรกิจที่ซับซ้อนจะวิเคราะห์ได้ยากว่ามีความได้เปรียบเชิงแข่งขัน
อย่างยั่งยืนหรือเปล่า สำหรับผมแล้ว ความสามารถในการสร้าง
กระแสเงินสดเป็นคุณสมบัติที่น่าสนใจ
ธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนสูง ๆ ในการดำเนินธุรกิจจะมีความน่าสนใจน้อยกว่า
4. ฟังข้อมูลจากผู้บริหารโดยตรง
ผมชอบผู้บริหารที่ตรงไปตรงมาและไม่ขี้โม้ ผมอยากได้ยินทั้งข่าวดีและข่าวร้าย
5. หลีกเลี่ยงบริษัทที่มีผู้บริหารไม่ซื่อสัตย์และไม่มีความน่าเชื่อถือในทุกกรณี
6. พยายามคิดล้ำหน้ากว่าคนอื่น ๆ ไปสองก้าว
ดูว่าอะไรถูกมองข้ามไปในปัจจุบัน แต่มันจะสร้างความตื่นเต้นให้
กับนักลงทุนในอนาคตได้ โดยทั่วไปแล้ว ตลาดหุ้นไม่ได้มองอะไรไกล ๆ นัก
ดังนั้น หากเรามองไกลกว่าคนอื่น ๆ เราจะทำกำไรได้
7. เข้าใจความเสี่ยงในงบดุล
การลงทุนเป็นการจำกัดความเสี่ยงและการหลีกเลี่ยงความหายนะ
คุณต้องวิเคราะห์งบดุลอย่างละเอียด ดูเรื่องหนี้สินของบริษัทให้ดี
8. เสาะหาความคิดจากหลายๆแหล่ง
ยิ่งคุณมีแหล่งความคิดหลากหลายขึ้นเท่าไร คุณก็จะมีโอกาสหาหุ้นเด็ด ๆ
ได้สูงขึ้นเท่านั้น แหล่งความคิดที่ชัดเจนที่สุดอาจจะไม่ใช่แหล่งที่ดีที่สุดเสมอไป
ผมจะชอบแหล่งข้อมูลที่คนอื่น ๆ ไม่ค่อยใช้กัน
9. ดูการซื้อขายหุ้นของผู้บริหารบริษัทด้วย
มันไม่ใช่ตัวชี้วัดที่ถูกต้องเสมอไป แต่มันก็มีประโยชน์มาก
ดูจำนวนรายการที่เกิดขึ้น การซื้อจะบอกอะไรได้มากกว่าการขาย และผู้บริหารบางคนจะน่าสนใจกว่าคนอื่น ๆ
10. ตรวจสอบเหตุผลในการลงทุนของคุณเป็นระยะ ๆ
การซื้อหุ้นต้องมีเหตุผลรองรับ และคุณต้องตรวจสอบเหตุผลเหล่านั้นเป็นระยะ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีข้อมูลใหม่ ๆ เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม อย่าปล่อยให้ความเชื่อมั่นพัฒนากลายเป็นความดื้อรั้น
11. ลืมต้นทุนของคุณซะ
ราคาที่คุณซื้อหุ้นมาไม่มีความเกี่ยวข้องเลย มันแค่มีความสำคัญในเชิงจิตวิทยาเท่านั้น
เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปในเชิงลบ อย่างลังเลที่จะตัดขาดทุน
12. ผลงานที่ผ่านมาไม่ได้บ่งบอกถึงอนาคต
อย่างไรก็ตามคุณต้องวิเคราะห์ความผิดพลาดของคุณและเรียนรู้จากมัน
13. ใส่ใจกับมูลค่าเฉพาะของบริษัทนั้น ๆ ไม่ใช่ดูแต่มูลค่าเชิงเปรียบเทียบ
หากคุณดูแต่มูลค่าเชิงเปรียบเทียบ
คุณอาจจะซื้อหุ้นตัวที่แพงน้อยกว่ามาซึ่งมันจะทำให้คุณขาดทุนอยู่ดี
14. ใช้วิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นตัวบ่งชี้เพิ่มเติม
ผมจะใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคมาช่วยกำหนดขนาดการซื้อหุ้นของผม
หากปัจจัยทางเทคนิคช่วยยืนยันการวิเคราะห์เชิงพื้นฐาน ผมจะซื้อหุ้นในปริมาณที่มากขึ้น แต่ถ้าไม่
ผมจะซื้อหุ้นอยู่ดีแต่จะซื้อในปริมาณที่ลดลง เมื่อไรก็ตามที่ปัจจัยทางเทคนิคชี้ว่าหุ้นกำลังอ่อนแอ
ผมจะตรวจสอบปัจจัยพื้นฐานของบริษัทอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ผมพบว่ามันจะมีประโยชน์สำหรับหุ้นขนาดใหญ่มากกว่า
15. หลีกเลี่ยงการทำนายทิศทางตลาดและการลงทุนตามเศรษฐกิจมหภาค
ผมจะลงทุนในบริษัทที่ผมคิดว่ามีความได้เปรียบเชิงแข่งขัน
16. จงสวนกระแส
หากคุณรู้สึกสบายใจที่จะลงทุนในหุ้น คุณอาจจะเข้ามาสายไปแล้ว
จงลงทุนสวนกระแสฝูงชน
อย่ารู้สึกมั่นใจสูงขึ้น เมื่อราคาหุ้นเพิ่มสูงขึ้น
เวลาที่ทุกคนปราศจากความกังวลจะเป็นเวลาที่น่ากลัวที่สุด
เวลาที่ทุกคนกังวลอย่างมาก
ความกังวลมันจะไปสะท้อนในราคาแล้ว
ที่แล้ว แต่มีคนเข้าไปอ่านแค่ 7 พันกว่า และ reply 20 ครั้งเอง
มาให้น้องๆเพื่อนๆ อ่านกันอีกที่นะครับ
ผมอ่านบ่อยกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ มันเป็นสิ่งเตือนใจเราตลอดเวลา
เป็นประโยชน์มากครับ
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... highlight=
บทเรียน 16 ข้อจาก Anthony Bolton สุดยอด VI ของอังกฤษ
บทเรียนเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากประสบการณ์ในการเป็นผู้จัดการกองทุนมานาน 25 ปีของผม
1. เข้าใจความได้เปรียบเชิงแข่งขันและคุณภาพของบริษัท
คุณจะต้องรู้ฐานะการแข่งขันของบริษัทและรู้ว่าบริษัททำผลกำไร
ได้ด้วยวิธีการใด ธุรกิจที่ผมชอบคือ ธุรกิจที่มีความได้เปรียบเชิงแข่งขันที่ยั่งยืนเป็นระยะเวลายาวนาน
สิ่งที่ผมจะถามก็คือ : ในอีก 10 ปีข้างหน้า บริษัทนี้จะยังอยู่หรือไม่และบริษัทน่าจะมีมูลค่าสูงกว่านี้หรือเปล่า ?
2. เข้าใจตัวแปรสำคัญๆ ที่เป็นตัวผลักดันธุรกิจ
ระบุตัวแปรหลัก ๆ ที่จะส่งผลต่อการดำเนินงานของบริษัทออกมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวแปรที่บริษัทควบคุมไม่ได้อย่างเช่น
ค่าเงิน, อัตราดอกเบี้ย และภาษี สำหรับผม ธุรกิจที่ดีคือ
ธุรกิจที่สามารถควบคุมชะตากรรมส่วนใหญ่ของตัวเองได้
3. สนใจธุรกิจที่เข้าใจได้ง่ายมากกว่าธุรกิจที่ซับซ้อน
ธุรกิจที่ซับซ้อนจะวิเคราะห์ได้ยากว่ามีความได้เปรียบเชิงแข่งขัน
อย่างยั่งยืนหรือเปล่า สำหรับผมแล้ว ความสามารถในการสร้าง
กระแสเงินสดเป็นคุณสมบัติที่น่าสนใจ
ธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนสูง ๆ ในการดำเนินธุรกิจจะมีความน่าสนใจน้อยกว่า
4. ฟังข้อมูลจากผู้บริหารโดยตรง
ผมชอบผู้บริหารที่ตรงไปตรงมาและไม่ขี้โม้ ผมอยากได้ยินทั้งข่าวดีและข่าวร้าย
5. หลีกเลี่ยงบริษัทที่มีผู้บริหารไม่ซื่อสัตย์และไม่มีความน่าเชื่อถือในทุกกรณี
6. พยายามคิดล้ำหน้ากว่าคนอื่น ๆ ไปสองก้าว
ดูว่าอะไรถูกมองข้ามไปในปัจจุบัน แต่มันจะสร้างความตื่นเต้นให้
กับนักลงทุนในอนาคตได้ โดยทั่วไปแล้ว ตลาดหุ้นไม่ได้มองอะไรไกล ๆ นัก
ดังนั้น หากเรามองไกลกว่าคนอื่น ๆ เราจะทำกำไรได้
7. เข้าใจความเสี่ยงในงบดุล
การลงทุนเป็นการจำกัดความเสี่ยงและการหลีกเลี่ยงความหายนะ
คุณต้องวิเคราะห์งบดุลอย่างละเอียด ดูเรื่องหนี้สินของบริษัทให้ดี
8. เสาะหาความคิดจากหลายๆแหล่ง
ยิ่งคุณมีแหล่งความคิดหลากหลายขึ้นเท่าไร คุณก็จะมีโอกาสหาหุ้นเด็ด ๆ
ได้สูงขึ้นเท่านั้น แหล่งความคิดที่ชัดเจนที่สุดอาจจะไม่ใช่แหล่งที่ดีที่สุดเสมอไป
ผมจะชอบแหล่งข้อมูลที่คนอื่น ๆ ไม่ค่อยใช้กัน
9. ดูการซื้อขายหุ้นของผู้บริหารบริษัทด้วย
มันไม่ใช่ตัวชี้วัดที่ถูกต้องเสมอไป แต่มันก็มีประโยชน์มาก
ดูจำนวนรายการที่เกิดขึ้น การซื้อจะบอกอะไรได้มากกว่าการขาย และผู้บริหารบางคนจะน่าสนใจกว่าคนอื่น ๆ
10. ตรวจสอบเหตุผลในการลงทุนของคุณเป็นระยะ ๆ
การซื้อหุ้นต้องมีเหตุผลรองรับ และคุณต้องตรวจสอบเหตุผลเหล่านั้นเป็นระยะ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีข้อมูลใหม่ ๆ เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม อย่าปล่อยให้ความเชื่อมั่นพัฒนากลายเป็นความดื้อรั้น
11. ลืมต้นทุนของคุณซะ
ราคาที่คุณซื้อหุ้นมาไม่มีความเกี่ยวข้องเลย มันแค่มีความสำคัญในเชิงจิตวิทยาเท่านั้น
เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปในเชิงลบ อย่างลังเลที่จะตัดขาดทุน
12. ผลงานที่ผ่านมาไม่ได้บ่งบอกถึงอนาคต
อย่างไรก็ตามคุณต้องวิเคราะห์ความผิดพลาดของคุณและเรียนรู้จากมัน
13. ใส่ใจกับมูลค่าเฉพาะของบริษัทนั้น ๆ ไม่ใช่ดูแต่มูลค่าเชิงเปรียบเทียบ
หากคุณดูแต่มูลค่าเชิงเปรียบเทียบ
คุณอาจจะซื้อหุ้นตัวที่แพงน้อยกว่ามาซึ่งมันจะทำให้คุณขาดทุนอยู่ดี
14. ใช้วิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นตัวบ่งชี้เพิ่มเติม
ผมจะใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคมาช่วยกำหนดขนาดการซื้อหุ้นของผม
หากปัจจัยทางเทคนิคช่วยยืนยันการวิเคราะห์เชิงพื้นฐาน ผมจะซื้อหุ้นในปริมาณที่มากขึ้น แต่ถ้าไม่
ผมจะซื้อหุ้นอยู่ดีแต่จะซื้อในปริมาณที่ลดลง เมื่อไรก็ตามที่ปัจจัยทางเทคนิคชี้ว่าหุ้นกำลังอ่อนแอ
ผมจะตรวจสอบปัจจัยพื้นฐานของบริษัทอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ผมพบว่ามันจะมีประโยชน์สำหรับหุ้นขนาดใหญ่มากกว่า
15. หลีกเลี่ยงการทำนายทิศทางตลาดและการลงทุนตามเศรษฐกิจมหภาค
ผมจะลงทุนในบริษัทที่ผมคิดว่ามีความได้เปรียบเชิงแข่งขัน
16. จงสวนกระแส
หากคุณรู้สึกสบายใจที่จะลงทุนในหุ้น คุณอาจจะเข้ามาสายไปแล้ว
จงลงทุนสวนกระแสฝูงชน
อย่ารู้สึกมั่นใจสูงขึ้น เมื่อราคาหุ้นเพิ่มสูงขึ้น
เวลาที่ทุกคนปราศจากความกังวลจะเป็นเวลาที่น่ากลัวที่สุด
เวลาที่ทุกคนกังวลอย่างมาก
ความกังวลมันจะไปสะท้อนในราคาแล้ว
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- baby-investor
- Verified User
- โพสต์: 312
- ผู้ติดตาม: 0
ขุดกระทู้เก่า " บทเรียน 16 ข้อ จากสุดยอด VI อังกฤษ"
โพสต์ที่ 2
เป็นหลักการลงทุนที่ไม่เคยล้าสมัยเลย ขอบคุณพี่ WEB สำหรับหลักการดีดี และขอบคุณคุณdome@perth ที่ขุดกระทู้ที่มีประโยชน์อย่างนี้กลับมาให้ดูอีกครั้งครับ
LifeLong Learning
LifeLong Investing
LifeLong Investing
- แสนยานุภาพ
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 649
- ผู้ติดตาม: 1
ขุดกระทู้เก่า " บทเรียน 16 ข้อ จากสุดยอด VI อังกฤษ"
โพสต์ที่ 5
ขอบคุณมากครับ
Remember, investing in the stock market is a marathon and not a slot machine.
- simpleBE
- Verified User
- โพสต์: 2335
- ผู้ติดตาม: 0
ขุดกระทู้เก่า " บทเรียน 16 ข้อ จากสุดยอด VI อังกฤษ"
โพสต์ที่ 7
ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2938
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขุดกระทู้เก่า " บทเรียน 16 ข้อ จากสุดยอด VI อังกฤษ&
โพสต์ที่ 8
ผมว่านายคนนี้ไม่ใช่Vi (Thailand) แน่นอนdome@perth เขียน: 14. ใช้วิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นตัวบ่งชี้เพิ่มเติม
ผมจะใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคมาช่วยกำหนดขนาดการซื้อหุ้นของผม
หากปัจจัยทางเทคนิคช่วยยืนยันการวิเคราะห์เชิงพื้นฐาน ผมจะซื้อหุ้นในปริมาณที่มากขึ้น แต่ถ้าไม่
ผมจะซื้อหุ้นอยู่ดีแต่จะซื้อในปริมาณที่ลดลง เมื่อไรก็ตามที่ปัจจัยทางเทคนิคชี้ว่าหุ้นกำลังอ่อนแอ
ผมจะตรวจสอบปัจจัยพื้นฐานของบริษัทอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ผมพบว่ามันจะมีประโยชน์สำหรับหุ้นขนาดใหญ่มากกว่า
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
ขุดกระทู้เก่า " บทเรียน 16 ข้อ จากสุดยอด VI อังกฤษ"
โพสต์ที่ 10
ครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 1
ขุดกระทู้เก่า " บทเรียน 16 ข้อ จากสุดยอด VI อังกฤษ"
โพสต์ที่ 12
กระทู้ดีๆอย่างนี้
มีประโยชน์จริงๆ
มีประโยชน์จริงๆ
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 108
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขุดกระทู้เก่า " บทเรียน 16 ข้อ จากสุดยอด VI อังกฤษ&
โพสต์ที่ 13
อ่านดูดีดี ผมว่าเค้าใช้เป็นแค่ตัวช่วยเท่านั้นนะ ไม่ได้เป็นหลัก หลักกการก็ยังดูพื้นฐานบริษัทอยู่ แต่มีเครื่องมือในการช่วยกำหนดปริมาณที่จะซื้อเท่านั้น ไม่ได้ใช้เทคนิคในการตัดสินใจว่าจะซื้อ หรือขาย ผมว่านิยามของ VI แต่ละคนคงไม่เหมือนกัน เหมือนต้นไม้ที่มีลำต้นเดียว แต่แตกกิ่งก้านไปได้มากมาย แต่หลักการก็ยังคงเดิมnanchan เขียน:ผมว่านายคนนี้ไม่ใช่Vi (Thailand) แน่นอนdome@perth เขียน: 14. ใช้วิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นตัวบ่งชี้เพิ่มเติม
ผมจะใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคมาช่วยกำหนดขนาดการซื้อหุ้นของผม
หากปัจจัยทางเทคนิคช่วยยืนยันการวิเคราะห์เชิงพื้นฐาน ผมจะซื้อหุ้นในปริมาณที่มากขึ้น แต่ถ้าไม่
ผมจะซื้อหุ้นอยู่ดีแต่จะซื้อในปริมาณที่ลดลง เมื่อไรก็ตามที่ปัจจัยทางเทคนิคชี้ว่าหุ้นกำลังอ่อนแอ
ผมจะตรวจสอบปัจจัยพื้นฐานของบริษัทอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ผมพบว่ามันจะมีประโยชน์สำหรับหุ้นขนาดใหญ่มากกว่า
อ้อ! ลืมขอบคุณ กระทู้ดีครับ อ่านแล้วได้ประโยชน์มาก