อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ภาพประจำตัวสมาชิก
green-orange
Verified User
โพสต์: 896
ผู้ติดตาม: 0

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 1

โพสต์

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบันหน่อยครับว่าเป็นอย่างไรบ้าง พอดีไปอ่านเจอคุณ ส.สลึง (ขออนุญาติพาดพิงหน่อยนะครับพี่ ถ้าจะดีพี่ช่วยแชร์หน่อยครับ) บอกไว้ว่าขาดทุน 52% แล้วไม่ cut loss และซื้อเพิ่ม เลยอยากให้มาแชร์ประสบการ์ณกับน้องๆ มือใหม่ (ผมด้วย) เพิ่อรับมือกับอนาคตที่อาจจะเกิดหน่อยครับ ว่าทำอะไรยังไงกัน บ้าง แล้ว ผลตอบแทนเป็นอย่างไร
ภาพประจำตัวสมาชิก
ส.สลึง
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3750
ผู้ติดตาม: 1

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขออนุญาตใช้สิทธิ์ถูกพาดพิง :D
ปกติผมเป็นนักลงทุนที่ bias ค่อนข้างมาก
ระวัง ! อาจจะต้องมานั่งเก็กซิมเหมือนผม :lol: ...

ปกติผมเป็นนักลงทุนที่ถือหุ้น 100% ตลอดเวลาครับ
พอร์ตก็ค่อนข้างเล็ก เพิ่งลงทุนแบบนี้มาแค่ 4 ปีเอง
ไม่ได้มีประสบการณ์อะไรมากมายครับ :lol:

ในปี 51 ตอนนั้นผมคิดอย่างนี้ครับ
ประเด็นแรกผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่หุ้นจะขึ้น

ประเด็นที่สอง หุ้นในมือผมมั่นใจว่ามัน Undervalue
แต่ปัญหาก็คือ หุ้นในมือในลงมามากกว่าตลาด
ผมก็เลยปรับพอร์ตไปถือหุ้นตัวอื่นที่คิดว่าปลอดภัยมากกว่า
และเป็นหุ้นที่แข็งแกร่งมากกว่า แค่นั้นเองครับ
ผลตอบแทนในปี 52 ของผมจึงค่อนข้างธรรมดา
เพราะหุ้นพวกนี้ตอนกลับมา ขึ้นมาไม่ค่อยเยอะ
แต่ชนะตลาด ผมก็คือว่าโอเคแล้วครับ

แค่ชนะตลาดไปเรื่อยๆ หลายๆ ปี ผมว่า ก็เท่มากแล้วครับ
ไม่ต้องถึงขั้นเทพก็ได้ :lol:

ช่วงที่หัดทำใจใหม่ๆ ผมคิดอย่างนี้ครับ
เวลาดูหุ้นในพอร์ตตัวเอง ผมก็จะถามตัวเองครับ
ว่าราคานี้ คุณจะขายมั๊ย..? ในเมื่อมันแดงซะขนาด
(ก่อนจะลงไปตั้ง -52%)

คำตอบของผมในตอนนั้นคือ ซื้อครับ ไม่ใช่ขาย
ผมก็เลยทยอยซื้อและถือมาเรื่อย ไม่ได้คิดอะไรครับ

ประเด็นคือ เราต้องรู้ว่า หุ้นที่เรามี
ราคามันลงเพราะอะไร

เงินก็เหมือนหุ้นครับ ตรงที่ตายไปแล้วเอาติดตัวไปด้วยไม่ได้
หุ้นตกที่ตลาด แต่ใจอยู่กับตัว หุ้นจะขึ้นจะลง
ใจก็อยู่กับตัว จะให้ใจไปขึ้นไปลงตามหุ้นทำไม ?

ส่วนตัว ผมเป็นแค่นักลงทุน part time ครับ :)
เวลาส่วนใหญ่ยังไปอยู่ในงานประจำ แต่ก็เจียดเวลาติดตามข่าวสาร
วันละ 1-2 ชม. แค่นั้น

ปล.
วิกฤติไม่รู้จะยาวนานแค่ไหน แต่ที่ผ่านมา หุ้นตกแรงๆ แค่ปีเดียว
ไม่มีผลกับการลงทุนของผมเท่าไหร่ครับ และนี่คือสถิติ 4 ปีของผม
ที่พอไปวัดไปวาได้ :lol:

'49 +29.45%
'50 +29.22%
'51 -52.04%
'52 +77.02% (ยังไม่ทันหมดปีก็นับภรรยาเสียแล้ว :lol: )

สถิติบอกว่ายิ่งลงทุนให้ยาว เราจะไม่ขาดทุน
และผมก็เจออย่างนั้นมากับตัวเหมือนกัน :) ...

มีความสุขกับการลงทุนครับ :wink: ...
Hughes
Verified User
โพสต์: 1088
ผู้ติดตาม: 0

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ช่วงนั้นซัดแหลกครับคิดว่ายังไงก็ไม่ขาดทุนนานเลยซื้อเฉลี่ยขาลงไปเรื่อยๆ

แต่ตอนนั้นความรู้เกี่ยวกับหุ้นน้อยยังไม่ค่อยรู้จักหุ้นเลยพลาดโอกาสเก็บหุ้นดีๆไปหลายตัวเช่น DCC, PR, PB, SAT

หุ้นบางตัวช่วงวิกฤติดูเหมือนแพงแต่จริงๆถูกเช่น CPALL ตอนวิกฤตินี่ P/E สูงกว่าชาวบ้านเค้าเพื่อนรู้สึกตอนผมดูมัน 8-9 บาท p/e 14 นึกว่าแพงเลยอดเป็นเจ้าของเลย

มี surprise หลายอย่างเช่นธุรกิจอสังหา คิดว่าคนไม่น่าซื้อบ้านซื้อคอนโดช่วงที่ ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจยังมีอยู่ แต่ดันกลายเป็นยุคทองอสังหาไปซะนี่

ธุรกิจหมวดเกษตร นี่ก็เกินคาดเห็นมันเดี้ยงๆมาตลอดไม่คิดว่ามันจะดีได้

:lol:
เล่นหุ้นคนแก่ แต่แอบเปรี้ยวเป็นบางเวลา
ภาพประจำตัวสมาชิก
green-orange
Verified User
โพสต์: 896
ผู้ติดตาม: 0

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 4

โพสต์

'49 +29.45%
'50 +29.22%
'51 -52.04%
'52 +77.02% (ยังไม่ทันหมดปีก็นับภรรยาเสียแล้ว :lol: )
โห ถ้าผมได้แค่ 20-30% ทุกปี ผมก็พอใจแล้วครับ ( ไม่ขาดทุนเป็นพอ ) เพราะจริงๆ ผมตั้งเป้าไว้แค่ 10% ต่อปีแค่นั้นเองครับ ไม่อยากคาดหวังมาก เพราะปีนี้ ใครเข้าถูกจังหวะ จิ่มตัวไหนยังไง ก็โดนครับ

ส่วนประสบการ์ณส่วนตัวของผมเริ่มลงทุนมาแค่ปีกว่าๆ เอง เริ่มครั้งแรกเดือน กพ ปีที่แล้วครับ แต่ยังไม่ได้ซื้อทันทีหรอกครับ มาซื้อเอาตอนหุ้นใกล้ตกแล้ว ตอนนั้นไม่รู้ทำไงก็อ่านบทวิเคราะห์ของโบรก และก็ซื้อเฉพาะหุ้นที่โบรกวิเคราะห์ เพราะไม่มีความรุ้เรื่องงบการเงิน เริ่มไม่ถูกครับ ซื้อหุ้นได้ไม่นานปรากฏว่าขาดทุน (แบบว่าไม่ยอมตัดใจขาย เพราะยึดหลักไม่ขายไม่ขาดทุน555) แต่ก็ไม่มีตังซื้อเพิ่ม ขาดทุนไป 50+% ใจตอนตั้งซื้อ ใจงี้สั่นครับ เห็นราคาหุ้นมันวิ่งขี้นวิ่งลง (แบบว่าคนมันไม่เคย) เพราะครอบครัวไม่เคยซื้อหุ้นและมองว่าเป็นการพนัน แต่พอได้มาศึกษาจริงๆ มันไม่ใช่ หวังว่าปีต่อๆไปจะไม่ขาดทุน 555 ก็เลยอยากเตรียมตัวรับกับความผันผวนในอนาคตข้างหน้าครับ และคิดว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ ด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะมือใหม่เหมือนผม อิอิ

ขอบคุณสำหรับประสบการ์ณอันมีค่าครับ
กุหลาบงามหลังฝน
Verified User
โพสต์: 1598
ผู้ติดตาม: 0

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 5

โพสต์

หลักการง่ายของผมคือมองหุ้นที่เราต้องการ(ที่เราถืออยู่) ว่าราคานี้ถ้าเราไม่มีหุ้นเราจะซื้อไหม :D  :D
อย่ามัวติดกับเรื่องในอดีต กังวลกับเรื่องในอนาคต จนลืมว่าปัจจุบันต้องทำอะไร
ภาพประจำตัวสมาชิก
Flashy
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 299
ผู้ติดตาม: 0

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 6

โพสต์

[quote="กุหลาบงามหลังฝน"]หลักการง่ายของผมคือมองหุ้นที่เราต้องการ(ที่เราถืออยู่) ว่าราคานี้ถ้าเราไม่มีหุ้นเราจะซื้อไหม :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
ส.สลึง
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3750
ผู้ติดตาม: 1

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ขอบคุณพี่ส้มเขียวหวานครับ
ทำให้ผมพบว่าข้อมูลของผมผิดไป

'49 +78.06%
'50 +29.24%
'51 -51.99%
'52 +77.12%

สำหรับเทคนิดของผม ไม่มีอะไรพิเศษครับ
2 ปีแรก แนวคิดของ ปีเตอรํลินช์ กับ
อ.นิเวศน์ ค่อนข้างมีอิทธิพลกับผมมาก
ส่วนงบ ผมอ่านก็ไม่ค่อยเป็นหรอกครับ
แต่ใช่ว่าไม่ดูเลย

ขอเป็นกำลังใจให้มือใหม่ครับ
และคิดว่าคงพบแนวทางของตัวเองสักวัน

อย่าลืมว่าเงินปันผลสามารถเอามาต่อยอดได้
ทำให้การชนะตลาดไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
green-orange
Verified User
โพสต์: 896
ผู้ติดตาม: 0

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ส.สลึง เขียน:ขอบคุณพี่ส้มเขียวหวานครับ
ทำให้ผมพบว่าข้อมูลของผมผิดไป

'49 +78.06%
'50 +29.24%
'51 -51.99%
'52 +77.12%

สำหรับเทคนิดของผม ไม่มีอะไรพิเศษครับ
2 ปีแรก แนวคิดของ ปีเตอรํลินช์ กับ
อ.นิเวศน์ ค่อนข้างมีอิทธิพลกับผมมาก
ส่วนงบ ผมอ่านก็ไม่ค่อยเป็นหรอกครับ
แต่ใช่ว่าไม่ดูเลย

ขอเป็นกำลังใจให้มือใหม่ครับ
และคิดว่าคงพบแนวทางของตัวเองสักวัน

อย่าลืมว่าเงินปันผลสามารถเอามาต่อยอดได้
ทำให้การชนะตลาดไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป
แล้วคุณ ส สลึง มีแนวการลงทุนอย่างไรครับจากตอนนี้เป็นต้นไป ส่วนผมเอง ก็คงจะเน้นแนวปลอดภัยหน่อยครับ กลยุทธคือรักษาเงินต้น ส่วนความเสี่ยงก็คงต้องดูผลตอบแทนเปรียบเทียบสักหน่อย ได้สัก 20% ก็หรูแล้วครับ ไม่อยากโลภมาก แต่ถ้าได้ก็ดีครับ 555
ภาพประจำตัวสมาชิก
sorawut
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2494
ผู้ติดตาม: 2

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ประสบการณ์เหมือนคุณ ส.สลึง แต่ผลตอบแทนน้อยกว่าพอสมควร  :oops:  :oops:  :oops:
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
ส.สลึง
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3750
ผู้ติดตาม: 1

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 10

โพสต์

green-orange เขียน:แล้วคุณ ส สลึง มีแนวการลงทุนอย่างไรครับจากตอนนี้เป็นต้นไป ส่วนผมเอง ก็คงจะเน้นแนวปลอดภัยหน่อยครับ กลยุทธคือรักษาเงินต้น ส่วนความเสี่ยงก็คงต้องดูผลตอบแทนเปรียบเทียบสักหน่อย ได้สัก 20% ก็หรูแล้วครับ ไม่อยากโลภมาก แต่ถ้าได้ก็ดีครับ 555
แนวทางของผมไม่ค่อยนิ่งครับพี่ส้มเขียวหวาน :roll:
ก็เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ครับ
แค่เคยได้รับประโยชน์จากบอร์ดวันนี้ก็เลยอยากทำอะไรคืนให้บอร์ดบ้าง
แต่ออกแนวป่วนสักหน่อย :lol:

ส่วนตัวผมไม่ค่อยติดกับเงินต้นมากนักครับ
ซื้อหุ้นมาขาดทุน วิเคราะห์แล้วเราพลาด ผมก็ขายๆๆ ครับ หาซื้อตัวใหม่
ในขณะเดียวกัน หุ้นราคาขึ้นมาเยอะแล้ว แต่เราวิเคราะห์แล้วว่าใช่ๆๆ
ผมก็ขายตัวที่คิดว่าด้อยกว่าออกไป แล้วก็ซื้อๆๆ ตัวใหม่เข้ามาครับ แค่นั่น...

แต่ก็ใช่ว่าผมจะทำได้ซะทุกครั้งครับ
หลายครั้งผมก็ซื้อเพราะอารมณ์
และหลายครั้งที่ถือหุ้นเพราะมี bias :lol: ...

ในขณะเดียวกัน
ผมก็เคยรอดปลอดภัยจากหุ้นที่ผมว่าไม่เข้าใจ แต่คนอื่นบอกว่าดี
และก็มีหลายครั้งครับ ที่ผมพลาดหุ้นดีๆ ไป เพราะคิดว่าราคามันแพงเกินไป :) ...

ปล.
แนวคิดไม่ได้มีอะไรพิเศษครับ ทั้ง อ.นิเวศน์ , Perter Lynch
แล้วก็ความคิดจากพี่ๆ ใน thaivi ที่นี่ หาอ่านได้ทั่วไปนี่แหละ :wink:
ภาพประจำตัวสมาชิก
ส.สลึง
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3750
ผู้ติดตาม: 1

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 11

โพสต์

[quote="sorawut"]ประสบการณ์เหมือนคุณ ส.สลึง แต่ผลตอบแทนน้อยกว่าพอสมควร
ภาพประจำตัวสมาชิก
green-orange
Verified User
โพสต์: 896
ผู้ติดตาม: 0

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 12

โพสต์

[quote="ส.สลึง"][quote="sorawut"]ประสบการณ์เหมือนคุณ ส.สลึง แต่ผลตอบแทนน้อยกว่าพอสมควร
ภาพประจำตัวสมาชิก
sorawut
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2494
ผู้ติดตาม: 2

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 13

โพสต์

[quote="ส.สลึง"][quote="sorawut"]ประสบการณ์เหมือนคุณ ส.สลึง แต่ผลตอบแทนน้อยกว่าพอสมควร
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
Jimmy
Verified User
โพสต์: 772
ผู้ติดตาม: 0

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 14

โพสต์

[quote="sorawut"][quote="ส.สลึง"][quote="sorawut"]
เสร็จเลยครับ ลบไป 40% ของต้นที่มากขึ้น 4 เท่า
ค่าเล่าเรียนแพงจริงๆ (เป็น UMS ไปซัก 20%) :cry:
ร็อคกี้ บัลโบว : ชีวิตไม่สำคัญว่าจะต่อยได้หนักแค่ไหน แต่อยู่ที่ว่าเรารับการโดนต่อยได้แค่ไหน (ชีวิตจุดสำคัญอยู่ที่การทนทุกข์ มากกว่าการประสบสุข)
ภาพประจำตัวสมาชิก
green-orange
Verified User
โพสต์: 896
ผู้ติดตาม: 0

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 15

โพสต์

[quote="sorawut"][quote="ส.สลึง"][quote="sorawut"]ประสบการณ์เหมือนคุณ ส.สลึง แต่ผลตอบแทนน้อยกว่าพอสมควร
ภาพประจำตัวสมาชิก
sorawut
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2494
ผู้ติดตาม: 2

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 16

โพสต์

Jimmy เขียน:หวัดดีครับพี่ sorawut ตั้งแต่โดน คุณ ชัยวัตน์ สับขาหลอกตอนนั้นของผมเจอไป 13% ก็ซิ่งแล้วเพราะ port เล็ก หลังจากตอนนั้นก็ไม่ค่อยได้คุยกับพี่เลยแอบนึกถึง 555
ของผม -20% ของ port นะครับ แต่มี UMS แค่ 35% ของ port :vm:  :vm:  :vm:
เจอกับดัก VI ไปหามูลค่าจากผลประกอบการณ์สุดหรู (แต่ไม่ใช่เพราะความสามารถที่ยั่งยืนของบริษัท)
รู้ raw info แต่ไม่ค่อยประมวลผล เชื่อลมปากผู้บริหาร มั่นใจเกินเหตุ แล้วปกติเป็นคนถือทน ถือนานด้วย :twisted:  :twisted:  :twisted:

แถมยังมี tender offer ให้เจ็บใจอีก เพราะถ้าไม่ตัดใจขายออกไปเพราะงบ Q2 ก็จะสามารถล้างขาดทุนของ UMS ได้หมด แถมกำไรอีกต่างหาก :cry:  :cry:  :cry:

พอเห็นงบ Q3 แล้วก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า เราคิดถูกแล้ว ที่ไม่ซื้อ lottery (เพราะไม่มีโชค) :lol:  :lol:  :lol:
Jimmy เขียน: ของผมแรก ๆ ก็ลงทุนหุ้น big cap ต่าง ๆ ครับ มาเจอ AR 28% หลังจากนั้นไปอบรมคอร์ส biz model กับอ. มน รู้สึกจะรุ่นเดี๋ยวกันพี่ Sorawut ครับ แล้วก็พยายาวิเคราะห์ธุรกิจตามmodel มันอยู่ เคยวิะเคราะห์ lanna ตาม 5 force ส่ง อ. มน แกบอกว่ายังใช่ไม่ได้ ก็เลยหาหนังสือทบทวนอยู่ว่าจะวิเคราะห์ 5 force ส่งแกอีกครั้ง
ศิษย์สำนักเดียวกันนี่เอง :lol:  :lol:  :lol:

ทำไมถึงเลือก LANNA ล่ะครับ :roll:  :roll:  :roll:
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
sorawut
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2494
ผู้ติดตาม: 2

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 17

โพสต์

green-orange เขียน:ผมคิดว่าจังหวะในการเข้าลงทุนก็มีผลพอสมควรเลยนะครับ ซึ่งโดยปกติแล้วก็ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าหุ้นจะขี้นหรือลงตอนไหน แต่เซียนๆมักจะบอกว่าให้ลงหุ้นตลอดเวลา ส่วนตัวผมไม่เชื่อหรอกครับ ถ้าวิกฤตมันมาแล้ว มันก็มักจะลงทั้งกระดานอย่างรอบที่เพิ่งผ่านมา แต่ที่เค้าบอกอย่างนั้นผมคิดว่าเป็นเพราะพวกเค้าไม่รู้มากกว่ารวมทั้งพวกเราด้วย ปีที่แล้วผมก็โดนเหมือนคุณ SORAWUT เหมือนกันครับ 555 (บทเรียนราคาแสนแพง)
ซื้อแล้วไม่มีจังหวะให้ขายเลยครับ ทรงกับทรุดยาวเกือบครึ่งปี ถ้าดูแต่จังหวะ ซื้อจังหวะไหนก็มีแต่เสีย

แต่ถ้าผมพิจารณาที่มาที่ไป และความมั่นคงของกำไรก่อนซื้อแล้วลองคำนวณมูลค่าดู
ผมจะไม่ซื้อที่ราคานั้นตั้งแต่แรกเลยครับ อาจจะมาซื้ออีกทีก็ 13 บาท (ในตอนนั้น) ซึ่งก็ยังกำไรอยู่เพราะขายไป 15 บาท :wink:  :wink:  :wink:

ผมคิดว่า ผมยังมีโชคอยู่บ้างไม่ซื้อหุ้นแบบนี้ตอนตลาดปกติ แล้วมีปัญหาเฉพาะ sector นี้
เพราะหมดโอกาสเปลี่ยนไปซื้อตัวอื่น และล้างขาดทุนได้เร็วขนาดนี้ (แม้ว่าจะช้ากว่าท่านอื่นๆหลายขุมก็ตาม :lol:  :lol:  :lol:)
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
ส.สลึง
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3750
ผู้ติดตาม: 1

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 18

โพสต์

green-orange เขียน:ตอนแรกๆ ผมเลื่อกลงทุนเฉพาะหุ้นปันผลครับ ตัวไหนปันผลน้อย ไม่ซื้อ แต่ตอนนี้ไม่แล้วครับ ดูผลประกอบการเป็นหลัก อันไหนไม่รู้ก็ไม่ซื้อครับ แล้วก็เคยมีแบบว่าแอบหวงหรือ bias หุ้นด้วยครับ แบบว่าชอบตัวนี้ไม่อยากขายแม้ว่าราคาจะขี้นมาเยอะมากแล้ว แต่ตอนนี้คิดว่าไม่เป็นแล้วครับ แล้วปกติคุณ ส สลึง ชอบลงทุนหุ้นกลุ่มไหนเหรอครับ
คล้ายกันครับ
สมัยที่ผมลงทุนช่วงแรกๆ ประมาณ 6-7 ปีที่แล้ว
ผมจะเลือกลงทุนเพราะดูปันผลเป็นหลัก
(เพราะก่อนหน้านั้นกล้าๆ กลัวๆ จนมีแต่หน่วยลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ครับ :roll:)
ต่อมา พอเริ่มทำความรู้จักกับแนวคิดอย่าง VI
จึงเริ่มเพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้น จนกระทั่งใส่เต็มพอร์ตมา 4 ปีนี่แหละครับ :)

สำหรับเรื่องกลุ่มลงทุน ผมไม่มีรักใครชอบใครพิเศษ
บางครั้งอ่านข่าว นสพ. อยู่ก็บิงโก จากนั้นก็หาข้อมูลเพิ่มนิดหน่อย
อะไรประมาณนั้นครับ แต่ระยะหลัง พยายามเลี่ยงธุรกิจที่ตัวเองไม่รู้เรื่องมากกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
ส.สลึง
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3750
ผู้ติดตาม: 1

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 19

โพสต์

[quote="sorawut"]ของผม -20% ของ port นะครับ แต่มี UMS แค่ 35% ของ port :vm:
ภาพประจำตัวสมาชิก
ส.สลึง
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3750
ผู้ติดตาม: 1

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 20

โพสต์

green-orange เขียน:ผมคิดว่าจังหวะในการเข้าลงทุนก็มีผลพอสมควรเลยนะครับ ซึ่งโดยปกติแล้วก็ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าหุ้นจะขี้นหรือลงตอนไหน แต่เซียนๆมักจะบอกว่าให้ลงหุ้นตลอดเวลา ส่วนตัวผมไม่เชื่อหรอกครับ ถ้าวิกฤตมันมาแล้ว มันก็มักจะลงทั้งกระดานอย่างรอบที่เพิ่งผ่านมา แต่ที่เค้าบอกอย่างนั้นผมคิดว่าเป็นเพราะพวกเค้าไม่รู้มากกว่ารวมทั้งพวกเราด้วย ปีที่แล้วผมก็โดนเหมือนคุณ SORAWUT เหมือนกันครับ 555 (บทเรียนราคาแสนแพง)
ไม่ใช่เซียน แต่ในฐานะที่ผมถือหุ้นเต็มพอร์ต ผมว่าแนวคิดนี้
ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร คือผมมีความคิดอย่างนี้นะครับ :roll: ...
ว่าผมซื้อหุ้น คือการเอาเงินไปแลกหุ้น สิ่งที่ผมมีอยู่ในมือคือหุ้น
เงินที่อยู่ในมือผมคือเงินสดต่อหุ้น กำไรต่อหุ้น
แล้วก็ความสามารถในการหาเงินสดต่อหุ้นในปีต่อๆ ไป
ไม่ใช่เงินจำนวนเท่ากับมูลค่าหุ้นที่อยู่ในกระดานนะขณะนั้นครับ :roll:

และเพราะผมคิดอย่างนี้ เหตุการณ์ในปีที่แล้ว
ผมจึงไม่ใคร่ใส่ใจว่าผมโดนอะไร แต่เป็นบทเรียนล้ำค่าที่สุด
ที่ได้ทดสอบว่าแนวคิดที่เรากำลังสนใจ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง :D

สิ่งที่ผมสนใจคือมูลค่าที่เป็นต่อหุ้นในมือ
และแสวงหาหุ้นที่ให้มูลค่าสูงกว่า หรือปลอดภัยกว่าหุ้นที่อยู่ในมือ

มากกว่า..ที่จะคิดว่าหุ้นมีมูลค่าเท่ากับเงินสดตามราคาตลาด
ภาพประจำตัวสมาชิก
ส.สลึง
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3750
ผู้ติดตาม: 1

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 21

โพสต์

Jimmy เขียน:ของผมแรก ๆ ก็ลงทุนหุ้น big cap ต่าง ๆ ครับ มาเจอ AR 28% หลังจากนั้นไปอบรมคอร์ส biz model กับอ. มน รู้สึกจะรุ่นเดี๋ยวกันพี่ Sorawut ครับ แล้วก็พยายาวิเคราะห์ธุรกิจตามmodel มันอยู่ เคยวิะเคราะห์ lanna ตาม 5 force ส่ง อ. มน แกบอกว่ายังใช่ไม่ได้ ก็เลยหาหนังสือทบทวนอยู่ว่าจะวิเคราะห์ 5 force ส่งแกอีกครั้ง

ป.ล. แอบชอบLogo พี่ ส สลึง พี่หาภาพนี้ได้ยังไงครับ
ไม่มีโอกาสไปเรียนหนังสือกะเขาครับ
แต่ก็ติดตามผลงาน พี่มนฯ ตลอดครับ
เล่มล่าสุดของพี่เรื่องทองๆ ผมอ่านไปหลับไป :lol:...

ปล.
Logo หาไม่อยากครับ เพราะเจอโดยบังเอิญ :lol:
แต่ข้อความ เอามาแปะเองครับ :)
ภาพประจำตัวสมาชิก
romee
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 1

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 22

โพสต์

แชร์บ้างช่วงปีที่ผ่านมานี้ ผมติดหุ้นในช่วงต้นปี แดงเถือก เกือบ 50% ของพอร์ต เพราะไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ซื้อตามการกรองหุ้นจากไฟล์พี่ครรชิต​

เงินก็ไม่มีจะซื้อเพิ่ม ก็เลยสวิตซ์ตัว ตามที่หลายๆท่านแนะนำ...

และก็มีบางตัว ทนถือ ติดไว้งั้น...จนสิ้นปีนี้ ปรากฎว่า พอร์ตผม กลับมาบวกได้แล้วทั้งพอร์ต สาเหตุหลักๆ ที่ผมมานั่งคิดๆดู เพราะ !!!

1.  หุ้นที่ผมถือ  และทนถือ ตอนแรกตลาดไม่ตอบรับ พอตลาดหลักทรัพย์ และตลาด Thaivi  ตอบรับด้วย ก็ยิ่งวิ่งไปใหญ่เลย (โดนจังๆ มาสามตัวละ ณ ตอนนี้ พอร์ตผมเขียวแว้ว )

2.ไม่หนีออกจากตลาด ในตอนที่ต่ำเตี้ยสุดๆ เพราะยังเชื่อในธุรกิจของหุ้นตัวเอง (แต่ก็มีขายทิ้ง กับตัวที่ไม่แน่ใจกับมัน)

ถ้าถือหุ้น ก่อนที่ตลาด thaivi จะฮิตด้วยนะ รับรอง วิ่งยาวค๊าบ แบบผมนี้แหละ  :oops:
harn
Verified User
โพสต์: 238
ผู้ติดตาม: 0

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 23

โพสต์

ผมใช้โอกาสครึ่งปีหลังของปี 51 ปรับเปลี่ยนพอร์ตครั้งใหญ่ครับ

แต่พอร์ตผมค่อนข้างใหญ่ จึงปรับได้แค่ 30%ของมูลค่าเท่านั้น

แนวคิดในการปรับพอร์ตของผมเป็นอย่างนี้ครับ

ขั้นแรกขายหุ้นในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบตรง(แน่ๆ)ออกจากพอร์ตหมด ได้แก่ UMS,MINT,MAJOR,SAT,STANLY

ขาดทุนไป 20-40% ของราคาตอนต้นปี แต่หลายตัวที่ถือมานาน ก้อยังมีกำไร (เทียบกับราคาซื้อ)เหลือเยอะ อย่าง UMS(2 ปี),MINT(4ปี),

-ขั้นต่อไป หาซื้อหุ้นดีๆที่ศึกษาไว้ แล้วราคาตกลงมามาก ทั้งๆที่ธุรกิจไม่ได้ถูกกระทบจากวิกฤต(มากนัก) อย่างไม่รีบร้อน เพราะมีเวลา ทะยอยตั้งซื้อก้อได้ อย่าง DSGT PATO KSL TUF etc. สองตัวแรกจ่ายปันผลเกิน 10% ของราคาตอนซื้อครับ
harn
Verified User
โพสต์: 238
ผู้ติดตาม: 0

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 24

โพสต์

ลืมบอกไป ผมก้อเหมือนคุญ ส.สลึง ,ดอกเตอร์ และหลายคนในห้องนี้ที่ถือหุ้นเกิน 95% ของเงินทีมี ผมไม่มีเงินฝากประจำ ไม่มีพันธบัตร มีกองทุน RMF/LTF

การปรับเปลี่ยนพอร์ต ครั้งใหญ่อย่างนี้ ตัดใจทำได้ ก้อเมื่อมีวิกฤตเท่านั้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
green-orange
Verified User
โพสต์: 896
ผู้ติดตาม: 0

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 25

โพสต์

harn เขียน:ลืมบอกไป ผมก้อเหมือนคุญ ส.สลึง ,ดอกเตอร์ และหลายคนในห้องนี้ที่ถือหุ้นเกิน 95% ของเงินทีมี ผมไม่มีเงินฝากประจำ ไม่มีพันธบัตร มีกองทุน RMF/LTF

การปรับเปลี่ยนพอร์ต ครั้งใหญ่อย่างนี้ ตัดใจทำได้ ก้อเมื่อมีวิกฤตเท่านั้น
ไม่ทราบว่าพอปรับพอร์ตแล้ว ผลตอบแทนเป็นยังไงบ้างครับ ถ้าเที่ยบกับผลขาดทุนที่เกิดขี้นครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ส.สลึง
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3750
ผู้ติดตาม: 1

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 26

โพสต์

harn เขียน:...ขั้นแรกขายหุ้นในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบตรง(แน่ๆ)ออกจากพอร์ตหมด ได้แก่ UMS,MINT,MAJOR,SAT,STANLY

ขาดทุนไป 20-40% ของราคาตอนต้นปี แต่หลายตัวที่ถือมานาน ก้อยังมีกำไร (เทียบกับราคาซื้อ)เหลือเยอะ อย่าง UMS(2 ปี),MINT(4ปี)...
ปีที่แล้วผมโดนหนักจาก SAT กับ STANLY ครับ
แต่ผมพอร์ตเล็ก ปรับตัวง่าย :)
harn
Verified User
โพสต์: 238
ผู้ติดตาม: 0

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 27

โพสต์

green-orange เขียน: ไม่ทราบว่าพอปรับพอร์ตแล้ว ผลตอบแทนเป็นยังไงบ้างครับ ถ้าเที่ยบกับผลขาดทุนที่เกิดขี้นครับ
ถ้าคิดเทียบมูลค่าพอร์ตหุ้นต้นปี กับปลายปี 51 สรุปผลเป็นขาดทุน 10.72% โดยไม่คิดเงินปันผล ถ้าเอาปันผลกับเครดิตภาษีมาคิด ก้อคงขาดทุนนิดหน่อย

พอคิดเทียบมูลค่าพอร์ตหุ้นต้นปี 52 กับตอนนี้ ได้กำไร 53.02% แล้วครับ

แต่ถ้าเทียบย้อนไปถึงต้นปี 51 ได้กำไรแค่ 36.71% คิดเป็นทบต้น ก้อ 16.xxน้อยกว่าค่าเฉลี่ยที่ทำไว้ 4-5 ปีครับ
winzer
Verified User
โพสต์: 178
ผู้ติดตาม: 0

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 28

โพสต์

ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ของทุกคนครับ
นักลงทุนหน้าใหม่จะนำไปเป็นแนวทางครับ  :lol:
"ราคาคือสิ่งที่คุณจ่ายไป คุณค่าคือสิ่งที่คุณได้รับมา"
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3352
ผู้ติดตาม: 1

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 29

โพสต์

พอดีอ่านที่พี่หมอโพสในกระทู้ ทฤษฎี ปลูกพืช ตามที่ขอครับ ครับ แล้วผมก็คิดถึงกระทู้ที่ขึ้นมา... ขอร่วมแชร์หน่อยนะครับ

[quote="สามัญชน"]อ้อ.......มีเรื่องแปลกๆเรื่องหนึ่ง

สมมติว่ามี 100 คน
ภาพประจำตัวสมาชิก
yoyo
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4833
ผู้ติดตาม: 1

อยากให้คนมีประสบการ์ณมาแชร์เรื่องราวก่อนวิกฤตจนถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 30

โพสต์

:cool:  :cool:  :cool:  พี่โตสคูล
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
โพสต์โพสต์