TCCC
-
- Verified User
- โพสต์: 348
- ผู้ติดตาม: 0
TCCC
โพสต์ที่ 32
ถ้ามองย้อนหลังไปจาก ไตรมาส4 ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน ไตรมาส3 ปีนี้แล้วผมว่ามันมีทั้งการตั้งสำรองการขาดทุนจากสต๊อก และการโอนกลับการเป็นกำไรจากสตีอก สำหรับผมแล้วมันก็เพียงบอกว่า การขาดทุนในไตรมาที่4 และในไตรมาสที่1 กับการกำไรในไตรมาสที่2 และไตรมาสที่3 ต่างเป็นช่วงที่เกิดความไม่มีดุลยภาพของราคาตลาดโลก(เป็นshock ที่เกิดขึ้นสั้นในช่วงหนึ่ง) แต่จากนี้ไปต่างหากที่จะเริ่มเป็นของจริง
เพียงแต่ที่ผมชอบคือ หลังๆผมเห็นว่าหลายๆบริษัทฯที่ผู้บริหารเป็นชาวญี่ปุ่น ค่อนข้างมีแนวการบริการที่ค่อนข้าง conservative ค่อนข้างมาก ซึ่งอย่างน้อยน่าจะเป็นหลักประกันในเรื่องความเสี่ยงที่บริษัทฯจะล้มหายตายจาก ผมค่อนข้างเชื่อว่าอีก 1-3 ปีเราอาจเห็นการลดลงของหนี้สินระยะยาวของบริษัทฯนี้รวมทั้งอาจเห็นการลดลงของหนี้สินหมุนเวียนตามมา นอกจากนั้นผมเห็นการประชุมครั้งที่แล้ว เรามีผู้ถือหุ้นอย่างคุณอะไรนะที่เป็นเจ้าของแซนวิด ผมว่าอย่างน้อยมีเขาคอยซักคอยถามเรื่องที่ผิดปกติน่าจะช่วยเป็นตัวทำให้ฝ่ายบริหารไม่ทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงมาก นอกจากนี้ผมก็ชอบความได้เปรียบของบริษัทฯมี้ในเรื่องแบรนด์ และเชื่อว่าsoft commodity ปีนี้น่าจะดีกว่าปีที่แล้วไม่น้อย
เพียงแต่ที่ผมชอบคือ หลังๆผมเห็นว่าหลายๆบริษัทฯที่ผู้บริหารเป็นชาวญี่ปุ่น ค่อนข้างมีแนวการบริการที่ค่อนข้าง conservative ค่อนข้างมาก ซึ่งอย่างน้อยน่าจะเป็นหลักประกันในเรื่องความเสี่ยงที่บริษัทฯจะล้มหายตายจาก ผมค่อนข้างเชื่อว่าอีก 1-3 ปีเราอาจเห็นการลดลงของหนี้สินระยะยาวของบริษัทฯนี้รวมทั้งอาจเห็นการลดลงของหนี้สินหมุนเวียนตามมา นอกจากนั้นผมเห็นการประชุมครั้งที่แล้ว เรามีผู้ถือหุ้นอย่างคุณอะไรนะที่เป็นเจ้าของแซนวิด ผมว่าอย่างน้อยมีเขาคอยซักคอยถามเรื่องที่ผิดปกติน่าจะช่วยเป็นตัวทำให้ฝ่ายบริหารไม่ทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงมาก นอกจากนี้ผมก็ชอบความได้เปรียบของบริษัทฯมี้ในเรื่องแบรนด์ และเชื่อว่าsoft commodity ปีนี้น่าจะดีกว่าปีที่แล้วไม่น้อย
-
- Verified User
- โพสต์: 1155
- ผู้ติดตาม: 0
TCCC
โพสต์ที่ 33
ขอบคุณ คุณ alastor และ คุณtanatat มากครับ
สำหรับคำอธิบายทั้ง 2 ท่าน ผมก็ยังงงเหมือนเดิม
สำหรับ คุณ alastor inventory ที่ใช้ไปแล้ว มันก็ เป็นต้นทุนการขายและจบไปแล้ว ไม่เห็นต้องมาโอนกลับใน cash flow เลย
สำหรับ คุณ tanatat การปรับลดหรือเพิ่ม มูลค่า inventory เนื่องจากราคา ผมเห็น งบที่ บริษัทอื่น มันก็ปรากฏในงบกำไรขาดทุนทั้งนั้น
cash flow ปี 2508 ไม่เห็นแสดง ขาดทุนจากการตีราคาสินค้าคงเหลือ เลย
ผมว่า คนทำบัญชี บริษัทนี้ประหลาดอะ ญี่ปุน กับ บัญชี คงคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง
สำหรับคำอธิบายทั้ง 2 ท่าน ผมก็ยังงงเหมือนเดิม
สำหรับ คุณ alastor inventory ที่ใช้ไปแล้ว มันก็ เป็นต้นทุนการขายและจบไปแล้ว ไม่เห็นต้องมาโอนกลับใน cash flow เลย
สำหรับ คุณ tanatat การปรับลดหรือเพิ่ม มูลค่า inventory เนื่องจากราคา ผมเห็น งบที่ บริษัทอื่น มันก็ปรากฏในงบกำไรขาดทุนทั้งนั้น
cash flow ปี 2508 ไม่เห็นแสดง ขาดทุนจากการตีราคาสินค้าคงเหลือ เลย
ผมว่า คนทำบัญชี บริษัทนี้ประหลาดอะ ญี่ปุน กับ บัญชี คงคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง
Blueplanet
-
- Verified User
- โพสต์: 1155
- ผู้ติดตาม: 0
tccc
โพสต์ที่ 35
ขอบคุณ คุณ Jiras
วันนี้ ผมคุยกับ สมุบัญชี ของ TCCC
ให้ข้อมูลเคลียร
ผมดูเฉพาะใน stock focus ใน efinance ซึ่ง ปี 20008 cash flow ไม่ได้ระบุ
ขาดทุนจากการตีราคาสินค้าคงเหลือ ไว้
ทุกอย่างที่ คุณ jiras เขียนถูกต้องแล้ว
งบของบริษัทนี้ ขาดทุนจากการตีราคาสินค้าคงเหลือ ปรากฎใน cash flow
และไปมีผลต่อต้นทุนสินค้าที่ขายในงบกำไรขาดทุนเลย
ในงบกำไรขาดทุน ไม่ได้แยกรายการนี้ออกมาเหมือนบริษัทอื่นๆ
วันนี้ ผมคุยกับ สมุบัญชี ของ TCCC
ให้ข้อมูลเคลียร
ผมดูเฉพาะใน stock focus ใน efinance ซึ่ง ปี 20008 cash flow ไม่ได้ระบุ
ขาดทุนจากการตีราคาสินค้าคงเหลือ ไว้
ทุกอย่างที่ คุณ jiras เขียนถูกต้องแล้ว
งบของบริษัทนี้ ขาดทุนจากการตีราคาสินค้าคงเหลือ ปรากฎใน cash flow
และไปมีผลต่อต้นทุนสินค้าที่ขายในงบกำไรขาดทุนเลย
ในงบกำไรขาดทุน ไม่ได้แยกรายการนี้ออกมาเหมือนบริษัทอื่นๆ
Blueplanet
- Alastor
- Verified User
- โพสต์: 2590
- ผู้ติดตาม: 0
TCCC
โพสต์ที่ 36
ปกติเค้าก็ไม่แยกกันนะครับ SNC คนไทย TR คนอินเดีย ก็ทำแบบนี้ครับ ต้องดูงบ CF เทียบเสมอครับว่ารายการใดบ้าง non-recurringblueplanet เขียน: ในงบกำไรขาดทุน ไม่ได้แยกรายการนี้ออกมาเหมือนบริษัทอื่นๆ
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
-
- Verified User
- โพสต์: 1155
- ผู้ติดตาม: 0
tccc
โพสต์ที่ 37
จีนเตรียมปรับภาษีศุลกากรปุ๋ยเคมีทุกชนิดเป็นศูนย์ ต้นปี 2010
เพื่อการแก้ปัญหาจากสภาวการณ์หดตัวอย่างรุนแรงของตลาดปุ๋ยเคมีในประเทศเนื่องจากผลิตภัณฑ์ปุ๋ยเคมีที่มากกว่าความต้องการในตลาด สมาคมปิโตรเลียมและเคมีอุตสาหกรรมประเทศจีน ได้ยื่นเสนอขอดำเนินการปรับภาษีศุลกากรเป็นศูนย์ ต่อกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ
เดือนกรกฎาคม 2009 ที่ผ่านมา สำนักตรวจตราและประสานงาน กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศได้จัดการประชุมเสวนาถึงทิศทางกิจการอุตสาหกรรมขึ้นโดยทางสมาคมปิโตรเลียมและอุตสาหกรรมเคมีประเทศจีนได้เสนอว่า การผลิต ปุ๋ยไนโตรเจน ปุ๋ยฟอสเฟตและสารประกอบ ในท้องตลาดขณะนี้มีจำนวนมากทำให้ราคาขายต่ำเกินไป ผู้ประกอบการกำลังประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก
สถาบันการวางแผนอุตสาหกรรมปิโตเลียมและเคมีคาดการณ์ว่า ในปี2009 นี้ การผลิตยูเรียในประเทศมีกำลังผลิตถึง 63 ล้านตัน และมีปริมาณการผลิต 53 ล้านตันโดยประมาณ ซึ่งในปีนี้ถือเป็นปีที่ปริมาณยูเรียมากเกินความต้องการเป็นพิเศษ และเนื่องจากความต้องการในตลาดที่มีไม่มากเท่า ทำให้ราคายูเรียหน้าโรงงานผลิต เหลือเพียง 1,400-1,450 หยวน/ตัน ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ทำให้ผู้ประกอบการยูเรียหลายรายอยู่ในสภาพขาดทุน ทางสมาคมฯให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นโยบายเก็บภาษียูเรียและฟอสเฟตตามช่วงฤดูการผลิต ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมในปีที่ผ่านมา ทำให้ผลผลิตในประเทศมีมากเกิน แต่นโยบายกลับฉุดรั้งการส่งออกไว้เนื่องจากผลการดำเนินนโยบายข้างต้น ทำให้สถิติการส่งออกปุ๋ยเคมีลดลงร้อยละ 28.9 ตั้งแต่ช่วงเดือน มกราคม-กรกฎาคม 2009 หากยกเลิกนโยบายนี้ และดำเนินมาตรการภาษีศูนย์เปอร์เซนต์กับปุ๋ยเคมีทุกชนิด คาดว่าจะสามารถส่งเสริมปริมาณการส่งออกปุ๋ยเคมี ลดความตรึงเครียดของผู้ประกอบการได้
ทางสมาคมฯยังให้ข้อมูลเพิ่มอีกว่าปัญหาที่พบอีกข้อคือการแข่งขันการลงทุนในกิจการที่มากและเร็วเกินไป กิจการปุ๋ยเคมีในช่วงที่ผ่านมามีการลงทุนเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 36.23 โดยเฉพาะกิจการปุ๋ยฟอสเฟตที่มีอัตราการลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 97.12 ซึ่งการแก้ไขปัญหานี้ทางรัฐบาลควรคัดสรรผู้ประกอบการผ่านมาตรการปล่อยสินเชื่อ และมาตรการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นต้น
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทส ณ นครเฉิงตู
1 พฤศจิกายน 2552
เหตุการณ์นี้ เป็นผลดีหรือผลเสีย ต่อ TCCC วานผู้รู้ ช่วยออกความเห็นด้วยครับ
เพื่อการแก้ปัญหาจากสภาวการณ์หดตัวอย่างรุนแรงของตลาดปุ๋ยเคมีในประเทศเนื่องจากผลิตภัณฑ์ปุ๋ยเคมีที่มากกว่าความต้องการในตลาด สมาคมปิโตรเลียมและเคมีอุตสาหกรรมประเทศจีน ได้ยื่นเสนอขอดำเนินการปรับภาษีศุลกากรเป็นศูนย์ ต่อกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ
เดือนกรกฎาคม 2009 ที่ผ่านมา สำนักตรวจตราและประสานงาน กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศได้จัดการประชุมเสวนาถึงทิศทางกิจการอุตสาหกรรมขึ้นโดยทางสมาคมปิโตรเลียมและอุตสาหกรรมเคมีประเทศจีนได้เสนอว่า การผลิต ปุ๋ยไนโตรเจน ปุ๋ยฟอสเฟตและสารประกอบ ในท้องตลาดขณะนี้มีจำนวนมากทำให้ราคาขายต่ำเกินไป ผู้ประกอบการกำลังประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก
สถาบันการวางแผนอุตสาหกรรมปิโตเลียมและเคมีคาดการณ์ว่า ในปี2009 นี้ การผลิตยูเรียในประเทศมีกำลังผลิตถึง 63 ล้านตัน และมีปริมาณการผลิต 53 ล้านตันโดยประมาณ ซึ่งในปีนี้ถือเป็นปีที่ปริมาณยูเรียมากเกินความต้องการเป็นพิเศษ และเนื่องจากความต้องการในตลาดที่มีไม่มากเท่า ทำให้ราคายูเรียหน้าโรงงานผลิต เหลือเพียง 1,400-1,450 หยวน/ตัน ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ทำให้ผู้ประกอบการยูเรียหลายรายอยู่ในสภาพขาดทุน ทางสมาคมฯให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นโยบายเก็บภาษียูเรียและฟอสเฟตตามช่วงฤดูการผลิต ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมในปีที่ผ่านมา ทำให้ผลผลิตในประเทศมีมากเกิน แต่นโยบายกลับฉุดรั้งการส่งออกไว้เนื่องจากผลการดำเนินนโยบายข้างต้น ทำให้สถิติการส่งออกปุ๋ยเคมีลดลงร้อยละ 28.9 ตั้งแต่ช่วงเดือน มกราคม-กรกฎาคม 2009 หากยกเลิกนโยบายนี้ และดำเนินมาตรการภาษีศูนย์เปอร์เซนต์กับปุ๋ยเคมีทุกชนิด คาดว่าจะสามารถส่งเสริมปริมาณการส่งออกปุ๋ยเคมี ลดความตรึงเครียดของผู้ประกอบการได้
ทางสมาคมฯยังให้ข้อมูลเพิ่มอีกว่าปัญหาที่พบอีกข้อคือการแข่งขันการลงทุนในกิจการที่มากและเร็วเกินไป กิจการปุ๋ยเคมีในช่วงที่ผ่านมามีการลงทุนเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 36.23 โดยเฉพาะกิจการปุ๋ยฟอสเฟตที่มีอัตราการลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 97.12 ซึ่งการแก้ไขปัญหานี้ทางรัฐบาลควรคัดสรรผู้ประกอบการผ่านมาตรการปล่อยสินเชื่อ และมาตรการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นต้น
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทส ณ นครเฉิงตู
1 พฤศจิกายน 2552
เหตุการณ์นี้ เป็นผลดีหรือผลเสีย ต่อ TCCC วานผู้รู้ ช่วยออกความเห็นด้วยครับ
Blueplanet
-
- Verified User
- โพสต์: 1155
- ผู้ติดตาม: 0
tccc
โพสต์ที่ 38
การลดภาษีส่งออกปุ๋ยของจีน ดี ต่อ TCCC แน่ๆ เพราะ วัตถุดิบ ราคาถูกลง
การกำไรขั้นต้น 15% จะทำได้ ถ้าวัตถุดิบแพง และ ต้องการกำไรขั้นต้น 15% ราคาปุ๋ยจะแพงมาก ทำให้เกษตกรไม่สามารถใช้ปุ๋ยได้
ปุ๋ยปลอมจะระบาด และ ปุ๋ยเป็นสินค้าควบคุม ทำให้ แม้ วัตถุดิบสูงขึ้น
กำไรขั้นต้น 15% จะทำให้ ราคาปุ๋ยราคาแพงเกินราคาควบคุม
1. กำไรขั้นต้น 15% TCCC จะกำไรมหาศาล
2. พืชผลราคาดี จะทำให้ เกษตรกร ขยายการเพราะปลูก เกษตรกร ใช้ปุ๋ยมากขึ้น
TCCC ปี 2553 กำไร ขั้นต้น 15% ยอดขาย 18,000 ล้าน กำไรสุทธิ
1200-1500 ล้าน เป็นไปได้
การกำไรขั้นต้น 15% จะทำได้ ถ้าวัตถุดิบแพง และ ต้องการกำไรขั้นต้น 15% ราคาปุ๋ยจะแพงมาก ทำให้เกษตกรไม่สามารถใช้ปุ๋ยได้
ปุ๋ยปลอมจะระบาด และ ปุ๋ยเป็นสินค้าควบคุม ทำให้ แม้ วัตถุดิบสูงขึ้น
กำไรขั้นต้น 15% จะทำให้ ราคาปุ๋ยราคาแพงเกินราคาควบคุม
1. กำไรขั้นต้น 15% TCCC จะกำไรมหาศาล
2. พืชผลราคาดี จะทำให้ เกษตรกร ขยายการเพราะปลูก เกษตรกร ใช้ปุ๋ยมากขึ้น
TCCC ปี 2553 กำไร ขั้นต้น 15% ยอดขาย 18,000 ล้าน กำไรสุทธิ
1200-1500 ล้าน เป็นไปได้
Blueplanet