ชายกลาง

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
boom
Verified User
โพสต์: 400
ผู้ติดตาม: 0

ชายกลาง

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ชายกลางกับครูกุ๊ก0
โลกในมุมมองของ value Investor                    22  ธันวาคม 52

ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

การเป็น Value Investor ที่ดีนั้น  นอกจากการเรียนรู้และติดตามภาวะเศรษฐกิจและการเมืองแล้ว   เราต้องรู้และเข้าใจกระแสหรือแนวโน้มของสังคมด้วย   ว่าที่จริงสังคมนั้นเป็นพลังสำคัญที่สุดในการกำหนดเรื่องของภาวะและระบบเศรษฐกิจและการเมือง   ดังนั้น   ถ้าเราเข้าใจสังคม  ก็มีแนวโน้มว่าเราจะสามารถพยากรณ์ทิศทางของเศรษฐกิจและการเมืองได้แม่นยำขึ้น   สำหรับผม  การติดตามความเคลื่อนไหวทางสังคมที่ให้ภาพชัดเจนที่สุดก็คือ   การดูหนังดูละครและติดตาม  ข่าวดารา  ที่เดี๋ยวนี้มีหนังสือพิมพ์วางแผงจำหน่ายทุกวัน  เช่นเดียวกับละครที่ออกอากาศวันละหลายเรื่อง

แนวโน้มของสังคมที่ผมสังเกตเห็นว่าเปลี่ยนไปมากนับย้อนหลังไปสัก 40 ปีก่อนขณะที่ผมยังเป็นวัยรุ่นก็คือสถานะของผู้คนในสังคม  ในสมัยก่อนนั้นสังคมไทยค่อนข้างจะจัดลำดับของคนเป็นชั้น ๆ  ตามลำดับที่อาจจะเรียกว่า  ศักดินา หรือตามตำแหน่งอำนาจที่กำหนดเป็นทางการ  โดยคนที่มีฐานะทางสังคมสูงก็คือคนที่มีอำนาจที่เป็นทางการหรืออำนาจทางวัฒนธรรมสูงและคนที่อยู่ต่ำก็คือคนที่ไม่มีอำนาจที่เป็นทางการหรือทางวัฒนธรรมเลยและมีอาชีพที่ไม่ได้สังกัดบริษัทหรือกิจการขนาดใหญ่   ในสมัยนั้นละครที่ออกอากาศก็มักจะมีพระเอกที่เป็นผู้ดีมีตระกูลทำงานเป็นข้าราชการ  ละครที่ฮิตที่สุดเรื่องหนึ่งก็คือ บ้านทรายทอง ซึ่งพระเอกเป็น  ชายกลาง  เดี๋ยวนี้ละครเปลี่ยนไปมาก  พระเอกหรือตัวเอกส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจ  หลาย ๆ  เรื่องก็เป็นชาวบ้านธรรมดา  และละครที่กำลังฮิตมากก็คือ สูตรเสน่หา  ซึ่งพระเอกเป็น  ครูกุ๊ก  เรื่องของชนชั้นในสังคมนั้น  ถ้าจะยังมีอยู่ก็เป็นเรื่องว่า  ใครมีเงินมากกว่ากัน  เพราะฉะนั้น  นักธุรกิจหรือเจ้าของกิจการซึ่งมักจะมีเงินมากจึงเป็นคนที่มีสถานะค่อนข้างโดดเด่นในสังคม

พูดถึงเรื่องของดารา  ซึ่งผมหมายรวมถึงนักร้องด้วยนั้น  สมัยก่อน  ดาราเป็นอาชีพ  เต้นกินรำกิน  ซึ่งหมายถึงการเป็นอาชีพที่ต่ำต้อยในสายตาของสังคม   ดังนั้น  คนที่เรียนสูงระดับจบปริญญาตรีนั้นมักจะไม่ยอมทำอาชีพหรือเป็นดารา   เดี๋ยวนี้คนอยากเป็นดารากันทั้งนั้น  แม้แต่คนที่เรียนจบจากฮาร์วาดหรือเรียนจบปริญญาเอกจากต่างประเทศก็ยังอยากเป็นดารา   ดาราที่สมัยก่อนมักจะเป็นลูก  ชาวบ้านธรรมดา  นั้น   เดี๋ยวนี้  จำนวนมากเป็นลูก  ไฮโซ  อาชีพดาราสมัยก่อนนั้นแทบไม่มีเงินเหลือเก็บทั้งที่แสดงเป็นสิบหรือร้อยเรื่อง  สมัยนี้ดาราหลายคนมีเงินมากเป็นเศรษฐีร้อยล้านบาทก็มี   นอกจากเงินแล้ว   ดาราเป็นคนที่มีชื่อเสียงและสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับคนที่มาเกี่ยวข้องได้  ดังนั้น  ดาราจึงเป็นที่หมายปองของคนหลาย ๆ  คนหรือหลาย ๆ  กลุ่ม เช่นนักการเมืองหรือกลุ่มนักธุรกิจที่ต้องการคนที่มาช่วยในการประชาสัมพันธ์งานของตนเอง

การหาคู่ครองของดาราสะท้อนภาพของสังคมได้ค่อนข้างชัดเจน  ดาราผู้หญิงเดี๋ยวนี้ไม่ชอบคู่ที่เป็นตำรวจทหารหรือข้าราชการอย่างในสมัยก่อน  หรือถ้าจะชอบผู้ชายก็มักจะเป็นลูกของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หรือนักการเมืองที่มีเงินมหาศาล  ดาราหญิงชื่อดังส่วนใหญ่ชอบนักธุรกิจหรือลูกเจ้าของกิจการขนาดใหญ่หรือดาราชื่อดังด้วยกัน   ว่าที่จริงสมัยนี้ดาราหญิงนั้นแข่งขันหรือวัดกันว่าใครจะมีแฟนหรือมีคู่ที่รวยกว่ากัน  เพราะการมีแฟนที่รวยจะทำให้ดารามีหรือรักษาสถานะที่โดดเด่นในสังคมได้ยาวนาน  การมีแฟนจนหรือไม่รวยนั้นจะทำให้รู้สึกน้อยหน้าเพื่อนฝูง  ทั้งหมดนั้นแตกต่างกับดาราสมัยก่อนอย่างสิ้นเชิง  เพราะดาราสมัยก่อนนั้นแทบไม่มีโอกาสมีคู่ที่มีฐานะเป็นเศรษฐี  ว่าที่จริง  ดาราสมัยก่อนนั้นไม่กล้าแม้แต่จะบอกว่าตนเองมีคู่แล้วเนื่องจากกลัวว่าผู้คนจะไม่ดูหนังที่ตนเองเล่นถ้ารู้ว่ามีคู่แล้ว

ดาราแต่งหรือเป็นคู่กับเศรษฐีหรือไฮโซนั้น   แม้ว่าในสังคมดูเหมือนจะมองว่าดารายังเป็น  เบี้ยล่าง  เห็นได้จากการที่ต้องได้รับการ  Approve หรือได้รับการยอมรับจากว่าที่แม่สามี  แต่ไม่เคยมีข่าวว่า ว่าที่ลูกเขยที่ร่ำรวยได้รับการอนุมัติจากว่าที่แม่ยายแล้ว  แต่ดาราเองนั้นเดี๋ยวนี้ก็  ไม่แคร์    เหนือสิ่งอื่นใด  คนในสังคมไม่ค่อยสนับสนุน  ผู้ดีเก่า ที่อาจจะแสดงอาการเหยียดดารา  ตรงกันข้าม  ดารานั้น  มีทั้งชื่อเสียงและเงินและด้วยอิทธิพลของสื่อที่รวดเร็วกว้างขวางในปัจจุบัน  ดารากำลังจะกลายเป็นไฮโซเหมือนอย่างที่พวกเขาเป็นในต่างประเทศ

ผมเขียนมายืดยาวเกี่ยวกับเรื่องของหนังและดารา  ดูเหมือนว่าจะไม่เกี่ยวอะไรกับเศรษฐกิจและการเมือง  และถ้าดูเรื่องของสังคมก็เป็นสังคมของดารา  ไม่เกี่ยวอะไรกับสังคมทั่วไปไม่ต้องพูดถึงหุ้น  แต่ผมคิดว่าเรื่องของดารานั้นเป็นภาพสะท้อนของสังคมส่วนรวม   เป็นเรื่องของความเชื่อและความนึกคิดของคนทั่วไปที่แสดงออกผ่านทางดาราและภาพยนต์หรือละคร  และสิ่งที่ผมสรุปจากการดูพัฒนาการของวงการนี้ผมเห็นว่า   สังคมไทยนั้น   กำลังปรับเปลี่ยนไปตามอย่างตะวันตกอย่างไม่อาจหวลกลับได้นั่นคือ

สังคมไทยกำลังถอยห่างจาก  Establishment  หรือการกำหนดมาตรฐานประจำชาติหรือกลุ่มคนที่มีอำนาจหรือมีอิทธิพลที่เป็นทางการ  ประชาชนทั่วไปมีความมั่นใจในตนเองมากขึ้นและแสดงออกใน สังคม ของตนเอง  พวกเขา ไม่แคร์ ว่าใครจะอยู่  ชั้นไหน  ในสังคมเก่าสมัยก่อน   สิ่งที่เขาสนใจและแสวงหาก็คือ  ใครมีเงินมากกว่า  พูดง่าย ๆ  เงินเป็นตัววัดความสำเร็จ   เงินเป็นสิ่งที่คนแสวงหา  ถ้าจะพูดว่าสังคมไทยนั้นเป็นสังคมของทุนนิยมเต็มที่ก็ไม่น่าจะผิด  อย่างน้อยก็ในด้านของสังคมและเศรษฐกิจ  และแม้ว่าอาจจะมีพลังบางอย่างจากคนบางกลุ่มที่พยายามขัดขวางกระบวนการนี้ผ่านทางการเมือง  มันก็จะไม่มีทางสำเร็จเพราะคนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ

ผมเองมักจะถูกถามว่า  ถ้ามีกฎหมายหรือมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ทำให้การทำธุรกิจของบริษัทที่เราลงทุนอยู่ประสบอุปสรรคอย่างแรงเราจะทำอย่างไร   คำตอบของผมก็คือ  ถ้าสิ่งที่บริษัทเราทำนั้นมีประโยชน์และคนต้องการ  กฎหมายนั้นย่อมไม่สามารถขวางได้  โดยนัยก็คือ  มันไม่น่าจะเกิดได้  หรือถ้าเกิดได้ก็ต้องมีทางแก้  ชีวิตประชาชนนั้น  เหมือนกับชีวิตของดารา  ถึงวันนี้พวกเขากำหนดแนวทางชีวิตของเขาได้แม้ว่าจะมีคนหรือกฏเกณฑ์ที่คอยขัดขวางหรือบอกว่าห้ามทำ  ดังนั้น  ถ้าประชาชนบอกว่าเขาต้องการใช้สินค้าของบริษัทเราและเขาพร้อมที่จะจ่ายเงิน  อย่ากลัวว่าจะถูกขัดขวางโดยนักการเมือง  อย่างมากต้นทุนของบริษัทก็จะเพิ่มขึ้นบ้างเท่านั้น  ในโลกของทุนนิยมนั้น  เงินเป็น  คะแนนโหวต ที่ตัดสินเสมอ
boom
Verified User
โพสต์: 400
ผู้ติดตาม: 0

นนท์

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ใครถือมาบตาพุดอยู่ คงสบายใจนะครับ
vivitawin
Verified User
โพสต์: 1922
ผู้ติดตาม: 0

ชายกลาง

โพสต์ที่ 3

โพสต์

3G  :?: ด้วยป่ะนะครับเนี่ย
vivitawin
Verified User
โพสต์: 1922
ผู้ติดตาม: 0

ชายกลาง

โพสต์ที่ 4

โพสต์

แต่ที่รู้ๆ ก็ พรบ.ค้าปลีก อิอิ  :lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
OutOfMyMind
Verified User
โพสต์: 1242
ผู้ติดตาม: 0

ชายกลาง

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ของดีดี สิ่งที่ถูกต้อง นั้น ยังไงก็ต้องมาครับ แต่อาจจะมาช้าหน่อยในประเทศที่ยังไม่มีความพร้อม ทั้งด้านทุนและสังคม อย่าง Lowcost Airline หรือ Sub Way สุดท้ายบ้านเราก็มา แต่ก็ช้ามาก วันนี้ก็ยังอืด

3G รถไฟความเร็วสูง แปรรูปรัฐวิสาหกิจ ระบบประกันสังคมที่สมบูรณ์ สักวันคงมา... แต่...ของใหม่เข้ามา มันก็ไปทำลายของเก่า คนใหม่ได้ประโยชน์ แต่ คนเก่าก็เสียประโยชน์ มันเกิดเป็นแนวรับและแนวต้าน แม้จะเป็นสิ่งที่ดี แต่บางครั้งต้องใช้เวลาในการเตรียมความพร้อม สะสมโวลุ่มให้ได้มาก มันก็เคลือนต่อไปได้ หากไม่มีโวลุ่มมันก็ sideway ไป ไม่ไปต่อเสียที

เวลาในการสะสมพลังเตรียมความพร้อมเนี่ยระหว่าง sideway นี่แหล่ะ ที่ทำให้เราหนักใจ เพราะบางทีไม่รู้ต้องรออีกนานแค่ไหนนนน กว่าจะออกหัวหรือก้อย
บทความดีดีสำหรับนักลงทุนเน้นคุณค่า
https://www.facebook.com/OutOfMyMindOnValueInvestment
ภาพประจำตัวสมาชิก
sonnesaint
Verified User
โพสต์: 127
ผู้ติดตาม: 0

ชายกลาง

โพสต์ที่ 6

โพสต์

แหมมม หยิบหนังสือซุบซิบดารามาก็สามารถเขียนเป็นบทความ เป็นเงินเป็นทองได้ ^_^

ตอนท้ายๆผมเห็นด้วยเรื่องกฎหมายที่ออกมาขัดกับวิถีที่มันควรจะเป็น
ที่ว่าไม่สามารถหยุดยั้งสิ่งที่มันควรจะเป็น

ที่นึกออกตอนนี้ก็คือ กฎหมายค้าปลีก ทีออกมาสกัดกั้นไม่ให้คนได้ซื้อของที่ราคาถูกลง หรือว่า ได้รับความสะดวกมากขึ้น
ด้วยความเคารพ
suriya
โพสต์โพสต์