อยากสอบถามว่าเพื่อนๆพี่ๆชอบหุ้น IPO ตัวไหนมากที่สุดครับ ตัวไหนมีความนิยมสูงสุด
SET
TAE: บริษัท ไทย อะโกร เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน)
STS: บริษัท สหไทยสตีลไพพ์ จำกัด (มหาชน)
GUNKUL: บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน)
IVL: บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน)
IFS: บริษัท ไอเอฟเอส แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
MAI
COLOR: บริษัท สาลี่คัลเล่อร์ จำกัด (มหาชน)
OFM : บริษัท ออฟฟิศเมท จำกัด (มหาชน)
CYBER : บริษัท ไซเบอร์แพลนเน็ต อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด (มหาชน)
NINE : บริษัท เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)
MOTIF : บริษัท โมทีฟ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)
TMI: บริษัท ธีระมงคล อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)
ส่วนตัวดูแล้ว IVL น่าจะเป็นบริษัทที่ดูแล้วมั่นคงสุดใน List แต่ไม่รู้ว่าราคาที่เขาเสนอคุ้มไหมเพราะยังไม่ค่อยเข้าใจ cycle ของธุรกิจพลาสติก แล้วยังมีคนถือ IRP มาแลกแล้วรอขาย
รองลงมากก็น่าจะ TAE บริษัทลูกของ LANNA แต่ไม่ชอบตรงที่มันต้องไปรับวัตถุดิบมาจากมิตรผล
IPO ตัวไหนน่าสนใจที่สุด
โพสต์
25 โพสต์
• หน้า 1 จากทั้งหมด 1
-
MYBIZ
- Verified User
- โพสต์: 888
- ผู้ติดตาม: 0
IPO ตัวไหนน่าสนใจที่สุด
โพสต์ที่ 2
บริษัท เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)
วิสัยทัศน์ ปณิธาน และคุณค่าองค์กร
วิสัยทัศน์ เป็นหนึ่งในผู้นำในการให้ความรู้และความบันเทิงที่มีคุณภาพ
ปณิธาน ให้ความรู้และความบันเทิงจากทั่วโลก
คุณค่าขององค์กร แนวปฏิบัติที่บริษัทยึดถือมาโดยตลอดอันประกอบด้วย
Passion ความรักและทุ่มเทในงาน
Integrity ยึดมั่นในความถูกต้อง มีจริยธรรม โปร่งใส น่าเชื่อถือ
Synergy ร่วมมือร่วมใจ ผสมผสานเพื่อความสำเร็จร่วมกัน ทำงานเป็นทีม
Care ห่วงใยและเอาใจใส่ต่อผู้ถือหุ้น ลูกค้า พนักงาน และสังคม
Innovation พัฒนา ปรับตัว ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และริเริ่มอย่างต่อเนื่อง
ประวัติความเป็นมา
บริษัท เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) เป็นหนึ่งในบริษัทย่อยในสายธุรกิจด้านการศึกษาบันเทิง และต่างประเทศ ของบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)(เนชั่นกรุ๊ปฯ) ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทฯ ได้ถูกจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2539 ภายใต้ชื่อ เนชั่น ชีพจรวันนี้ ซึ่งต่อมาในปี 2545 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เนชั่นบุ๊คส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจสำนักพิมพ์ เนชั่นบุ๊คส์ ในการผลิตและจำหน่ายหนังสือพ็อคเก็ตบุ๊คส์ ซึ่งได้รับลิขสิทธิ์จากนักเขียนและสำนักพิมพ์ชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมิได้มีโรงพิมพ์เป็นของตนเอง
ต่อมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 4/2549 เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2549 ได้มีมติให้ปรับโครงสร้างสายธุรกิจด้านการศึกษา บันเทิง และต่างประเทศ เพื่อให้สายธุรกิจดังกล่าวมีการดำเนินงานที่คล่องตัว ชัดเจน และเกิดการเติบโตของธุรกิจอย่างสูงสุด รวมทั้งมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับการเติบโตในอนาคต โดยให้บริษัทฯ เป็นบริษัทแม่ของสายธุรกิจด้านการศึกษา บันเทิง และต่างประเทศ และถือหุ้นในบริษัทย่อยจำนวน 2 บริษัท คือ 1) บริษัท เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด (NED) และ 2) บริษัท เนชั่น เอ็กมอนท์ เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด (NEE) ในสัดส่วนร้อยละ 99.99 และ 49.99 ตามลำดับ อีกทั้งยังรับเป็นผู้ดำเนินการแทนเนชั่นกรุ๊ปฯ ในธุรกิจตัวแทนขายโฆษณาให้สิ่งพิมพ์ต่างประเทศ ตัวแทนการพิมพ์และจัดจำหน่ายหนังสือพิมพ์และนิตยสารในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนบางส่วนให้แก่สำนักพิมพ์ต่างประเทศ รวมทั้งธุรกิจการอบรมสัมมนา, สอนภาษาต่างประเทศและทักษะการสื่อสาร โดยในการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจ บริษัทฯได้มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 1 ล้านบาท เป็น 70 ล้านบาท ในปี 2549 โดยการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้แก่เนชั่นกรุ๊ปฯ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิม และเนชั่นกรุ๊ปฯ ได้ขายเงินลงทุนใน NED และ NEE ให้บริษัทฯ ตามมูลค่าทางบัญชี ณ วันที่เกิดรายการ อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทฯ ไม่มีการดำเนินธุรกิจการอบรมสัมมนา,สอนภาษาต่างประเทศ และทักษะการสื่อสาร (ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ต่ำกว่าร้อยละ 5 ของรายได้รวมของกลุ่มบริษัทฯ) หลังจากไตรมาส 1 ปี 2552
ต่อมา ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ครั้งที่ 3/2551 เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2551 ได้มีมติให้บริษัทฯ แปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชน และเปลี่ยนชื่อบริษัทฯ จากบริษัท เนชั่นบุ๊คส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นบริษัท เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) รวมทั้งเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 70 ล้านบาทเป็น 85 ล้านบาท เพื่อรองรับการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนเป็นครั้งแรก
อนึ่ง บริษัท เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด (NED) จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2522 โดยกลุ่มผู้ถือหุ้นของเนชั่นกรุ๊ปฯ ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 50 ล้านบาท ปัจจุบันประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายหนังสือการ์ตูนยอดนิยมจากสำนักพิมพ์ชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ประเทศไทยและประเทศในทวีปเอเชีย ในส่วนของบริษัท เนชั่น เอ็กมอนท์ เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด (NEE) นั้น จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2541 โดยเป็นการร่วมทุนระหว่างเนชั่นกรุ๊ปฯ และ บริษัท เอ็กมอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง เอ/เอส ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 50 ล้านบาท ในการประกอบธุรกิจผลิต นำเข้า และจำหน่ายสื่อสิ่งพิมพ์สำหรับเด็กเพื่อการศึกษา บันเทิง และการเสริมทักษะ รวมทั้งนิทานต่างๆ จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นสิ่งพิมพ์ที่รับลิขสิทธิ์มาจากกลุ่มประเทศแถบยุโรป อเมริกา และออสเตรเลียเป็นหลัก โดยมิได้มีโรงพิมพ์เป็นของตนเอง
วิสัยทัศน์ ปณิธาน และคุณค่าองค์กร
วิสัยทัศน์ เป็นหนึ่งในผู้นำในการให้ความรู้และความบันเทิงที่มีคุณภาพ
ปณิธาน ให้ความรู้และความบันเทิงจากทั่วโลก
คุณค่าขององค์กร แนวปฏิบัติที่บริษัทยึดถือมาโดยตลอดอันประกอบด้วย
Passion ความรักและทุ่มเทในงาน
Integrity ยึดมั่นในความถูกต้อง มีจริยธรรม โปร่งใส น่าเชื่อถือ
Synergy ร่วมมือร่วมใจ ผสมผสานเพื่อความสำเร็จร่วมกัน ทำงานเป็นทีม
Care ห่วงใยและเอาใจใส่ต่อผู้ถือหุ้น ลูกค้า พนักงาน และสังคม
Innovation พัฒนา ปรับตัว ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และริเริ่มอย่างต่อเนื่อง
ประวัติความเป็นมา
บริษัท เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) เป็นหนึ่งในบริษัทย่อยในสายธุรกิจด้านการศึกษาบันเทิง และต่างประเทศ ของบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)(เนชั่นกรุ๊ปฯ) ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทฯ ได้ถูกจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2539 ภายใต้ชื่อ เนชั่น ชีพจรวันนี้ ซึ่งต่อมาในปี 2545 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เนชั่นบุ๊คส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจสำนักพิมพ์ เนชั่นบุ๊คส์ ในการผลิตและจำหน่ายหนังสือพ็อคเก็ตบุ๊คส์ ซึ่งได้รับลิขสิทธิ์จากนักเขียนและสำนักพิมพ์ชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมิได้มีโรงพิมพ์เป็นของตนเอง
ต่อมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 4/2549 เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2549 ได้มีมติให้ปรับโครงสร้างสายธุรกิจด้านการศึกษา บันเทิง และต่างประเทศ เพื่อให้สายธุรกิจดังกล่าวมีการดำเนินงานที่คล่องตัว ชัดเจน และเกิดการเติบโตของธุรกิจอย่างสูงสุด รวมทั้งมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับการเติบโตในอนาคต โดยให้บริษัทฯ เป็นบริษัทแม่ของสายธุรกิจด้านการศึกษา บันเทิง และต่างประเทศ และถือหุ้นในบริษัทย่อยจำนวน 2 บริษัท คือ 1) บริษัท เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด (NED) และ 2) บริษัท เนชั่น เอ็กมอนท์ เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด (NEE) ในสัดส่วนร้อยละ 99.99 และ 49.99 ตามลำดับ อีกทั้งยังรับเป็นผู้ดำเนินการแทนเนชั่นกรุ๊ปฯ ในธุรกิจตัวแทนขายโฆษณาให้สิ่งพิมพ์ต่างประเทศ ตัวแทนการพิมพ์และจัดจำหน่ายหนังสือพิมพ์และนิตยสารในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนบางส่วนให้แก่สำนักพิมพ์ต่างประเทศ รวมทั้งธุรกิจการอบรมสัมมนา, สอนภาษาต่างประเทศและทักษะการสื่อสาร โดยในการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจ บริษัทฯได้มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 1 ล้านบาท เป็น 70 ล้านบาท ในปี 2549 โดยการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้แก่เนชั่นกรุ๊ปฯ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิม และเนชั่นกรุ๊ปฯ ได้ขายเงินลงทุนใน NED และ NEE ให้บริษัทฯ ตามมูลค่าทางบัญชี ณ วันที่เกิดรายการ อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทฯ ไม่มีการดำเนินธุรกิจการอบรมสัมมนา,สอนภาษาต่างประเทศ และทักษะการสื่อสาร (ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ต่ำกว่าร้อยละ 5 ของรายได้รวมของกลุ่มบริษัทฯ) หลังจากไตรมาส 1 ปี 2552
ต่อมา ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ครั้งที่ 3/2551 เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2551 ได้มีมติให้บริษัทฯ แปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชน และเปลี่ยนชื่อบริษัทฯ จากบริษัท เนชั่นบุ๊คส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นบริษัท เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) รวมทั้งเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 70 ล้านบาทเป็น 85 ล้านบาท เพื่อรองรับการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนเป็นครั้งแรก
อนึ่ง บริษัท เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด (NED) จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2522 โดยกลุ่มผู้ถือหุ้นของเนชั่นกรุ๊ปฯ ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 50 ล้านบาท ปัจจุบันประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายหนังสือการ์ตูนยอดนิยมจากสำนักพิมพ์ชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ประเทศไทยและประเทศในทวีปเอเชีย ในส่วนของบริษัท เนชั่น เอ็กมอนท์ เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด (NEE) นั้น จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2541 โดยเป็นการร่วมทุนระหว่างเนชั่นกรุ๊ปฯ และ บริษัท เอ็กมอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง เอ/เอส ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 50 ล้านบาท ในการประกอบธุรกิจผลิต นำเข้า และจำหน่ายสื่อสิ่งพิมพ์สำหรับเด็กเพื่อการศึกษา บันเทิง และการเสริมทักษะ รวมทั้งนิทานต่างๆ จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นสิ่งพิมพ์ที่รับลิขสิทธิ์มาจากกลุ่มประเทศแถบยุโรป อเมริกา และออสเตรเลียเป็นหลัก โดยมิได้มีโรงพิมพ์เป็นของตนเอง
จุดหมายปลายทาง อาจไม่ใช่ที่สุดของความงดงาม
-
MYBIZ
- Verified User
- โพสต์: 888
- ผู้ติดตาม: 0
IPO ตัวไหนน่าสนใจที่สุด
โพสต์ที่ 3
บริษัท สาลี่คัลเล่อร์ จำกัด (มหาชน)
สาลี่คัลเล่อร์เตรียมขายIPO30ล.หุ้น นำเงินใช้ขยายกำลังการผลิตปี52
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 31 ตุลาคม 2551 07:40 น.
สาลี่คัลเล่อร์ เตรียมขายหุ้นไอพีโอ 30 ล้านหุ้น หวังระดมทุนขายกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกมาสเตอร์แบตซ์ ซื้อเครื่องจักรมูลค่า 70 ล้านบาท ดันกำลังการผลิตเพิ่มอีก 8 พันตันต่อปี คาดเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ส.ค.ปี52
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)แจ้งว่า บริษัทสาลี่คัลเล่อร์ จำกัด (มหาชน)ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติกผสมสีและสารเติมแต่งแบบเข้มข้น หรือเม็ดพลาสติกมาสเตอร์แบตซ์ และเม็ดพลาสติกคอมพาวด์ รวมถึงสีผสมพลาสติกแบบชนิดผง ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) เพื่อเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 30 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 1 บาท โดยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai)ซึ่งมีบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
สำหรับเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ประมาณ 70%ของเงินที่ระดมทุนได้ บริษัทจะนำไปเพื่อใช้ในการซื้อเครื่องจักรเพื่อโครงการขยายกำลังการผลิตมาสเตอร์แบตซ์ประเภทสีดำจากแนวโน้มความต้องการใช้สูงในปี 2552 โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมท่อน้ำ บรรจุภัณฑ์ เกษตร ยานยนต์ฯลฯ โดยบริษัทได้สั่งซื้อเครื่องจักรแล้ว และคาดว่าจะส่งมอบได้ในช่วงเดือนมิถุนายนปีหน้าและเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนสิงหาคม มูลค่าการลงทุนประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่งเครื่องจักรใหม่มีกำลังการผลิต 8,000 ตันต่อปี และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน
ทั้งนี้ บริษัทมีผลการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2548-ปี 2550 บริษัทมีรายได้จำนวน 272.84 ล้านบาท ในปี 2548 ปี 2549มีรายได้ 394.44 ล้านบาท และปี 2550 มีรายได้ 451.73 ล้านบาท ซึ่งรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยช่วง 6 เดือนแรกปีนี้บริษัทมีรายได้ 263.16 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้รับผลกระทบจากราคาเม็ดพลาสติกที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 13.35%ซึ่งต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 14.53%
อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจของบริษัทมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาเม็ดพลาสติกที่เป็นวัตถุดิบหลักของบริษัทใรการผลิต ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น หากต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นและบริษัทไม่สามารถปรับราคาขายสินค้าได้ แต่บริษัทได้มีการติดตามการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด และบริษัทยังคงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนจากสั่งสินค้าจากต่างประเทศ
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 อันดับแรก คือ บริษัทวีไอวี อินเตอร์เคม จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วน 21.69% และบริษัทสาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)หรือ SALEE สัดส่วน 10.85% โดยบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 30% ของกำไรสุทธิ
สาลี่คัลเล่อร์เตรียมขายIPO30ล.หุ้น นำเงินใช้ขยายกำลังการผลิตปี52
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 31 ตุลาคม 2551 07:40 น.
สาลี่คัลเล่อร์ เตรียมขายหุ้นไอพีโอ 30 ล้านหุ้น หวังระดมทุนขายกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกมาสเตอร์แบตซ์ ซื้อเครื่องจักรมูลค่า 70 ล้านบาท ดันกำลังการผลิตเพิ่มอีก 8 พันตันต่อปี คาดเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ส.ค.ปี52
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)แจ้งว่า บริษัทสาลี่คัลเล่อร์ จำกัด (มหาชน)ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติกผสมสีและสารเติมแต่งแบบเข้มข้น หรือเม็ดพลาสติกมาสเตอร์แบตซ์ และเม็ดพลาสติกคอมพาวด์ รวมถึงสีผสมพลาสติกแบบชนิดผง ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) เพื่อเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 30 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 1 บาท โดยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai)ซึ่งมีบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
สำหรับเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ประมาณ 70%ของเงินที่ระดมทุนได้ บริษัทจะนำไปเพื่อใช้ในการซื้อเครื่องจักรเพื่อโครงการขยายกำลังการผลิตมาสเตอร์แบตซ์ประเภทสีดำจากแนวโน้มความต้องการใช้สูงในปี 2552 โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมท่อน้ำ บรรจุภัณฑ์ เกษตร ยานยนต์ฯลฯ โดยบริษัทได้สั่งซื้อเครื่องจักรแล้ว และคาดว่าจะส่งมอบได้ในช่วงเดือนมิถุนายนปีหน้าและเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนสิงหาคม มูลค่าการลงทุนประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่งเครื่องจักรใหม่มีกำลังการผลิต 8,000 ตันต่อปี และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน
ทั้งนี้ บริษัทมีผลการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2548-ปี 2550 บริษัทมีรายได้จำนวน 272.84 ล้านบาท ในปี 2548 ปี 2549มีรายได้ 394.44 ล้านบาท และปี 2550 มีรายได้ 451.73 ล้านบาท ซึ่งรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยช่วง 6 เดือนแรกปีนี้บริษัทมีรายได้ 263.16 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้รับผลกระทบจากราคาเม็ดพลาสติกที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 13.35%ซึ่งต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 14.53%
อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจของบริษัทมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาเม็ดพลาสติกที่เป็นวัตถุดิบหลักของบริษัทใรการผลิต ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น หากต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นและบริษัทไม่สามารถปรับราคาขายสินค้าได้ แต่บริษัทได้มีการติดตามการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด และบริษัทยังคงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนจากสั่งสินค้าจากต่างประเทศ
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 อันดับแรก คือ บริษัทวีไอวี อินเตอร์เคม จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วน 21.69% และบริษัทสาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)หรือ SALEE สัดส่วน 10.85% โดยบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 30% ของกำไรสุทธิ
จุดหมายปลายทาง อาจไม่ใช่ที่สุดของความงดงาม
-
reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
IPO ตัวไหนน่าสนใจที่สุด
โพสต์ที่ 7
NINE ดูคร่าวๆน่าสนใจ เพราะปัญหาการ์ตูนเถือนนี่เบาบางมาก ไม่เหมือนของเพลงกับหนัง
มาร์จินก็น่าจะสูง การ์ตูนเล่มเล็กๆ บางๆ ก็สี่สิบบาทแล้ว :8) :8)
มาร์จินก็น่าจะสูง การ์ตูนเล่มเล็กๆ บางๆ ก็สี่สิบบาทแล้ว :8) :8)
-
McDull
- Verified User
- โพสต์: 313
- ผู้ติดตาม: 0
IPO ตัวไหนน่าสนใจที่สุด
โพสต์ที่ 9
ตอนนี้ชอบ IVL ที่สุดครับ
ประกาศช่วงแลกหุ้นก่อนได้ราคา IPO และออกราคา IPO โดยไม่ต้องรอตัวเลขจากงบปีมายืนยัน ดูๆ แล้วเหมือนเค้ามั่นใจมาก ว่าทุกอย่างจะผ่านฉลุย
ประกาศช่วงแลกหุ้นก่อนได้ราคา IPO และออกราคา IPO โดยไม่ต้องรอตัวเลขจากงบปีมายืนยัน ดูๆ แล้วเหมือนเค้ามั่นใจมาก ว่าทุกอย่างจะผ่านฉลุย
"It is in your moments of decision that your destiny is shaped." --- ANTHONY ROBBINS
http://en.wikipedia.org/wiki/McDull
http://en.wikipedia.org/wiki/McDull
-
Renne
- Verified User
- โพสต์: 322
- ผู้ติดตาม: 0
IPO ตัวไหนน่าสนใจที่สุด
โพสต์ที่ 10
[quote="picatos"][quote="reiter"]NINE ดูคร่าวๆน่าสนใจ เพราะปัญหาการ์ตูนเถือนนี่เบาบางมาก ไม่เหมือนของเพลงกับหนัง
มาร์จินก็น่าจะสูง การ์ตูนเล่มเล็กๆ บางๆ ก็สี่สิบบาทแล้ว
มาร์จินก็น่าจะสูง การ์ตูนเล่มเล็กๆ บางๆ ก็สี่สิบบาทแล้ว
"มีสติ คิดก่อนทำ และอย่าดูถูกตลาดมากเกินไป"
"เป็นเรื่องง่ายที่จะถือหุ้นเอาไว้ให้นานและี่ยากที่จะรอซื้อในราคาที่เหมาะสม"
"เป็นเรื่องง่ายที่จะถือหุ้นเอาไว้ให้นานและี่ยากที่จะรอซื้อในราคาที่เหมาะสม"
-
กุหลาบงามหลังฝน
- Verified User
- โพสต์: 1598
- ผู้ติดตาม: 0
IPO ตัวไหนน่าสนใจที่สุด
โพสต์ที่ 11
[quote="Renne"][quote="picatos"][quote="reiter"]NINE ดูคร่าวๆน่าสนใจ เพราะปัญหาการ์ตูนเถือนนี่เบาบางมาก ไม่เหมือนของเพลงกับหนัง
มาร์จินก็น่าจะสูง การ์ตูนเล่มเล็กๆ บางๆ ก็สี่สิบบาทแล้ว
มาร์จินก็น่าจะสูง การ์ตูนเล่มเล็กๆ บางๆ ก็สี่สิบบาทแล้ว
อย่ามัวติดกับเรื่องในอดีต กังวลกับเรื่องในอนาคต จนลืมว่าปัจจุบันต้องทำอะไร
-
picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
IPO ตัวไหนน่าสนใจที่สุด
โพสต์ที่ 12
[quote="กุหลาบงามหลังฝน"][quote="Renne"][quote="picatos"][quote="reiter"]NINE ดูคร่าวๆน่าสนใจ เพราะปัญหาการ์ตูนเถือนนี่เบาบางมาก ไม่เหมือนของเพลงกับหนัง
มาร์จินก็น่าจะสูง การ์ตูนเล่มเล็กๆ บางๆ ก็สี่สิบบาทแล้ว
มาร์จินก็น่าจะสูง การ์ตูนเล่มเล็กๆ บางๆ ก็สี่สิบบาทแล้ว
-
vi_tal signs
- Verified User
- โพสต์: 631
- ผู้ติดตาม: 0
IPO ตัวไหนน่าสนใจที่สุด
โพสต์ที่ 13
จริงๆอยากดู officemate ไว้ครับ
มันจะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
-
moonchild
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 953
- ผู้ติดตาม: 0
IPO ตัวไหนน่าสนใจที่สุด
โพสต์ที่ 14
[quote="picatos"][quote="กุหลาบงามหลังฝน"][quote="Renne"][quote="picatos"][quote="reiter"]NINE ดูคร่าวๆน่าสนใจ เพราะปัญหาการ์ตูนเถือนนี่เบาบางมาก ไม่เหมือนของเพลงกับหนัง
มาร์จินก็น่าจะสูง การ์ตูนเล่มเล็กๆ บางๆ ก็สี่สิบบาทแล้ว
มาร์จินก็น่าจะสูง การ์ตูนเล่มเล็กๆ บางๆ ก็สี่สิบบาทแล้ว
-
Teathink
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1182
- ผู้ติดตาม: 0
IPO ตัวไหนน่าสนใจที่สุด
โพสต์ที่ 17
ไม่แน่ใจ แต่น่าจะผิดกฎหมายนะครับ
เพราะขายคนทั่วไปให้แสวงหาความบันเทิงในบ้านเท่านั้น
ไม่ได้ให้เอาไปให้เช่าแก่สาธารณะ ถ้าทำน่าจะต้องขออนุญาติก่อน
ก็น่าจะเหมือนที่เราดูวีซีดี แล้วมีคำเตือนตอนแรก ให้รับชมเพื่อความบันเทิงภายในบ้านเท่านั้น
ถ้ามัน IPO ก็ซื้อหุ้น nine ซะ แล้วแจ้งจับมันทุกร้านที่เจอเลย
:lol:
เพราะขายคนทั่วไปให้แสวงหาความบันเทิงในบ้านเท่านั้น
ไม่ได้ให้เอาไปให้เช่าแก่สาธารณะ ถ้าทำน่าจะต้องขออนุญาติก่อน
ก็น่าจะเหมือนที่เราดูวีซีดี แล้วมีคำเตือนตอนแรก ให้รับชมเพื่อความบันเทิงภายในบ้านเท่านั้น
ถ้ามัน IPO ก็ซื้อหุ้น nine ซะ แล้วแจ้งจับมันทุกร้านที่เจอเลย
:lol:
-
กุหลาบงามหลังฝน
- Verified User
- โพสต์: 1598
- ผู้ติดตาม: 0
IPO ตัวไหนน่าสนใจที่สุด
โพสต์ที่ 18
[quote="Teathink"][quote="reiter"]NINE ดูคร่าวๆน่าสนใจ เพราะปัญหาการ์ตูนเถือนนี่เบาบางมาก ไม่เหมือนของเพลงกับหนัง
มาร์จินก็น่าจะสูง การ์ตูนเล่มเล็กๆ บางๆ ก็สี่สิบบาทแล้ว
มาร์จินก็น่าจะสูง การ์ตูนเล่มเล็กๆ บางๆ ก็สี่สิบบาทแล้ว
อย่ามัวติดกับเรื่องในอดีต กังวลกับเรื่องในอนาคต จนลืมว่าปัจจุบันต้องทำอะไร
-
reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
IPO ตัวไหนน่าสนใจที่สุด
โพสต์ที่ 19
[quote="Teathink"][quote="reiter"]NINE ดูคร่าวๆน่าสนใจ เพราะปัญหาการ์ตูนเถือนนี่เบาบางมาก ไม่เหมือนของเพลงกับหนัง
มาร์จินก็น่าจะสูง การ์ตูนเล่มเล็กๆ บางๆ ก็สี่สิบบาทแล้ว
มาร์จินก็น่าจะสูง การ์ตูนเล่มเล็กๆ บางๆ ก็สี่สิบบาทแล้ว
-
winkung
- Verified User
- โพสต์: 1036
- ผู้ติดตาม: 0
Re: IPO ตัวไหนน่าสนใจที่สุด
โพสต์ที่ 20
ในเวปยังไม่มีข้อมูลอะไรให้ตามดูเลยครับ ในส่วนของนักลงทุนHughes เขียน: NINE : บริษัท เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)
http://www.nine.co.th/investor-investorcalendar.php
อย่าโลภเกินความรู้ความสามารถของตัวเราเอง
-
ถุงเงินเก่า
- Verified User
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 1
Re: IPO ตัวไหนน่าสนใจที่สุด
โพสต์ที่ 21
หนังสือชี้ชวนwinkung เขียน: ในเวปยังไม่มีข้อมูลอะไรให้ตามดูเลยครับ ในส่วนของนักลงทุน
http://www.nine.co.th/investor-investorcalendar.php
http://capital.sec.or.th/webapp/corp_fi ... 0000-00-00
-
winkung
- Verified User
- โพสต์: 1036
- ผู้ติดตาม: 0
Re: IPO ตัวไหนน่าสนใจที่สุด
โพสต์ที่ 22
ขอบคุณมากเลยครับ ผมมองไม่เห็นถุงเงินเก่า เขียน: หนังสือชี้ชวน
http://capital.sec.or.th/webapp/corp_fi ... 0000-00-00
อย่าโลภเกินความรู้ความสามารถของตัวเราเอง
-
moonchild
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 953
- ผู้ติดตาม: 0
Re: IPO ตัวไหนน่าสนใจที่สุด
โพสต์ที่ 23
พี่วินคุงจะซื้อหุ้นบูมแล้วหรอครับwinkung เขียน: ขอบคุณมากเลยครับ ผมมองไม่เห็น
สงสัยจะเข้าข่ายนี้แน่เลย :twisted:
กุหลาบงามหลังฝน เขียน: ผมว่าถ้าเป็นคนอ่านการ์ตูนและสะสม
คำตอบเดียวคือซื้อ
ซื้อ boom แล้วยังไปซื้อรวมเล่มอีก
โพสต์
25 โพสต์
• หน้า 1 จากทั้งหมด 1
บันทึกไม่สำเร็จ