ถามเรื่อง โอนหุ้้นให้ลูก

[sunnyvi]

ลูกสาว อายุ 20 สิ้นเดือนมีค. นี้
เขายังเรียนอยู่ ไม่รู้เรื่องหุ้นเลย


จะโอนหุ้นให้บางส่วน   เป็นประโยชน์ทางภาษี

เลือกที่ปันผลเราไม่ค่อยซื้อขาย  แต่การซื้อขายต่อไปเรายังทำเอง  ได้หรือไม่



ยุ่งมากหรือไม่ครับ  ต้องมีค่าใช้จ่ายอย่างไร  

เรียนถามผู้มีประสบการณ์ด้วย

[investor9000]

ถ้าการโอนหุ้นให้บุตร ยังคงเป็นหุ้นของคุณอยู่ (ตามคำพิพากษา)

ยังไงคุณก็ยังต้องเสียภาษีอยู่ดี ถ้ายื่นขาด จะโดนภาษีย้อนหลังอีก

โอย ปวดตับ

[osama]

โอนเมื่อไหร่บอกด้วยนะครับเดี๋ยวผมไปแจ้งจับได้ 25 % :lol:  :lol:

[picklife]

อ่าวหรอครับ????

ผมว่าลูกเปิดพอร์ทใหม่ โอนหุ้นเข้าไปก็เป็นสิทขาดของลูกแล้วนี่ครับไม่เกี่ยวกับเราแล้วครับ ไม่ต่างจากการโอนเงินนี่ครับ ผมยังโอนไปๆมาๆกับพี่ๆบ่อยๆเลย โอนให้ผมเพราะผมเคยฝากซื้อ โอนให้พี่เป็นของขวัญงานแต่ง โอนระหว่างตัวเองคนละบล. และในบล.แต่ต่างบัญชี ก็ไม่เห้นจะมีอะไรนี่ครับ????

ส่วนในเรื่องการที่เราเทรดเองสบายมากครับ เราก็เอาเลขบัญชีรหัสและpinของลูกเรามาก็เทรดได้แล้วครับ....เพื่อนผมเล่นไปเป็นแต่อยากเล่น ผมก็เทรดให้ครับ 2-3คน (เทรดแบบฟรีๆนะครับ) ก็เทรดได้ครับสบายมากครับ

[picklife]

[quote="osama"]โอนเมื่อไหร่บอกด้วยนะครับเดี๋ยวผมไปแจ้งจับได้ 25 % :lol:

[landrover54]

ถ้าปกติก็โอนได้ครับ แนะนำให้ทำโอนเป็นชื่อบุตร/ธิดา ไม่ให้รายได้เกินอัตราที่ต้องเสียภาษี หรือเสียในอัตราลดลง จะประหยัดภาษีได้พอสมควรครับ

ส่วนทางการเมือง ที่ว่ามีความผิด อันนี้แล้วแต่มุมมองครับ

จริงๆ อยากยึด ก็น่าจะยึดให้หมดไปทีเดียวเลย ยื้อไปยื้อมา บ้านเมืองไม่สงบซะที

แต่ต่างชาติมองศาลเราตัดสินแล้ว งงกันเป็นแถบๆ มาตราฐาน กม. ตกต่ำลงมาก

[ace]

ถ้าการโอนหุ้นให้บุตร ยังคงเป็นหุ้นของคุณอยู่ (ตามคำพิพากษา)

ยังไงคุณก็ยังต้องเสียภาษีอยู่ดี ถ้ายื่นขาด จะโดนภาษีย้อนหลังอีก

โอย ปวดตับ

ถ้าโดนฟ้องแล้วศาลจะให้เหตุผลว่ายังไงครับ ว่ายังคงเป็นหุ้นพ่ออยู่
ทั้งๆที่ชื่อก็ลูกเป็นเจ้าของตามกม.

[Yaileela]

investor9000 wrote:
ถ้าการโอนหุ้นให้บุตร ยังคงเป็นหุ้นของคุณอยู่ (ตามคำพิพากษา)

ยังไงคุณก็ยังต้องเสียภาษีอยู่ดี ถ้ายื่นขาด จะโดนภาษีย้อนหลังอีก

โอย ปวดตับ


ถ้าโดนฟ้องแล้วศาลจะให้เหตุผลว่ายังไงครับ ว่ายังคงเป็นหุ้นพ่ออยู่
ทั้งๆที่ชื่อก็ลูกเป็นเจ้าของตามกม.

ประเด็นน่าจะอยู่ที่ว่าหุ้นที่จะโอนเป็นหุ้นที่เป็นหุ้นที่ซื้อมาในตลาดหลักทรัพย์

หรือไม่  ผมเปิดพอร์ทให้ลูกปีที่แล้ว( อายุ 20 ปี )  แล้วโอนหุ้นที่ซือจากตลาด

ให้ รับปันผลมา 2 แสนเศษ และยังได้เครดิตภาษีอีก 6 หมื่นกว่าเรียบร้อยแล้ว

ครับ

[[v]]

http://www.thairath.co.th/content/pol/68014

คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช  -  นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ

ส.ว.จอมแฉ "เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ" ชี้กรณีแจงบัญชีทรัพย์ของ "คุณหญิงกัลยา" โอนหุ้นให้ลูก เป็นกรณีที่ใกล้เคียงกับ "ทักษิณ" ที่โอนหุ้นให้กับลูกที่บรรลุนิติภาวะแล้ว ลั่นต้องตรวจสอบเพื่อให้เป็นไปตามแนวทางเดียวกัน...

เมื่อวันที่ 1 มี.ค. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ในฐานะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่ออกมาตั้งข้อสงสัยว่าอาจมีรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้มีพฤติกรรมเข้าข่ายซุกหุ้นเช่นเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกศาลตัดสินยึดทรัพย์ ว่า ได้เก็บข้อมูลการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ของนักการเมืองทุกคน เมื่อได้รับฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ในกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว จึงนึกได้ว่าบัญชีทรัพย์สินของคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่เคยยื่นไว้ในสมัยเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.กับตอนเข้ารับตำแหน่งรมว.วิทยาศาสตร์ฯ ยังมีข้อที่น่าสงสัย เนื่องจากข้อมูลในส่วนของคู่สมรสแจ้งไว้ตอนเป็น ส.ส.ว่ามีหุ้นในส่วนของเงิน ลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท แต่พอตอนเป็นรัฐมนตรีมูลค่าลดลงเหลือ 300 ล้านบาท และมีลูกหนี้เป็นบุตรีทั้ง 3 คน เพิ่มขึ้นคนละ 95.8 ล้านบาท

"เป็นกรณีที่ใกล้เคียงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่โอนหุ้นให้กับลูกที่บรรลุนิติภาวะแล้ว ช่วงที่เก็บข้อมูลทีแรก ผมนึกว่าไม่ผิด เพราะเป็นการโอนให้กับบุตรที่บรรลุนิติภาวะแล้ว แต่เมื่อคำพิพากษาของศาลออกมาเช่นนี้ก็ต้องดำเนินการตรวจสอบต่อไป" นายเรืองไกร กล่าว

นายเรืองไกร กล่าวด้วยว่า ป.ป.ช.ต้องไล่สอบบัญชีทรัพย์ของรัฐมนตรีและ ส.ส.ทุกคนว่าเข้าข่ายในลักษณะ เดียวกันหรือไม่ เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางเดียวกันกับที่ศาลตัดสิน โดยส่วนตัวเชื่อว่าการโอนหุ้นในลักษณะแบบนี้มีมากพอสมควร กรณีของคุณหญิงกัลยา ต้องตรวจสอบต่อไปว่าหุ้นที่ถืออยู่เป็นหุ้นสัมปทาน หรือเป็นหุ้นที่อยู่ในเกณฑ์ตามที่รัฐธรรมนูญห้ามรัฐมนตรีถือหุ้นในบริษัทเกินว่า 5% ก็จะเป็นกรณีเดียวกับของ นพ.พฤติชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่ ป.ป.ช.ชี้มูลแล้วส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดำเนินการอยู่ในขณะนี้.

[[v]]

http://www.thairath.co.th/content/pol/67696
นางสาวพินทองทา ชินวัตร

เอม-พินทองทา ทำใจลำบาก  ครอบครัวถูกยึดทรัพย์ งงหุ้นตัวเดียวกัน ถูกกล่าวหาว่า เป็น "นอมินี" ถือให้ผู้เป็นพ่อ ขณะที่ สรรพากรระบุว่าเป็นเจ้าของตัวจริง ต้องเรียกเก็บภาษีจากลูกๆ1.2หมื่นล้าน

เมื่อเวลา 19.40 น. วันที่ 27 ก.พ. นางสาวพินทองทา ชินวัตร หรือ เอม บุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความรู้สึกผ่าน วอยซ์ทีวี www.voicetv.co.th หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ 46,373 ล้านบาท ว่า "ความรู้สึกตอนนี้ยังเรียบเรียงไม่ถูก คุณพ่อคุณแม่ทำงานสุจริต ไม่ได้เอื้อประโยชน์แต่อย่างใด เราเห็นมาตลอดว่าคุณพ่อคุณแม่ลำบากอย่างไรมา คุณพ่ออยากทำงานเพื่อประเทศชาติ จึงเข้าการเมือง พอมาวันนี้ครอบครัวเจอเรื่องหนักหนามาก ก็รู้สึกสงสารคุณพ่อ คุณแม่ โดยเฉพาะคุณพ่อที่มีความตั้งใจดี แต่ผลตอบแทนกลับเป็นอย่างที่ทุกคนได้เห็น เรื่องคดียอมรับว่าตอนนี้ค่อนข้างงงมาก หุ้นตัวเดียวกัน บอกว่าเป็นของคุณพ่อ โอ๊ค เอม เป็นนอมินี ไม่ใช่เจ้าของตัวจริง ก็ยึดทรัพย์ไป 4หมื่น 6 พันล้าน แต่ขณะเดียวกัน สรรพากรมาบอกว่าโอ๊ค เอม เป็นเจ้าของทรัพย์ ขายแล้วได้กำไร ก็จะขอเก็บภาษีอีกหมื่นสองพันล้าน เอมก็งงอยู่ หุ้นตัวเดียวกันทำไมมี 2 กรณีแบบนี้ และ ชื่อบัญชีของเอมทั้งหมดก็ไม่ได้คืนเลยสักบาทเดียว ถูกยึดหมดไปหมดแล้ว ยังไม่รู้จะเอาจากไหนมาจ่ายภาษีที่ว่า

เอมเป็นผู้หญิงคนหนึ่งอายุ 27 เป็นลูกสาวคนหนึ่งเหมือนทุกครอบครัว ก็หวังว่าจะตั้งใจทำงาน สืบทอดธุรกิจ หวังว่าจะมีเงินทุนตรงนี้เริ่มทำงานต่อไป พอมาวันนี้โดนตัดสินว่าโดนยึดทั้งหมด ก็ไม่เข้าใจ ผิดหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องห่วง ไม่ท้อแน่ๆ เพราะคุณพ่อโดนอย่างนี้ยังไม่ท้อ ก็คิดว่าจะสู้ต่อไป ประชาชนยังให้กำลังใจโดยไม่ท้อ ก็คิดว่าจะสู้ต่อไป" บุตรสาวอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าว

[[v]]

ผมให้ข้อสังเกตว่า  โอนได้แต่อย่าเล่นการเมือง  หรือเกี่ยวแบบอ้อมๆ

[นกน้อย]

ถ้าโดนฟ้องแล้วศาลจะให้เหตุผลว่ายังไงครับ ว่ายังคงเป็นหุ้นพ่ออยู่
ทั้งๆที่ชื่อก็ลูกเป็นเจ้าของตามกม.

อยากทราบเหมือนกันครับ  :?
เหมือนเคยได้ยินว่าเป็นการจงใจขยายฐานภาษี
เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีจากเงินปันผล หรือเครดิตภาษีคืน

ถ้าปกติก็โอนได้ครับ แนะนำให้ทำโอนเป็นชื่อบุตร/ธิดา ไม่ให้รายได้เกินอัตราที่ต้องเสียภาษี หรือเสียในอัตราลดลง จะประหยัดภาษีได้พอสมควรครับ

มีใครเคยประสบปัญหาจริงๆบ้างไหมครับ

[Green]

picklife
Posted: Tue Mar 02, 2010 10:08 am    Post subject:  

--------------------------------------------------------------------------------

อ่าวหรอครับ????

ผมว่าลูกเปิดพอร์ทใหม่ โอนหุ้นเข้าไปก็เป็นสิทขาดของลูกแล้วนี่ครับไม่เกี่ยวกับเราแล้วครับ ไม่ต่างจากการโอนเงินนี่ครับ ผมยังโอนไปๆมาๆกับพี่ๆบ่อยๆเลย โอนให้ผมเพราะผมเคยฝากซื้อ โอนให้พี่เป็นของขวัญงานแต่ง โอนระหว่างตัวเองคนละบล. และในบล.แต่ต่างบัญชี ก็ไม่เห้นจะมีอะไรนี่ครับ????

ส่วนในเรื่องการที่เราเทรดเองสบายมากครับ เราก็เอาเลขบัญชีรหัสและpinของลูกเรามาก็เทรดได้แล้วครับ....เพื่อนผมเล่นไปเป็นแต่อยากเล่น ผมก็เทรดให้ครับ 2-3คน (เทรดแบบฟรีๆนะครับ) ก็เทรดได้ครับสบายมากครับ

ตามความเข้าใจของผมนะ

การโอนหุ้น มันไม่เหมือนกับการที่เราซื้อขายเอากันในตลาดฯ  ซื้อขายในตลาดฯ นั้นกำไรไม่ต้องเสียภาษี  แต่การโอนหุ้นให้มาให้เรานั้น เราก็จะต้องนำมาบันทึกเป็นรายได้ นอกจากว่า เป็นการโอนให้ตามกรณีดังต่อไปนี้

1. ถ้าให้ลูกก็สามารถบอกให้ว่าเป็นมรดกได้ เพราะเราไม่เสียภาษีมรดก
2. ถ้าให้พี่เป็นของขวัญแต่งงาน ก็บอกว่าให้ตามประเพณีไทย ยังอนุโลมได้

แต่ต้องอยู่ใต้เงื่อนไขที่สมเหตุสมผล
เช่น ให้พี่เป็นของขวัญ ตามประเพณีไทย ถ้าให้เป็น ล้านๆ สรรพากรมองว่าไม่สมควร คุณอาจถูกสั่งให้เอามาเป็นรายได้ของคุณได้ นะครับ เช่น คุณหญิงอ้อ ให้พี่ชาย เป็นพันๆ ล้าน อันนี้ก็โดนถูกสั่งให้เอามารวมเป็นรายได้ประจำปี เสียภาษีตามปกติครับ

จริงๆ ถ้าเราจะเอากันตามกฏ เป๊ะๆ ผมว่า บัญชีใคร บัญชีมันดีกว่าครับ ไม่ควรโอนข้ามกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่คนโน้น คนนี้ ทั้งที่เป็น ญาติ และไม่ใช่ ญาติมาฝากซื้อในบัญชีเรา และโอนเงินมาให้เรา และเราซื้อแล้ว โอนกลับไปให้เขา  

หากสรรพากรตรวจเจอ เราจะชี้แจงลำบาก และ อาจจะเจอภาษีรายได้กันทั้งสองฝ่ายก็ได้นะครับ เพราะเข้าใจว่ากฎหมายไม่ได้มีข้อละเว้นในการที่ไม่ต้องเสียภาษีในกรณีเช่นนี้

[Oatarm]

แต่ต้องอยู่ใต้เงื่อนไขที่สมเหตุสมผล
เช่น ให้พี่เป็นของขวัญ ตามประเพณีไทย ถ้าให้เป็น ล้านๆ สรรพากรมองว่าไม่สมควร คุณอาจถูกสั่งให้เอามาเป็นรายได้ของคุณได้ นะครับ เช่น คุณหญิงอ้อ ให้พี่ชาย เป็นพันๆ ล้าน อันนี้ก็โดนถูกสั่งให้เอามารวมเป็นรายได้ประจำปี เสียภาษีตามปกติครับ

เส้นแบ่งอยู่ตรงไหน  ใครเป็นคนขีด  :roll:

[akekarat]

ยอมเสียค่าคอมสั่งซื้อขายกันเองระหว่างพ่อลูกในตลาดดีกว่าครับ
ผมก็ทำแบบนี้ มูลค่าหุ้น 5 ล้าน ซื้อ-ขาย กัน เสียค่าคอมทั้งหมด 0.15% ของ 10 ล้าน (ซื้อ 5 ขาย 5)
ทีนี้ก็ไม่มีปัญหาเรื่องภาษีแล้วครับ แต่ต้องยอมทำใจเสียค่าคอม หมื่นกว่า ๆ

[picklife]

[quote="[v]"]ผมให้ข้อสังเกตว่า

[นกน้อย]

สำหรับคนที่ทำไปแล้ว
โดยทั้งที่รู้และไม่รู้ควรทำอย่างไรครับ
หมายถึงแก้ไขให้ถูกต้องได้อย่างไรครับ
เพราะเข้าใจว่ามีผลย้อนหลังด้วย
เพราะหุ้นมันก็ปนกันไปแล้ว และมีประวัติการโอนระหว่างกันด้วย
อยากแก้ไขใหม่เพื่อความถูกต้อง
จะได้ไม่มีปัญหาในภายหลัง
จะต้องทำอย่างไรครับ

[Green]

เส้นแบ่งอยู่ตรงไหน  ใครเป็นคนขีด  

จริงๆ แล้วเรื่องนี้ นอกจาก ให้โดยตามประเพณีแล้ว " และ " คนที่ได้รับนั้น ยังจะต้อง ก็เข้าลักษณะเป็นการได้รับการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยาด้วย

ถ้าเข้าเงื่อนไขสองข้อนี้ ก็เข้าเกณฑ์ไม่ต้องเอาหุ้นที่ได้โอนมาไปเสียภาษีรายได้ครับ

ส่วนเส้นแบ่งตรงไหน ใครเป็นคนขีดครับ นั้นเข้าใจว่า สรรพากรเมื่อตรวจพบแล้วจะเรียกเก็บภาษีเราเพิ่มขึ้น หากเราไม่เห็นด้วย ก็ต้องอุทธรณ์ และ ไปตัดสินกันที่ศาลเอา หากกรณีของคุณ นั้นสามารถ Refer ได้ใน case ที่เคยเกิดขึ้นและตัดสินไปแล้ว ก็น่าจะผลลัพธ์ ออกเหมือนเดิม

ทางที่ดี คือศึกษากฏหมาย แล้วพยายาม หลีกเลี่ยงไม่ได้กระทำผิดครับ เพราะหากเราทำไปแล้ว อ้างว่า ไม่รู้ ก็ไม่ได้ ด้วย[/b]

[f.escape]

ถ้าขอคืนเครดิตภาษีในนามลูก
ในปีนั้นจะเอาลูกมาหักลดหย่อนบุตรไม่ได้นะคะ

[fantasia]

โอนได้เลยครับ
พ่อแม่โอนทรัพย์สินให้ลูกเข้าข่ายให้โดยเสน่หาทุกกรณีครับ
อย่าสับสนกับกรณีปกปิดทรัพย์สินครับ
อันนั้นโอนไปไว้ในชื่อลูกแต่ไม่ได้ตั้งใจจะให้จริง

[KB]

[quote="[v]"]http://www.thairath.co.th/content/pol/67696
นางสาวพินทองทา ชินวัตร

เอม-พินทองทา ทำใจลำบาก

[[v]]

[quote="picklife"][quote="[v]"]ผมให้ข้อสังเกตว่า

[Pallas]

ตามความเข้าใจของผม ถ้าโอนหุ้นให้คนอื่น ในทางภาษีจะถือว่าเป็นเงินได้พึงประเมินของผู้รับ อย่างไรก็ตาม กรณีโอนให้ลูก สามารถยกเว้นภาษีได้ โดยบอกว่า เป็นเงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา เงินได้ที่ได้รับจากการรับมรดก หรือจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี (ม.42 ในประมวลรัษฎากร)ครับ

อย่างไรก็ตาม กรณีของอดีตนายกฯนั้น ปัญหาคือ ไม่ได้เป็นการโอนกันจริงๆ แต่เป็นการอำพรางนิติกรรม โดยผู้ถือหุ้นตัวจริงยังคงเป็นอดีตนายกฯกับภรรยา รายละเอียดสามารถอ่านได้จากคำฟ้องของอัยการ และคำพิพากษาของศาล เพราะขั้นตอนที่ทำมีพิรุธชัดเจน ไม่งั้นคงไม่มีมติของศาลในเรื่องนี้ออกมาเป็นเอกฉันท์หรอกครับ พิรุธเช่น การจ่ายเช็คคืนหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีการจ่ายเท่ากับปันผลที่ได้รับ แต่เกินยอดหนี้ เลยขีดฆ่าแก้ไขเป็นตัวเลขไม่เกินยอดหนี้, หรือตั๋วสัญญาใช้เงินที่ทำขึ้น เขียนชื่อเจ้าหนี้เป็นคุณหญิงพจมาน แต่ ณ วันที่บนตั๋ว ยังไม่ได้เป็นคุณหญิงเลย (ส่อพิรุธว่าจัดทำขึ้นภายหลัง) ฯลฯ

กรณีของคุณ suirya หากจะโอนให้ลูกสาวจริงๆแล้ว คงไม่มีปัญหาอะไร แต่หากโอนเพียงเพื่อเลี่ยงภาษีตนเอง ในอนาคตอาจเกิดปัญหาได้

การโอนไม่จริง สามารถดูได้จากหลายวิธี วิธีหนึ่งคือดูว่า เงินปันผลเข้าบัญชีใคร หากเงินปันผลเข้ามา 100,000 บาท แล้วลูกสาวก็โอนเงินมาให้พ่อเลย 100,000 บาททันที ก็น่าสงสัยว่าเป็นการถือหุ้นแทนพ่อ มากกว่าการโอนเงินจริงๆ

ความเห็นของผมคือ ถ้าต้องการโอนหุ้นให้ลูกสาวจริงๆ ก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ โอนได้เลย จะได้เป็นโอกาสที่สอนให้ลูกเรียนรู้เรื่องการลงทุนด้วย แต่อย่าทำด้วยเหตุผลการเลี่ยงภาษีด้วยการถือหุ้นแทนเลยครับ

[wisut]

บุตรควรมีอายุเท่าไรครับ  จึงจะสามารถโอนหุ้นได้

[Pallas]

ผมว่าก็ควรจะให้บรรลุนิติภาวะก่อนนะครับ เพราะถ้าต่ำกว่านั้น เมื่อบุตรถือหุ้นมีเงินได้จากเงินปันผล หากมากกว่า 15,000 บาทต่อปี พ่อแม่จะหักค่าลดหย่อนบุตรไม่ได้แล้วนะครับ อีกอย่างบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ การทำนิติกรรมก็ต้องผ่านความเห็นชอบจากบิดามารดา ดังนั้น ในที่สุดผมคิดว่า ก็ไม่ต่างอะไรกับพ่อแม่ถือหุ้นอยู่ดีครับ

อ้อ ต้องบอกก่อนว่า ผมไม่ใช่นักกฎหมายนะครับ เป็นเพียงความเห็นของผู้สนใจเท่านั้น หากจะทำจริงและยอดเงินสูง แนะนำให้ปรึกษากับนักกฎหมายภาษีก่อนครับ

[wisut]

เคยฟัง ดร. สุวรรณ  คุยกับ ดร.นิเวศ

บุตรอายุเพียง 17 ปี ก็สามารถโอนหุ้นให้ถือได้แล้ว เพื่อกระจายฐานภาษี

และรับเครดิตภาษีเพิ่มขึ้น


ปล......ไม่แน่ใจข้อกฎหมายว่าทำได้จริงหรือไม่

ปล.......อยากทำใจจะขาด  แต่กลัวๆอยู่

[landrover54]

พอร์ทหุ้น ปกติก็ไม่โอนให้ลูกจริงๆ อยู่แล้วครับ ที่โอนไปไว้ในชื่อลูก ก็เพื่อประโยชน์ทางภาษี

ลูกอายุยังน้อย เราดูแลให้เค้าไปก่อน ถ้าหุ้นตัวไหนดี/ไม่ดี หรือพื้นฐานเปลี่ยนไป เราก็สั่งซื้อ/ขาย ในชื่อเค้า ดูแลให้เค้าไปก่อน

แต่ถ้าให้ไปเลย ตั้งแต่อายุยังน้อย ให้เค้า ซื้อเอง ขายเอง หรือนำปันผลไปใช้จ่าย เกิดใช้จ่ายผิดที่ผิดทาง หรือเกินตัวมากๆ เดี๋ยวจะมีปัญหาได้ครับ

ยังไงก็ต้องดูแลให้เค้าไปก่อน วันนึงเราไม่อยู่ ทั้งหมดก็เป็นของลูกๆ กับแม่อยู่แล้ว

[DevilCupid]

ผมกำลังจะเปิดหุ้นเป็นชื่อแม่แทน เพราะแม่ไม่มีรายได้ จะได้เครดิตภาษี
และผมเป็นลูกคนเดียว สุดท้ายพอผมไม่ทำงานแล้ว แม่จะโอนมาให้ผมเพราะเสน่ห์หาก็น่าจะได้ใช่มั้ยครับ  :lol:

[Green]

ศาสตราจารย์ไพจิตร โรจนวานิช อดีตอธิบดีกรมสรรพากรมีความเห็นไว้ในตำราคำอธิบายประมวลรัษฎากรว่า ถ้าให้กันเป็นจำนวนมากๆในวาระดังกล่าว จะเป็นการชอบด้วยขนบธรรมเนียมประเพณีหรือไม่ซึ่งมีการนำเรื่องขึ้นสู่ศาล โดยเจ้าพนักงานประเมินภาษีได้แจ้งการประเมินเรียกเก็บภาษีจากการให้เงินในโอกาสดังกล่าวจำนวนมากๆซึ่งศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เป็นเงินได้จากการอื่นที่ไม่ได้รับการยกเว้นภาษี

ศาสตราจารย์ไพจิตร ยกคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1680/2517 ซึ่งวินิจฉัยไว้ว่า การที่โจทก์(มารดา)ยกที่ดินให้จำเลย(บุตร) เป็นการให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยาหรือไม่ พิเคราะห์แล้วปรากฏว่า ขณะโจทก์ยกที่ดินให้จำเลยนั้น จำเลยมีอาชีพและครอบครัวเป็นหลักฐานแล้ว ไม่อยู่ในสภาพที่โจทก์ผู้เป็นมารดา มีหน้าที่ตามธรรมจรรยาที่จะต้องอุปการะ ทั้งที่ดินก็เป็นจำนวนมากราคาสูง จึงมิใช่เป็นการให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยา

http://news.sanook.com/scoop/scoop_291956.php

อันนี้เป็นเรื่องโอนที่ดิน แม่ให้ลูก แต่ราคาแพงมาก ก็ยังต้องเสียภาษี อ่านแล้วงงๆ ไม่รู้ในกรณี โอนหุ้นจะเป็นแบบนี้หรือไม่

แต่ถ้าเราไม่ได้ทำงาน ผลอาจจะเป็นอีกอย่างหรือป่าว ???

[ace]

โอนได้เลยครับ
พ่อแม่โอนทรัพย์สินให้ลูกเข้าข่ายให้โดยเสน่หาทุกกรณีครับ
อย่าสับสนกับกรณีปกปิดทรัพย์สินครับ
อันนั้นโอนไปไว้ในชื่อลูกแต่ไม่ได้ตั้งใจจะให้จริง

ถามอีกนิดครับ แล้วเค้าใช้อะไรตัดสินครับว่าไม่ได้ตั้งใจจะให้จริง จะได้ระวังไว้ แหะๆ