ตลาดรถยนต์Q 2 ยังพุ่งแรง
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4886
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดรถยนต์Q 2 ยังพุ่งแรง
โพสต์ที่ 1
ขณะที่ความวุ่นวายทางการเมืองส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย แต่สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์กลับฟื้นตัวขึ้นสวนกระแส ยอดส่งออกดีดกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว และในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2553 ยังมีแนวโน้มที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม บริษัทรถยนต์ทุกรายยังมีความกังวลว่า หากยังมีการชุมนุมทางการเมืองต่อเนื่องไปอีก 1-2 เดือน จะส่งผลกระทบทางอ้อมไปถึงยอดขายในช่วงไตรมาส 3
+++โตโยต้ามั่นใจตลาดโต 6.5แสนคัน
สำหรับค่ายรถยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ของไทย ยังมองว่า ตลาดรถยนต์ของไทยยังมีปัจจัยที่เกื้อหนุนให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยนายเคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ให้ความเห็นว่า ปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองของไทยไม่มีผลกระทบกับอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ ยังมีความเชื่อมั่นว่า ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของปี 2553 จะทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่ 650,000 คัน ไม่ว่าจะเป็นรถกระบะ ที่เติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2552 และเติบโตต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา เนื่องจากพืชผลทางการเกษตรมีราคาสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ยางพารา อ้อย มันสำปะหลัง ขณะที่ตลาดรถยนต์นั่ง มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเกินความคาดหมาย มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ นอกจากนี้ ในด้านของการส่งออกรถยนต์ก็เติบโตมากขึ้นด้วย
"แต่ หากการชุมนุมยืดเยื้อไปนานกว่านี้ จนถึงไตรมาส 2 -3 อาจกระทบถึงเศรษฐกิจของประเทศไทย เนื่องจากต่างชาติไม่กล้าเข้ามาท่องเที่ยว ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์สำหรับภาคธุรกิจนี้อาจลดลงตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้หลายๆบริษัทประสบปัญหาส่งมอบรถไม่ทันกับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะยอดจองรถจำนวนมากภายในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ ตัวอย่างเช่น นิสสัน มาร์ช มียอดจองมากจนลูกค้าต้องรอนานไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือแม้แต่รถโตโยต้า บางรุ่นยังต้องนาน 1-2 เดือน"
+++นิสสัน มาร์ช จองล้นถึงก.พ. 54
ทางด้านค่ายนิสสัน ที่เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์ในวงการรถยนต์ ด้วยการเปิดตัวอีโคคาร์คันแรกของไทย และมียอดจองร้อนแรงเกินคาดหมาย ยังมีความกังวลเล็กน้อยว่า ตลาดรถยนต์อาจไม่ร้อนแรงอย่างนี้ตลอดไป โดย นายประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ อาวุโส การตลาดและขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แม้ตลาดรถยนต์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2553 ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่มาช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวมาสด้า 2 รุ่นซีดาน 4 ประตู ขณะที่ค่ายนิสสันก็เปิดตัวอีโคคาร์คันแรกของไทยในชื่อ นิสสัน มาร์ช และจะมีการส่งมอบรถ รุ่นเกียร์ซีวีที ให้กับลูกค้า ตั้งแต่ ในเดือนมิถุนายนปีนี้ ซึ่งปัจจุบันมียอดจองนานไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2554 แล้ว
"อย่างไรก็ตาม ตลาดรถยนต์ในช่วงไตรมาส 2 ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายทางการเมืองที่ขยายวงมากขึ้น และหากยังไม่จบลงโดยเร็ว จะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงตลาดรถยนต์ในช่วงไตรมาส 3 ให้ปรับตัวลดลงอย่างมาก"
+++บริษัทรถต่างชาติยังลุยต่อ
ความวุ่นวายทางการเมือง ทำให้เกิดคำถามว่า บริษัทรถยนต์ต่างชาติจะตกใจและชะลอการลงทุนหรือไม่ ซึ่งในเรื่องนี้ นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ยืนยันว่า ต่างชาติยังลงทุนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ฟอร์ด มอเตอร์ ยังมีแผนการลงทุนสร้างโรงงานประกอบรถยนต์แห่งใหม่ โดยย้ายฐานการผลิตรถยนต์นั่งจากฟิลิปปินส์มายังประเทศไทย เนื่องจากตลาดรถยนต์ของฟิลิปปินส์มียอดขายเพียงปีละ 100,000-200,000 คัน แต่หากย้ายฐานมาไทย จะมีกำลังการผลิตปีละ 100,000 คัน โดยตลาดรถยนต์ของไทยมีขนาดใหญ่กว่า ยอดขายปีละ 600,000 คัน
"ค่ายรถยนต์รายอื่นๆยังมีการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ฮอนด้า ซูซูกิ มิตซูบิชิ และโตโยต้า ก็พยายามจะเร่งพัฒนาอีโคคาร์ให้เร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิม เนื่องจากเล็งเห็นว่า ตลาดให้การยอมรับอีโคคาร์ อีกทั้งแนวโน้มของตลาดโลกเริ่มนิยมใช้รถขนาดเล็กประหยัดพลังงาน"
+++ไทยฐานผลิต อีโคคาร์-ปิกอัพ
เนื่องจากไทยมีการวางรากฐานอุตสาหกรรมยานยนต์มาเป็นเวลานาน จึงมีความมั่นใจว่า ความวุ่นวายทางการเมืองไม่มีผลต่อการลงทุนในระยะยาว โดยนายวัลลภ เตียศิริ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ ระบุว่า บริษัทรถยนต์ต่างชาติไม่มีการยกเลิกการลงทุนผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงาน (อีโคคาร์) ที่มีเม็ดเงินลงทุนรวม 67,000 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทรถยนต์ยังเตรียมผลิตรถปิกอัพรุ่นใหม่ โมเดลเชนจ์ เนื่องจากไทยกำหนดมาตรฐานมลพิษใหม่เพิ่มจาก ยูโร 3 เป็น ยูโร 4 ตั้งแต่ 1 มกราคม 2555 ทำให้ผู้ผลิตรถปิกอัพเตรียมพัฒนารถปิกอัพรุ่นใหม่และเครื่องยนต์ใหม่กันอย่างคึกคัก ล่าสุด จีเอ็ม ประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 16,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนารถปิกอัพขนาด 1 ตัน แบรนด์เชฟโรเลต รวมทั้งก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซลแห่งใหม่"
"โดยสภาพรวมของอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยยังมีอนาคตที่สดใส เนื่องจากมีศักยภาพในการผลิตที่ดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก แต่ความวุ่นวายทางการเมืองที่ยืดเยื้อเกินขอบเขต เป็นสิ่งที่บั่นบอนขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดโลก"
http://www.thannews.th.com/index.php?op ... Itemid=452
+++โตโยต้ามั่นใจตลาดโต 6.5แสนคัน
สำหรับค่ายรถยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ของไทย ยังมองว่า ตลาดรถยนต์ของไทยยังมีปัจจัยที่เกื้อหนุนให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยนายเคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ให้ความเห็นว่า ปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองของไทยไม่มีผลกระทบกับอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ ยังมีความเชื่อมั่นว่า ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของปี 2553 จะทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่ 650,000 คัน ไม่ว่าจะเป็นรถกระบะ ที่เติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2552 และเติบโตต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา เนื่องจากพืชผลทางการเกษตรมีราคาสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ยางพารา อ้อย มันสำปะหลัง ขณะที่ตลาดรถยนต์นั่ง มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเกินความคาดหมาย มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ นอกจากนี้ ในด้านของการส่งออกรถยนต์ก็เติบโตมากขึ้นด้วย
"แต่ หากการชุมนุมยืดเยื้อไปนานกว่านี้ จนถึงไตรมาส 2 -3 อาจกระทบถึงเศรษฐกิจของประเทศไทย เนื่องจากต่างชาติไม่กล้าเข้ามาท่องเที่ยว ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์สำหรับภาคธุรกิจนี้อาจลดลงตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้หลายๆบริษัทประสบปัญหาส่งมอบรถไม่ทันกับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะยอดจองรถจำนวนมากภายในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ ตัวอย่างเช่น นิสสัน มาร์ช มียอดจองมากจนลูกค้าต้องรอนานไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือแม้แต่รถโตโยต้า บางรุ่นยังต้องนาน 1-2 เดือน"
+++นิสสัน มาร์ช จองล้นถึงก.พ. 54
ทางด้านค่ายนิสสัน ที่เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์ในวงการรถยนต์ ด้วยการเปิดตัวอีโคคาร์คันแรกของไทย และมียอดจองร้อนแรงเกินคาดหมาย ยังมีความกังวลเล็กน้อยว่า ตลาดรถยนต์อาจไม่ร้อนแรงอย่างนี้ตลอดไป โดย นายประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ อาวุโส การตลาดและขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แม้ตลาดรถยนต์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2553 ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่มาช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวมาสด้า 2 รุ่นซีดาน 4 ประตู ขณะที่ค่ายนิสสันก็เปิดตัวอีโคคาร์คันแรกของไทยในชื่อ นิสสัน มาร์ช และจะมีการส่งมอบรถ รุ่นเกียร์ซีวีที ให้กับลูกค้า ตั้งแต่ ในเดือนมิถุนายนปีนี้ ซึ่งปัจจุบันมียอดจองนานไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2554 แล้ว
"อย่างไรก็ตาม ตลาดรถยนต์ในช่วงไตรมาส 2 ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายทางการเมืองที่ขยายวงมากขึ้น และหากยังไม่จบลงโดยเร็ว จะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงตลาดรถยนต์ในช่วงไตรมาส 3 ให้ปรับตัวลดลงอย่างมาก"
+++บริษัทรถต่างชาติยังลุยต่อ
ความวุ่นวายทางการเมือง ทำให้เกิดคำถามว่า บริษัทรถยนต์ต่างชาติจะตกใจและชะลอการลงทุนหรือไม่ ซึ่งในเรื่องนี้ นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ยืนยันว่า ต่างชาติยังลงทุนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ฟอร์ด มอเตอร์ ยังมีแผนการลงทุนสร้างโรงงานประกอบรถยนต์แห่งใหม่ โดยย้ายฐานการผลิตรถยนต์นั่งจากฟิลิปปินส์มายังประเทศไทย เนื่องจากตลาดรถยนต์ของฟิลิปปินส์มียอดขายเพียงปีละ 100,000-200,000 คัน แต่หากย้ายฐานมาไทย จะมีกำลังการผลิตปีละ 100,000 คัน โดยตลาดรถยนต์ของไทยมีขนาดใหญ่กว่า ยอดขายปีละ 600,000 คัน
"ค่ายรถยนต์รายอื่นๆยังมีการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ฮอนด้า ซูซูกิ มิตซูบิชิ และโตโยต้า ก็พยายามจะเร่งพัฒนาอีโคคาร์ให้เร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิม เนื่องจากเล็งเห็นว่า ตลาดให้การยอมรับอีโคคาร์ อีกทั้งแนวโน้มของตลาดโลกเริ่มนิยมใช้รถขนาดเล็กประหยัดพลังงาน"
+++ไทยฐานผลิต อีโคคาร์-ปิกอัพ
เนื่องจากไทยมีการวางรากฐานอุตสาหกรรมยานยนต์มาเป็นเวลานาน จึงมีความมั่นใจว่า ความวุ่นวายทางการเมืองไม่มีผลต่อการลงทุนในระยะยาว โดยนายวัลลภ เตียศิริ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ ระบุว่า บริษัทรถยนต์ต่างชาติไม่มีการยกเลิกการลงทุนผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงาน (อีโคคาร์) ที่มีเม็ดเงินลงทุนรวม 67,000 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทรถยนต์ยังเตรียมผลิตรถปิกอัพรุ่นใหม่ โมเดลเชนจ์ เนื่องจากไทยกำหนดมาตรฐานมลพิษใหม่เพิ่มจาก ยูโร 3 เป็น ยูโร 4 ตั้งแต่ 1 มกราคม 2555 ทำให้ผู้ผลิตรถปิกอัพเตรียมพัฒนารถปิกอัพรุ่นใหม่และเครื่องยนต์ใหม่กันอย่างคึกคัก ล่าสุด จีเอ็ม ประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 16,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนารถปิกอัพขนาด 1 ตัน แบรนด์เชฟโรเลต รวมทั้งก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซลแห่งใหม่"
"โดยสภาพรวมของอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยยังมีอนาคตที่สดใส เนื่องจากมีศักยภาพในการผลิตที่ดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก แต่ความวุ่นวายทางการเมืองที่ยืดเยื้อเกินขอบเขต เป็นสิ่งที่บั่นบอนขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดโลก"
http://www.thannews.th.com/index.php?op ... Itemid=452
- MYBIZ
- Verified User
- โพสต์: 888
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดรถยนต์Q 2 ยังพุ่งแรง
โพสต์ที่ 2
ว่าแต่ตัวไหนมั่งครับคุณพี่ ROCKER ผมจะได้ไปศึกษาหน่อย อิอิๆๆเล่นหุ้นให้กําไรดี ต้อง เล่นหุ้นที่ EPS โตเยอะๆ PE ตํ่าๆ มีข่าวดีทยอยออก หากมี Surpriseด้วยยิ่งดี พร้อมมีสภาพคล่อง
จุดหมายปลายทาง อาจไม่ใช่ที่สุดของความงดงาม