ในที่สุดน้อง PLE ก็หอบเงินกลับมาจากดูไบ ได้แล้ว
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในที่สุดน้อง PLE ก็หอบเงินกลับมาจากดูไบ ได้แล้ว
โพสต์ที่ 2
เจี๊ยกกกก ไม่ได้ดูนานทำไมกำไรมันโตขนาดเนียะเนี๊ยะvipantae เขียน:ปีนี้ฟื้นตัวกลับเป็นกำไรได้
กำไร Q1 esp0.29
pe=1.0
เอ...ทำไมROEยังติดลบละครับ งง
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
-
- Verified User
- โพสต์: 171
- ผู้ติดตาม: 0
ในที่สุดน้อง PLE ก็หอบเงินกลับมาจากดูไบ ได้แล้ว
โพสต์ที่ 3
ไตรมาส 1 กำไร 200 ล้านบาท จากรายการพิเศษครับ (จากการขายที่ดิน 50 ล้าน และหนี้ที่ได้ตัดสูญไว้ปีที่แล้ว เก็บคืนมาได้ 150 ล้านบาทครับ )ไตรมาสหน้าอาจจะขาดทุนก็ได้ครับ ยังไม่เรียกว่าฟื้นแบบชัดเจน
ในงบการเงินส่วนที่ 3 มีส่วนที่เกี่ยวกับคดีความที่ยังไม่ได้สำรองว่าคดีจะแพ้เอาไว้อีกเยอะเหมือนกันครับครับ ยังงัยอยากให้พี่ๆ น้องๆ ระมัดระวังในการลงทุนหุ้นตัวนี้ครับ ส่วนตัวผมเองมีติดไว้บ้าง เล็งเอาไว้ตั้งแต่ 1.4 เมื่อปีกลาย พอลงมาเหลือ 1.00 เลยซื้อไว้นิดเดียว เอาไว้ตามดูครับ แต่ตอนที่อ่านงบการเงินมันแปลกๆ ครับ ผู้สอบบัญชีเองก็มีข้อสังเกตในงบเอาไว้ด้วย มีโอกาส ลับ ลวง พราง สูงครับ..
ด้วยความปรารถนาดีครับ..
ในงบการเงินส่วนที่ 3 มีส่วนที่เกี่ยวกับคดีความที่ยังไม่ได้สำรองว่าคดีจะแพ้เอาไว้อีกเยอะเหมือนกันครับครับ ยังงัยอยากให้พี่ๆ น้องๆ ระมัดระวังในการลงทุนหุ้นตัวนี้ครับ ส่วนตัวผมเองมีติดไว้บ้าง เล็งเอาไว้ตั้งแต่ 1.4 เมื่อปีกลาย พอลงมาเหลือ 1.00 เลยซื้อไว้นิดเดียว เอาไว้ตามดูครับ แต่ตอนที่อ่านงบการเงินมันแปลกๆ ครับ ผู้สอบบัญชีเองก็มีข้อสังเกตในงบเอาไว้ด้วย มีโอกาส ลับ ลวง พราง สูงครับ..
ด้วยความปรารถนาดีครับ..
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ในที่สุดน้อง PLE ก็หอบเงินกลับมาจากดูไบ ได้แล้ว
โพสต์ที่ 4
ผมลองเข้าไปดูงบมันมีกำไรจาก หนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ (โอนกลับ)vipantae เขียน:ปีนี้ฟื้นตัวกลับเป็นกำไรได้
กำไร Q1 esp0.29
pe=1.0
152ล้าน ซึ่งมาจากการตามทวงหนี้เดิมได้ ซึ่งหากตัดกำไรตรงนี้ออกไป
ผมคิดแบบคร่าวๆจะเหลือeps=0.05
ทั้งปีก็เป็น0.05*4=0.2
PE=1.10/0.2=5.5
ซึ่งถ้าไตรมาสต่อๆไปยังคงทำกำไรได้เหมือนเดิมผมว่าก็พอได้ได้นะครับแต่ผมมีการบ้านที่ต้องหาสองข้อคือ
1.ทำไมปีก่อนบ.ถึงมีหนี้สูญเยอะมากและมีมาเรื่อยๆ ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่งงบให้ดูไม่ดีหรือว่าสูญจริงๆ แล้วq2-4ปีนี้จะมีหนี้สูญเพิ่มขั้นอีกไหม?
2.รู้สึกอ่านๆคร่าวๆปีนี้จะไม่นับรวมบริษัทลูกบางบริษัทเพราะส่งงบไม่ทันหรืออะไรนี่แหละ ดังนั้นผมก้ไม่รู้ว่าถ้านับรวมแล้วงบการเงินจะลดลงอีกไหม เพราะเห็นงบการเงินเฉพาะกิจการมันกำไรมากกว่างบการเงินรวม
ปล.เพื่อนๆหรือเซียนท่านใดรู้ช่วยชี้แจงทีครับ ผมมะเข้าใจครับ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
ในที่สุดน้อง PLE ก็หอบเงินกลับมาจากดูไบ ได้แล้ว
โพสต์ที่ 5
ขอบคุณครับPinky เขียน:ไตรมาส 1 กำไร 200 ล้านบาท จากรายการพิเศษครับ (จากการขายที่ดิน 50 ล้าน และหนี้ที่ได้ตัดสูญไว้ปีที่แล้ว เก็บคืนมาได้ 150 ล้านบาทครับ )ไตรมาสหน้าอาจจะขาดทุนก็ได้ครับ ยังไม่เรียกว่าฟื้นแบบชัดเจน
ในงบการเงินส่วนที่ 3 มีส่วนที่เกี่ยวกับคดีความที่ยังไม่ได้สำรองว่าคดีจะแพ้เอาไว้อีกเยอะเหมือนกันครับครับ ยังงัยอยากให้พี่ๆ น้องๆ ระมัดระวังในการลงทุนหุ้นตัวนี้ครับ ส่วนตัวผมเองมีติดไว้บ้าง เล็งเอาไว้ตั้งแต่ 1.4 เมื่อปีกลาย พอลงมาเหลือ 1.00 เลยซื้อไว้นิดเดียว เอาไว้ตามดูครับ แต่ตอนที่อ่านงบการเงินมันแปลกๆ ครับ ผู้สอบบัญชีเองก็มีข้อสังเกตในงบเอาไว้ด้วย มีโอกาส ลับ ลวง พราง สูงครับ..
ด้วยความปรารถนาดีครับ..
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
-
- Verified User
- โพสต์: 171
- ผู้ติดตาม: 0
ในที่สุดน้อง PLE ก็หอบเงินกลับมาจากดูไบ ได้แล้ว
โพสต์ที่ 6
พอดีติดงาน ตะกี้เลยโพสได้ไม่มาก ตอนนี้ว่างแล้วครับ พอดีผมได้สนใจหุ้นตัวนี้อยู่บ้าง เนื่องจากเห็นว่า p/b ต่ำ แม้ว่าจะมีการเพิ่มทุนไว้แล้วก็ตาม ผมตั้งขอสังเกตเป้นข้อๆ ไว้ ดังต่อไปนี้ครับ ด้วยความรู้ผมไม่มาก หากผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
1. ราคาปิดต่ำสุดในประวัติศาสตร์ อยู่ที่ 0.94 บาท เมื่อ 1 ธันวาคม 2551
2. สินทรัพย์หมุนเวียนกับหนี้สินหมุนเวียนสูสีกันมาก ผมว่าอาจจะมีปัญหาขาดสภาพคล่องได้ง่ายครับ
3. ขณะนี้ประเมินโดยคร่าว มูลค่าทางบัญชีอยู่ที่ 2.60 บาทต่อหุ้น และกำไรไตรมาสแรกอยู่ที่ 0.29 บาทต่อหุ้น ปัจจุบัน P/E อยู่ที่ 3.8 P/B 0.42 (ซึ่ง P/E นี้น่าจะต้องมีการดูกันยาวๆ)
4. คิดว่างบการเงินมีการโยกย้ายกำไร เพราะปีที่แล้ว มีการตั้งสำรองหนี้สูญไว้ประมาณ 1000 ล้านบาท ทั้งๆที่ส่วนของผุ้ถือหุ้นเมื่อสิ้นปี 2551 มีเพียง 2700 ล้านเท่านั้น แล้วปีนี้ ในไตรมาสแรก โอนกลับมาแล้ว 150 ล้าน (ผมสงสัยว่าที่ผู้บริหารเคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่าปีนี้อาจจะเก็บหนี้ได้ 400-500 ล้าน จากที่ตัดหนี้สูญไว้ปีที่แล้ว ผมงงว่าปีที่แล้วทำไมรีบตัดหนี้สูญ ทำให้งบปีที่แล้วขาดทุนมหาศาล)
5. เพิ่งมีการเพิ่มทุน เมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2553 ในอัตราส่วน 1 : 1 ที่ราคา 1.00 บาท จำนวนหุ้นเดิมมีทั้งสิ้น 546 ล้านหุ้น ทว่ามีผู้ใช้สิทธิเพียง 266 ล้านหุ้น ดังนั้นจะมีผู้ถือหุ้นครึ่งนึง ที่ไม่ได้ใช้สิทธิ ในกลยุทธ์นี้เป็นการ "เจือจาง" หุ้น ให้เจ้าของหุ้นซึ่งมีเงินมากกว่ารายย่อย สามารถเก็บหุ้นได้มากขึ้นในเวลาอันสั้น และปัจจุบัน มีหุ้นเพิ่มขึ้น จาก 546 ล้านหุ้นเป็น 812 ล้านหุ้น
6. หุ้นตัวนี้ เนื้อแท้แล้วมีปัญหามาก มีการฟ้องร้อง และเป็นคดีความมากมาย และหลายคดีรอวันระเบิดออกมา ผมไม่สามารถทราบรายละเอียดแต่ละคดีได้ ทราบแต่จากการอ่านงบการเงินว่า ยังมิได้สำรองหนี้สูญหรือค่าเสียหายในคดีแต่อย่างใด และผมก็ไม่ทราบว่าคดีไหนจะเป็นบวกหรือลบกับหุ้นตัวนี้ในอนาคต
7. กำไรที่โดดเด่นในไตรมาส 1/53 มาจากการขายที่ดิน 50 ล้านบาท และการได้รับชำระหนี้ จากส่วนที่ได้ตัดหนี้สูญไปแล้ว อีกจำนวน 150 ล้านบาท รวมเปนประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งผมเห็นว่ามีความผิดปกติ เนื่องจากการบริหารงานย่อมรู้ว่าลูกหนี้คนไหนมีนิสัยอย่างไร และควรหรือไม่กับการจัดชั้นหนี้สูญมากมายขนาดนี้
8. หลังจากร่วมกับ ASCON ประมูลสัญญารถไฟฟ้า สายสีม่วง สัญญาที่ 3 มูลค่า 5,025 ล้านบาท และเพิ่งตั้งกิจการร่วมค้าเพื่อดำเนินการดังกล่าว เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2553 เมื่อ 27 มกราคม 2553 มีการให้ข่าวของผู้บริหารว่าปีนี้อาจจะมีรายได้เข้ามาร้อยละ 15 - 20 ของโครงการ ซึ่งหากแบ่งๆกันแล้ว ก็อาจจะมาลงที่ ple ซัก 500 ล้าน และจะบันทึกเป็นรายได้ของ PLE และ ASCON ได้ในราวไตรมาสที่ 2 (อันนี้มาจากผู้บริหาร ascon ออกข่าวไว้ ซึ่งผมว่าถ้ารับรู้รายได้ มันก็น่าจะพร้อมกัน)
สรุปคือ จะว่าฟื้นก็ไม่แน่ใจ แต่จะว่าไม่ฟื้นก็ไม่ใช่ ราคาก็เหวี่ยงตัว ผมเองซื้อติดไว้เล็กน้อย คิดว่าซื้อลอตเตอรี่ หวังว่าจะได้ผู้ผที่ท่านจะได้ประโยชน์จากข้อมูลที่ผมรวบรวมบ้างไม่มากก็น้อยครับ
อย่างไรก็ตาม อันนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคลนะครับ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดตัดสินใจก่อนลงทุนนะครับ
ด้วยความปรารถนาดีครับ..
1. ราคาปิดต่ำสุดในประวัติศาสตร์ อยู่ที่ 0.94 บาท เมื่อ 1 ธันวาคม 2551
2. สินทรัพย์หมุนเวียนกับหนี้สินหมุนเวียนสูสีกันมาก ผมว่าอาจจะมีปัญหาขาดสภาพคล่องได้ง่ายครับ
3. ขณะนี้ประเมินโดยคร่าว มูลค่าทางบัญชีอยู่ที่ 2.60 บาทต่อหุ้น และกำไรไตรมาสแรกอยู่ที่ 0.29 บาทต่อหุ้น ปัจจุบัน P/E อยู่ที่ 3.8 P/B 0.42 (ซึ่ง P/E นี้น่าจะต้องมีการดูกันยาวๆ)
4. คิดว่างบการเงินมีการโยกย้ายกำไร เพราะปีที่แล้ว มีการตั้งสำรองหนี้สูญไว้ประมาณ 1000 ล้านบาท ทั้งๆที่ส่วนของผุ้ถือหุ้นเมื่อสิ้นปี 2551 มีเพียง 2700 ล้านเท่านั้น แล้วปีนี้ ในไตรมาสแรก โอนกลับมาแล้ว 150 ล้าน (ผมสงสัยว่าที่ผู้บริหารเคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่าปีนี้อาจจะเก็บหนี้ได้ 400-500 ล้าน จากที่ตัดหนี้สูญไว้ปีที่แล้ว ผมงงว่าปีที่แล้วทำไมรีบตัดหนี้สูญ ทำให้งบปีที่แล้วขาดทุนมหาศาล)
5. เพิ่งมีการเพิ่มทุน เมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2553 ในอัตราส่วน 1 : 1 ที่ราคา 1.00 บาท จำนวนหุ้นเดิมมีทั้งสิ้น 546 ล้านหุ้น ทว่ามีผู้ใช้สิทธิเพียง 266 ล้านหุ้น ดังนั้นจะมีผู้ถือหุ้นครึ่งนึง ที่ไม่ได้ใช้สิทธิ ในกลยุทธ์นี้เป็นการ "เจือจาง" หุ้น ให้เจ้าของหุ้นซึ่งมีเงินมากกว่ารายย่อย สามารถเก็บหุ้นได้มากขึ้นในเวลาอันสั้น และปัจจุบัน มีหุ้นเพิ่มขึ้น จาก 546 ล้านหุ้นเป็น 812 ล้านหุ้น
6. หุ้นตัวนี้ เนื้อแท้แล้วมีปัญหามาก มีการฟ้องร้อง และเป็นคดีความมากมาย และหลายคดีรอวันระเบิดออกมา ผมไม่สามารถทราบรายละเอียดแต่ละคดีได้ ทราบแต่จากการอ่านงบการเงินว่า ยังมิได้สำรองหนี้สูญหรือค่าเสียหายในคดีแต่อย่างใด และผมก็ไม่ทราบว่าคดีไหนจะเป็นบวกหรือลบกับหุ้นตัวนี้ในอนาคต
7. กำไรที่โดดเด่นในไตรมาส 1/53 มาจากการขายที่ดิน 50 ล้านบาท และการได้รับชำระหนี้ จากส่วนที่ได้ตัดหนี้สูญไปแล้ว อีกจำนวน 150 ล้านบาท รวมเปนประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งผมเห็นว่ามีความผิดปกติ เนื่องจากการบริหารงานย่อมรู้ว่าลูกหนี้คนไหนมีนิสัยอย่างไร และควรหรือไม่กับการจัดชั้นหนี้สูญมากมายขนาดนี้
8. หลังจากร่วมกับ ASCON ประมูลสัญญารถไฟฟ้า สายสีม่วง สัญญาที่ 3 มูลค่า 5,025 ล้านบาท และเพิ่งตั้งกิจการร่วมค้าเพื่อดำเนินการดังกล่าว เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2553 เมื่อ 27 มกราคม 2553 มีการให้ข่าวของผู้บริหารว่าปีนี้อาจจะมีรายได้เข้ามาร้อยละ 15 - 20 ของโครงการ ซึ่งหากแบ่งๆกันแล้ว ก็อาจจะมาลงที่ ple ซัก 500 ล้าน และจะบันทึกเป็นรายได้ของ PLE และ ASCON ได้ในราวไตรมาสที่ 2 (อันนี้มาจากผู้บริหาร ascon ออกข่าวไว้ ซึ่งผมว่าถ้ารับรู้รายได้ มันก็น่าจะพร้อมกัน)
สรุปคือ จะว่าฟื้นก็ไม่แน่ใจ แต่จะว่าไม่ฟื้นก็ไม่ใช่ ราคาก็เหวี่ยงตัว ผมเองซื้อติดไว้เล็กน้อย คิดว่าซื้อลอตเตอรี่ หวังว่าจะได้ผู้ผที่ท่านจะได้ประโยชน์จากข้อมูลที่ผมรวบรวมบ้างไม่มากก็น้อยครับ
อย่างไรก็ตาม อันนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคลนะครับ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดตัดสินใจก่อนลงทุนนะครับ
ด้วยความปรารถนาดีครับ..
- doodeemak
- Verified User
- โพสต์: 411
- ผู้ติดตาม: 0
ในที่สุดน้อง PLE ก็หอบเงินกลับมาจากดูไบ ได้แล้ว
โพสต์ที่ 10
เป็นงบที่รายงานของ auditor ยาวดีจังครับ :lol:
มีตั้ง 6 ข้อแน่ะ
ตัวน่ารักๆก็มี
ข้อ 3 กับข้อ 6 ครับ
3. ตามหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 3.5 บริษัทฯ ได้จัดทำงบการเงินรวม สำหรับงวดสามเดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2553 ของบริษัทฯ โดยมิได้รวมงบการเงินของบริษัท เทคเนอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เนื่องจากกรรมการของบริษัทย่อยไม่ส่งมอบงบการเงินของบริษัทย่อยให้กับบริษัทฯ และไม่อนุญาตให้บริษัทฯ ส่งเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ เข้าไปรวบรวมข้อมูลทางบัญชีและการเงินจากสมุดบัญชี บัญชีทำการ เอกสารประกอบรายการบัญชี รวมถึงเอกสารอื่นใดที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำงบการเงินของบริษัทย่อยดังกล่าว งบการเงินรวมจึงไม่เป็นไปตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป ทั้งนี้ ข้าพเจ้าไม่สามารถระบุผลกระทบจากงบการเงินของบริษัทย่อยต่องบการเงินรวม สำหรับงวดสามเดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2553 ได้
6. นอกจากนี้ งบกำไรขาดทุนรวมและงบกำไรขาดทุนเฉพาะกิจการ งบแสดงการเปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้ถือหุ้นรวมและงบแสดงการเปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้ถือหุ้นเฉพาะกิจการ และงบกระแสเงินสดรวมและ งบกระแสเงินสดเฉพาะกิจการ สำหรับงวดสามเดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2552 ของบริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย และเฉพาะกิจการของบริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ที่แสดงเปรียบเทียบได้ผ่านการสอบทานโดยผู้สอบบัญชีอื่นในสำนักงานเดียวกันตามรายงานลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2552 ซึ่งรายงานไว้ว่าไม่พบสิ่งที่เป็นเหตุให้เชื่อว่างบการเงินดังกล่าวไม่ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป และให้สังเกตเกี่ยวกับ 1) บริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้ผิดนัดชำระหนี้เงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงินแห่งหนึ่งและสถาบันการเงินดังกล่าวได้คิดดอกเบี้ยในอัตราผิดนัดชำระหนี้ ร้อยละ 15.0 ต่อปี ซึ่งสถาบันการเงินดังกล่าวมีสิทธิทวงถามเงินกู้ยืมดังกล่าวคืนได้ทั้งจำนวน 2) บริษัทย่อยแห่งหนึ่งซึ่งถูกฟ้องร้องให้จดทะเบียนสัญญาเช่าช่วงสิทธิและส่งมอบพื้นที่เช่าแก่โจทก์ และบริษัทย่อยดังกล่าวยื่นอุทธรณ์คดีแล้ว ปัจจุบันบริษัทย่อยได้ทำสัญญาเช่ากับโจทก์แล้ว และอยู่ระหว่างการจดทะเบียนการเช่าต่อกรมที่ดิน โดยโจทก์ได้ขอถอนอุทธรณ์แล้ว และ 3) บริษัทย่อยแห่งหนึ่ง มีการเพิ่มทุนตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2552 จำนวน 200,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100.0 บาท เป็นจำนวนเงิน 20.0 ล้านบาท และให้เรียกเก็บเงินค่าหุ้นที่ออกใหม่นี้เต็มมูลค่าหุ้นทั้งจำนวนในคราวเดียว ตามหนังสือเรียกชำระค่าหุ้น ลงวันที่ 5 เมษายน 2552 โดยบริษัทฯ เป็น ผู้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวทั้งจำนวน บริษัทย่อยได้มีการจดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์แล้ว เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2552 ในขณะนั้น บริษัทฯ ยังไม่มีการจ่ายชำระค่าหุ้นดังกล่าวทั้งจำนวน
อ่านแล้วรู้สึกเหมือนอยู่ในตู้เย็นยังไงไม่รู้ :? :? :?
มีตั้ง 6 ข้อแน่ะ
ตัวน่ารักๆก็มี
ข้อ 3 กับข้อ 6 ครับ
3. ตามหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 3.5 บริษัทฯ ได้จัดทำงบการเงินรวม สำหรับงวดสามเดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2553 ของบริษัทฯ โดยมิได้รวมงบการเงินของบริษัท เทคเนอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เนื่องจากกรรมการของบริษัทย่อยไม่ส่งมอบงบการเงินของบริษัทย่อยให้กับบริษัทฯ และไม่อนุญาตให้บริษัทฯ ส่งเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ เข้าไปรวบรวมข้อมูลทางบัญชีและการเงินจากสมุดบัญชี บัญชีทำการ เอกสารประกอบรายการบัญชี รวมถึงเอกสารอื่นใดที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำงบการเงินของบริษัทย่อยดังกล่าว งบการเงินรวมจึงไม่เป็นไปตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป ทั้งนี้ ข้าพเจ้าไม่สามารถระบุผลกระทบจากงบการเงินของบริษัทย่อยต่องบการเงินรวม สำหรับงวดสามเดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2553 ได้
6. นอกจากนี้ งบกำไรขาดทุนรวมและงบกำไรขาดทุนเฉพาะกิจการ งบแสดงการเปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้ถือหุ้นรวมและงบแสดงการเปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้ถือหุ้นเฉพาะกิจการ และงบกระแสเงินสดรวมและ งบกระแสเงินสดเฉพาะกิจการ สำหรับงวดสามเดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2552 ของบริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย และเฉพาะกิจการของบริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ที่แสดงเปรียบเทียบได้ผ่านการสอบทานโดยผู้สอบบัญชีอื่นในสำนักงานเดียวกันตามรายงานลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2552 ซึ่งรายงานไว้ว่าไม่พบสิ่งที่เป็นเหตุให้เชื่อว่างบการเงินดังกล่าวไม่ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป และให้สังเกตเกี่ยวกับ 1) บริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้ผิดนัดชำระหนี้เงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงินแห่งหนึ่งและสถาบันการเงินดังกล่าวได้คิดดอกเบี้ยในอัตราผิดนัดชำระหนี้ ร้อยละ 15.0 ต่อปี ซึ่งสถาบันการเงินดังกล่าวมีสิทธิทวงถามเงินกู้ยืมดังกล่าวคืนได้ทั้งจำนวน 2) บริษัทย่อยแห่งหนึ่งซึ่งถูกฟ้องร้องให้จดทะเบียนสัญญาเช่าช่วงสิทธิและส่งมอบพื้นที่เช่าแก่โจทก์ และบริษัทย่อยดังกล่าวยื่นอุทธรณ์คดีแล้ว ปัจจุบันบริษัทย่อยได้ทำสัญญาเช่ากับโจทก์แล้ว และอยู่ระหว่างการจดทะเบียนการเช่าต่อกรมที่ดิน โดยโจทก์ได้ขอถอนอุทธรณ์แล้ว และ 3) บริษัทย่อยแห่งหนึ่ง มีการเพิ่มทุนตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2552 จำนวน 200,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100.0 บาท เป็นจำนวนเงิน 20.0 ล้านบาท และให้เรียกเก็บเงินค่าหุ้นที่ออกใหม่นี้เต็มมูลค่าหุ้นทั้งจำนวนในคราวเดียว ตามหนังสือเรียกชำระค่าหุ้น ลงวันที่ 5 เมษายน 2552 โดยบริษัทฯ เป็น ผู้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวทั้งจำนวน บริษัทย่อยได้มีการจดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์แล้ว เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2552 ในขณะนั้น บริษัทฯ ยังไม่มีการจ่ายชำระค่าหุ้นดังกล่าวทั้งจำนวน
อ่านแล้วรู้สึกเหมือนอยู่ในตู้เย็นยังไงไม่รู้ :? :? :?
Inactive investor