เชิญวิพากย์ อีก3-5ปีข้างหน้า กลุ่มอุตสาหกรรมใดจะมาแรง?
-
- Verified User
- โพสต์: 1155
- ผู้ติดตาม: 0
เชิญวิพากย์ อีก3-5ปีข้างหน้า กลุ่มอุตสาหกรรมใดจะมาแรง?
โพสต์ที่ 2
เป็นคำถามที่เยี่ยมมาก
ขอขอบคุณทุกคำตอบลวงหน้า
เพราะคำตอบนี้
นอกจากบอกวิธีการจับปลาแล้ว
ยังบอกว่าตรงไหนปลาชุมด้วย
เริ่มแรก อยากทราบ จขกท
คิดว่าอุตสาหกรรมไหนครับ
ขอขอบคุณทุกคำตอบลวงหน้า
เพราะคำตอบนี้
นอกจากบอกวิธีการจับปลาแล้ว
ยังบอกว่าตรงไหนปลาชุมด้วย
เริ่มแรก อยากทราบ จขกท
คิดว่าอุตสาหกรรมไหนครับ
Blueplanet
- VSนักลงทุนอริยะ
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 349
- ผู้ติดตาม: 0
เชิญวิพากย์ อีก3-5ปีข้างหน้า กลุ่มอุตสาหกรรมใดจะมาแรง?
โพสต์ที่ 3
ขอร่วมวงความคิดด้วยครับ
ผมว่า ทุกอุตสาหกรรมก็เหมือนสิ่งมีชีวิต จะปรับตัวได้เพื่อเข้ากับสถานการณ์ที่อยู่รอบ ๆ อุตสาหกรรมนั้น ๆ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเกี่ยวข้องเชื่อมโยงเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ ก็ต้องเชื่อมโยงกับ อุตสาหกรรมพลังงาน, IT, เหล็ก, plastic หรือแม้กระทั่ง นิคมอุตสาหกรรมครับ
แต่ประเด็นที่อยากจะร่วมวงความคิดคือ ดาวเด่นในอุตสาหกรรมนั้นต่างหาก ที่ตัวตนมี DCA อะไรบ้าง มิใช่แค่ TCA นะครับ
และ DCA ที่ผมคิดว่าเป็น KSF ใน 3-5 ปีข้างหน้า: ก็คือ ความสามารถในการขยายตลาดต่างประเทศแบบตั้งกิจการที่นั่นเลยนะครับ เช่น Banpu, SCC, Amata ในปัจจุบัน และอนาคตที่เป็นรูปเป็นร่างอย่าง PS, Major, SGP ครับ
เป็นแค่ความคิด-เห็นนะครับ
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
www.ceoken.com
ผมว่า ทุกอุตสาหกรรมก็เหมือนสิ่งมีชีวิต จะปรับตัวได้เพื่อเข้ากับสถานการณ์ที่อยู่รอบ ๆ อุตสาหกรรมนั้น ๆ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเกี่ยวข้องเชื่อมโยงเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ ก็ต้องเชื่อมโยงกับ อุตสาหกรรมพลังงาน, IT, เหล็ก, plastic หรือแม้กระทั่ง นิคมอุตสาหกรรมครับ
แต่ประเด็นที่อยากจะร่วมวงความคิดคือ ดาวเด่นในอุตสาหกรรมนั้นต่างหาก ที่ตัวตนมี DCA อะไรบ้าง มิใช่แค่ TCA นะครับ
และ DCA ที่ผมคิดว่าเป็น KSF ใน 3-5 ปีข้างหน้า: ก็คือ ความสามารถในการขยายตลาดต่างประเทศแบบตั้งกิจการที่นั่นเลยนะครับ เช่น Banpu, SCC, Amata ในปัจจุบัน และอนาคตที่เป็นรูปเป็นร่างอย่าง PS, Major, SGP ครับ
เป็นแค่ความคิด-เห็นนะครับ
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
www.ceoken.com
- SEHJU
- Verified User
- โพสต์: 1238
- ผู้ติดตาม: 0
เชิญวิพากย์ อีก3-5ปีข้างหน้า กลุ่มอุตสาหกรรมใดจะมาแรง?
โพสต์ที่ 4
น่าสนใจครับกระทู้นี้ คงต้องกลับไปคิดก่อนค่อยมาตอบ
พี่เคนตื่นเช้าจริงๆเลย เห็นแต่พี่ยืนพูด อยากดูโรงงานพี่ต้องดูที่ไหนครับ..
พี่เคนตื่นเช้าจริงๆเลย เห็นแต่พี่ยืนพูด อยากดูโรงงานพี่ต้องดูที่ไหนครับ..
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1575
- ผู้ติดตาม: 0
เชิญวิพากย์ อีก3-5ปีข้างหน้า กลุ่มอุตสาหกรรมใดจะมาแรง?
โพสต์ที่ 5
หากคิดไม่ออกหรือไม่แน่ใจ
อีกเดือนสองเดือน
มันนี่ทอล์คจะจัดเสวนา วันตลาดนัดผู้ลงทุนไทย
หัวข้อ เมก้าเทรนและผลกระทบหุ้น
มี ดร.นิเวศน์ พี่สุมาอี้ เป็นตัวหลักครับ
จะส่งข่าวอีกทีครับ
ไม่เดือนกันยา ก็ตุลาครับ
อีกเดือนสองเดือน
มันนี่ทอล์คจะจัดเสวนา วันตลาดนัดผู้ลงทุนไทย
หัวข้อ เมก้าเทรนและผลกระทบหุ้น
มี ดร.นิเวศน์ พี่สุมาอี้ เป็นตัวหลักครับ
จะส่งข่าวอีกทีครับ
ไม่เดือนกันยา ก็ตุลาครับ
ดู clip รายการ money talk ย้อนหลังได้ที่
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
- VSนักลงทุนอริยะ
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 349
- ผู้ติดตาม: 0
เชิญวิพากย์ อีก3-5ปีข้างหน้า กลุ่มอุตสาหกรรมใดจะมาแรง?
โพสต์ที่ 6
search in u tube ก็เจอครับ คุณ sehju
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
เชิญวิพากย์ อีก3-5ปีข้างหน้า กลุ่มอุตสาหกรรมใดจะมาแรง?
โพสต์ที่ 8
[quote="ส.สลึง"][quote="เด็กใหม่ไฟแรง"]หากคิดไม่ออกหรือไม่แน่ใจ
อีกเดือนสองเดือน
มันนี่ทอล์คจะจัดเสวนา วันตลาดนัดผู้ลงทุนไทย
หัวข้อ เมก้าเทรนและผลกระทบหุ้น
มี ดร.นิเวศน์
อีกเดือนสองเดือน
มันนี่ทอล์คจะจัดเสวนา วันตลาดนัดผู้ลงทุนไทย
หัวข้อ เมก้าเทรนและผลกระทบหุ้น
มี ดร.นิเวศน์
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
เชิญวิพากย์ อีก3-5ปีข้างหน้า กลุ่มอุตสาหกรรมใดจะมาแรง?
โพสต์ที่ 12
โหวว จขกท โพสครั้งแรกเลยหรอครับ เปิดซิงเลย 555+
โยส่วนตัว3-5ปีผมคิดว่าน่าจะมาเกือบทุกกลุ่มนะครับ โดยเฉพาะกลุ่มอาหาร ยิ่งนานยิ่งน่าสนใจครับ
แต่ที่ชองคิดว่าน่าจะเป็นกลุ่มขนส่งครับ ทั้งเรือทั้งเครื่องบินครับ
โยส่วนตัว3-5ปีผมคิดว่าน่าจะมาเกือบทุกกลุ่มนะครับ โดยเฉพาะกลุ่มอาหาร ยิ่งนานยิ่งน่าสนใจครับ
แต่ที่ชองคิดว่าน่าจะเป็นกลุ่มขนส่งครับ ทั้งเรือทั้งเครื่องบินครับ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
- leaderinshadow
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1765
- ผู้ติดตาม: 0
เชิญวิพากย์ อีก3-5ปีข้างหน้า กลุ่มอุตสาหกรรมใดจะมาแรง?
โพสต์ที่ 14
เท่าที่สังเกตและเคยรู้มาครับ
อันแรกคือ สิ่งที่สอดรับกลุ่มเบบี้บูม คือ สุขภาพครับ
ไล่มาก็ พวกการแพทย์ โรงพยาบาล บริษัทยา ทั้งเคมี สมุนไพร แพทย์ทางเลือก พวกสปา โยคะ ฝั่งเข็ม นวดแผนไทย
และอาหารเพื่อสุขภาพ พวก อาหารเสริม อาหารปลอดสารพิษ ผักผลไม้ ยาจีน (ลองดูข่าวตุ๊กแกอบแห้งขายดีมาก :shock: )
และก็อะไรก็ตามที่กินแล้วปิ๋งปั๋ง เฮ้ย ..ไม่ใช่ กินเพื่อสุขภาพ หรือ กินแล้วแก่แก่ช้าครับ
บ้านเราที่พอจะเข้าเทรนนี้ ที่พอนึกได้ก็ BH BGH กลุ่มโรงพยาบาลทั้งหมดหละครับ อาหารก็ S&P MINT ในส่วนร้านซิซเลอร์ MK สุกี้ OISHI ฟูจิ โรงแรมที่มีสปา
อันที่สอง คือพวกเทคโนโลยีครับ
เช่นพวกสื่อออนไลน์ทั้งหลาย เว็บ Social Network Ebay Google ทั้งธนาคาร เพลง เริ่มเข้าดิจิตอลมากขึ้น ไทยอาจจะช้าครับ ต้องรอกลุ่ม GenY โตและเริ่มมีกำลังซื้อครับ (16-30) กลุ่มนี้ชินกับการใช้เทคโนโลยี
อ้อ เท่าที่สังเกตนะครับ สมัยนี้เวลาซื้อขายคอนโด ตอนนี้ซื้อขายผ่านเว็บมากขึ้น หลายบริษัท ก็เริ่มหันมาใช้ช่องทางนี้กัน
แต่ข้อเสีย คือ ของพวกนี้เทรนเปลี่ยนเร็ว พวกบริษัทเทคโนโลยี จะเน้น Break Event เร็ว เช่วพวก Smart Phone ตอนเปิดตัว เนี่ย
Gross Margin 70% นะครับ :shock: ถ้าเครื่องละ 2 หมื่น ก็กำไรเครื่องละ 14000 ขายได้ล้านเครื่อง ก็กำไร..
พอๆกับ กำไร KBANK ปีที่แล้วทั้งปี ถ้าขายได้ 2..3...4 ล้านเครื่อง เหอๆ... ราคาหุ้น APPLE ถึงได้ทะยาน หลังจากนั้นก็กินนิ่มๆครับ
คู่แข่งเปิดตัวสู้มา ก็ตัดราคาซะ แต่เจ้าแรกได้ทุนคืนไปหมดแล้ว
หรือพอเก็บกินได้ที่ ก็ออกรุ่นใหม่ ... ฟันกำไรมหาศาล แต่ถ้าจุดกระแสไม่ติด
ผลลัพธ์ก็ตรงข้ามครับ
อันที่สาม พวก Third Home ครับ
เพราะชีวิตคนรุ่นใหม่ต้องการความสะดวกสบาย มีบ้าน เป็นFirst Home
มีที่ทำงานเป็น Second Home และบ้านหลังที่3 ก็คือ...
ห้างต่างๆครับ แล้วก็พวก Modern Trade ทั้งหลาย
อันนี้มีหลายตัวเลย ไล่ตั้งแต่ห้่างก็ CPN SF MAJOR
Modern Trade ก็ HMPRO GLOBAL CPALL BIGC MAKRO ROBINS IT
พอนึกออกได้เท่านี้แหละครับ เดี๋ยวนึกออกอีกค่อยมาเพิ่มเติมใหม่
อ้อ.. ลองดูเว็บของ เทมาเส็ก ดูซิครับ เค้ามีนโยบายการลงทุนให้สอดคล้องกับเทรนพวกนี้ และการเติบโตของเอเชีย
http://www.temasekholdings.com.sg/our_portfolio.htm
http://www.temasekholdings.com.sg/our_p ... sector.htm
อันแรกคือ สิ่งที่สอดรับกลุ่มเบบี้บูม คือ สุขภาพครับ
ไล่มาก็ พวกการแพทย์ โรงพยาบาล บริษัทยา ทั้งเคมี สมุนไพร แพทย์ทางเลือก พวกสปา โยคะ ฝั่งเข็ม นวดแผนไทย
และอาหารเพื่อสุขภาพ พวก อาหารเสริม อาหารปลอดสารพิษ ผักผลไม้ ยาจีน (ลองดูข่าวตุ๊กแกอบแห้งขายดีมาก :shock: )
และก็อะไรก็ตามที่กินแล้วปิ๋งปั๋ง เฮ้ย ..ไม่ใช่ กินเพื่อสุขภาพ หรือ กินแล้วแก่แก่ช้าครับ
บ้านเราที่พอจะเข้าเทรนนี้ ที่พอนึกได้ก็ BH BGH กลุ่มโรงพยาบาลทั้งหมดหละครับ อาหารก็ S&P MINT ในส่วนร้านซิซเลอร์ MK สุกี้ OISHI ฟูจิ โรงแรมที่มีสปา
อันที่สอง คือพวกเทคโนโลยีครับ
เช่นพวกสื่อออนไลน์ทั้งหลาย เว็บ Social Network Ebay Google ทั้งธนาคาร เพลง เริ่มเข้าดิจิตอลมากขึ้น ไทยอาจจะช้าครับ ต้องรอกลุ่ม GenY โตและเริ่มมีกำลังซื้อครับ (16-30) กลุ่มนี้ชินกับการใช้เทคโนโลยี
อ้อ เท่าที่สังเกตนะครับ สมัยนี้เวลาซื้อขายคอนโด ตอนนี้ซื้อขายผ่านเว็บมากขึ้น หลายบริษัท ก็เริ่มหันมาใช้ช่องทางนี้กัน
แต่ข้อเสีย คือ ของพวกนี้เทรนเปลี่ยนเร็ว พวกบริษัทเทคโนโลยี จะเน้น Break Event เร็ว เช่วพวก Smart Phone ตอนเปิดตัว เนี่ย
Gross Margin 70% นะครับ :shock: ถ้าเครื่องละ 2 หมื่น ก็กำไรเครื่องละ 14000 ขายได้ล้านเครื่อง ก็กำไร..
พอๆกับ กำไร KBANK ปีที่แล้วทั้งปี ถ้าขายได้ 2..3...4 ล้านเครื่อง เหอๆ... ราคาหุ้น APPLE ถึงได้ทะยาน หลังจากนั้นก็กินนิ่มๆครับ
คู่แข่งเปิดตัวสู้มา ก็ตัดราคาซะ แต่เจ้าแรกได้ทุนคืนไปหมดแล้ว
หรือพอเก็บกินได้ที่ ก็ออกรุ่นใหม่ ... ฟันกำไรมหาศาล แต่ถ้าจุดกระแสไม่ติด
ผลลัพธ์ก็ตรงข้ามครับ
อันที่สาม พวก Third Home ครับ
เพราะชีวิตคนรุ่นใหม่ต้องการความสะดวกสบาย มีบ้าน เป็นFirst Home
มีที่ทำงานเป็น Second Home และบ้านหลังที่3 ก็คือ...
ห้างต่างๆครับ แล้วก็พวก Modern Trade ทั้งหลาย
อันนี้มีหลายตัวเลย ไล่ตั้งแต่ห้่างก็ CPN SF MAJOR
Modern Trade ก็ HMPRO GLOBAL CPALL BIGC MAKRO ROBINS IT
พอนึกออกได้เท่านี้แหละครับ เดี๋ยวนึกออกอีกค่อยมาเพิ่มเติมใหม่
อ้อ.. ลองดูเว็บของ เทมาเส็ก ดูซิครับ เค้ามีนโยบายการลงทุนให้สอดคล้องกับเทรนพวกนี้ และการเติบโตของเอเชีย
http://www.temasekholdings.com.sg/our_portfolio.htm
ถ้าสังเกตพอร์ตลงทุนของ TEMASEK จะชอบพวกสื่อสาร(เทคโนโลยี) กับสถาบันการเงิน ค่อนข้างมากครับInvestment Themes
Temasek is an autonomously managed and professional investment house guided by an independent board.
Our investment strategy centres around four themes:
Transforming Economies
- We invest in industry sectors that correlate with the economic transformation of the country
Growing Middle Income Populations
- We find opportunities in companies and industries whose growth is fuelled by the increasing purchasing power of middle income populations
Deepening Comparative Advantages
- We tap the potential of competitively-positioned companies
Emerging Champions
- We identify companies proving to be best-in-class, be it regionally or globally
http://www.temasekholdings.com.sg/our_p ... sector.htm
- Juninho
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1054
- ผู้ติดตาม: 1
เชิญวิพากย์ อีก3-5ปีข้างหน้า กลุ่มอุตสาหกรรมใดจะมาแรง?
โพสต์ที่ 15
อนาคต น้ำมัน ราคาน่าจะทะลุไฮเดิมได้
เพราะ ซัพพลายเพิ่มไม่ทันดีมานด์แน่ๆ
ตอนนี้ยังไม่มีหุ้นพลังงาน ไว้เหมือนจะมาค่อยเก็บ
เพราะ ซัพพลายเพิ่มไม่ทันดีมานด์แน่ๆ
ตอนนี้ยังไม่มีหุ้นพลังงาน ไว้เหมือนจะมาค่อยเก็บ
You Can Get It If You Really Want
But you must try, try and try
But you must try, try and try
- leaderinshadow
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1765
- ผู้ติดตาม: 0
เชิญวิพากย์ อีก3-5ปีข้างหน้า กลุ่มอุตสาหกรรมใดจะมาแรง?
โพสต์ที่ 16
เพิ่มเติมครับ อันที่ 4 พลังงานสะอาด Recycle สิ่งแวดล้อม
จะเห็นว่าบริษัทยักษ์ใหญ๋ระดับโลกหลายแห่ง เริ่มลงทุนในส่วนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วลองดูในกระทู้เก่าๆเกี่ยวกับ BYD ที่บัฟเฟตลงทุน
ก็เกาะเทรนนี้ด้วยนะครับ แม้กระทั้งบริษัทรถไฟ ที่เพิ่งลงทุน ก็คือการขนส่งที่ประหยัดพลังงาน เห็นแล้วนึกถึงการรถไฟบ้านเราจริงๆ
คิดแล้วเศร้าๆ ถ้ารถไฟบ้านเรารู้จักพัฒนาให้ดี ป่านนี้ประเทศชาติคงลดการใช้พลังงานได้มากโขเลย
จะเห็นว่าบริษัทยักษ์ใหญ๋ระดับโลกหลายแห่ง เริ่มลงทุนในส่วนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วลองดูในกระทู้เก่าๆเกี่ยวกับ BYD ที่บัฟเฟตลงทุน
ก็เกาะเทรนนี้ด้วยนะครับ แม้กระทั้งบริษัทรถไฟ ที่เพิ่งลงทุน ก็คือการขนส่งที่ประหยัดพลังงาน เห็นแล้วนึกถึงการรถไฟบ้านเราจริงๆ
คิดแล้วเศร้าๆ ถ้ารถไฟบ้านเรารู้จักพัฒนาให้ดี ป่านนี้ประเทศชาติคงลดการใช้พลังงานได้มากโขเลย
- ^^
- Verified User
- โพสต์: 519
- ผู้ติดตาม: 1
เชิญวิพากย์ อีก3-5ปีข้างหน้า กลุ่มอุตสาหกรรมใดจะมาแรง?
โพสต์ที่ 17
ถ้าย่านเอเชีย ผมว่าเรื่อง ขนส่ง
เพราะต้นทุนส่วนใหญ่มาจากน้ำมันและยังใช้รถขนอยู่
หากสร้างระบบขนส่งที่ดีกว่าเดิม ต้นทุนน่าจะลดลงได้มากทีเดียว
แต่ถ้าคนทั้งโลก สุขภาพและอาหารครับ เหตุเพราะความแปรปรวนของอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆครับ
เพราะต้นทุนส่วนใหญ่มาจากน้ำมันและยังใช้รถขนอยู่
หากสร้างระบบขนส่งที่ดีกว่าเดิม ต้นทุนน่าจะลดลงได้มากทีเดียว
แต่ถ้าคนทั้งโลก สุขภาพและอาหารครับ เหตุเพราะความแปรปรวนของอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆครับ
หุ้นมันอยู่รอบๆตัวเราเสมอ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1588
- ผู้ติดตาม: 0
เชิญวิพากย์ อีก3-5ปีข้างหน้า กลุ่มอุตสาหกรรมใดจะมาแรง?
โพสต์ที่ 19
เรือตู้:D
คนรู้ไม่พูด คนพูดไม่รู้
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1588
- ผู้ติดตาม: 0
เชิญวิพากย์ อีก3-5ปีข้างหน้า กลุ่มอุตสาหกรรมใดจะมาแรง?
โพสต์ที่ 21
supplyจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ:Dคับ
คนรู้ไม่พูด คนพูดไม่รู้
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1588
- ผู้ติดตาม: 0
เชิญวิพากย์ อีก3-5ปีข้างหน้า กลุ่มอุตสาหกรรมใดจะมาแรง?
โพสต์ที่ 22
คนรู้ไม่พูด คนพูดไม่รู้
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1223
- ผู้ติดตาม: 0
เชิญวิพากย์ อีก3-5ปีข้างหน้า กลุ่มอุตสาหกรรมใดจะมาแรง?
โพสต์ที่ 23
ธุรกิจที่จะโดดเด่นก็คงต้องเป็นธุรกิจที่สามารถตอบสนองความต้องการ
และพฤติกรรมของมนุษย์ได้ดี
อย่างเช่น
1.ต่อไปคนแก่จะเยอะขึ้น ธุรกิจที่ขายของให้คนแก่ เช่นโรงพยาบาล น่าจะดี
2.คนเล่นและติดอินเตอร์เน็ทเยอะขึ้น ธุรกิจกิจผู้ให้บริการและธุรกิจที่เกี่ยวข้องน่าจะดี
3.พฤติกรรมของคน ที่ชอบเดินห้างมากขึ้น พวกค้าปลีกสมัยใหม่ ห้างสรรพสินค้าก็น่าจะดี
4.พื้นที่เพาะปลูกมีจำกัด ธุรกิจเกี่ยวกับอาหารและเกษตรคงจะดี
5.คนเริ่มให้ความสำคัญกับ สวล.มากขึ้น ธุรกิจพลังงานทางเลือก กำจัดขยะ
การจัดการสวล.ก็น่าจะดี
6.อื่นๆก็คงเหมือนที่เพื่อนๆว่ามา เช่น ขนส่ง ทรัพยากรธรรมชาติ
ประมาณนี้มั้งครับ
ธุรกิจที่น่าจะตกต่ำก็คงเป็นสิ่งที่มนุษย์ใช้น้อยลง เช่นคนจะติดตามข้อมูล
ทางอินเตอร์เน็ทเยอะขึ้น พวกหนังสือพิมพ์ ทีวี วิทยุ คิดว่าคงไม่โดดเด่นครับ
และพฤติกรรมของมนุษย์ได้ดี
อย่างเช่น
1.ต่อไปคนแก่จะเยอะขึ้น ธุรกิจที่ขายของให้คนแก่ เช่นโรงพยาบาล น่าจะดี
2.คนเล่นและติดอินเตอร์เน็ทเยอะขึ้น ธุรกิจกิจผู้ให้บริการและธุรกิจที่เกี่ยวข้องน่าจะดี
3.พฤติกรรมของคน ที่ชอบเดินห้างมากขึ้น พวกค้าปลีกสมัยใหม่ ห้างสรรพสินค้าก็น่าจะดี
4.พื้นที่เพาะปลูกมีจำกัด ธุรกิจเกี่ยวกับอาหารและเกษตรคงจะดี
5.คนเริ่มให้ความสำคัญกับ สวล.มากขึ้น ธุรกิจพลังงานทางเลือก กำจัดขยะ
การจัดการสวล.ก็น่าจะดี
6.อื่นๆก็คงเหมือนที่เพื่อนๆว่ามา เช่น ขนส่ง ทรัพยากรธรรมชาติ
ประมาณนี้มั้งครับ
ธุรกิจที่น่าจะตกต่ำก็คงเป็นสิ่งที่มนุษย์ใช้น้อยลง เช่นคนจะติดตามข้อมูล
ทางอินเตอร์เน็ทเยอะขึ้น พวกหนังสือพิมพ์ ทีวี วิทยุ คิดว่าคงไม่โดดเด่นครับ
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 1246
- ผู้ติดตาม: 0
เชิญวิพากย์ อีก3-5ปีข้างหน้า กลุ่มอุตสาหกรรมใดจะมาแรง?
โพสต์ที่ 25
ผมกลับคิดว่าอสังหาน่าจะชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด....ในปีถัดๆไปจากนี้
เพราะช่วงนี้มีโครงการบ้านออกมาอย่างล้นตลาดมาก(แต่ก็ยังมีคนจอง/ซื้อ/ขาย)
มันจะไม่อิ่มตัวเลยหรอ ตลาดบ้านเรา ... ถืออสังหาอยู่ก็ถือเสียวๆไปวันๆ
.......สงสัยว่างๆต้องทำคลายเครียดเรติโอบ้างซะแล้ว :lol: :lol:
เพราะช่วงนี้มีโครงการบ้านออกมาอย่างล้นตลาดมาก(แต่ก็ยังมีคนจอง/ซื้อ/ขาย)
มันจะไม่อิ่มตัวเลยหรอ ตลาดบ้านเรา ... ถืออสังหาอยู่ก็ถือเสียวๆไปวันๆ
.......สงสัยว่างๆต้องทำคลายเครียดเรติโอบ้างซะแล้ว :lol: :lol:
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
เชิญวิพากย์ อีก3-5ปีข้างหน้า กลุ่มอุตสาหกรรมใดจะมาแรง?
โพสต์ที่ 26
กราฟประชากรของไทย
แสดงว่าอีก 10ปี จะมีคนอายุมากกว่า 60 ปีเพิ่มขึ้น กว่า 2.8 ล้านคน ที่น่าเป็นห่วงคือการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของรัฐบาลตามโครงการรัฐสวัสดิการเพราะจะเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก
โรงพยาบาลในระดับกลางถึงล่างน่าจะได้รับประโยชน์อย่างสูง
ธุรกิจเพื่อสุขภาพของผู้สูงอายุ ก็จะโตเช่นกัน
โอกาสของธุรกิจที่มุ่งเน้นเจาะ สว (สูงวัย) น่าจะเป็นเทรนด์ของทศวรรษนี้ เหมือนกับที่เกิดที่ญี่ปุ่นและอเมริกามาแล้ว
มีตัวอย่าง เช่นร้านค้าสะดวกซื้อในญี่ปุ่น เค้าเจาะตลาดของ baby boomer โดยการ เพิ่มสินค้าที่ผู้สูงอายุชอบใช้เช่น ยาย้อมผม แว่นสายตา ทำป้ายราคาขนาดใหญ่ มีมุมนั่งจิบกาแฟ พูดคุยกัน เป็นต้น ผลก็คือมีลูกค้ามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
หรือ nursing home กับผู้สูงอายุ ในอเมริกา ก็เป็นธุรกิจที่ boom มากเช่นเดียวกัน (เมกันชน ไม่เลี้ยงคนแก่เหมือนสังคมไทยสมัยก่อนและสมัยนี้ แต่ในอนาคต ผมว่าคนไทยก็ไม่เลี้ยงคนแก่เหมือนกัน)
แสดงว่าอีก 10ปี จะมีคนอายุมากกว่า 60 ปีเพิ่มขึ้น กว่า 2.8 ล้านคน ที่น่าเป็นห่วงคือการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของรัฐบาลตามโครงการรัฐสวัสดิการเพราะจะเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก
โรงพยาบาลในระดับกลางถึงล่างน่าจะได้รับประโยชน์อย่างสูง
ธุรกิจเพื่อสุขภาพของผู้สูงอายุ ก็จะโตเช่นกัน
โอกาสของธุรกิจที่มุ่งเน้นเจาะ สว (สูงวัย) น่าจะเป็นเทรนด์ของทศวรรษนี้ เหมือนกับที่เกิดที่ญี่ปุ่นและอเมริกามาแล้ว
มีตัวอย่าง เช่นร้านค้าสะดวกซื้อในญี่ปุ่น เค้าเจาะตลาดของ baby boomer โดยการ เพิ่มสินค้าที่ผู้สูงอายุชอบใช้เช่น ยาย้อมผม แว่นสายตา ทำป้ายราคาขนาดใหญ่ มีมุมนั่งจิบกาแฟ พูดคุยกัน เป็นต้น ผลก็คือมีลูกค้ามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
หรือ nursing home กับผู้สูงอายุ ในอเมริกา ก็เป็นธุรกิจที่ boom มากเช่นเดียวกัน (เมกันชน ไม่เลี้ยงคนแก่เหมือนสังคมไทยสมัยก่อนและสมัยนี้ แต่ในอนาคต ผมว่าคนไทยก็ไม่เลี้ยงคนแก่เหมือนกัน)
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
- Little Boy
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1318
- ผู้ติดตาม: 0
เชิญวิพากย์ อีก3-5ปีข้างหน้า กลุ่มอุตสาหกรรมใดจะมาแรง?
โพสต์ที่ 27
ขยายความหน่อยPaul VI เขียน:
ความรู้..อาจมีขอบเขตจำกัด แต่จินตนาการ..ไร้ขีดจำกัด
- โอบาน่า
- Verified User
- โพสต์: 257
- ผู้ติดตาม: 0
เชิญวิพากย์ อีก3-5ปีข้างหน้า กลุ่มอุตสาหกรรมใดจะมาแรง?
โพสต์ที่ 30
สำหรับผู้ที่ลงทุนในตลาดหุ้นก็คงจะมีความกังวลกับปัญหาเศรษฐกิจซบเซาอันเกิด จากทั้งต่างประเทศและปัญหาการเมืองในประเทศ ที่เห็นต่างประเทศทยอยถอนการลงทุนตั้งแต่เกิดเหตุความวุ่นวายทางการเมืองใน เดือนเมษายนเป็นต้นมามีมูลค่ามากกว่า 50,000 ล้านบาทไปแล้ว
ทำให้ความเชื่อมั่นของนักธุรกิจและนักลงทุนลดลงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็อยากจะเน้นว่าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจไทยยังดีอยู่และมีการฟื้นตัว จากภาวะเศรษฐกิจซบเซาครั้งรุนแรงในปี 2552 ที่ผ่านมา ในวันนี้จึงจะขอพูดถึงว่าในวัฏจักรของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจนั้น ธุรกิจจะมีการฟื้นตัวเป็นอย่างไร ซึ่งเนื้อหาสาระส่วนหนึ่งได้คัดลอกมาจากหนังสือของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ไทย เรื่องเคล็ด (ไม่ลับ) สู่อิสรภาพทางการเงิน ตอนรู้จังหวะการลงทุนเล่ม 4 มาเผยแพร่ต่อเพื่อประโยชน์ของสาธารณชนนะคะ
โดยทั่วไปในช่วงภาวะเศรษฐกิจซบเซา รัฐบาลและธนาคารกลางก็จะใช้นโยบายการเงินการคลังแบบผ่อนคลายในการกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำจะทำให้ประชาชนใช้จ่ายมากขึ้นและต้นทุนการผลิตของธุรกิจดีขึ้น ทำให้ภาคสถาบันการเงินมักจะฟื้นตัวก่อนอุตสาหกรรมอื่น ๆ โดยเฉพาะบริษัทหลักทรัพย์ทั้งหลายมักจะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนธุรกิจอื่น ๆ ทั้งหมด เพราะตลาดหุ้นเป็นดัชนีชี้นำเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุด
อย่างไรก็ตามเมื่อตลาดหุ้นฟื้นตัวธุรกิจที่จะได้ประโยชน์เต็ม ๆ คือบริษัทนายหน้าค้าหลักทรัพย์ ตามมาด้วย ธนาคารพาณิชย์ซึ่งจะมีผลประกอบการกำไรจากการลงทุน โดยเฉพาะกำไรจากการลงทุนในตราสารหนี้ซึ่งจะมีราคาสูงขึ้นจากการลดลงของอัตราดอกเบี้ยในช่วงนี้
กลุ่มธุรกิจที่จะฟื้นตัวเป็นระลอกที่สองก็คือ สินค้าอุปโภคบริโภคประเภทคงทนถาวร เช่น อสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีการตอบสนองไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย ดังนั้นธุรกิจและสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อเพื่ออุปโภคบริโภค เช่น บริษัท อสังหาริมทรัพย์ บริษัทเงินทุน บริษัทลีสซิ่ง บริษัทบัตรเครดิต ฯลฯ ก็จะฟื้นตัวตามไปด้วย
ถ้าเศรษฐกิจยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องถึงจุดหนึ่ง ธุรกิจต่าง ๆ จะเริ่ม มีการใช้กำลังการผลิตเต็มที่ ทำให้ต้องมีการลงทุนเพิ่มเพื่อขยายกำลังการผลิต ดังนั้น ธุรกิจที่จะได้ประโยชน์ค่อนข้างมากที่สุดในช่วงนี้ก็คือ สินค้าทุน เช่น อุปกรณ์ เครื่องจักรกล รับเหมาก่อสร้างที่จะขยายตัวตามการกระตุ้นการขยายตัวการลงทุนของภาครัฐและการขยายตัวของธุรกิจเอกชนในการขยายกำลังการผลิต
เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวสูงสุด อุตสาหกรรมต่าง ๆ จะมีความต้องการใช้วัตถุดิบสูงมาก ซึ่งจะส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เป็นวัตถุดิบพื้นฐานของอุตสาหกรรม ปูนซีเมนต์ เหล็ก ปิโตรเคมี ฯลฯ ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งหากเศรษฐกิจมีการเติบโตที่รวดเร็วหรือร้อนแรงเกินไปแล้วจะกดดันให้อัตรา เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น และเพื่อรักษาอัตราดอกเบี้ยไม่สูงจนเป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจ ธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ จะเริ่มใช้นโยบายการเงินเข้มงวดโดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเพื่อลด ความร้อนแรงของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ก็คงจะพอเห็นภาพแล้วนะคะ ว่าในวัฏจักรเศรษฐกิจต่าง ๆ จะมีผลกระทบต่อผลประกอบการทั้งการผลิตและกำไรของธุรกิจต่าง ๆ อย่างไรบ้าง อย่างไรก็ตาม การหมุนตัวของกลุ่มอุตสาหกรรมอาจไม่เป็นไปตามแบบแผนทั้งหมด เพราะยังมีปัจจัยอื่น ๆ ประกอบด้วยเช่นความสามารถของผู้บริหาร แต่สำหรับผู้ลงทุนโดยเฉพาะผู้ลงทุนระยะยาวแล้วควรจะพิจารณาทั้งปัจจัยมหภาค ที่เป็นพื้นฐานและปัจจัยจุลภาครายบริษัทก่อนที่จะลงทุน จึงเป็นผู้ลงทุนที่ชาญฉลาดและประสบความสำเร็จค่ะ
ที่มา : คอลัมน์ เข็มทิศการลงทุน
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ประจำวันที่ 5 มิ.ย. 53
อันนี้ผมตัดแปะไว้อ่านจากหนังสือพิมพ์เลยครับ ^_^
ทำให้ความเชื่อมั่นของนักธุรกิจและนักลงทุนลดลงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็อยากจะเน้นว่าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจไทยยังดีอยู่และมีการฟื้นตัว จากภาวะเศรษฐกิจซบเซาครั้งรุนแรงในปี 2552 ที่ผ่านมา ในวันนี้จึงจะขอพูดถึงว่าในวัฏจักรของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจนั้น ธุรกิจจะมีการฟื้นตัวเป็นอย่างไร ซึ่งเนื้อหาสาระส่วนหนึ่งได้คัดลอกมาจากหนังสือของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ไทย เรื่องเคล็ด (ไม่ลับ) สู่อิสรภาพทางการเงิน ตอนรู้จังหวะการลงทุนเล่ม 4 มาเผยแพร่ต่อเพื่อประโยชน์ของสาธารณชนนะคะ
โดยทั่วไปในช่วงภาวะเศรษฐกิจซบเซา รัฐบาลและธนาคารกลางก็จะใช้นโยบายการเงินการคลังแบบผ่อนคลายในการกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำจะทำให้ประชาชนใช้จ่ายมากขึ้นและต้นทุนการผลิตของธุรกิจดีขึ้น ทำให้ภาคสถาบันการเงินมักจะฟื้นตัวก่อนอุตสาหกรรมอื่น ๆ โดยเฉพาะบริษัทหลักทรัพย์ทั้งหลายมักจะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนธุรกิจอื่น ๆ ทั้งหมด เพราะตลาดหุ้นเป็นดัชนีชี้นำเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุด
อย่างไรก็ตามเมื่อตลาดหุ้นฟื้นตัวธุรกิจที่จะได้ประโยชน์เต็ม ๆ คือบริษัทนายหน้าค้าหลักทรัพย์ ตามมาด้วย ธนาคารพาณิชย์ซึ่งจะมีผลประกอบการกำไรจากการลงทุน โดยเฉพาะกำไรจากการลงทุนในตราสารหนี้ซึ่งจะมีราคาสูงขึ้นจากการลดลงของอัตราดอกเบี้ยในช่วงนี้
กลุ่มธุรกิจที่จะฟื้นตัวเป็นระลอกที่สองก็คือ สินค้าอุปโภคบริโภคประเภทคงทนถาวร เช่น อสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีการตอบสนองไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย ดังนั้นธุรกิจและสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อเพื่ออุปโภคบริโภค เช่น บริษัท อสังหาริมทรัพย์ บริษัทเงินทุน บริษัทลีสซิ่ง บริษัทบัตรเครดิต ฯลฯ ก็จะฟื้นตัวตามไปด้วย
ถ้าเศรษฐกิจยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องถึงจุดหนึ่ง ธุรกิจต่าง ๆ จะเริ่ม มีการใช้กำลังการผลิตเต็มที่ ทำให้ต้องมีการลงทุนเพิ่มเพื่อขยายกำลังการผลิต ดังนั้น ธุรกิจที่จะได้ประโยชน์ค่อนข้างมากที่สุดในช่วงนี้ก็คือ สินค้าทุน เช่น อุปกรณ์ เครื่องจักรกล รับเหมาก่อสร้างที่จะขยายตัวตามการกระตุ้นการขยายตัวการลงทุนของภาครัฐและการขยายตัวของธุรกิจเอกชนในการขยายกำลังการผลิต
เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวสูงสุด อุตสาหกรรมต่าง ๆ จะมีความต้องการใช้วัตถุดิบสูงมาก ซึ่งจะส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เป็นวัตถุดิบพื้นฐานของอุตสาหกรรม ปูนซีเมนต์ เหล็ก ปิโตรเคมี ฯลฯ ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งหากเศรษฐกิจมีการเติบโตที่รวดเร็วหรือร้อนแรงเกินไปแล้วจะกดดันให้อัตรา เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น และเพื่อรักษาอัตราดอกเบี้ยไม่สูงจนเป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจ ธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ จะเริ่มใช้นโยบายการเงินเข้มงวดโดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเพื่อลด ความร้อนแรงของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ก็คงจะพอเห็นภาพแล้วนะคะ ว่าในวัฏจักรเศรษฐกิจต่าง ๆ จะมีผลกระทบต่อผลประกอบการทั้งการผลิตและกำไรของธุรกิจต่าง ๆ อย่างไรบ้าง อย่างไรก็ตาม การหมุนตัวของกลุ่มอุตสาหกรรมอาจไม่เป็นไปตามแบบแผนทั้งหมด เพราะยังมีปัจจัยอื่น ๆ ประกอบด้วยเช่นความสามารถของผู้บริหาร แต่สำหรับผู้ลงทุนโดยเฉพาะผู้ลงทุนระยะยาวแล้วควรจะพิจารณาทั้งปัจจัยมหภาค ที่เป็นพื้นฐานและปัจจัยจุลภาครายบริษัทก่อนที่จะลงทุน จึงเป็นผู้ลงทุนที่ชาญฉลาดและประสบความสำเร็จค่ะ
ที่มา : คอลัมน์ เข็มทิศการลงทุน
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ประจำวันที่ 5 มิ.ย. 53
อันนี้ผมตัดแปะไว้อ่านจากหนังสือพิมพ์เลยครับ ^_^
*
*
*
จะรวยต้อง เก่ง+เฮง ที่สำคัญต้องมีเมียดี
*
*
จะรวยต้อง เก่ง+เฮง ที่สำคัญต้องมีเมียดี