วันนี้หากพูดถึงสิงค์โปร์ ใครๆก็นึกถึงความสะอาด อลังการ คนมีการศึกษา รวย มีระเบียบ(อะไรจะขนาดนั้น !!)..ย้อนกลับไป 30 ปีก่อน สิงค์โปรยังล้าหลังกว่าเรามาก "ไม่มีอะไรเลย"
สิงค์โปร์ในปัจจุบันย้ายฐานการผลิตที่สกปรกออกนอกประเทศหมด เน้นส่งเสริมให้ต่างชาติมาลงทุน โดยเอื้อประโยชน์ทางภาษี และมาตรการต่างๆเช่น นโยบายสนับสนุนการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ที่คุ้มกว่าเช่า --ระบบสาธารณูปโภคของสิงค์โปร์วันนี้ มีการขนส่งมวลชนที่สะดวก --มีการออกกฏลดการนำรถยนต์เข้าใจกลางเมือง ลดมลภาวะ และ รถติด (สร้าง Shopping Street ใต้ดินที่ทันสมัย)
ล่าสุดก็คือ Casino ที่เน้นจับนักท่องเที่ยวต่างชาติ (ถ้าคนสิงค์โปร์เข้า จะเสียค่าเข้า เพราะเขาไม่สนับสนุนให้คนของเขาเล่นการพนัน) -- วันนี้เศรษฐกิจเน้นหนักไปที่ภาคบริการที่ทันสมัย การสร้างประเทศให้เป็นศูนย์กลางการเงินของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งหมดนี้ อยู่ภายใต้วิสัยทัศน์ ของชายที่ชื่อ "ลี กวน ยู" --ทุกครั้งที่ไทยจะขุดคลองคอดกระ ก็จะมีชายคนนี้ ถือกระเป๋า เจมส์บอนด์ บรรจุด้วยเงินสด ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ "เบรคโครงการได้ทุกยุคทุกสมัย" --วันนี้รัฐบาลอภิสิทธ์ได้ เสนอแผนท่อส่งน้ำมัน ..หรือนี่จะเป็นการกระตุ้นให้ "ลี กวน ยู" มาเที่ยวเมืองไทยอีกรอบ!!-- แต่ด้วยอายุของ "ลี กวน ยู" ที่มากขึ้น ครั้งนี้ อาจต้องให้ลูกชาย "ลี เซียง ลุง" หิ้วกระเป๋ามาแทน !!(ล้อเล่นนะ...หุ หุ)
ผมได้เกร่ินมาอย่างยืดยาว เพราะอยากจะชี้ถึง ประเด็นการพัฒนาประเทศที่อาศัย เงินและอำนาจที่เบ็ดเสร็จ สิงค์โปร์ในวันนี้เป็นแบบอย่างที่จีนแผ่นดินใหญ่พยายามเดินตาม ..ด้วยปริมาณการค้าของจีนที่เกินดุล ส่งผลให้ Reserve ที่มีในมือ "ถือได้ว่ามากที่สุดในโลก"
หากมองไปรอบๆเอเชีย จะพบว่าเศรษฐกิจที่ประสบความสำเร็จ สูงสุด ก็คือ สิงค์โปร์และ มาเลเซีย (จับคนขัง ไม่ต้องสืบสวน (ยิ่งกว่า) พรก.ฉุกเฉิน แต่ไม่เห็นมีใครท้วงติง!!"อย่างว่า ประเทศเขารวย ไม่มีใครกล้าแตะ..หุ หุ) ..มาตอนนี้ก็จีนเอาบ้าง(ผูกขาดและกีดกันการค้า ส่งเสริมการลงทุนในจีนเท่านั้น และกันการโอนเงินออก!!)--- จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ ทั้งสามประเทศนี้มีเหมือนกันก็คือ "เผด็จการทุนนิยม"
การ มีระบบการเมืองที่มั่นคง กลับทำให้ ทุนนิยมสามารถ เติบโต ซึ่งขัดกับความเชื่อสมัยก่อน ว่าเผด็จการกับทุนนิยม มันไปด้วยกันไม่ได้ แต่ทุกวันนี้ เราได้เรียนรู้จาก สิงค์โปร์, มาเลเซีย และ จีน ว่า "เผด็จการทุนนิยมมันเป็นไปได้" แถมมันยังเติบโตได้อย่างมั่นคงตลอด 30 ปีที่ผ่านมา
ซึ่งถ้ามองให้ดีแล้ว การที่ประเทศต่างๆมุ่งสู่การเป็นประชาธิปไตย มันไม่ได้การันตีความมั่งคั่งแต่อย่างใด เพราะแท้จริงแล้ว ทุนนิยมต่างหากที่สร้างให้เกิดจุดนั้น ส่วนเผด็จการกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ก็หลอมจนแทบแยกจากกันไม่ออก -- เศรษฐกิจเอเชียในวันนี้ช่างท้าทายแนวคิดดังเดิมของการเมืองการปกครองที่เคย มีมาในอดีตเสียจริงๆ??
"เผด็จการทุนนิยม..น่าคิด!!" --แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น "เผด็จการ"ที่ว่า ต้องฉลาดและเข้าใจการค้า อย่างพื้นฐานของสิงค์โปร์ผู้นำมีความรู้ทางด้านการค้าขาย ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นกฏหมายต่างๆ(เอื้อต่อการจัดการรวมทั้งภาษีธุรกิจที่จูงใจ)การ จัดการเงินทุน(ก็ง่ายต่อการเคลื่อนย้าย และใช้ดอลล่าห์เป็นสกุลเงินซึ่งไม่ต้องเสี่ยง ในการเคลื่อนย้ายแบบไทย) คือทุกกฎเกณฑ์จะออกมาแบบเข้าใจการค้า... "จุดนี้ทำให้ สิงค์โปร์เป็นศูนย์กลางทางด้านการค้าและการเงิน" ประเด็นนี้ ผู้นำและระบบราชการไทยยังตีโจทย์ไม่แตก และนี่ก็คือ Key success Factor ของสิงค์โปร์ คือ แม้ไม่มีทรัพยากรแต่ใช้เพียงสมองก็ "ชนะได้"...
เขียนโดย pawawit ที่ http://pawawit.blogspot.com
แกะรอย สิงค์โปร์ (เป้าหมายที่ดูไบไปไม่ถึง)
-
- Verified User
- โพสต์: 78
- ผู้ติดตาม: 0
แกะรอย สิงค์โปร์ (เป้าหมายที่ดูไบไปไม่ถึง)
โพสต์ที่ 2
อย่างที่พี่กล่าวละครับว่าอยู่ที่สมองของคน เค้าถึงได้พัฒนาได้ขนาดนี้
ดังนั้นถ้าเรายังไม่ยอมลงทุนกับการศึกษา ก็คงต้องยอมกับการเดินตามหลังคนชนชาติทั้งสามนี้ต่อไป...
ขอบคุณสำหรับบทความนี้ครับ..น่าไปเที่ยวคาสิโนเค้าจิงๆ ฮิฮิๆๆ
ดังนั้นถ้าเรายังไม่ยอมลงทุนกับการศึกษา ก็คงต้องยอมกับการเดินตามหลังคนชนชาติทั้งสามนี้ต่อไป...
ขอบคุณสำหรับบทความนี้ครับ..น่าไปเที่ยวคาสิโนเค้าจิงๆ ฮิฮิๆๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 19
- ผู้ติดตาม: 0
แกะรอย สิงค์โปร์ (เป้าหมายที่ดูไบไปไม่ถึง)
โพสต์ที่ 3
คนเก่งมี แต่อยู่ไม่ได้ เข้าใจปะ ถ้าคุณมีความรู้ความสามารถมากกว่า คนที่กำลังปกครองบ้านเมืองอยู่ ถามว่าเขาจะเก็บคุณไว้เหรอ
มีเต่เขาจะถีบคุณไปไกลๆ เพราะวันนึงคุณจะสามารถอยู่สูงกว่าพวกเขาได้และ อำนาจ กะ เงินทอง มันไม่เข้าใครออกใคร ไม่ว่าเก่ง ไม่เก่ง ดี ไม่ดี มันก็อยากได้กันทั้งนั้น ถ้าคนไทย ยึดมั่นในหลักการความจริง วิเคราะห์เหตุการณ์ และสภาพตลาดเป็น ไม่ใคว่เคว่ไปกับข่าวหลวง ข่าวหลอก ข่าวจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ทุกคนก็จะสามารถ เป็นได้อย่าง บัฟเฟตต์
ไม่ต้องไปหวังพึ่งผู้นำ หรือเดินตามใคร ถ้าเราเดินตามความถูกต้องและความจริง ประเทศไทยก็คงไม่เป็นแบบนี้
ถ้าจะโทษใคร ก็ให้โทษ ตัวเอง ที่อ่อนแอ หูเบา หัวอ่อน ขี้เกียจ ไทยมุง
ชอบคิดว่าเงินมันจะหล่นลงมาเหมือนฝน ชอบหาเงินง่ายๆ
ชีวิตมันต้องพึ่งตัวเอง ไอ้น้อง
มีเต่เขาจะถีบคุณไปไกลๆ เพราะวันนึงคุณจะสามารถอยู่สูงกว่าพวกเขาได้และ อำนาจ กะ เงินทอง มันไม่เข้าใครออกใคร ไม่ว่าเก่ง ไม่เก่ง ดี ไม่ดี มันก็อยากได้กันทั้งนั้น ถ้าคนไทย ยึดมั่นในหลักการความจริง วิเคราะห์เหตุการณ์ และสภาพตลาดเป็น ไม่ใคว่เคว่ไปกับข่าวหลวง ข่าวหลอก ข่าวจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ทุกคนก็จะสามารถ เป็นได้อย่าง บัฟเฟตต์
ไม่ต้องไปหวังพึ่งผู้นำ หรือเดินตามใคร ถ้าเราเดินตามความถูกต้องและความจริง ประเทศไทยก็คงไม่เป็นแบบนี้
ถ้าจะโทษใคร ก็ให้โทษ ตัวเอง ที่อ่อนแอ หูเบา หัวอ่อน ขี้เกียจ ไทยมุง
ชอบคิดว่าเงินมันจะหล่นลงมาเหมือนฝน ชอบหาเงินง่ายๆ
ชีวิตมันต้องพึ่งตัวเอง ไอ้น้อง