UPDATE : ยอดขายรถ ก.ค.พุ่ง

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
CHOOKY
Verified User
โพสต์: 540
ผู้ติดตาม: 0

UPDATE : ยอดขายรถ ก.ค.พุ่ง

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ยอดขายรถ ก.ค.พุ่งอีก 6.5 หมื่นคัน โตถึง52% รวม7เดือนขายกระฉูด 4.2แสนคัน

ตลาดรถยนต์ยังขายดิบขายดี ล่าสุดเดือนก.ค.ขายเพิ่มอีก 6.5หมื่นคัน เพิ่มขึ้น 52% เพิ่มขึ้นหมดทั้งเก๋ง-ปิคอัพ และกระบะ 1 ตัน รวมยอดขายสะสม7เดือน 4.2 แสนค้น เพิ่มขึ้นเกือบ 54% แจงเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นศก.ของรัฐบาล ผู้บริโภคมั่นใจ และมีรถใหม่ลงตลาดต่อเนื่อง

นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์เดือนกรกฎาคม 2553 ว่ามีปริมาณการขายทั้งสิ้น 65,672 คัน เพิ่มขึ้น 52.2% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 28,780 คัน เพิ่มขึ้น 64.1% รถเพื่อการพาณิชย์ 36,892 คัน เพิ่มขึ้น 44.0% รวมทั้ง รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ จำนวน 31,115 คัน เพิ่มขึ้น 39.8%    

@ประเด็นสำคัญ
1.ตลาดรถยนต์เดือนกรกฎาคม มีปริมาณการขาย 65,672 คัน เพิ่มขึ้น 52.2%  เติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงเศรษฐกิจของประเทศที่มีทิศทางดีขึ้น โดยตลาดรถยนต์นั่งมีปริมาณการขาย 28,780 คัน เพิ่มขึ้น 64.1% เป็นผลมาจากความนิยมต่อเนื่องในตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ส่งผลให้อัตราการเติบโตของตลาดรถยนต์นั่งโดยเฉลี่ยของปี2553 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 60 ด้านตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่มีปริมาณการขาย 36,892 คัน เพิ่มขึ้น 44.0% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประกอบกับการส่งเสริมการขายที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค

2.ตลาดรถยนต์สะสม 7 เดือนแรก มีปริมาณการขาย 422,364 คัน เพิ่มขึ้น 53.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 60.3% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 49.3% เป็นผลมาจากความต่อเนื่องของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่สร้างสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจส่งผลให้รายได้ภาคครัวเรือนดีขึ้น ประกอบกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดีขึ้น อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่เหมาะสม และการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่มีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี

3.ตลาดรถยนต์ในเดือน สิงหาคม ยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากความนิยมต่อเนื่องในรถยนต์นั่ง และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์รุ่นใหม่ที่แนะนำมาตั้งแต่ต้นปี ประกอบกับการจัดกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่องของบริษัทรถยนต์ต่างๆ  ตลอดจนรายได้ภาคครัวเรือนที่ยังขยายตัวได้ดีตามการขยายตัวของการผลิตทั้งภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรม

4.ด้วยปัจจัยต่างๆที่ส่งผลดีต่อตลาดรถยนต์รวมในประเทศในปีนี้ ส่งผลให้บริษัทรถยนต์ได้ปรับเป้าหมายของตลาดรถยนต์รวมในประเทศในปีนี้ โดยคาดว่าจะสูงถึง 750,000 คัน กอปรกับแนวโน้วภาวะเศรษฐกิจในหลายๆประเทศที่เริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้การส่งออกรถยนต์เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน จากความต้องการรถจากลูกค้าในทวีปหลัก ๆ ที่มีเพิ่มมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม กรกฎาคม 2553
1) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 422,364 คัน เพิ่มขึ้น 53.8%                              
    อันดับที่ 1 โตโยต้า 170,951 คัน     เพิ่มขึ้น   50.3%  ส่วนแบ่งตลาด 40.5%
    อันดับที่ 2 อีซูซุ       82,253 คัน      เพิ่มขึ้น   42.4%  ส่วนแบ่งตลาด 19.5%  
    อันดับที่ 3 ฮอนด้า  62,047 คัน       เพิ่มขึ้น   31.6%   ส่วนแบ่งตลาด 14.7%  
2) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 182,055 คัน เพิ่มขึ้น60.3%                                
    อันดับที่ 1 โตโยต้า 73,235 คัน  เพิ่มขึ้น    49.2%    ส่วนแบ่งตลาด 40.2%
    อันดับที่ 2 ฮอนด้า 56,617 คัน   เพิ่มขึ้น    27.0%    ส่วนแบ่งตลาด 31.1%
    อันดับที่ 3 มาสด้า  16,907 คัน  เพิ่มขึ้น   527.6%    ส่วนแบ่งตลาด  9.3%
3) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย  204,508 คัน เพิ่มขึ้น  46.1%
    อันดับที่ 1 โตโยต้า  86,833 คัน  เพิ่มขึ้น   48.5%   ส่วนแบ่งตลาด 42.5%  
    อันดับที่ 2 อีซูซุ     76,637 คัน   เพิ่มขึ้น    41.4%  ส่วนแบ่งตลาด 37.5%  
    อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 15,350 คัน เพิ่มขึ้น    109.1%       ส่วนแบ่งตลาด  7.5%  
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 21,343 คัน
โตโยต้า 11,016 คัน - มิตซูบิชิ 5,929 คัน - อีซูซุ 3,867 คัน - ฟอร์ด 531 คัน
4) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 183,165 คัน เพิ่มขึ้น 45.3%
    อันดับที่ 1 โตโยต้า 75,817 คัน เพิ่มขึ้น    50.5%    ส่วนแบ่งตลาด 41.4%  
    อันดับที่ 2 อีซูซุ     72,770 คัน  เพิ่มขึ้น    41.6%   ส่วนแบ่งตลาด 39.7%
    อันดับที่ 3 นิสสัน   12,461 คัน  เพิ่มขึ้น    21.7%  ส่วนแบ่งตลาด  6.8%  
5) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 240,309 คัน เพิ่มขึ้น 49.3%                    
    อันดับที่ 1 โตโยต้า 97,716 คัน  เพิ่มขึ้น   51.2%     ส่วนแบ่งตลาด 40.7%  
    อันดับที่ 2 อีซูซุ     82,253 คัน    เพิ่มขึ้น   42.4%    ส่วนแบ่งตลาด 34.2%  
    อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ  15,351 คัน  เพิ่มขึ้น  109.1%   ส่วนแบ่งตลาด  6.4%  

ที่มา : วันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เวลา 18:35:54 น.  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

แสดงยินดีกับผู้ถือหุ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์ นะครับ :cheers:
"ค้นหาคุณค่าให้พบ แล้วซื้อหุ้นกิจการที่ดีนั้น ซึ่งมีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี และยังมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง"
ming1714
Verified User
โพสต์: 1246
ผู้ติดตาม: 0

UPDATE : ยอดขายรถ ก.ค.พุ่ง

โพสต์ที่ 2

โพสต์

โตโยต้านี่ สุดยอดจริงๆ ^^'
Dekfaifah
Verified User
โพสต์: 1220
ผู้ติดตาม: 0

UPDATE : ยอดขายรถ ก.ค.พุ่ง

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ครับ แบบนี้ก็สบายใจได้ว่ายอดขายยังไปได้สวย  สอดคล้องกับยอดการผลิต
ภาพประจำตัวสมาชิก
ronnachai
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 167
ผู้ติดตาม: 0

UPDATE : ยอดขายรถ ก.ค.พุ่ง

โพสต์ที่ 4

โพสต์

กลุ่มยานยนต์จะเป็นอย่างไรบ้างนะ
ความรู้สำคัญ แต่ความเข้าใจสำคัญกว่า :8)
p_sarun
Verified User
โพสต์: 78
ผู้ติดตาม: 0

UPDATE : ยอดขายรถ ก.ค.พุ่ง

โพสต์ที่ 5

โพสต์

แล้วทำไม กำไรของ irc ลดลง ครับ งงงงงงงงง  :(
ภาพประจำตัวสมาชิก
CHOOKY
Verified User
โพสต์: 540
ผู้ติดตาม: 0

UPDATE : ยอดขายรถ ก.ค.พุ่ง

โพสต์ที่ 6

โพสต์

[quote="p_sarun"]แล้วทำไม กำไรของ irc ลดลง ครับ งงงงงงงงง
"ค้นหาคุณค่าให้พบ แล้วซื้อหุ้นกิจการที่ดีนั้น ซึ่งมีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี และยังมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง"
Windy
Verified User
โพสต์: 543
ผู้ติดตาม: 0

UPDATE : ยอดขายรถ ก.ค.พุ่ง

โพสต์ที่ 7

โพสต์

แบ็ตเตอรี่ โคมไฟรถ อิเลคโทรนิกส์ในรถ ยางรถน่าจะขายดีขึ้น
ทางด่วนน่าจะมีลูกค้ามากขึ้น
น้ำมันก็น่าจะใช้่กันมากขึ้น
สารเคมีในอุตสาหกรรมรถยนต์ก็น่าจะขายดี
ภาพประจำตัวสมาชิก
CHOOKY
Verified User
โพสต์: 540
ผู้ติดตาม: 0

UPDATE : ยอดขายรถ ก.ค.พุ่ง

โพสต์ที่ 8

โพสต์

:cry:
ผมพลาดหุ้น >10 เด้ง ในเวลาไม่เกิน 2 ปี ในกลุ่มรถยนต์ (อิเล็คทรอนิกส์-รถยนต์)  ต่อไปถ้าเลือกแล้ว ศึกษาแล้ว เข้าใจแล้ว ถ้าไม่ลงมือทำ  และหนักแน่นเพียงพอ  ก็ไม่มีประโยชน์จริงๆ
"ค้นหาคุณค่าให้พบ แล้วซื้อหุ้นกิจการที่ดีนั้น ซึ่งมีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี และยังมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง"
โพสต์โพสต์