อสูรกายในขวดแก้ว by IH.

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
booklover
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1063
ผู้ติดตาม: 0

อสูรกายในขวดแก้ว by IH.

โพสต์ที่ 1

โพสต์

อ่านเจอใน Greenbull ห้อง value

คิดว่าสนุกและมีประโยชน์เลยเอามาฝากครับ พี่ IH. เป็นคนเขียน

« เมื่อ 19/08/2010 , 00:15:06 »   Edit
--------------------------------------------------------------------------------
ผมเคยได้เขียนเล่าเรื่อง " อสูรกายในขวดแก้ว " ไว้ตั้งแต่ปลายปี 2546 ซึ่งปีนั้นเป็นปีที่ตลาดหุ้นขึ้นจาก 380 จุดเป็น 800 จุด ซึ่งหุ้นในตลาดได้ขึ้นเยอะมากทั้งหุ้นพื้นฐานอย่าง PTT หรือกระทั่งหุ้นเก็งกำไร หุ้นหลายตัวขึ้นไปหลายเท่าตัว ท้ายสุดตลาดหุ้นในปี 2547 ก็ปรับตัวลงอย่างรุนแรงจนเหลือ 580 จุด ซึ่งคนที่ถือหุ้นที่พอมีพื้นฐานก็ไม่เสียหายมากนัก แต่คนที่ติดหุ้นเก็งกำไรในรอบนั้ันอาจจะขาดทุนได้ถึง 90- 99% ครับ ถ้าใครนึกไม่ถึงว่าขาดทุนมากกว่า 99% มีได้ที่ไหนกัน ผมใบ้ให้ครับว่าเป็นหุ้นอสังหาฯ ตัวหนึ่งที่เคยมี mkt cap ขึ้นไปถึงกว่า 6-7 หมื่นล้านครับ


ตลาดรอบนี้แม้จะไม่ร้อนแรงเท่าปี 2546 แต่เริ่มเห็นสัญญาณฟองสบู่ในหุ้นบางตัว และรูปแบบการเก็งกำไรเริ่มเปลี่ยนไป หุ้นที่เก็งกำไรโดยขาดพื้นฐานรองรับอาจจะไม่ได้รับความนิยมเหมือนเดิม และราคาหุ้นส่วนใหญ่ก็ยังไม่ถึงกับขึ้นแพงหรือน่าห่วงเท่าตอนปี 2546 แต่บรรยากาศในช่วงนี้ก็ทำให้ผมนึกถึงบทความนี้ขึ้นมา แม้ว่าในปัจจุบันหุ้นอสูรกายยังไม่ได้เกิดขึ้นมากมายนัก แต่การเตือนก่อนเหตุการณ์จะเกิดย่อมดีกว่าการปล่อยให้เกิดไปแล้วจึงมาพูดทีหลังครับ

บทความเรื่อง " อสูรกายในขวดแก้ว "

-----------------------------------------------------------------------

เรื่องนี้เป็นนิยายต่างประเทศ มีชายที่เป็นตัวเอกของเรื่อง ที่มีฐานะไม่สู้ดีนัก หลงรักผู้หญิงคนนึงเป็นลูกสาวเศรษฐี ด้วยความที่มีฐานะด้อยกว่ามากจึงไม่สามารถสู่ขอแต่งงานได้ ชายคนนั้นจึงมีความทุกข์เป็นอย่างมาก จนกระทั่งได้เข้าไปนั่งในร้านเหล้าแห่งหนึ่ง ก็เห็นชายคนหนึ่งเป็นผู้มีอันจะกินแต่งตัวดีมากคนหนึ่ง แต่สีหน้าไม่สู้ดีนัก พระเอกจึงเข้าไปถามว่าพี่ชายก็มีเงินทองขนาดนี้ทำไม่ถึงมีความทุกข์อีกเล่า ชายคนนั้นจึงเล่าให้ฟังว่า เขามีขวดอยู่ใบหนึ่ง มีอสูรกายอยู่ภายในและสามารถขอได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแก้วแหวนเงินทอง คฤหาสน์หลังโต ข้าทาสบริวารจำนวนมาก และเขาอยากจะขายแก้วอสูรกายนี้ให้กับพระเอก แต่มีเงื่อนไขว่าผู้ที่ซื้อขวดนี้จะต้องขายต่อในราคาต่ำกว่าที่ซื้อมาทุกครั้งและหากไม่สามารถขายได้ก่อนตายเมื่อตายไปจะต้องอยู่ในนรกตลอดกาล

พระเอกก็โกรธและกล่าวว่าเอาสิ่งชั่วร้ายอย่างนี้มาให้เขาทำไม ชายคนนั้นใจเย็นและกล่าวต่อว่า " คิดดูสิ เธอก็ซื้อขวดนี้ไป ขอทุกอย่างที่ต้องการให้หมด และขายขวดนี้ไปให้คนอื่น เมื่อก่อนขวดใบนี้ราคาเป็นล้านเหรียญ ต้องเป็นเศรษฐีเท่านั้นถึงซื้อได้ ตอนนี้ดูสิเหลือแค่ 70 เหรียญเอง "

พระเอกด้วยความที่มีความรักอยู่และต้องการเงินเพื่อจะไปแต่งงานกับคนรักซึ่งเป็นลูกสาวเศรษฐีจึงซื้อขวดนี้ไป และสามารถขอทุกอย่างที่ปรารถนาได้ตามที่ชายผู้ขายว่าไว้จริงๆ และความร่ำรวยขึ้นมหาศาลทันตาเห็นทำให้เป็นที่เลื่องลือและมีคนอยากเอาเป็นเยี่ยงอย่าง พระเอกก็สามารถขายขวดนี้ไปได้ไม่ยากเย็นนักในราคา 69 เหรียญ หลังจากนั้นพระเอกก็ไปสู่ขอนางเอกและเข้าพิธีแต่งงานสมใจ

เรื่องราวดูเหมือนจะจบลงแบบ happy แต่เมื่อแต่งงานได้ไม่นาน พระเอกก็พบว่าตัวเองกำลังเป็นโรคเรื้อนซึ่งเป็นโรคที่สมัยนั้นยังไม่สามารถรักษาให้หายได้ พระเอกจึงทุกข์ใจอย่างยิ่งและได้นึถึงขวดอสูรกายขึ้นมา แต่เวลาก็ได้ผ่านไปพอสมควร ขวดใบนั้นได้ถูกเปลี่ยนมือหลายครั้งจนราคาลดลงเรื่อยๆ ด้วยความไม่ยั้งคิดอยากที่จะหายจากโรคร้ายทำให้พระเอกได้ซื้อขวดนี้มาในราคา 1 เซ็นต์ ซึ่งหมายความว่าจะขายในราคาต่ำกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

แม้ว่าพระเอกจะหายจากโรคเรื้อน แต่ก็ต้องพบกับความทุกข์อย่างสาหัสกว่าเดิม เพราะการเก็บขวดไว้จนตายจะต้องเผชิญกับความน่ากลัวอย่างยิ่ง จนนางเอกผู้เป็นภรรยามีความสงสัยจึงได้รู้เรื่องราวความจริงเข้า จึงได้ช่วยหาทางแก้ไข

จนกระทั่งภรรยาสืบทราบว่ามีเมืองแห่งหนึ่งที่หน่วยของเงินเล็กกว่าเซ็นต์ คือ 1 เซ็นต์แลกได้ 5 หน่วยของเงินเมืองนั้น ทั้งคู่จึงเดินทางไป แต่เมื่อทั้งคู่ได้เล่าความทั้งข้อดีและข้อเสียของขวด ก็ไม่มีใครในเมืองยอมซื้อเพราะกลัวที่จะต้องตกนรกตลอดไป ด้วยความเสียสละ นางเอกจึงปลอมตัวเป็นคนมาซื้อขวดไป พระเอกซึ่งไม่รู้จึงขายได้ไปและมีความยินดีอย่างมาก แต่ก็แปลกใจที่ทำไมนางเอกดูเหมือนมีความทุกข์อยู่ ท้ายสุดพระเอกรู้ความจริง จึงทำแบบเดียวกันบ้างคือมาปลอมตัวมาซื้อขวดไปอีก

เรืองนี้จบลงด้วยมีคนเมาและกึ่งๆ บ้ารายหนึ่งมาซื้อขวดไปที่ราคา 1 หน่วย พระเอกนางเอกจึงกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอีกครั้ง ก็จบแบบ happy ending ตามแบบฉบับนิยายครับ

เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงหุ้นที่มีการปั่นราคาทุกครั้ง หุ้นที่สามารถขึ้นได้ 3 เท่า 5 เท่าหรือ 10 เท่าตัว ก็เหมือนการซื้อขวดอสูรกายที่สามารถให้โชคลาภได้ แต่สำหรับตลาดหุ้น เราไม่มีทางรู้ว่าเราจะเป็นคนสุดท้ายที่จะถือขวดใบนั้นหรือไม่ครับ และอาจจะมีคนถือขวดใบนั้นได้มากกว่า 1 คนครับ

ดังนั้น ในตลาดแบบนี้มีหุ้นปั่นที่ผมอาจจะเรียกแทนว่าหุ้นอสูรกายจำนวนมาก จึงอยากให้เพื่อนๆ คิดถึงเรื่องนี้ไว้เป็น
b4solid
Verified User
โพสต์: 1098
ผู้ติดตาม: 0

อสูรกายในขวดแก้ว by IH.

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ได้ข้อคิดดี :idea:
ขอบคุณครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10548
ผู้ติดตาม: 1

อสูรกายในขวดแก้ว by IH.

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณครับ คุณ IH ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย

นิทานเรื่องนี้ มาได้จังหวะที่ดี ในช่วงนี้พอดี
Dekfaifah
Verified User
โพสต์: 1220
ผู้ติดตาม: 0

อสูรกายในขวดแก้ว by IH.

โพสต์ที่ 4

โพสต์

บทความดีๆแบบนี้ ขอบคุณมากครับ ที่นำมาให้อ่าน
Green
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2846
ผู้ติดตาม: 1

อสูรกายในขวดแก้ว by IH.

โพสต์ที่ 5

โพสต์

เห็นมีอีกเรื่องที่คนเราชอบเปรียบเทียบ ตลาดหุ้นกับงานเลี้ยงบุฟเฟ่

ปีที่แล้ว ดัชนี ราวขึ้นไป 70% จากปีก่อนหน้า   พอปีนี้จนถึงปัจจุบัน ขึ้นไปต่ออีก 22% จากต้นปี  

แต่ดู ตลาดตอนนี้ ครึกครื้น กว่าแต่ก่อนมาก ขนาดแค่ ขึ้นไปแค่ 20% กว่าๆ เท่านั้น เองนะ ใครๆ ก็สนใจ หุ้น บทสนทนา กับคนรอบข้าง ก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน  เพื่อนฝูง พี่น้อง ญาติๆ แต่อารมณ์ ดี เพราะได้ ตัวโน้น บ้าง ตัวนี้บ้าง  

ตลาดหุ้นไทย ไม่ได้สัมผัส งานเลี้ยงแบบนี้ บ่อยๆ หรือ มีงานเลี้ยงแบบนี้ได้นานๆ ส่วนใหญ่มักเป็นปาร์ตี้กร่อยๆ แปร๊บๆ ก็มีเรื่องโน้น เรื่องนี้ แล้วก็เลิกรากันไป  ไม่เหมือนตลาดหุ้นในอเมริกาที่บูมยาวเป็น สิบปีในช่วงปี 1990-2000 ที่ดัชนี่ดาวโจนส์ จาก 2000 กว่าจุด 10000 จุดภายในเวลา 10 ปี แต่ไม่มีงานเลี้ยงไหนที่ไม่มีวันเลิกลา เพราะสิบปีต่อมา คือปัจจุบัน ดาวโจนส์ก็ยังอยู่แค่นี้ ไม่ต้องพูดถึง แนสแด๊ก ที่ยิ่งกว่านี้อีก

ผมไม่รู้ ว่า SET ของเรานี้ มันอยู่ในช่วงไหนของงานเลี้ยงแล้ว แต่ ตราบใด ยังมีอาหารเติมมาให้กินเรื่อยๆ คือบริษัทมีผลประกอบการณ์ ที่ดีขึ้น ต่อเนื่อง คนก็ยังเข้ามากินเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าค่าตั๋ว มันจะแพงขึ้นเหมือนกัน ก็ตาม แต่หลักการของ วีไอ นั้นก็สามารถ เตือนสติให้เราได้ว่า อาหารที่ยังเหลืออยู่ในงานเลี้ยงนั้นมันคุ้มค่ากับราคาที่เราต้องจ่ายค่าตั๋วหรือไม่  

ถ้าไม่ เราก็ไปเลือกกินที่อื่นก็ได้  ทุกวันนี้ช่องทางลงทุนมันเปิดกว้างกว่าแต่ก่อนมากมาย

โชคดีในการลงทุนนะคร้าบบ
yy
Verified User
โพสต์: 6427
ผู้ติดตาม: 1

อสูรกายในขวดแก้ว by IH.

โพสต์ที่ 6

โพสต์

และคุณ IH ก็ได้คอมเมนต์เพิ่มเติมอีกว่า

ครั้งนี้อสูรกายอาจจะไม่ได้ไปสิงหุ้นเน่าก็ได้นะครับ แต่อาจจะไปสิงหุ้นพื้นฐานปานกลาง หรือหุ้นที่เรียกกันว่าหุ้น VI ก็ได้นะครับ

มันอาจะเหมือนหุ้นเทคโนโลยีหรือ NASDAQ ตอนปี 2000 ครับ คือ ราคามันสะท้อนอนาคตไปไกลเกินไป
เมื่อทุกอย่างกลับเข้าสู่ความจริง หุ้นตัวที่แข็งแกร่งและมีการเติบโตได้จริงก็จะทำความเสียหายให้กับนักลงทุนได้น้อยกว่าในช่วงตลาดขาลงครับ
คนที่รู้ว่าตัวเองยังไม่รู้ ย่อมมีโอกาสเรียนรู้
mprandy
Verified User
โพสต์: 1992
ผู้ติดตาม: 0

อสูรกายในขวดแก้ว by IH.

โพสต์ที่ 7

โพสต์

คุณ IH ยังคงเยี่ยมยอดเหมือนเดิมครับ :8)
ไม่สน return rate เยอะ, ขอแค่ financial freedom ภายใน 14 ปีก็พอ..
------------------------
comrade
Verified User
โพสต์: 788
ผู้ติดตาม: 1

อสูรกายในขวดแก้ว by IH.

โพสต์ที่ 8

โพสต์

yy เขียน:และคุณ IH ก็ได้คอมเมนต์เพิ่มเติมอีกว่า

ครั้งนี้อสูรกายอาจจะไม่ได้ไปสิงหุ้นเน่าก็ได้นะครับ แต่อาจจะไปสิงหุ้นพื้นฐานปานกลาง หรือหุ้นที่เรียกกันว่าหุ้น VI ก็ได้นะครับ
อันนี้สิน่ากลัว
ภาพประจำตัวสมาชิก
minkyman
Verified User
โพสต์: 176
ผู้ติดตาม: 0

อสูรกายในขวดแก้ว by IH.

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ขอบคุณครับ
อุ อา กะ สะ
earthcu
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 348
ผู้ติดตาม: 0

อสูรกายในขวดแก้ว by IH.

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ขอบคุณครับ P'IH และ P' booklover สำหรับบทความเตือนใจดีๆ
Life is beautiful + Financial freedom within 2015 by investment stock & real estate
ภาพประจำตัวสมาชิก
nattachai
Verified User
โพสต์: 371
ผู้ติดตาม: 0

อสูรกายในขวดแก้ว by IH.

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ขอบคุณครับ
โพสต์โพสต์