เรื่องของความกลัว
-
- Verified User
- โพสต์: 3
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของความกลัว
โพสต์ที่ 1
ต้องกราบขอโทษทุกก่อนนะครับ อยากแชร์ความรู้สึกของวันที่ 6กันยายนหน่อยครับ ไม่รู้ตัวเองเป็นอะไรเหมือนกันรู้สึกว่าไม่มีความสุขที่จะถือหุ้นต่อ
แม้หุ้นในพอร์ทจะบวกทุกตัวโดยเฉลี่ย+30% แต่เมื่อเห็นพอร์ทโปรฟิตมันลดลง ใจก็อยู่นิ่งไม่ได้กลัวว่าพอร์ทจะดิ่งลงมา เลยตัดสินใจล้างพอร์ททั้งหมด อีกใจนึงก็เสียดายเพราะเคยคาดคะเนพอร์ทน่าจะเพิ่มได้อีกเท่าตัว หลังจากเลิกงานปวดหัวนอนไม่หลับเลยครับ ในใจเสียดายมาก จะซื้อกลับก็เห็นราคามันไปมากแล้วเกรงว่าจะอยู่ยอดดอย ตอนนี้ก็เลยทำได้อย่างเดียวครับคือรอดูอยู่ห่างๆเพื่อเข้าไปซื้อกลับเข้ามาเหมือนเดิม แต่ก็เป็นไปได้ยากมาก จึงอยากขอแชร์ความรู้สึกและขอคำแนะนำ เพื่อนๆพี่ๆในบอร์ด รบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
แม้หุ้นในพอร์ทจะบวกทุกตัวโดยเฉลี่ย+30% แต่เมื่อเห็นพอร์ทโปรฟิตมันลดลง ใจก็อยู่นิ่งไม่ได้กลัวว่าพอร์ทจะดิ่งลงมา เลยตัดสินใจล้างพอร์ททั้งหมด อีกใจนึงก็เสียดายเพราะเคยคาดคะเนพอร์ทน่าจะเพิ่มได้อีกเท่าตัว หลังจากเลิกงานปวดหัวนอนไม่หลับเลยครับ ในใจเสียดายมาก จะซื้อกลับก็เห็นราคามันไปมากแล้วเกรงว่าจะอยู่ยอดดอย ตอนนี้ก็เลยทำได้อย่างเดียวครับคือรอดูอยู่ห่างๆเพื่อเข้าไปซื้อกลับเข้ามาเหมือนเดิม แต่ก็เป็นไปได้ยากมาก จึงอยากขอแชร์ความรู้สึกและขอคำแนะนำ เพื่อนๆพี่ๆในบอร์ด รบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
- kabu
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2149
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของความกลัว
โพสต์ที่ 2
อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ
ขายแล้วได้กำไรก็น่าจะดีใจนะครับ
ทำอะไรก็ได้ที่ทำแล้วเราสบายใจ ไม่เบียดเบียนผู้อื่นดีที่สุดครับ
ขายแล้วได้กำไรก็น่าจะดีใจนะครับ
ทำอะไรก็ได้ที่ทำแล้วเราสบายใจ ไม่เบียดเบียนผู้อื่นดีที่สุดครับ
"หนทางเดียวที่จะก้าวพ้นขอบเขตของความเป็นไปได้ คือก้าวเข้าสู่ความเป็นไปไม่ได้", Arthur C. Clarke
สมุดบันทึก: http://kabuvi.wordpress.com/
สมุดบันทึก: http://kabuvi.wordpress.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 503
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของความกลัว
โพสต์ที่ 3
ผมว่า ความรู้สึกเเบบนั้นเคยเกิดขึ้นกับผมนะครับ
มันเกิดตอนที่ผมไม่รู้ว่าจริงๆเเล้วหุ้นที่ซื้อไป มีพื้นฐานอย่างไร
ซื้อตามเเรงเชียร์บ้าง ซื้อตามความนิยมของตลาดบ้าง
ที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมใช้มาร์จิ้นเยอะมาก มันเลยเครียดสุดๆ
ตอนนี้ผมลงทุนจากเงินออมจริงๆ ทุกครั้งที่ลงทุนตั้งใจว่าจะไม่นำเงินไปทำ
อย่างอื่นถ้าตราบใดก็ตามที่หุ้นยังให้ผลตอบเเทนที่น่าพอใจ ราคาลดลงมาก็
ยิ่งดีเลย ซื้อได้ถูกลง ปันผลก็จะได้เยอะขึ้น (ผมจัดพอรท์ให้มีปันผลประมาณ
6 %+ ครับ )
ซื้อเเล้วก็เลยถือไปเเบบลืมๆ อ่านงบดุล ตามข่าวอยู่อย่างห่างๆ
ไม่ได้ตั้งเป้าว่าต้องกำไรสูงสุด เเต่ถือว่าขอลงทุนเเล้วนอนหลับได้สบาย
มีผลตอบเเทนที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องไปวัดดวง ด้วยการซื้อๆขายๆ
มันเกิดตอนที่ผมไม่รู้ว่าจริงๆเเล้วหุ้นที่ซื้อไป มีพื้นฐานอย่างไร
ซื้อตามเเรงเชียร์บ้าง ซื้อตามความนิยมของตลาดบ้าง
ที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมใช้มาร์จิ้นเยอะมาก มันเลยเครียดสุดๆ
ตอนนี้ผมลงทุนจากเงินออมจริงๆ ทุกครั้งที่ลงทุนตั้งใจว่าจะไม่นำเงินไปทำ
อย่างอื่นถ้าตราบใดก็ตามที่หุ้นยังให้ผลตอบเเทนที่น่าพอใจ ราคาลดลงมาก็
ยิ่งดีเลย ซื้อได้ถูกลง ปันผลก็จะได้เยอะขึ้น (ผมจัดพอรท์ให้มีปันผลประมาณ
6 %+ ครับ )
ซื้อเเล้วก็เลยถือไปเเบบลืมๆ อ่านงบดุล ตามข่าวอยู่อย่างห่างๆ
ไม่ได้ตั้งเป้าว่าต้องกำไรสูงสุด เเต่ถือว่าขอลงทุนเเล้วนอนหลับได้สบาย
มีผลตอบเเทนที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องไปวัดดวง ด้วยการซื้อๆขายๆ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 230
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของความกลัว
โพสต์ที่ 8
คิดว่าคุณ wiwato คงลงทุนไม่นานนัก เลยไม่มั่นใจ เป็นเรื่องธรรมดาครับ สมมุติว่าเราลงทุนทำธุรกิจอะไรดีอ่ะ เช่นทำโรงงานตุ๊กตาขาย ซึ่งอาจเคยขายดี แต่ตอนนี้เริ่มมีคนก๊อปแบบเราได้แล้ว คุณกับผมอาจจะรู้สึกว่าอาจจะขายไม่ได้ล่ะช่วงนี้ ถ้าอีกสามเดือนเกิดเศรษฐกิจแย่ โครงการเราเจ๊งแน่ เราเลยรีบขายก่อนในภาวะที่ยังกำไร ๓๐ เปอร์ฌซ็นต์ อันนี้ เราทำถูกแล้ว อ่ะเปลี่ยนใหม่ เราขายของกินเช่นเป็นเจ้าของร้านบะหมี่ที่ใครๆก็ชอบ แต่ผมบอกคุณว่าไม่พอ ผมอยากให้เราเป็นอันดับ ๑ ด้วย คู่แข่งสู้ไม่ได้ เอาชนิดที่ยังไงต้องหาทางมากินร้านเราให้ได้ เอาแหละแค่นี้คุณอาจเริ่มรู้สึกว่า เราคงไม่ขายธุรกิจดีๆอย่างนี้ใช่ไหม นั้นไม่พอครับ ผมจะซื้อธุรกิจต่อเมื่อผมรู้สึกว่าผมซื้อได้ในราคาที่ถูกมาก หรือถูกเมื่อเทียบกับอนาคตมัน คุณก็จะยิ่งไม่อยากขายใช่ไหมครับ ถูกแล้วครับคุณไม่มีวันขายร้านบะหมี่อันดับ๑ ร้านนี้แน่นอน ดังนั้นลองกลับไปดูนะครับที่ขายไปเป็นแบบหนึ่ง หรือแบบสอง ถ้าธุรกิจนั้นไม่ยั่งยืน ขายก่อนดีแล้วครับ แต่ถ้ายั่งยืนก้ไม่จำเป็นต้องขายครับ ผมไม่ใบ้หุ้น่ะครับ คงเข้าใจนะครับ
- GeneraX
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของความกลัว
โพสต์ที่ 9
ถ้าคิดจะลงทุนยาวๆ และเราประมาณราคาที่เหมาะสมของหุ้นได้ การที่หุ้นราคาลงมา สิ่งที่ดีที่สุดก็คืออยู่เฉยๆนั่นแหละครับ หลายๆครั้ง(ไม่ใช่บางครั้ง) หุ้นมันก็ขึ้น หรือลงโดยไม่มีสาเหตุ
เราน่าจะใช้ความไร้เหตุผลตรงนี้มาเป็นประโยชน์นะครับ เช่นซื้อเพิ่มเมื่อมันราคาตกลงมา(ถ้าไม่มีเงินก็อยู่เฉยๆ) หรือขายทิ้งถ้าคิดว่าราคามันเวอร์เกินไปแล้ว ไม่ใช่ทำตรงกันข้าม
กับประโยคที่ว่า "อีกใจนึงก็เสียดายเพราะเคยคาดคะเนพอร์ทน่าจะเพิ่มได้อีกเท่าตัว" นี่แหละที่ผมว่าเป็นตัวปัญหา เพราะถ้าเรามั่นใจด้วยเหตุและผลว่ามูลค่าที่แท้จริงของหุ้นมันต้องมากกว่านี้ แล้วราคามันตกลงมา มันก็ยิ่งน่าซื้อเพิ่มมากกว่า แต่มันกลายเป็นว่าเรามากังวลกับกำไร ขาดทุนระยะสั้นๆ ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับพฐ.ธุรกิจในระยะยาวเลย ทำให้เราทำสิ่งที่ตรงกันข้าม
จริงๆผมก็เข้าใจความรู้สึกนะครับ เพราะผมพึ่งเข้ามาตลาดต้นปี 08 โดนไปเต็มๆ ซึ่งถ้าเราคิดว่าราคามันจะตก แล้วจะขายทิ้งไปก่อน แล้วคิดว่าจะรับกลับตอนที่มันลงสุดแล้ว ถ้าทำได้ในทางปฏิบัตินั้นถือเป็นแผนการลงทุนที่วิเศษมากๆครับ แต่เราต้องมี assumption ที่สำคัญมาก 2 ข้อ
1.เราต้องรู้ว่า เมื่อไหร่ราคาจะลง
2.เราต้องรู้ว่า ลงถึงเท่าไหร่จะเรียกว่า"สุด"
ปัญหาคือในทางปฏิบัติมันเป็นไปไม่ได้น่ะสิครับ :lol:
ถ้าเป็นผมไหนๆก็ขายไปแล้ว เอาเวลามานั่งวิเคราะห์หุ้นเหล่านั้นใหม่ดีกว่ามั้ยครับ ถ้าตัดเรื่องที่ราคากำลังดิ่งลงออกไป แล้วพิจารณาดูดีๆว่า ณ ราคานี้ ถือเป็นการลงทุนที่ดีหรือไม่...ถ้าใช่...เป็นผมก็กลับเข้าไปใหม่เดี๋ยวนี้เลยครับ
เราน่าจะใช้ความไร้เหตุผลตรงนี้มาเป็นประโยชน์นะครับ เช่นซื้อเพิ่มเมื่อมันราคาตกลงมา(ถ้าไม่มีเงินก็อยู่เฉยๆ) หรือขายทิ้งถ้าคิดว่าราคามันเวอร์เกินไปแล้ว ไม่ใช่ทำตรงกันข้าม
กับประโยคที่ว่า "อีกใจนึงก็เสียดายเพราะเคยคาดคะเนพอร์ทน่าจะเพิ่มได้อีกเท่าตัว" นี่แหละที่ผมว่าเป็นตัวปัญหา เพราะถ้าเรามั่นใจด้วยเหตุและผลว่ามูลค่าที่แท้จริงของหุ้นมันต้องมากกว่านี้ แล้วราคามันตกลงมา มันก็ยิ่งน่าซื้อเพิ่มมากกว่า แต่มันกลายเป็นว่าเรามากังวลกับกำไร ขาดทุนระยะสั้นๆ ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับพฐ.ธุรกิจในระยะยาวเลย ทำให้เราทำสิ่งที่ตรงกันข้าม
จริงๆผมก็เข้าใจความรู้สึกนะครับ เพราะผมพึ่งเข้ามาตลาดต้นปี 08 โดนไปเต็มๆ ซึ่งถ้าเราคิดว่าราคามันจะตก แล้วจะขายทิ้งไปก่อน แล้วคิดว่าจะรับกลับตอนที่มันลงสุดแล้ว ถ้าทำได้ในทางปฏิบัตินั้นถือเป็นแผนการลงทุนที่วิเศษมากๆครับ แต่เราต้องมี assumption ที่สำคัญมาก 2 ข้อ
1.เราต้องรู้ว่า เมื่อไหร่ราคาจะลง
2.เราต้องรู้ว่า ลงถึงเท่าไหร่จะเรียกว่า"สุด"
ปัญหาคือในทางปฏิบัติมันเป็นไปไม่ได้น่ะสิครับ :lol:
ถ้าเป็นผมไหนๆก็ขายไปแล้ว เอาเวลามานั่งวิเคราะห์หุ้นเหล่านั้นใหม่ดีกว่ามั้ยครับ ถ้าตัดเรื่องที่ราคากำลังดิ่งลงออกไป แล้วพิจารณาดูดีๆว่า ณ ราคานี้ ถือเป็นการลงทุนที่ดีหรือไม่...ถ้าใช่...เป็นผมก็กลับเข้าไปใหม่เดี๋ยวนี้เลยครับ
Financial Discipline + Value Investment + Time = Financial Independence
- unnop.t
- Verified User
- โพสต์: 924
- ผู้ติดตาม: 1
เรื่องของความกลัว
โพสต์ที่ 10
เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า เมื่อไหร่คือจุดต่ำสุด หรือจุดสูงสุด บางครั้งเราอาจขายหมู บางครั้งเราอาจติดดอย
ดังนั้นทางที่ดีที่สุด ผมจะขายก็ต่อเมื่อ
1. พื้นฐานกิจการเปลี่ยนจริง ๆ
2. มันไม่โตแล้ว
3. วิเคราะห์ผิด
4. เจอตัวอื่นที่น่าสนใจกว่า แต่ไม่เงินสดพอ
5. คิดว่ามันเต็มมูลค่าไปมาก (อันนี้วิเคราะห์ยากหน่อย)
ผมพยายามคิดอยู่เสมอว่า เราซื้อเพราะเหตุผลอะไร ถ้าจะขายก็ต้องเป็นเพราะเหตุผลนั้น เช่น ถ้าคุณซื้อเพราะว่ามันเป็นวัฎจักรขาขึ้น คุณอาจจะขายเพราะมันเริ่มวัฎจักรขาลงแล้ว หรือถ้าคุณซื้อเพราะว่ามันเป็นหุ้นกำลังโตเรื่อย ๆ คุณจะขายเริ่มมันเริ่มหยุดโตแล้ว
บางครั้งอาจจะรู้สึกเสียดายกำไรที่ลดลง ตอนที่หุ้นกำลังลง คุณอาจจะตัดสินใจถูก หรือผิดก็ได้ไม่มีใครรู้ได้ตอนนั้น :?
แต่เราควรจะหาเหตุผลจริง ๆมารองรับ ไม่ได้ใช้อารมณ์ตัดสินใจ นั่นคือประเด็นครับ
ดังนั้นทางที่ดีที่สุด ผมจะขายก็ต่อเมื่อ
1. พื้นฐานกิจการเปลี่ยนจริง ๆ
2. มันไม่โตแล้ว
3. วิเคราะห์ผิด
4. เจอตัวอื่นที่น่าสนใจกว่า แต่ไม่เงินสดพอ
5. คิดว่ามันเต็มมูลค่าไปมาก (อันนี้วิเคราะห์ยากหน่อย)
ผมพยายามคิดอยู่เสมอว่า เราซื้อเพราะเหตุผลอะไร ถ้าจะขายก็ต้องเป็นเพราะเหตุผลนั้น เช่น ถ้าคุณซื้อเพราะว่ามันเป็นวัฎจักรขาขึ้น คุณอาจจะขายเพราะมันเริ่มวัฎจักรขาลงแล้ว หรือถ้าคุณซื้อเพราะว่ามันเป็นหุ้นกำลังโตเรื่อย ๆ คุณจะขายเริ่มมันเริ่มหยุดโตแล้ว
บางครั้งอาจจะรู้สึกเสียดายกำไรที่ลดลง ตอนที่หุ้นกำลังลง คุณอาจจะตัดสินใจถูก หรือผิดก็ได้ไม่มีใครรู้ได้ตอนนั้น :?
แต่เราควรจะหาเหตุผลจริง ๆมารองรับ ไม่ได้ใช้อารมณ์ตัดสินใจ นั่นคือประเด็นครับ
ตลาดหุ้นมักจะหลอกเราด้วย ความโลภ และความกลัว.....
-
- Verified User
- โพสต์: 36
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของความกลัว
โพสต์ที่ 11
เป็นเหมือนกันเลยครับ
เครียดมาอาทิตย์กว่า วันที่6เครียดสุดๆ
เห็นดัชนีมันขึ้นเอาๆ หุ้นในportลดลงๆ
อยากซื้อเพิ่มก็ไม่มีเงิน
เลยสลับตัว ขายตัวที่คิดว่ายังไม่น่าขึ้น
ไปรับตัวที่น่าจะrebound
พอเย็นราคาปิดดันต่ำกว่าที่ซื้อไปหลายเปอร์เซนต์
เครียดหนักไปอีก
ต้องค้นหนังสือวอร์เรน บัฟเฟ็ตต์มาอ่านทวน
นึกถึงคำสอนให้มองไกลๆ
เลยทำใจได้ สบายใจขึ้น
วันนี้หุ้นในportแดงไป2ตัวจาก5ตัว
ทั้งที่เคยบวกไปถึง60กว่าเปอร์เซนต์
ซื้อเฉลี่ยมาเรื่อยจนติดลบจนได้
ไอ้ซุปปลาไหลของคุณเด็กเลี้ยงแกะนี่แหละ
แต่ยังไง ส่วนตัวเชื่อว่าปลายเดือนนี้-เดือนหน้าหุ้นจะลงหนัก
เพราะสาเหตุทางการเมือง
เลยว่าจะหาจังหวะขายช่วงฝรั่งยังอยู่
ไปรอรับช่วงฝรั่งเผ่น ยังเกร็งๆอยู่ว่าคิดผิดอีกไหมเนี่ย
VIจำเป็นต้องถือรอด้วยหรือ ถ้าเราเชื่อว่ามันจะต้องตกแน่ๆน่ะ
เครียดมาอาทิตย์กว่า วันที่6เครียดสุดๆ
เห็นดัชนีมันขึ้นเอาๆ หุ้นในportลดลงๆ
อยากซื้อเพิ่มก็ไม่มีเงิน
เลยสลับตัว ขายตัวที่คิดว่ายังไม่น่าขึ้น
ไปรับตัวที่น่าจะrebound
พอเย็นราคาปิดดันต่ำกว่าที่ซื้อไปหลายเปอร์เซนต์
เครียดหนักไปอีก
ต้องค้นหนังสือวอร์เรน บัฟเฟ็ตต์มาอ่านทวน
นึกถึงคำสอนให้มองไกลๆ
เลยทำใจได้ สบายใจขึ้น
วันนี้หุ้นในportแดงไป2ตัวจาก5ตัว
ทั้งที่เคยบวกไปถึง60กว่าเปอร์เซนต์
ซื้อเฉลี่ยมาเรื่อยจนติดลบจนได้
ไอ้ซุปปลาไหลของคุณเด็กเลี้ยงแกะนี่แหละ
แต่ยังไง ส่วนตัวเชื่อว่าปลายเดือนนี้-เดือนหน้าหุ้นจะลงหนัก
เพราะสาเหตุทางการเมือง
เลยว่าจะหาจังหวะขายช่วงฝรั่งยังอยู่
ไปรอรับช่วงฝรั่งเผ่น ยังเกร็งๆอยู่ว่าคิดผิดอีกไหมเนี่ย
VIจำเป็นต้องถือรอด้วยหรือ ถ้าเราเชื่อว่ามันจะต้องตกแน่ๆน่ะ
เป็นVIต้องอดทน
- GeneraX
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของความกลัว
โพสต์ที่ 14
มันก็กลับมาปัญหาเดิมว่า เราจะรู้ได้ไงว่าเมื่อไหร่หุ้นจะตก แล้วถ้ามันไม่ตกล่ะครับ :?:linkdreams เขียน:เป็นเหมือนกันเลยครับ
เครียดมาอาทิตย์กว่า วันที่6เครียดสุดๆ
เห็นดัชนีมันขึ้นเอาๆ หุ้นในportลดลงๆ
อยากซื้อเพิ่มก็ไม่มีเงิน
เลยสลับตัว ขายตัวที่คิดว่ายังไม่น่าขึ้น
ไปรับตัวที่น่าจะrebound
พอเย็นราคาปิดดันต่ำกว่าที่ซื้อไปหลายเปอร์เซนต์
เครียดหนักไปอีก
ต้องค้นหนังสือวอร์เรน บัฟเฟ็ตต์มาอ่านทวน
นึกถึงคำสอนให้มองไกลๆ
เลยทำใจได้ สบายใจขึ้น
วันนี้หุ้นในportแดงไป2ตัวจาก5ตัว
ทั้งที่เคยบวกไปถึง60กว่าเปอร์เซนต์
ซื้อเฉลี่ยมาเรื่อยจนติดลบจนได้
ไอ้ซุปปลาไหลของคุณเด็กเลี้ยงแกะนี่แหละ
แต่ยังไง ส่วนตัวเชื่อว่าปลายเดือนนี้-เดือนหน้าหุ้นจะลงหนัก
เพราะสาเหตุทางการเมือง
เลยว่าจะหาจังหวะขายช่วงฝรั่งยังอยู่
ไปรอรับช่วงฝรั่งเผ่น ยังเกร็งๆอยู่ว่าคิดผิดอีกไหมเนี่ย
VIจำเป็นต้องถือรอด้วยหรือ ถ้าเราเชื่อว่ามันจะต้องตกแน่ๆน่ะ
แหะๆ ไม่ได้กวนนะครับ อยากทราบจริงๆว่าพี่planไว้ว่าอย่างไร ถ้าล้าง port ไปแล้ว มันไม่ตก แล้วกลับพุ่งๆขึ้นไปต่อแบบตอนช่วงเผาเมือง แล้วเราก็จะมาคิดว่า"รู้งี้"อีกรึเปล่า
คห.ส่วนตัวนะครับ ผมมองว่าถ้าใครก็ตามที่ทำนายตลาดได้แม่นยำขนาดที่ว่า รู้ว่าจะตกเมื่อไหร่จะขึ้นเมื่อไหร่ เป็นผมคงไม่มาเป็น VI วิเคราะห์หุ้นให้เหนื่อยอ่ะครับ ไปเล่นตลาด future เลยน่าจะรุ่งกว่า :D
Financial Discipline + Value Investment + Time = Financial Independence
-
- Verified User
- โพสต์: 62
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของความกลัว
โพสต์ที่ 15
ถ้าอยากมองตลาดเป็นเกณฑ์ ในการซื้อขาย
ประสบการณ์จะสอนไปเรื่อยๆ ครับว่าสถานการณ์แบบไหนควรเริ่มขายได้แล้ว สถานการณ์แบบไหน เริ่มซื้อได้แล้ว
ต้องจำไว้เป็นครูไปเรื่อยๆ
ผมผ่านการขึ้นลงของหุ้นมามากมาย
ปัจจัยเศรษฐกิจสำคัญมากครับ ไม่อยากให้มองแต่ในตลาด มองสภาพเศรษฐกิจมากๆ เพราะหลายครั้งเป็นตัวมาชี้วัด การลงแบบกรู่ไม่กลับมาหลายครั้งแล้ว
ตลาดขึนอยู่กับอารมณ์ก็จริง แต่อารมณ์ก็มีที่มาของมันเสมอครับ
ประสบการณ์จะสอนไปเรื่อยๆ ครับว่าสถานการณ์แบบไหนควรเริ่มขายได้แล้ว สถานการณ์แบบไหน เริ่มซื้อได้แล้ว
ต้องจำไว้เป็นครูไปเรื่อยๆ
ผมผ่านการขึ้นลงของหุ้นมามากมาย
ปัจจัยเศรษฐกิจสำคัญมากครับ ไม่อยากให้มองแต่ในตลาด มองสภาพเศรษฐกิจมากๆ เพราะหลายครั้งเป็นตัวมาชี้วัด การลงแบบกรู่ไม่กลับมาหลายครั้งแล้ว
ตลาดขึนอยู่กับอารมณ์ก็จริง แต่อารมณ์ก็มีที่มาของมันเสมอครับ
"I Think ,Therefore I am"
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
เรื่องของความกลัว
โพสต์ที่ 16
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นอนิจจัง แม้แต่ชีวิตของเราเองก็เป็นอนิจจัง... ใยเราต้องไปยึดติดด้วย
กำไร/ขาดทุนเป็นแค่ตัวเลข ที่แสนจะไม่เที่ยง เป็นอนิจจังที่เห็นได้ชัด... แล้วทำไมใจเราต้องเป็นทุกข์ไปยึดติดมันด้วย...
ถ้าเราเข้าใจถึงความไม่เที่ยงของกำไรและขาดทุนในระยะสั้นแล้ว การที่เราจะขาดทุนกำไร ขาดทุนขาดทุน ขาดทุน 30% ขาดทุน 50% เราก็คงจะใช้ชีวิตได้มีความสุขมากกว่านี้...
กำไร/ขาดทุนเป็นแค่ตัวเลข ที่แสนจะไม่เที่ยง เป็นอนิจจังที่เห็นได้ชัด... แล้วทำไมใจเราต้องเป็นทุกข์ไปยึดติดมันด้วย...
ถ้าเราเข้าใจถึงความไม่เที่ยงของกำไรและขาดทุนในระยะสั้นแล้ว การที่เราจะขาดทุนกำไร ขาดทุนขาดทุน ขาดทุน 30% ขาดทุน 50% เราก็คงจะใช้ชีวิตได้มีความสุขมากกว่านี้...
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของความกลัว
โพสต์ที่ 17
picatos เขียน:ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นอนิจจัง แม้แต่ชีวิตของเราเองก็เป็นอนิจจัง... ใยเราต้องไปยึดติดด้วย
กำไร/ขาดทุนเป็นแค่ตัวเลข ที่แสนจะไม่เที่ยง เป็นอนิจจังที่เห็นได้ชัด... แล้วทำไมใจเราต้องเป็นทุกข์ไปยึดติดมันด้วย...
ถ้าเราเข้าใจถึงความไม่เที่ยงของกำไรและขาดทุนในระยะสั้นแล้ว การที่เราจะขาดทุนกำไร ขาดทุนขาดทุน ขาดทุน 30% ขาดทุน 50% เราก็คงจะใช้ชีวิตได้มีความสุขมากกว่านี้...
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของความกลัว
โพสต์ที่ 18
ของผมชายออกบางส่วน
ขายหมูส่วนที่ขายออกมาแต่ที่เหลือก็ทำให้พอร์ทโตมากๆจะเสียก็กะไรอยู๋ ก็ต้องดีใจ
ขายแล้วช๊อตมาซื้อที่ต่ำกว่าก็รู้สึกดีใจที่ขายบางส่วนเล่นรอบได้
ผมก็ไม่เครียดครับ ชิวๆแม้นขายแล้วจะขึ้นหรือลงก็ตาม
ขายหมูส่วนที่ขายออกมาแต่ที่เหลือก็ทำให้พอร์ทโตมากๆจะเสียก็กะไรอยู๋ ก็ต้องดีใจ
ขายแล้วช๊อตมาซื้อที่ต่ำกว่าก็รู้สึกดีใจที่ขายบางส่วนเล่นรอบได้
ผมก็ไม่เครียดครับ ชิวๆแม้นขายแล้วจะขึ้นหรือลงก็ตาม
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
-
- Verified User
- โพสต์: 3
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของความกลัว
โพสต์ที่ 19
ต้องขอขอบคุณทุกท่านด้วยนะครับ สำหรับทุกความคิดเห็นและกำลังใจ ตอนนี้เป็นปกติแล้วครับ แต่กำลังหาข้อมูลเพื่อศึกษาหุ้นตัวต่อไปที่จะลงทุนในหุ้น(กิจการ)ที่ได้เปรียบและสามารถชนะตลาดได้ในระยะยาวตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนกว่าเดิมและไม่ตกเป็นทาสอารมณ์ของตลาด ศึกษาพื้อนฐานของกิจการให้มากขึ้นทำการบ้านให้มากขึ้นเพื่อที่จะเป็นอิสระทางการเงินเสียที ขอบคุณทุกๆท่านมากนะครับที่สละเวลามาอ่าน จะไม่ลืมเลยครับเว็บนี้กำลังใจสุดยอดเลยครับ ผมจะสู้ต่อไปตราบเท่าที่ยังมีชีวิตอยู่
- leaderinshadow
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1765
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของความกลัว
โพสต์ที่ 20
ไม่มีใครไม่เคยผิดครับ
แต่ขอให้เรารู้ว่าเราผิดพลาดเพราะอะไร เรียนรู้ และจำไว้เป็นบทเรียน
เพื่อที่จะไม่ผิดซ้ำ ในที่นี้หลายๆท่านก็เคยพลาดมาก่อน
แต่เมื่อผิด แล้วต้องยอมรับ และแก้ไข
สิ่งนี้ทำให้หลายๆท่านในเว็บนี้ สำเร็จวิชา จนบรรลุเป็นเซียนร้อยล้านพันล้านกัน
ผมก็พยายามเดินตามรอยหลายๆท่านที่บรรลุวิชาแล้ว
นั่นคือ วิชาความผิดพลาดครับ :lol: (แล้วแก้ไข)
แต่ขอให้เรารู้ว่าเราผิดพลาดเพราะอะไร เรียนรู้ และจำไว้เป็นบทเรียน
เพื่อที่จะไม่ผิดซ้ำ ในที่นี้หลายๆท่านก็เคยพลาดมาก่อน
แต่เมื่อผิด แล้วต้องยอมรับ และแก้ไข
สิ่งนี้ทำให้หลายๆท่านในเว็บนี้ สำเร็จวิชา จนบรรลุเป็นเซียนร้อยล้านพันล้านกัน
ผมก็พยายามเดินตามรอยหลายๆท่านที่บรรลุวิชาแล้ว
นั่นคือ วิชาความผิดพลาดครับ :lol: (แล้วแก้ไข)
- simpleBE
- Verified User
- โพสต์: 2335
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของความกลัว
โพสต์ที่ 21
แนะนำให้กลับไปอ่าน The Intelligent Investor ครับ
เป็นหนังสือที่ให้คติเตือนใจได้ดีมากสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นที่สุดแสนจะผันผวน
การเลือกหุ้นถูกตัว การวางแผนกลยุทธที่ดีสำหรับการลงทุนถือว่ายากแล้ว
แต่การฝึกฝนและเตรียมพร้อมเรื่องของจิตใจยากยิ่งกว่ายากครับ
ที่พูดมานี่ผมก็เตือนใจตัวเองด้วยเหมือนกันครับ
เป็นหนังสือที่ให้คติเตือนใจได้ดีมากสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นที่สุดแสนจะผันผวน
การเลือกหุ้นถูกตัว การวางแผนกลยุทธที่ดีสำหรับการลงทุนถือว่ายากแล้ว
แต่การฝึกฝนและเตรียมพร้อมเรื่องของจิตใจยากยิ่งกว่ายากครับ
ที่พูดมานี่ผมก็เตือนใจตัวเองด้วยเหมือนกันครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 480
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของความกลัว
โพสต์ที่ 22
เส้นบางๆ ระหว่างการมองโลกในแง่ดีและแง่ร้าย รวมถึง "การบริหารความโลภ" ครับ
คนนึง มองราคา เปรียบเทียบกับ ต้นทุน มีกำไร 30% "มีความสุข" :D
อีกคน มองราคา เปรียบเทียบกับ ราคาที่จุดสูงสุด กำไรลดลง หรือขาดทุนกำไร "มีความทุกข์" :oops:
ถ้าไม่ทำความเข้าใจให้ดีว่า การลงทุนจะเกิดเรื่องแบบนี้ตลอดเวลา คือ มีขี้น และมีลง หรือ พูดง่ายๆ ว่ามีความผันผวน สิ่งเหล่านี้ก็จะเกิดขี้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ต่อให้คุณลงทุนไปแล้วประสบความสำเร็จ แต่ แลกมาด้วยความทุกข์ สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าจะเรียกได้ว่า ชนะหรือแพ้
"มีความสุขกับสิ่งที่เราได้ตัดสินใจอย่างดีที่สุดแล้ว" น่าจะทำให้ชีวิตเบาขึ้นนะครับุ
เป็นกำลังใจให้ทุกคนรวมถึงตัวผมเองด้วยนะครับ
คนนึง มองราคา เปรียบเทียบกับ ต้นทุน มีกำไร 30% "มีความสุข" :D
อีกคน มองราคา เปรียบเทียบกับ ราคาที่จุดสูงสุด กำไรลดลง หรือขาดทุนกำไร "มีความทุกข์" :oops:
ถ้าไม่ทำความเข้าใจให้ดีว่า การลงทุนจะเกิดเรื่องแบบนี้ตลอดเวลา คือ มีขี้น และมีลง หรือ พูดง่ายๆ ว่ามีความผันผวน สิ่งเหล่านี้ก็จะเกิดขี้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ต่อให้คุณลงทุนไปแล้วประสบความสำเร็จ แต่ แลกมาด้วยความทุกข์ สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าจะเรียกได้ว่า ชนะหรือแพ้
"มีความสุขกับสิ่งที่เราได้ตัดสินใจอย่างดีที่สุดแล้ว" น่าจะทำให้ชีวิตเบาขึ้นนะครับุ
เป็นกำลังใจให้ทุกคนรวมถึงตัวผมเองด้วยนะครับ
The miracle of compounding,
- manza125
- Verified User
- โพสต์: 92
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของความกลัว
โพสต์ที่ 23
แต่ละคนแนะนำดีๆทั้งนั้นเลยครับ
และเห็นด้วยกับพี่ unnop.t ครับ
[quote="unnop.t"]เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า เมื่อไหร่คือจุดต่ำสุด หรือจุดสูงสุด บางครั้งเราอาจขายหมู บางครั้งเราอาจติดดอย
และเห็นด้วยกับพี่ unnop.t ครับ
[quote="unnop.t"]เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า เมื่อไหร่คือจุดต่ำสุด หรือจุดสูงสุด บางครั้งเราอาจขายหมู บางครั้งเราอาจติดดอย
------------------------------
การพูด คือ อาหารของนักการเมือง
การวิเคราห์ คือ อาหารของวีไอ
การพูด คือ อาหารของนักการเมือง
การวิเคราห์ คือ อาหารของวีไอ
- theerasak24
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 621
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของความกลัว
โพสต์ที่ 26
ความรู้สึกนี้มันก็เกิดขึ้นกับผมด้วยแต่ท่องในใจว่าเรา VI (จำเป็น) และก็ห่างๆหน้าจอเสียบ้างอาจจะช่วยให้ใจดีขึ้น เพราะเราลงทุน ไม่ใช่เก็งกำไร เป้าหมายยังไง ก็เดินไปเลยครับ แต่ถ้าไม่มั่นใจกำไรเท่าที่ได้ก็อย่าเสียดายเลยครับ
"เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะยังคงทำสิ่งต่างๆ ต่อไปตราบใดที่มันยังให้ความรื่นรมย์และคุณก็ทำมันได้ดี"