The Quants:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
PERFECT LUCKY
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 795
ผู้ติดตาม: 0

The Quants:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

Value Way ฉบับวันที่ 20 กันยายน 2553
โดยวิบูลย์ พึงประเสริฐ

The Quants

ในปัจจุบันนักลงทุนในเมืองไทยจะนึกถึงการลงทุนในตลาดหุ้นส่วนใหญ่แบ่งเป็นสองประเภทคือนักเก็งกำไรและนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า แต่สำหรับตลาดหุ้นในต่างประเทศที่มีความหลากหลายของกองทุนต่างๆมากกว่าประเทศไทย เช่น สามารถตั้งเฮดฟันด์ได้ หรือมีกองทุนส่วนบุคคล (Private Equity) หรือ กองทุนเวนเจอร์ (Venture Capitalist) เป็นตัวขับเคลื่อนตลาดเงินและตลาดทุน การลงทุนของกองทุนเหล่านี้จะใช้หลักการใหม่ๆนอกเหนือจากที่นักลงทุนไทยคุ้นเคยกันดี หนึ่งในนั้นคือกลุ่มนักลงทุนที่ใช้เครื่องมือทางคณิตศาสตร์ในการลงทุน (Quantitative Analysis) เรียกกันว่า นักลงทุนแบบคณิตศาตร์หรือ Quants (Quantitative Investors)

ขณะที่ผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่มักจบมาจากคณะบริหารธุรกิจหรือเอ็มบีเอ แต่ผู้จัดการกองทุนกลุ่มนี้มักเป็นคนที่จบจากคณะคณิตศาสตร์หรือไม่ก็จากคณะฟิสิกส์ชั้นสูงตามมหาลัยชื่อดังต่างๆของอเมริกา สมัยก่อนนักศึกษาที่จบจากคณะเหล่านี้มักทำงานเป็นอาจารย์ตามมหาวิทยาลัยหรือไม่ก็ตามห้องทดลองต่างๆอย่างองค์กรนาซาหรือแผนกวิจัยของบริษัทใหญ่ๆ แต่ปัจจุบันนักศึกษาที่จบจากคณะเหล่านี้กลายมาเป็นผู้จัดการกองทุนกันเป็นจำนวนมาก
คนที่ถือว่าเป็นบิดาของนักลงทุนแบบคณิตศาตร์โดยริเริ่มนำคณิตศาตร์มาใช้ในการลงทุนคือเอ็ดเวิร์ด ทอร์ป (Edward Throp) ในช่วงปี 1956 ทอร์ปเริ่มนำคณิตศาตร์มาใช้ในการทำเงินครั้งแรกโดยเริ่มต้นที่โต๊ะแบล็คแจ็คในคาสิโน ด้วยความเป็นนักคณิตศาตร์ ทอร์ปได้ศึกษาการเล่นแบล็คแจ็คโดยการนำโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาใช้ในการคำนวณหาความน่าจะเป็นของการเอาชนะเจ้ามือโดยการคิดคั้นวิธีการนับๆไพ่ในสำรับ จากนั้นเขาเริ่มเล่นพนันด้วยเงิน 10,000 เหรียญ ในช่วงเวลาสุดสัปดาห์แรกเขาชนะพนันได้เงินมากกว่า 100%

จากนั้นเขาชนะการเล่นแบล็คแจ๊คไปทั้วอเมริกาเริ่มจากเมืองรีโนจนถึงลาสเวกัส เขาถึงกับตั้งทีมพนันเพื่อเล่นให้ชนะเจ้ามือในบ่อนการพนันต่างๆ ในปี 1962 เขาเขียนหนังสือชื่อ เอาชนะเจ้ามือ (Beat the Dealer) ซึ่งขายได้ถึง 700,000 เล่มรวมถึงติดอันดับหนังสือขายดีในอเมริกาในช่วงเวลาดังกล่าว
ในปี 1960 เขานำโมเดลคณิตศาตร์ของเขามาใช้ในวอลล์สตรีทโดยการตั้งกองทุนเฮดฟันด์ชื่อ Princeton/Newport Partners เขาให้ความสำคัญกับการคำนวณวอร์แรนต์ของหลักทรัพย์ต่างๆว่ามีราคาในตลาดเหมาะสมหรือไม่ มีความเบี่ยงเบนของราคาไปมากน้อยเพียงใด เขาพบว่าราคาวอร์แรนต์ส่วนใหญ่แพงเกินไป ด้วยการคำนวณราคาในตลาดเทียบกับราคาที่น่าจะเป็นรวมถึงโอกาสในการที่เหตุการณ์ต่างๆจะเกิดขึ้น เพียงเท่านี้เขาสามารถนำโปรแกรมที่เขาคิดคั้นขึ้นมาใช้ในการลงทุนได้เป็นอย่างดี ในช่วงเวลายี่สิบแปดปีจนถึงปี 1998 กองทุนของเขาทำผลตอบแทนทบต้นได้ปีละกว่า 20 เปอร์เซ็นต์

นักลงทุนแบบคณิตศาตร์รุ่นหลังๆนำหลักการของทอร์ปมาประยุกต์ใช้กับการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างๆนอกเหนือจากตลาดหุ้นเช่น ตลาดล่วงหน้า (Future Market) ตลาดสินค้าโภคภัณท์ (Commodities Market) หรือตลาดอนุพันธ์ต่างๆ (Derivative Market) มีผู้กล่าวว่าผู้จัดการกองทุนชนิดนี้เป็นต้นเหตุของเหตุการณ์เลวร้ายต่างๆในตลาดทุน เช่น เหตุการณ์แบล็คมันเดย์ในเดือนตุลาคม 1987 ที่หุ้นตกระนาวทั่วโลกในเวลาไม่กี่ชั่วโมง หรือเหตุการณ์การล้มละลายของกองทุนลองเทิมแคปปิตอล (Long-Term Capital) ในปี 1998 และล่าสุดเหตุการณ์ซัพไพร์มในปี 2008

ในประเทศไทย นักลงทุนที่ใช้หลักการคณิตศาตร์ในการลงทุนเช่นเดียวกันนี้ยังมีไม่มากนัก เหตุผลหนึ่งคือนักศึกษาไทยไม่ค่อยให้ความสนใจการเรียนวิชาคณิตศาตร์ในระดับสูงเพราะจบมาจะหางานยาก สู้ไปเรียนวิศวกรรมหรือบริหารธุรกิจจะทำเงินได้ง่ายกว่า แต่ในความเป็นจริงนักศึกษาจบใหม่ที่ทำเงินได้มากที่สุดในอเมริกาเมื่อปี 2008 คือคนที่เรียนจบปริญญาเอกด้านคณิตศาตร์ทำงานเป็นผู้จัดการกองทุนโดยใช้หลักการคณิตศาตร์ในการลงทุนนั่นเอง
Miracle Happens Everyday !
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว" :)
ภาพประจำตัวสมาชิก
alo5guy
Verified User
โพสต์: 244
ผู้ติดตาม: 0

The Quants:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

เรื่องนับไพ่ แบล็คแจ็ค มีหนังสือที่เขียน(เข้าใจว่าแต่งมาจากประสบการณ์จริง) เป็นเรื่องราวของกลุ่มนักศึกษา MIT กับอาจารย์สอนคณิตศาสตร์ที่รวมกลุ่มกันทำเงินในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยตระเวนไปเล่นไพ่ แบล็คแจ็ค ตามบ่อนต่างๆ โดยเฉพาะในลาสเวกัส โดยใช้วิธีนับไพ่ แต่บ่อนจับได้จึงโดยแบล็คลิสต์ห้ามเข้าบ่อน ตอนหลังมีเป็นภาพยนต์ออกมาชื่อเรื่อง "21" เนื้อหาก็สนุกพอใช้ได้

...ผมยังคุยกับเพื่อนเลยว่า ถ้ามันใช้ได้จริง เราไปฝึกนับไพ่แล้วบินไปถล่มลาสเวกัสกันเถอะ...
เข้าแก๊งไหน...หัวหน้าตายหมด
ภาพประจำตัวสมาชิก
EvolutionX
Verified User
โพสต์: 66
ผู้ติดตาม: 0

The Quants:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

" เขาพบว่าราคาวอร์แรนต์ส่วนใหญ่แพงเกินไป ด้วยการคำนวณราคาในตลาดเทียบกับราคาที่น่าจะเป็น"

ประโยคนี้ ก็เหมือน กับ ชาว VI วิเคราะห์ ราคา
แต่ต่างกันตรงที่ เขาต่อยอด ด้วยการคำนวณ เพียวๆ
ขอให้อยู่อย่างมีความหวัง แต่อย่าอยู่อย่างเพ้อฝัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
MO101
Verified User
โพสต์: 3226
ผู้ติดตาม: 1

The Quants:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ลาสเวกัสเขาห้ามนับไพ่ครับ
แต่ที่เขมร เพื่อนผมลองดูแล้ว 4-5 คนกำไรทุกคนแต่เล่นบ่อยไม่ได้
ไม่งั้นบ่อนโกรธ
ภาพประจำตัวสมาชิก
thaloengsak
Verified User
โพสต์: 2716
ผู้ติดตาม: 1

The Quants:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

นับไพ่เขาทำกันอย่างไร
ผมดู21แล้วไม่เข้าใจครับ
:)
ลงทุนเพื่อชีวิต
ภาพประจำตัวสมาชิก
alo5guy
Verified User
โพสต์: 244
ผู้ติดตาม: 0

The Quants:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ถ้าอ่านในหนังสือดูจะพอรู้วิธีครับจริงๆมีแต่งเป็นตำราแบบที่วิบูลย์ว่าด้วยครับแต่ผมไม่ได้สนใจไปดูหรอก

วิธีการ(จำได้คร่าวๆ)ประมาณว่า ถ้าไพ่ออกเลขใหญ่ๆไปแล้วให้นับเป็นบวกถ้าออกเลขเล็กๆให้นับเป็นลบ ไพ่แบล็คแจ็คคนที่จะเล่นได้เงินคือคนที่ได้แต้ม 21 ถ้าเกิน 21 ก็ถือว่าตานั้นตาย หรือถ้าไม่มีใครได้แต้ม 21 ก็มาวัดกันว่าใครจะมีแต้มมากกว่าจึงจะชนะ

ทีนี้วิธีเล่น จะให้หน้าม้าหลายคนกระจายไปตามโต๊ะต่างๆนั่งเล่นไปนับไพ่ไปสักระยะนึง ถ้าโต๊ะไหนนับไพ่ได้มีค่าบวกน้อยๆแสดงว่าไพ่ที่เหลือในสำรับยังเหลือไพ่เลขใหญ่ๆเยอะโอกาสที่คนที่จะเข้ามาเล่นในช่วงหลังจะได้แต้มมากๆ(21)มีสูง หน้าม้าก็จะส่งสัญญาณให้ผู้เล่นหลักเข้ามาโกยเงินจากโต๊ะนั้นครับ

เพิ่มเติมอีกนิดนึง...เข้าใจว่าในการเล่นแบล็คแจ็คเค้าจะใช้ไพ่ 6 สำรับน่ะครับไพ่ที่เปิดเล่นมาแล้วจะไม่เอามาเล่นอีก

...ที่เล่ามาเนี่ยผมไม่เคยไปบ่อนเขมรนะครับ อ่านเอาในหนังสือที่ว่านั่นแหละ...
เข้าแก๊งไหน...หัวหน้าตายหมด
kindaichi
Verified User
โพสต์: 22
ผู้ติดตาม: 0

The Quants:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ผมก็ใช้คณิตศาสตร์ในการลงทุนเหมือนกันนะเนี่ย  :lol:

แต่ใช้คำนวณ ค่า Prob ของการลงทุน หลังจากวิเคราะห์เรียบร้อยแล้ว

ตอนนี้ พยายาม หาหุ้น ที่ได้ A 4 ตัวอยู่ จะได้ติแตกแบบ ท่าน ดร. น.

อยากถามว่า A 4 ตัวจากไพ่ 1 สำรับ มีโอกาศชนะเท่าไหร่ครับ  :?:
คุณจะมองเห็นในสิ่งที่คุณ คิด
ภาพประจำตัวสมาชิก
yoyo
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4833
ผู้ติดตาม: 1

The Quants:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

MO101 เขียน:ลาสเวกัสเขาห้ามนับไพ่ครับ
แต่ที่เขมร เพื่อนผมลองดูแล้ว 4-5 คนกำไรทุกคนแต่เล่นบ่อยไม่ได้
ไม่งั้นบ่อนโกรธ
ผมไปที่เขมรก็ลองใช้ดูเหมือนกัน blackjack เลยกลายเป็นเกมที่ผมชอบที่สุด และก็เป็นเกมเดียวที่ผมเล่นระยะยาวแล้วกำไร บ่อนที่เขมรผมเคยถาม Dealer ว่านับได้มั๊ย เค้าก็บอกว่าพวกคนจีนมาเล่นชอบนับ ชาติอื่นไม่ค่อยเท่าไหร่ ซึ่งเค้าก็ปล่อยๆ ครับ เพราะว่าเกม Blackjack ส่วนใหญ่ในบ่อนเขมรมันมีแต่โต๊ะที่แทงไม่สูงแล้วจำนวนโต๊ะก็ไม่เยอะ ก็มีคนมานับเก็บกำไรไปบ้าง แต่คงไม่เยอะเท่าไหร่เค้าก็เลยปล่อยๆไป แต่ Vegas นี่โต๊ะ Blackjack มันเยอะ คนเล่นเยอะ เพราะงั้นจะมานับกินตังค์เค้าเค้าไม่ปล่อยเอาไว้หรอก...  :lol:
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
adi
Verified User
โพสต์: 1155
ผู้ติดตาม: 0

The Quants:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 9

โพสต์

เคยบ้าจี้ลงเรียนวิชานี้อีก อ่านหนังสือไม่รู้เรื่องนึกว่าหนังสือภาษากรีกซะอีก อะไรก็ไม่รู้ เบต้า แกมม่า อัลฟ่า โอเมก้า
A Cynic Knows the Price of Everything and the Value of Nothing
-Oscar Wilde, Lady Windemeres Fan
ภาพประจำตัวสมาชิก
simplelife
Verified User
โพสต์: 756
ผู้ติดตาม: 0

The Quants:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 10

โพสต์

alo5guy เขียน:ทีนี้วิธีเล่น จะให้หน้าม้าหลายคนกระจายไปตามโต๊ะต่างๆนั่งเล่นไปนับไพ่ไปสักระยะนึง ถ้าโต๊ะไหนนับไพ่ได้มีค่าบวกน้อยๆแสดงว่าไพ่ที่เหลือในสำรับยังเหลือไพ่เลขใหญ่ๆเยอะโอกาสที่คนที่จะเข้ามาเล่นในช่วงหลังจะได้แต้มมากๆ(21)มีสูง หน้าม้าก็จะส่งสัญญาณให้ผู้เล่นหลักเข้ามาโกยเงินจากโต๊ะนั้นครับ
ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่เราจะจั่วจนได้เลขเยอะ ประเด็นมันอยู่ที่แค่ว่า dealer เกิน 21 เราก็จะชนะครับ เพราะกติกามีอยู่ว่า dealer ต้องจั่วจนกว่าจะมีคะแนนมากกว่า 17 ขึ้นไปครับ ไพ่เลขเยอะเหลืออยู่เยอะ ก็ทำให้ dealer ต้องเสี่ยงจั่วหลายครั้ง ไพ่เลขเยอะ 10 J K Q แค่จั่วโดนก็เกิน 21 แล้วครับ
yoyo เขียน:ผมไปที่เขมรก็ลองใช้ดูเหมือนกัน blackjack เลยกลายเป็นเกมที่ผมชอบที่สุด และก็เป็นเกมเดียวที่ผมเล่นระยะยาวแล้วกำไร บ่อนที่เขมรผมเคยถาม Dealer ว่านับได้มั๊ย เค้าก็บอกว่าพวกคนจีนมาเล่นชอบนับ ชาติอื่นไม่ค่อยเท่าไหร่ ซึ่งเค้าก็ปล่อยๆ ครับ
เดี๋ยวนี้เขาใช้ไพ่ 6 สำรับ 8 สำรับ นับไปนานเลยครับกว่าจะได้ และถ้าจำไม่ผิด advantage ของเราดีกว่า dealer แค่ 1-2% เองครับ ในกรณีนับไพ่ 6 สำรับ
"I believe what I said yesterday. I don't know what I said, but I know what I think... and I assume it's what I said." -- Donald Rumsfeld
ภาพประจำตัวสมาชิก
หมักเตา
Verified User
โพสต์: 232
ผู้ติดตาม: 0

The Quants:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 11

โพสต์

แวะมาบอกว่า Resort World Sentosa เปลี่ยนกติกาแล้ว หลายเดือนก่อนยังแจกไพ่แบบโบราณอยู่ ตอนนั้นคนแน่นมาก ไม่มีที่นั่ง แถมวางชิพกันจนน่าเวียนหัว เลยขี้เกียจเข้าไปมุง
ตอนนี้ใช้แค่ 4 สำรับนะครับ แต่ว่าเอาเครื่อง Shuffle Master มาคอยสับไพ่ตลอด ฉะนั้น ไม่ต้องเสียเวลาไปนับครับ
สรุปว่า เหลือแต่ตาราง Blackjack Metrix ให้พึ่งพา ก็ยังพอเอาตัวรอดได้บ้าง

Marina Bay Sands ไม่รู้ครับ ไม่ได้ไปนานแล้ว ไม่ประทับใจในบริการ (และที่สำคัญ คือ ฮวงจุ้ยไม่ค่อยถูกกัน) แต่ถ้ายังไม่ใช้เครื่องสับไพ่ อาจจะได้เจอกันเร็วๆ นี้

ป.ล. หากรักจะเป็นนักพนัน กรุณาเจียดเศษเงิน 110 บาท ซื้อหนังสือ โอกาสและความน่าจะเป็น (เดิมชื่อ หลักการพนัน) มาอ่านซะก่อน
http://dekisugi.net/books เหมายกชุดก็แค่พันกว่าบาท

ถ้าอยากไม่รักดี ต้องไม่รักดีแบบมีสติครับ
โพสต์โพสต์