อยากขอความเห็นหุ้นกลุ่ม Electronic กับผลกระทบการแข็งค่าของเง
- aviruth
- Verified User
- โพสต์: 334
- ผู้ติดตาม: 0
อยากขอความเห็นหุ้นกลุ่ม Electronic กับผลกระทบการแข็งค่าของเง
โพสต์ที่ 2
ระยะสั้นกระทบ ระยะยาวไม่ค่อยเพราะสั่งวัตถุดิบทั้งหมดจากต่างประเทศจ่ายเป็นเงินดอลเหมือนกัน คู่แข่งก็แข็งเหมือนกันไม่ใช่ไทยประเทศเดียว
อย่าคาดหวังผลลัพธ์ที่แตกต่างด้วยการทำแบบเดิม
-
- Verified User
- โพสต์: 33
- ผู้ติดตาม: 0
อยากขอความเห็นหุ้นกลุ่ม Electronic กับผลกระทบการแข็งค่าของเง
โพสต์ที่ 3
ได้กำไรน้อยลงครับ
เพราะบริษัท Electronic ของไทยเรา เป็นผู้รับจ้างผลิต(OEM) ให้กับประเทศต่างๆ ทางฝั่งตะวันตก ซึ่งตกลงซื้อขายกันเป็นเงินดอลล์(แต่ถ้า บริษัททำประกันอัตราแลกเปลี่ยนไว้แล้ว ก็ดีใจด้วยครับ)
ปัจจุบัน เงินบาทไทยเรามีคุณภาพมากขึ้น ทำให้เงินบาทเรามีมูลค่ากว่าเดิม เราจึงใช้เงินบาทน้อยลงเพื่อเปลียนเป็นเงินดอล
เช่นเดียวกันเงินดอลล์ที่เราได้มา ก็มีมูลค่าที่ต่ำลง(เมื่อเปรียบเทียบกับเงินบาท) ดังนั้นเมื่อเรานำไปเปลี่ยนเป็นเงินบาท จึงได้รับเงินบาทน้อยลง เพราะเงินดอลล์ด้อยค่านั่นเอง
เปรียบเทียบดังนี้ครับ ---> บริษัทA
ปีพ.ศ. ขายได้เป็นเงินดอลล์ แปลงสภาพเป็นเงินบาท
2552 10 ล้าน 32 ล้าน
2553 10 ล้าน 30 ล้าน
*** เห็นแล้วใช้ไหมครับ การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้บริษัทกำไรหายไปถึง 2 ล้านเลยทีเดียว
*** ลองเอาไปคิดต่อดูสิครับ ว่าทุกๆการลดลง 1 บาท จะทำให้บริษัทได้รับรายได้น้อยลงไปกี่เปอร์เซ็นต์
--------------------------------------------------------------------------
ปล. แต่ถ้าบริษัท Electronic ของไทยเราเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนให้กับญี่ปุ่น, ใต้หวัน หรือเกาหลี ก็อีกเรื่องหนึ่งนะครับ เพราะของประเทศเหล่านี้ เงินของเขาก็แข็งค่าเหมือนกัน เมื่อเปรียบเทียบกับเงินดอลล์ และแข็งค่ายิ่งกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเงินของไทยเรา(เอ่อ!... เฉพาะญี่ปุ่นนะครับ ที่ทราบข่าว) ดังนั้นแล้ว ผมคิดว่าบริษัทไทยเราที่รับจ้างผลิตให้กับทางบริษัทญี่ปุ่น ปีนี้จะได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนครับ บรษัทของไทยเราที่ผลิตให้กับญี่ปุ่นที่ผมพอจะนึกออกก็เช่น MCS. KYE เป็นต้นครับ ส่วนบริษัทอาหารในกลุ่มแช่เยือกแข็งก็ผลิตให้กับทางญี่ปุ่นเช่นกันครับ ทั้ง TUF และ PPC แต่คงจะเป็นสั่ดส่วนไม่ถึง 10% หละมั๊งครับ เลยไม่ค่อยมีการพูดถึงกันนัก
เพราะบริษัท Electronic ของไทยเรา เป็นผู้รับจ้างผลิต(OEM) ให้กับประเทศต่างๆ ทางฝั่งตะวันตก ซึ่งตกลงซื้อขายกันเป็นเงินดอลล์(แต่ถ้า บริษัททำประกันอัตราแลกเปลี่ยนไว้แล้ว ก็ดีใจด้วยครับ)
ปัจจุบัน เงินบาทไทยเรามีคุณภาพมากขึ้น ทำให้เงินบาทเรามีมูลค่ากว่าเดิม เราจึงใช้เงินบาทน้อยลงเพื่อเปลียนเป็นเงินดอล
เช่นเดียวกันเงินดอลล์ที่เราได้มา ก็มีมูลค่าที่ต่ำลง(เมื่อเปรียบเทียบกับเงินบาท) ดังนั้นเมื่อเรานำไปเปลี่ยนเป็นเงินบาท จึงได้รับเงินบาทน้อยลง เพราะเงินดอลล์ด้อยค่านั่นเอง
เปรียบเทียบดังนี้ครับ ---> บริษัทA
ปีพ.ศ. ขายได้เป็นเงินดอลล์ แปลงสภาพเป็นเงินบาท
2552 10 ล้าน 32 ล้าน
2553 10 ล้าน 30 ล้าน
*** เห็นแล้วใช้ไหมครับ การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้บริษัทกำไรหายไปถึง 2 ล้านเลยทีเดียว
*** ลองเอาไปคิดต่อดูสิครับ ว่าทุกๆการลดลง 1 บาท จะทำให้บริษัทได้รับรายได้น้อยลงไปกี่เปอร์เซ็นต์
--------------------------------------------------------------------------
ปล. แต่ถ้าบริษัท Electronic ของไทยเราเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนให้กับญี่ปุ่น, ใต้หวัน หรือเกาหลี ก็อีกเรื่องหนึ่งนะครับ เพราะของประเทศเหล่านี้ เงินของเขาก็แข็งค่าเหมือนกัน เมื่อเปรียบเทียบกับเงินดอลล์ และแข็งค่ายิ่งกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเงินของไทยเรา(เอ่อ!... เฉพาะญี่ปุ่นนะครับ ที่ทราบข่าว) ดังนั้นแล้ว ผมคิดว่าบริษัทไทยเราที่รับจ้างผลิตให้กับทางบริษัทญี่ปุ่น ปีนี้จะได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนครับ บรษัทของไทยเราที่ผลิตให้กับญี่ปุ่นที่ผมพอจะนึกออกก็เช่น MCS. KYE เป็นต้นครับ ส่วนบริษัทอาหารในกลุ่มแช่เยือกแข็งก็ผลิตให้กับทางญี่ปุ่นเช่นกันครับ ทั้ง TUF และ PPC แต่คงจะเป็นสั่ดส่วนไม่ถึง 10% หละมั๊งครับ เลยไม่ค่อยมีการพูดถึงกันนัก
จากดักแด้ ----->
- kotaro
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1496
- ผู้ติดตาม: 0
อยากขอความเห็นหุ้นกลุ่ม Electronic กับผลกระทบการแข็งค่าของเง
โพสต์ที่ 4
เข้าใจว่า ถ้าซื้อขายกับไต้หวันหรือเกาหลี ยังคงต้องใช้ USD เป็นสื่อกลางนะครับ ถ้าส่งของไปขาย ยังไงก็ได้ผลกระทบจากบาทแข็ง แต่ถ้าค่าเงินของเขาแข็งด้วย เขาก็ซื้อของถูกลงปล. แต่ถ้าบริษัท Electronic ของไทยเราเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนให้กับญี่ปุ่น, ใต้หวัน หรือเกาหลี ก็อีกเรื่องหนึ่งนะครับ เพราะของประเทศเหล่านี้ เงินของเขาก็แข็งค่าเหมือนกัน เมื่อเปรียบเทียบกับเงินดอลล์ และแข็งค่ายิ่งกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเงินของไทยเรา(เอ่อ!... เฉพาะญี่ปุ่นนะครับ ที่ทราบข่าว) ดังนั้นแล้ว ผมคิดว่าบริษัทไทยเราที่รับจ้างผลิตให้กับทางบริษัทญี่ปุ่น ปีนี้จะได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนครับ บรษัทของไทยเราที่ผลิตให้กับญี่ปุ่นที่ผมพอจะนึกออกก็เช่น MCS. KYE เป็นต้นครับ ส่วนบริษัทอาหารในกลุ่มแช่เยือกแข็งก็ผลิตให้กับทางญี่ปุ่นเช่นกันครับ ทั้ง TUF และ PPC แต่คงจะเป็นสั่ดส่วนไม่ถึง 10% หละมั๊งครับ เลยไม่ค่อยมีการพูดถึงกันนัก
ถ้ามีบริษัทไหนรายได้หลักมาจากส่งออกไปที่เวียดนาม นี่อาจเป็น 2 เด้งเลยนะครับ
เป็น lose-lose situation จะขึ้นราคาขายก็คงลำบาก
-
- Verified User
- โพสต์: 5011
- ผู้ติดตาม: 0
electronics
โพสต์ที่ 6
กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ETRON): "น้อยกว่าตลาด"
- บล.เอเซีย พลัสSource - บมจ.หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส (Th) Tuesday, October 05, 2010 09:3932648 XTHAI XECON XCORP XFINSEC XFINMKT V%COMMENT P%ASP
กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ETRON)
- "น้อยกว่าตลาด"ดัชนีหมวด : 812.07 จุดมูลค่าตลาด : 88,160 ล้านบาทคงน้ำหนักน้อยกว่าตลาด ระยะสั้นยังให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในกลุ่มฯ ยอดขาย Semiconductor เดือน ส.ค.53 เพิ่มขึ้นเพียง 1.8% mom SIA รายงานยอดขาย Semiconductor ทั่วโลก ประจำเดือน ส.ค.53 เท่ากับ 25.69 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.8% mom หรือเติบโต 32.6% yoy โดยรวมแล้ว ยอดขายรวมในตั้งแต่ช่วง 8 เดือนแรกของปี 2553 มีมูลค่าเท่ากับ 194.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ยังเพิ่มขึ้น 44.4% yoy เป็นผลจากความต้องการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท โดยเฉพาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก แนวโน้มกำไรในงวด 3Q53 อาจเติบโตเล็กน้อย แต่เริ่มชะลอตัวในงวด 4Q53 การรายงานยอดขาย Semiconductor ทั่วโลกในช่วงเดือนก.ค.-ส.ค.53 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 1.2%-1.8% mom ตามลำดับ แสดงถึงแนวโน้มกำไรสุทธิของกลุ่มชิ้นส่วนฯในงวด 3Q53 ที่อาจปรับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 2Q53 ภายหลังจากที่มีการเติบโตในเชิงรุกในช่วง 1H53 แม้ว่าจะเป็นช่วงฤดูกาลส่งออกของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ก็ตาม นอกจากนี้ สถาบันวิจัยชั้นนำในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ SIA ยังคงมุมมองการเติบโตของยอดขาย Semiconductor ทั่วโลกทั้งปี 2553 ในระดับที่ 28.4% yoy แสดงถึงแนวโน้มยอดขาย Semiconductor ทั่วโลกภายหลังจากนี้ จะเริ่มทรงตัวจนถึงสิ้นปี 2553 ดังนั้น ฝ่ายวิจัยคาดทิศทางกำไรของกลุ่มฯอาจเริ่มชะลอตัวลดลงในงวด 4Q53 และต่อเนื่องจนถึง 1Q54 ภายหลังจากการเติบโตในเชิงรุกในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงยังมีปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับแนวโน้มค่าบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา และภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่อาจจะฟื้นตัวล่าช้ากว่าที่คาดไว้ ซึ่งถือเป็นประเด็นเสี่ยงที่สำคัญต่อแนวโน้มกำไรสุทธิของกลุ่มชิ้นส่วนในปี 2554 คงน้ำหนักน้อยกว่าตลาด ระยะสั้นยังให้หลีกเลี่ยงการลงทุนหุ้นในกลุ่มฯ
ฝ่ายวิจัยยังคงให้น้ำหนักการลงทุนน้อยกว่าตลาดสำหรับหุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนฯ เนื่องจากยังมีปัจจัยลบที่มีน้ำหนักโดยเฉพาะประเด็นเรื่องของค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่อง ซึ่งจะกดดันกำไรสุทธิของกลุ่มฯ อย่างต่อเนื่องไปถึงปี 2554 ซึ่งจากการศึกษาของฝ่ายวิจัยพบว่าทุกๆ 1 บาท ที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น จะทำให้กำไรสุทธิปี 2553-54 ลดลง 6.7% จากเดิม โดยฝ่ายวิจัยยังคงให้หลีกเลี่ยงการเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนฯในขณะนี้ เนื่องจากการปรับตัวขึ้นมาของราคาหุ้นส่วนใหญ่ในช่วงที่ผ่านมาได้ตอบรับปัจจัยบวกของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและธุรกิจไปมากแล้ว จนราคาหุ้นใกล้เคียงกับ Fair value ปี 2553 ที่ฝ่ายวิจัยกำหนด แม้ฝ่ายวิจัยจะได้มีการปรับเปลี่ยนไปใช้ Fair value ปี 2554 แล้วก็ตาม แต่นั่นหมายถึงกรอบระยะเวลาการลงทุนในระยะ 15 เดือนข้างหน้า ซึ่งในระยะสั้นยังมีความเสี่ยงที่ครอบคลุมอยู่ ทั้งในเรื่องการปรับฐานของตลาดฯ และค่าเงินบาทแข็งค่าดังกล่าว Key Data (ล้านบาท)FY: ปิด 31 ธ.ค. FY50A FY51A FY52A FY53F FY54Fยอดขาย 169,708 198,980 172,923 192,760 207,571ต้นทุนขาย -152,406 -181,531 -156,941 -172,787 -185,868ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร -8,517 -9,046 -8,810 -10,336 -11,149กำไรสุทธิ 9,435 7,447 6,611 9,345 9,930EPS (บาท) 77.84 73.3 61.99 86.9 92.32EBIT 8,785 8,403 7,173 9,637 10,554PER (เท่า) 10.78 4.4 10.04 9.34 8.8PBV (เท่า) 1.8 0.61 1.21 1.41 1.31FX - THB/USD 34.49 33.28 34.18 32 31
ที่มา: ฝ่ายวิจัย ASP นักวิเคราะห์: อุษณีย์ ลิ่วรัตน์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 017928 [email protected]
ธิปธวัช สุวรรณธำมรงค์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์ : 034124 [email protected]
โดย บมจ. หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ประจำวันที่ 5 ตุลาคม 2553
- บล.เอเซีย พลัสSource - บมจ.หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส (Th) Tuesday, October 05, 2010 09:3932648 XTHAI XECON XCORP XFINSEC XFINMKT V%COMMENT P%ASP
กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ETRON)
- "น้อยกว่าตลาด"ดัชนีหมวด : 812.07 จุดมูลค่าตลาด : 88,160 ล้านบาทคงน้ำหนักน้อยกว่าตลาด ระยะสั้นยังให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในกลุ่มฯ ยอดขาย Semiconductor เดือน ส.ค.53 เพิ่มขึ้นเพียง 1.8% mom SIA รายงานยอดขาย Semiconductor ทั่วโลก ประจำเดือน ส.ค.53 เท่ากับ 25.69 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.8% mom หรือเติบโต 32.6% yoy โดยรวมแล้ว ยอดขายรวมในตั้งแต่ช่วง 8 เดือนแรกของปี 2553 มีมูลค่าเท่ากับ 194.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ยังเพิ่มขึ้น 44.4% yoy เป็นผลจากความต้องการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท โดยเฉพาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก แนวโน้มกำไรในงวด 3Q53 อาจเติบโตเล็กน้อย แต่เริ่มชะลอตัวในงวด 4Q53 การรายงานยอดขาย Semiconductor ทั่วโลกในช่วงเดือนก.ค.-ส.ค.53 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 1.2%-1.8% mom ตามลำดับ แสดงถึงแนวโน้มกำไรสุทธิของกลุ่มชิ้นส่วนฯในงวด 3Q53 ที่อาจปรับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 2Q53 ภายหลังจากที่มีการเติบโตในเชิงรุกในช่วง 1H53 แม้ว่าจะเป็นช่วงฤดูกาลส่งออกของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ก็ตาม นอกจากนี้ สถาบันวิจัยชั้นนำในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ SIA ยังคงมุมมองการเติบโตของยอดขาย Semiconductor ทั่วโลกทั้งปี 2553 ในระดับที่ 28.4% yoy แสดงถึงแนวโน้มยอดขาย Semiconductor ทั่วโลกภายหลังจากนี้ จะเริ่มทรงตัวจนถึงสิ้นปี 2553 ดังนั้น ฝ่ายวิจัยคาดทิศทางกำไรของกลุ่มฯอาจเริ่มชะลอตัวลดลงในงวด 4Q53 และต่อเนื่องจนถึง 1Q54 ภายหลังจากการเติบโตในเชิงรุกในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงยังมีปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับแนวโน้มค่าบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา และภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่อาจจะฟื้นตัวล่าช้ากว่าที่คาดไว้ ซึ่งถือเป็นประเด็นเสี่ยงที่สำคัญต่อแนวโน้มกำไรสุทธิของกลุ่มชิ้นส่วนในปี 2554 คงน้ำหนักน้อยกว่าตลาด ระยะสั้นยังให้หลีกเลี่ยงการลงทุนหุ้นในกลุ่มฯ
ฝ่ายวิจัยยังคงให้น้ำหนักการลงทุนน้อยกว่าตลาดสำหรับหุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนฯ เนื่องจากยังมีปัจจัยลบที่มีน้ำหนักโดยเฉพาะประเด็นเรื่องของค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่อง ซึ่งจะกดดันกำไรสุทธิของกลุ่มฯ อย่างต่อเนื่องไปถึงปี 2554 ซึ่งจากการศึกษาของฝ่ายวิจัยพบว่าทุกๆ 1 บาท ที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น จะทำให้กำไรสุทธิปี 2553-54 ลดลง 6.7% จากเดิม โดยฝ่ายวิจัยยังคงให้หลีกเลี่ยงการเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนฯในขณะนี้ เนื่องจากการปรับตัวขึ้นมาของราคาหุ้นส่วนใหญ่ในช่วงที่ผ่านมาได้ตอบรับปัจจัยบวกของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและธุรกิจไปมากแล้ว จนราคาหุ้นใกล้เคียงกับ Fair value ปี 2553 ที่ฝ่ายวิจัยกำหนด แม้ฝ่ายวิจัยจะได้มีการปรับเปลี่ยนไปใช้ Fair value ปี 2554 แล้วก็ตาม แต่นั่นหมายถึงกรอบระยะเวลาการลงทุนในระยะ 15 เดือนข้างหน้า ซึ่งในระยะสั้นยังมีความเสี่ยงที่ครอบคลุมอยู่ ทั้งในเรื่องการปรับฐานของตลาดฯ และค่าเงินบาทแข็งค่าดังกล่าว Key Data (ล้านบาท)FY: ปิด 31 ธ.ค. FY50A FY51A FY52A FY53F FY54Fยอดขาย 169,708 198,980 172,923 192,760 207,571ต้นทุนขาย -152,406 -181,531 -156,941 -172,787 -185,868ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร -8,517 -9,046 -8,810 -10,336 -11,149กำไรสุทธิ 9,435 7,447 6,611 9,345 9,930EPS (บาท) 77.84 73.3 61.99 86.9 92.32EBIT 8,785 8,403 7,173 9,637 10,554PER (เท่า) 10.78 4.4 10.04 9.34 8.8PBV (เท่า) 1.8 0.61 1.21 1.41 1.31FX - THB/USD 34.49 33.28 34.18 32 31
ที่มา: ฝ่ายวิจัย ASP นักวิเคราะห์: อุษณีย์ ลิ่วรัตน์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 017928 [email protected]
ธิปธวัช สุวรรณธำมรงค์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์ : 034124 [email protected]
โดย บมจ. หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ประจำวันที่ 5 ตุลาคม 2553
-
- Verified User
- โพสต์: 3
- ผู้ติดตาม: 0
อยากขอความเห็นหุ้นกลุ่ม Electronic กับผลกระทบการแข็งค่าของเง
โพสต์ที่ 7
ตอนนี้ตลาดอิเล็กทรอนิกส์ยังคงทรงตัว
หลังจากพุ่งขึ้นอย่างมากในสองควอเตอร์ที่ผ่านมา
แต่ออเดอร์ก็ไม่ไดด้ลดลงเพียงแต่อยู่ในช่วงทรงตัวเท่านั้น
..
ทำงานอยู่ในบริษัทไอซี อันดับหนึ่งของโลกอยู่ครับ ..
ไตรมาสนี้ ลดเป้าลงมา นิดนึง แต่ได้ตามเป้าครับ..
หลังจากพุ่งขึ้นอย่างมากในสองควอเตอร์ที่ผ่านมา
แต่ออเดอร์ก็ไม่ไดด้ลดลงเพียงแต่อยู่ในช่วงทรงตัวเท่านั้น
..
ทำงานอยู่ในบริษัทไอซี อันดับหนึ่งของโลกอยู่ครับ ..
ไตรมาสนี้ ลดเป้าลงมา นิดนึง แต่ได้ตามเป้าครับ..
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 74
- ผู้ติดตาม: 0
อยากขอความเห็นหุ้นกลุ่ม Electronic กับผลกระทบการแข็งค่าของเง
โพสต์ที่ 8
falconnano Posted: Tue Oct 05, 2010 9:46 pm Post subject:
--------------------------------------------------------------------------------
ตอนนี้ตลาดอิเล็กทรอนิกส์ยังคงทรงตัว
หลังจากพุ่งขึ้นอย่างมากในสองควอเตอร์ที่ผ่านมา
แต่ออเดอร์ก็ไม่ไดด้ลดลงเพียงแต่อยู่ในช่วงทรงตัวเท่านั้น
..
ทำงานอยู่ในบริษัทไอซี อันดับหนึ่งของโลกอยู่ครับ ..
ไตรมาสนี้ ลดเป้าลงมา นิดนึง แต่ได้ตามเป้าครับ..
บริษัทอะไรครับ เราก้ทำอยู่บริษัท semiconductor เหมือนกัน
--------------------------------------------------------------------------------
ตอนนี้ตลาดอิเล็กทรอนิกส์ยังคงทรงตัว
หลังจากพุ่งขึ้นอย่างมากในสองควอเตอร์ที่ผ่านมา
แต่ออเดอร์ก็ไม่ไดด้ลดลงเพียงแต่อยู่ในช่วงทรงตัวเท่านั้น
..
ทำงานอยู่ในบริษัทไอซี อันดับหนึ่งของโลกอยู่ครับ ..
ไตรมาสนี้ ลดเป้าลงมา นิดนึง แต่ได้ตามเป้าครับ..
บริษัทอะไรครับ เราก้ทำอยู่บริษัท semiconductor เหมือนกัน
- aviruth
- Verified User
- โพสต์: 334
- ผู้ติดตาม: 0
อยากขอความเห็นหุ้นกลุ่ม Electronic กับผลกระทบการแข็งค่าของเง
โพสต์ที่ 9
ผมก็อยู่บริษัทอิเล็คทรอนิกส์เหมือนกัน อยู่ในตลาดหุ้นด้วย ขึ้นต้นด้วย H ผมยังไม่ซื้อหุ้นของบริษัทตัวเองเลย เพราะคิดว่ากำไรคงจะทรงๆ ไปอีกนาน
อย่าคาดหวังผลลัพธ์ที่แตกต่างด้วยการทำแบบเดิม
- Java The Boy
- Verified User
- โพสต์: 497
- ผู้ติดตาม: 0
อยากขอความเห็นหุ้นกลุ่ม Electronic กับผลกระทบการแข็งค่าของเง
โพสต์ที่ 11
ยิ่งส่งออกมากยิ่งไม่ค่อยดี เพื่อนของผมคนนึง ส่งออกซีเมนต์บอร์ด บ่นบอกว่าวันนึงทำตังค์หายไปวันละเป็นแสนๆ หุ้นกลุ่มอิเล็คฯ ต่างได้รับผลกระทบเช่นกัน มากบ้างน้อยบ้าง แล้วแต่ฝีมือผู้บริหาร
ความสุขที่แท้จริงของมนุษย์มีอยู่ 4 ข้อคือ...
ได้อยู่ในที่อากาศปลอดโปร่ง
พ้นจากความทะเยอทะยาน
ทำงานสร้างสรรค์
และรักใครสักคน ...
"อัลแบร์ กามูส์"
ได้อยู่ในที่อากาศปลอดโปร่ง
พ้นจากความทะเยอทะยาน
ทำงานสร้างสรรค์
และรักใครสักคน ...
"อัลแบร์ กามูส์"