Financial Engineering VS Finance
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Financial Engineering VS Finance
โพสต์ที่ 2
ไม่ครับklangklang2002 เขียน:อยากถามพี่ๆ ที่มีความรู้ด้าน Finance ครับว่า Financial Engineering และ Finance เรียนต่างกันยังไงครับ เวลาจบมาแล้วไปทำงาน เขาทำงานต่างกันยังไง ทั้งสองสายทำเกี่ยวกับการลงทุนหรือเปล่าครับ
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
- GeneraX
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Financial Engineering VS Finance
โพสต์ที่ 3
เอ... ไม่แน่ใจทำไมคุณ chowbe76 ถึง ตอบสั้นๆว่า "ไม่" นะครับ...
ผมเรียน "Finance" ทั้งตรีและโทนะครับ ยังไงก็ขอตอบในแง่ของ "Finance" ก่อนแล้วกัน ซึ่งผมขอตอบในแง่ของการเรียนเป็นหลักก่อนนะครับ
การเรียน "Finance" นั้นกว้างครับ ถ้าเริ่มกันที่พื้นฐานก็จะต้องว่ากันที่ บัญชี, Time Value of Money, Econ ก่อน หลังจากนั้นก็จะแยกเรียนไปใน 2 สาย หลักๆดังนี้ครับคือ 1. Corporate Finance, และ 2. Investment
ถามว่าทั้ง 2 สายนั้นแยกออกจากกันโดนสิ้นเชิงมั้ย คำตอบคือไม่ครับ เพราะทั้ง 2 สายก็ยังต้องอาศัยพื้นฐานเดียวกัน และเนือ้หาบางส่วนก็เกี่ยวข้องกัน ในส่วน Corporate เน้นไปที่การบริหารการเงินในเชิงธุรกิจครับ พูดง่ายๆคือเราเป็นเจ้าของ หรือเป็นผู้บริหารบริษัทเราจะบริหารการเงินของบริษัทอย่างไรให้ให้เป็นประโยชน์กับบริษัทมากที่สุด ซึ่งใน Area นี้ก็อาจจะรวมถึงพวก Banking เช่นพวก Asset&Liability Mgt ด้วย
ในส่วนที่ 2 นี่จะกว้างกว่าครับ โดยเราจะเรียนทั้งในด้านทฤษฏีการลงทุนทั่วไปเช่นพวก Portfolio Optimization, CAPM ในบางวิชาก็อาจจะเรียนเจาะลงไปเป็น Product เลยเช่น Derivatives, หุ้น, Bond โดยจะเรียนรู้กลไกราคา และการประเมินราคาในทางทฤษฏี ... ถ้าใน ป.โท อาจจะมีวิชาที่นำทฤษฏีพวกนี้มา apply เช่นวิชา Business valuation (แบบพวกนักวิเคราะห์), Funds Management (แบบพวกผู้จัดการกองทุน), รวมถึง Personal Finance ซึ่งอันหลังในไทยอาจจะยังไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่
สำหรับ Financial Engineering นั้น ในด้านการเรียนต้องบอกว่าผมเองไม่ทราบในรายละเอียดครับ รู้แต่ว่านอกจากจะต้องเรียนพื้นฐานทางการเงินให้แน่นเป็นพิเศษแล้ว ยังต้องเรียนในด้าน Programing, Econometric และ คณิตศาสตร์ขั้นสูงมากๆอีกด้วย (คล้ายๆเรียนวิศวะนั่นแหละครับ) ซึ่งจุดประสงค์ของมันคือ Fiannce สายเฉพาะทางที่เน้นในการ "สร้าง Product ทางการเงิน"โดยเฉพาะ โดยอาศัยทฤษฏีวิศวกรรมในการคำนวนโครงสร้างและราคาของผลิตภัณท์ทางการเงิน ถ้าให้ยกตัวอย่างที่ดังๆก็เช่นพวก CDO (Collerized Debt Obligations), CDS (Credit Default Swap) ครับ หรือถ้าพวกใกล้ๆตัวก็เช่นพวก Options หรือ Derivative Warrant ที่เห็นๆกันในตลาดนี่แหละครับ ก็มาจากฝืมือของ Financial Engineering ได้เช่นกัน
ดังนั้นคำถามที่ว่า "เวลาจบมาแล้วไปทำงาน เขาทำงานต่างกันยังไง" ก็สรุปได้ว่าถ้าเรียน Finance ก็คือกว้างกว่าครับ ทำได้ทุกอย่างเช่นเป็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์, ผู้จัดการกองทุน, หรืออาจจะทำงานในบริษัทในตำแหน่ง Treasurer หรือ ทำงานในสายธนาคารก็ได้เช่นกัน แต่ถ้าจบ Financial Engineering โดยเฉพาะเลยนี่ถ้าจะทำงานแบบคนที่จบ Finance ก็ได้เช่นกันครับ เพราะยังไงพื้นฐานทางการเงินก็ต้องแน่นอยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้เฉพาะทางก็คงต้องทำงานกับ Investment Banking เพื่อสร้างผลิตภัณท์ทางการเงินโดยเฉพาะครับ
ดังนั้นกับคำถามที่ว่า "ทั้งสองสายทำเกี่ยวกับการลงทุนหรือเปล่าครับ" ต้องตอบว่า เกี่ยว...แต่ไม่จำเป็นเสมอไปครับ
ผมเรียน "Finance" ทั้งตรีและโทนะครับ ยังไงก็ขอตอบในแง่ของ "Finance" ก่อนแล้วกัน ซึ่งผมขอตอบในแง่ของการเรียนเป็นหลักก่อนนะครับ
การเรียน "Finance" นั้นกว้างครับ ถ้าเริ่มกันที่พื้นฐานก็จะต้องว่ากันที่ บัญชี, Time Value of Money, Econ ก่อน หลังจากนั้นก็จะแยกเรียนไปใน 2 สาย หลักๆดังนี้ครับคือ 1. Corporate Finance, และ 2. Investment
ถามว่าทั้ง 2 สายนั้นแยกออกจากกันโดนสิ้นเชิงมั้ย คำตอบคือไม่ครับ เพราะทั้ง 2 สายก็ยังต้องอาศัยพื้นฐานเดียวกัน และเนือ้หาบางส่วนก็เกี่ยวข้องกัน ในส่วน Corporate เน้นไปที่การบริหารการเงินในเชิงธุรกิจครับ พูดง่ายๆคือเราเป็นเจ้าของ หรือเป็นผู้บริหารบริษัทเราจะบริหารการเงินของบริษัทอย่างไรให้ให้เป็นประโยชน์กับบริษัทมากที่สุด ซึ่งใน Area นี้ก็อาจจะรวมถึงพวก Banking เช่นพวก Asset&Liability Mgt ด้วย
ในส่วนที่ 2 นี่จะกว้างกว่าครับ โดยเราจะเรียนทั้งในด้านทฤษฏีการลงทุนทั่วไปเช่นพวก Portfolio Optimization, CAPM ในบางวิชาก็อาจจะเรียนเจาะลงไปเป็น Product เลยเช่น Derivatives, หุ้น, Bond โดยจะเรียนรู้กลไกราคา และการประเมินราคาในทางทฤษฏี ... ถ้าใน ป.โท อาจจะมีวิชาที่นำทฤษฏีพวกนี้มา apply เช่นวิชา Business valuation (แบบพวกนักวิเคราะห์), Funds Management (แบบพวกผู้จัดการกองทุน), รวมถึง Personal Finance ซึ่งอันหลังในไทยอาจจะยังไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่
สำหรับ Financial Engineering นั้น ในด้านการเรียนต้องบอกว่าผมเองไม่ทราบในรายละเอียดครับ รู้แต่ว่านอกจากจะต้องเรียนพื้นฐานทางการเงินให้แน่นเป็นพิเศษแล้ว ยังต้องเรียนในด้าน Programing, Econometric และ คณิตศาสตร์ขั้นสูงมากๆอีกด้วย (คล้ายๆเรียนวิศวะนั่นแหละครับ) ซึ่งจุดประสงค์ของมันคือ Fiannce สายเฉพาะทางที่เน้นในการ "สร้าง Product ทางการเงิน"โดยเฉพาะ โดยอาศัยทฤษฏีวิศวกรรมในการคำนวนโครงสร้างและราคาของผลิตภัณท์ทางการเงิน ถ้าให้ยกตัวอย่างที่ดังๆก็เช่นพวก CDO (Collerized Debt Obligations), CDS (Credit Default Swap) ครับ หรือถ้าพวกใกล้ๆตัวก็เช่นพวก Options หรือ Derivative Warrant ที่เห็นๆกันในตลาดนี่แหละครับ ก็มาจากฝืมือของ Financial Engineering ได้เช่นกัน
ดังนั้นคำถามที่ว่า "เวลาจบมาแล้วไปทำงาน เขาทำงานต่างกันยังไง" ก็สรุปได้ว่าถ้าเรียน Finance ก็คือกว้างกว่าครับ ทำได้ทุกอย่างเช่นเป็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์, ผู้จัดการกองทุน, หรืออาจจะทำงานในบริษัทในตำแหน่ง Treasurer หรือ ทำงานในสายธนาคารก็ได้เช่นกัน แต่ถ้าจบ Financial Engineering โดยเฉพาะเลยนี่ถ้าจะทำงานแบบคนที่จบ Finance ก็ได้เช่นกันครับ เพราะยังไงพื้นฐานทางการเงินก็ต้องแน่นอยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้เฉพาะทางก็คงต้องทำงานกับ Investment Banking เพื่อสร้างผลิตภัณท์ทางการเงินโดยเฉพาะครับ
ดังนั้นกับคำถามที่ว่า "ทั้งสองสายทำเกี่ยวกับการลงทุนหรือเปล่าครับ" ต้องตอบว่า เกี่ยว...แต่ไม่จำเป็นเสมอไปครับ
Financial Discipline + Value Investment + Time = Financial Independence
- GeneraX
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Financial Engineering VS Finance
โพสต์ที่ 4
ขอเสริมหน่อยครับ
ถ้าหวังจะเรียน "Finance" เพื่อศึกษา Value Investment นี่ ขอบอกก่อนว่า ไม่มีสอนนะครับ... ทฤษฏี VI นั้น ในหลายๆจุดยังขัดกับหลัก Modern Finance Theory (เช่น Efficient Market Hypothesis, Portfolio Optimization, CAPM)อยู่ครับ ดังนั้นในทางวิชาการนั้น การลงทุนแนว VI ยังถูกมองว่าเป็นสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ครับ ในบางตำราบอกว่าการที่ Buffett หรือ Lynch มีผลตอบแทนจากการลงทุนสูงติดต่อกันเป็นเวลานานได้เป็นเพราะ "โชค" เท่านั้นเองด้วยซ้ำไป ซึ่งผมมองว่าทฤษฏีการเงินที่จะมาอธิบาย VI ได้ก็คือ Behavioral Fiannce (จิตวิทยาการลงทุนคือแขนงหนึ่งของ BF ครับ)ครับ แต่ทั่วโลกเองก็ยังกลับไม่ยอมรับทฤษฏีตัวนี้ซะงั้น :roll:
ดังนั้นสิ่งที่ได้จากการเรียน "Finance" ที่ถ้าจะมาใช้กับการลงทุนแบบ VI ก็คือ "พื้นฐานทางการเงิน" เท่านั้นเองครับ ซึ่งมันจะช่วยได้ตรงที่ว่าถ้าเรามาศึกษาการลงทุนแบบ VI แล้วเราจะเข้าใจได้ง่ายกว่าคนอื่นที่ไม่ได้จบ "Finance" มาเท่านั้นเองครับ แต่ไม่ได้ประกันว่าเราจะต้องลงทุนเก่งกว่าแต่อย่างใด ซึ่งตรงนี้อยู่ที่เราจะนำพืนฐานที่มีมา Apply กับเข้า VI ได้ดีแค่ไหนครับ
ถ้าหวังจะเรียน "Finance" เพื่อศึกษา Value Investment นี่ ขอบอกก่อนว่า ไม่มีสอนนะครับ... ทฤษฏี VI นั้น ในหลายๆจุดยังขัดกับหลัก Modern Finance Theory (เช่น Efficient Market Hypothesis, Portfolio Optimization, CAPM)อยู่ครับ ดังนั้นในทางวิชาการนั้น การลงทุนแนว VI ยังถูกมองว่าเป็นสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ครับ ในบางตำราบอกว่าการที่ Buffett หรือ Lynch มีผลตอบแทนจากการลงทุนสูงติดต่อกันเป็นเวลานานได้เป็นเพราะ "โชค" เท่านั้นเองด้วยซ้ำไป ซึ่งผมมองว่าทฤษฏีการเงินที่จะมาอธิบาย VI ได้ก็คือ Behavioral Fiannce (จิตวิทยาการลงทุนคือแขนงหนึ่งของ BF ครับ)ครับ แต่ทั่วโลกเองก็ยังกลับไม่ยอมรับทฤษฏีตัวนี้ซะงั้น :roll:
ดังนั้นสิ่งที่ได้จากการเรียน "Finance" ที่ถ้าจะมาใช้กับการลงทุนแบบ VI ก็คือ "พื้นฐานทางการเงิน" เท่านั้นเองครับ ซึ่งมันจะช่วยได้ตรงที่ว่าถ้าเรามาศึกษาการลงทุนแบบ VI แล้วเราจะเข้าใจได้ง่ายกว่าคนอื่นที่ไม่ได้จบ "Finance" มาเท่านั้นเองครับ แต่ไม่ได้ประกันว่าเราจะต้องลงทุนเก่งกว่าแต่อย่างใด ซึ่งตรงนี้อยู่ที่เราจะนำพืนฐานที่มีมา Apply กับเข้า VI ได้ดีแค่ไหนครับ
Financial Discipline + Value Investment + Time = Financial Independence
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
Financial Engineering VS Finance
โพสต์ที่ 5
ผมคิดว่าเรื่องวัตถุประสงค์ของการเรียนวิชานี้ มีหลายคนที่คิดว่าจะเปลี่ยนอาชีพไปทำงานด้านการเงิน แต่ไม่แน่ใจว่า จะเหมาะกับตัวเค้าหรือเปล่า
หากไม่เป็นการรบกวนคุณ GeneraX เกินไป อยากให้เล่าให้เห็นภาพรวมการทำงานของคนที่จบทางด้านการเงิน ป.โท ที่คุณ GeneraX ผ่าน/สัมผัสมาโดยตรง จะได้ไหมครับ เป็นไปได้อยากให้เล่าถึง
-ชีวิตประจำวันของพนักงาน
-ลักษณะงาน routine/project
- career paths
-วัฒนธรรมองค์กร
-กิจกรรมของบริษัท ฯลฯ
ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
หากไม่เป็นการรบกวนคุณ GeneraX เกินไป อยากให้เล่าให้เห็นภาพรวมการทำงานของคนที่จบทางด้านการเงิน ป.โท ที่คุณ GeneraX ผ่าน/สัมผัสมาโดยตรง จะได้ไหมครับ เป็นไปได้อยากให้เล่าถึง
-ชีวิตประจำวันของพนักงาน
-ลักษณะงาน routine/project
- career paths
-วัฒนธรรมองค์กร
-กิจกรรมของบริษัท ฯลฯ
ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
- GeneraX
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Financial Engineering VS Finance
โพสต์ที่ 6
[quote="Voldtrest"]ผมคิดว่าเรื่องวัตถุประสงค์ของการเรียนวิชานี้ มีหลายคนที่คิดว่าจะเปลี่ยนอาชีพไปทำงานด้านการเงิน แต่ไม่แน่ใจว่า จะเหมาะกับตัวเค้าหรือเปล่า
หากไม่เป็นการรบกวนคุณ GeneraX
หากไม่เป็นการรบกวนคุณ GeneraX
Financial Discipline + Value Investment + Time = Financial Independence