เราถึงต้องวัดกัน ทุกๆปี ไงครับsimplelife เขียน:แพ้ตลาดก็ไม่ได้แปลว่าเราคิดผิด วางแผนมาผิด
ชนะตลาดก็ไม่ได้แปลว่าเราถูก หุ้นที่เราเลือกดี ซื้อได้ในราคาถูก
ถ้ามองตลาดในแง่ดีสุดๆ เหมือนอย่างที่ VI จำนวนมากคิด ว่าตลาดมันไม่ค่อย efficient แต่ถ้ามีระยะเวลายาวขึ้น ราคาจะเข้าหามูลค่าของมันเอง ถามตัวเองสิครับ ว่า 1 ปีที่ผ่านมา (ระยะเวลาที่คุณพยายามวัดว่าชนะหรือแพ้ตลาด) มันเป็นระยะเวลาที่ยาวพอที่ราคาจะเข้าไปหามูลค่าของตัวมันเองแล้วเหรอครับ?
เอาแค่นี้ว่าถ้า 1 ปีไม่ยาวพอ วัดแล้วไม่ได้ประโยชน์อะไรแบบนี้จะวัดกันไปทำไมครับ
ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 61
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- simplelife
- Verified User
- โพสต์: 756
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 62
สมมติว่าปีนี้แพ้ตลาด นักลงทุนควรจะdome@perth เขียน:เราถึงต้องวัดกัน ทุกๆปี ไงครับsimplelife เขียน:แพ้ตลาดก็ไม่ได้แปลว่าเราคิดผิด วางแผนมาผิด
ชนะตลาดก็ไม่ได้แปลว่าเราถูก หุ้นที่เราเลือกดี ซื้อได้ในราคาถูก
ถ้ามองตลาดในแง่ดีสุดๆ เหมือนอย่างที่ VI จำนวนมากคิด ว่าตลาดมันไม่ค่อย efficient แต่ถ้ามีระยะเวลายาวขึ้น ราคาจะเข้าหามูลค่าของมันเอง ถามตัวเองสิครับ ว่า 1 ปีที่ผ่านมา (ระยะเวลาที่คุณพยายามวัดว่าชนะหรือแพ้ตลาด) มันเป็นระยะเวลาที่ยาวพอที่ราคาจะเข้าไปหามูลค่าของตัวมันเองแล้วเหรอครับ?
เอาแค่นี้ว่าถ้า 1 ปีไม่ยาวพอ วัดแล้วไม่ได้ประโยชน์อะไรแบบนี้จะวัดกันไปทำไมครับ
1. ขายหุ้นทิ้ง เปลี่ยนวิธีคิดเลือกหุ้นใหม่ ซื้อหุ้นตัวใหม่?
2. เฉยๆ ไว้ดูใหม่ปีหน้า ถ้าปีหน้าแพ้อีกหล่ะ ?
3. ซื้อมันเพิ่มเลย ราคาขึ้นน้อยกว่าที่คิด แสดงว่า MOS น่าจะเพิ่มกว่าตอนปีที่แล้วอีก
ฟังดูอาจจะวกวน แต่นักลงทุนควรจะทำอย่างไรครับ
"I believe what I said yesterday. I don't know what I said, but I know what I think... and I assume it's what I said." -- Donald Rumsfeld
- VI Wannabe
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1014
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 63
ส่วนตัวคิดว่าถ้าแพ้ สัก 3-5 ปี น่าจะพิจารณาไปซื้อพวก index fund/ETF ครับ
แล้วเอาเวลาไปทำในสิ่งที่ตนถนัดน่าจะเป็นประโยชน์กว่าครับ
หรือ ถ้าคิดว่าลงทุนเพราะสนุกไม่ได้ได้หวังผลตอบแทนเท่าตลาดอันนี้ก็อีกเรื่องครับ
just my humble opinion ครับ
แล้วเอาเวลาไปทำในสิ่งที่ตนถนัดน่าจะเป็นประโยชน์กว่าครับ
หรือ ถ้าคิดว่าลงทุนเพราะสนุกไม่ได้ได้หวังผลตอบแทนเท่าตลาดอันนี้ก็อีกเรื่องครับ
just my humble opinion ครับ
"Attempt to be fearful when others are greedy and to be greedy only when others are fearful"
"It's far better to buy a wonderful company at a fair price than a fair company at a wonderful price"
"It's far better to buy a wonderful company at a fair price than a fair company at a wonderful price"
-
- Verified User
- โพสต์: 13
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 64
ผม ยังไม่ชนะตลาด เพราะ ขาดทุน ปี 2008 ไปเยอะ
สองปีมานี้ ถึงแม้ได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เทียบกับที่เสียไป ถือว่า เกือบเท่าทุนตอน 2008
คงต้องอดทนต่อไป
สองปีมานี้ ถึงแม้ได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เทียบกับที่เสียไป ถือว่า เกือบเท่าทุนตอน 2008
คงต้องอดทนต่อไป
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 65
ปกติผมจะวัดผลตอบแทนของผมsimplelife เขียน:สมมติว่าปีนี้แพ้ตลาด นักลงทุนควรจะ
1. ขายหุ้นทิ้ง เปลี่ยนวิธีคิดเลือกหุ้นใหม่ ซื้อหุ้นตัวใหม่?
2. เฉยๆ ไว้ดูใหม่ปีหน้า ถ้าปีหน้าแพ้อีกหล่ะ ?
3. ซื้อมันเพิ่มเลย ราคาขึ้นน้อยกว่าที่คิด แสดงว่า MOS น่าจะเพิ่มกว่าตอนปีที่แล้วอีก
ฟังดูอาจจะวกวน แต่นักลงทุนควรจะทำอย่างไรครับ
เทียบกับผลตอบแทนตลาด แบบปีต่อปี
และทั้งแบบ Long Term ในช่วงระยะเวลาเดียวกันครับ
ประเด็นที่ผมสนใจ คือการเปรียบเทียบว่า...
การลงทุนที่ผ่านมาของเรา ทำได้ ดี หรือไม่
ไม่ใช่ เก่ง ไม่เก่ง
สำเร็จ หรือว่า ล้มเหลว
ส่วนนักลงทุนจะต้องทำอะไรหรือไม่
ส่วนตัวนะ ผมจะขาย ก็ต่อเมื่อเจอตัวอื่นที่น่าสนใจกว่า
หรืออาจจะขายเพราะเจออะไรที่ผิดคาดไป
หรือไม่ก็ ขายเมื่อพื้นฐานกิจการเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลงครับ
ส่วนจะซื้อเพิ่มหรือไม่
เพราะด้วยความที่ปกติผมถือหุ้นเต็มพอร์ตตลาดเวลาครับ
ผมจะซื้อเพิ่ม ก็ต่อเมื่อ ผมมั่นใจว่าหุ้นตัวนั้น
จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าตัวอื่นที่ผมถืออยู่อย่างมีนัยสำคัญ
ผมถึงจะขายตัวนึงออกไปเพื่อไปซื้ออีกตัวนึงเพิ่มเข้ามาครับ
สุดท้าย หลักการ ก็คือ หลักการ ครับ
ผมไม่เคยเปลี่ยน เพียงแค่เพราะผลตอบแทนต่ำกว่าเป้า
และที่สำคัญ ผลตอบแทนมันมีปัจจัยอื่นมาเกี่ยวข้องด้วย
ขอยกตัวอย่างหุ้นหลายๆ ตัวที่ให้ผลตอบแทนดีมากๆ
ทั้งๆ ที่ผมก็ติดตามนะ แต่ก็ไม่ได้ซื้อ
สาเหตุเพราะว่าเป็นกิจการที่ผมไม่เข้าใจ
ในเมื่อไม่เข้าใจ ผมก็จะไม่มั่นใจ ในเมื่อไม่มั่นใจ
ผมก็จะไม่ลงทุน ซึ่งมันไม่มีประโยชน์เลย
ถ้าผมจะมีผลตอบแทนที่ดี
โดยไม่รู้ถึงความเสี่ยงจากความไม่รู้ของผมเลย
ส่วนตัว ขอลงทุนแบบรู้เรื่องๆ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปดีกว่าครับ
อย่างน้อยๆ ก็หลับสบาย
แพ้ตลาดบ้าง ชนะตลาดบ้างไม่ได้เสียหายอะไร
แต่ในระยะยาว ถ้าทำได้ไม่ดีกว่าตลาด
ผมจะขายหุ้นทุกตัวออก
ไปซื้อ index fund แล้วเอาเวลาที่เหลือไปทำงานอย่างอื่นแทนครับ
"วิถีรักษ์โลก บ้าน 1 หลัง รถ 1 คัน สาว 1 คน กางเกงใน 1 ตัว" <( ̄︶ ̄)> ...
-
- Verified User
- โพสต์: 170
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 66
ผมเห็นด้วยนะครับ สำหรับผมดูจากความก้าวหน้าของกิจการที่เราลงทุนน่าจะดีกว่าkotaro เขียน:เพราะต้องการเอาชนะ จึงพ่ายแพ้
ผมคิดว่า ในตลาดขาขึ้น นักลงทุนที่ลงทุนแบบ aggressive โดยมุ่งเป้าจะเอาชนะตลาด
ให้ได้ มีโอกาสแพ้สูง
และคิดว่า การลงทุนที่ถูกต้อง ไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบกับผลตอบแทนของตลาด และไม่จำเป็นต้องชนะตลาดเสมอไปด้วยครับ
Merry x'mas ครับพี่ กาละมัง
- Sumotin
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!
โพสต์ที่ 67
ผมว่าการที่แพ้ตลาด เพื่อให้เป็นการทบทวนตัวเองดูหนะครับ เพราะเมื่อเราทบทวนแล้วอาจจะไม่มีอะไรผิดก็ได้ แต่ถ้ามันมีเหตุที่ทำให้ผิดจะได้ทบทวนและปรับปรุงครับ เรียนรู้จากความผิดพลาด อย่างผมนี่ take risk มากเกินไปจากปีก่อนๆ ครับsimplelife เขียน:สมมติว่าปีนี้แพ้ตลาด นักลงทุนควรจะdome@perth เขียน:เราถึงต้องวัดกัน ทุกๆปี ไงครับsimplelife เขียน:แพ้ตลาดก็ไม่ได้แปลว่าเราคิดผิด วางแผนมาผิด
ชนะตลาดก็ไม่ได้แปลว่าเราถูก หุ้นที่เราเลือกดี ซื้อได้ในราคาถูก
ถ้ามองตลาดในแง่ดีสุดๆ เหมือนอย่างที่ VI จำนวนมากคิด ว่าตลาดมันไม่ค่อย efficient แต่ถ้ามีระยะเวลายาวขึ้น ราคาจะเข้าหามูลค่าของมันเอง ถามตัวเองสิครับ ว่า 1 ปีที่ผ่านมา (ระยะเวลาที่คุณพยายามวัดว่าชนะหรือแพ้ตลาด) มันเป็นระยะเวลาที่ยาวพอที่ราคาจะเข้าไปหามูลค่าของตัวมันเองแล้วเหรอครับ?
เอาแค่นี้ว่าถ้า 1 ปีไม่ยาวพอ วัดแล้วไม่ได้ประโยชน์อะไรแบบนี้จะวัดกันไปทำไมครับ
1. ขายหุ้นทิ้ง เปลี่ยนวิธีคิดเลือกหุ้นใหม่ ซื้อหุ้นตัวใหม่?
2. เฉยๆ ไว้ดูใหม่ปีหน้า ถ้าปีหน้าแพ้อีกหล่ะ ?
3. ซื้อมันเพิ่มเลย ราคาขึ้นน้อยกว่าที่คิด แสดงว่า MOS น่าจะเพิ่มกว่าตอนปีที่แล้วอีก
ฟังดูอาจจะวกวน แต่นักลงทุนควรจะทำอย่างไรครับ
Timing is everything, no matter what you do.
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
CAGR of 34% in the past 15 years of investment