GMMM ลงมาขนาดนี้เลยหรือครับ !!

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 0

GMMM ลงมาขนาดนี้เลยหรือครับ !!

โพสต์ที่ 61

โพสต์

desktop ยังครองตลาดการใช้มากที่สุด
ปีที่แล้วเป็นปีแรกที่ยอดขาย desktop ตก แต่ยอดขาย notebook โตเป็นประวัติการณ์

ตอนนี้อยู่ในช่วง supply ของ LCD ขาดตลาดอย่างรุนแรง แต่ใน 3 ปีข้างหน้า
สถานการณ์จะดีขึ้น

ใน 5 ปีข้างหน้า ยอดขาย notebook ก็คงจะแซง desktop ได้ครับ แต่ไม่ได้หมาย
ความว่า desktop จะตาย อีก 10 ปีเราก็น่าจะยังเห็น desktop computer วางขาย

คุณโป้งครับ สิ่งที่จะครองใจผู้ใช้มหาชนได้ ไม่ใช่ฟรีหรือไม่ฟรีครับ แต่เป็นคำว่า
"สะดวก" ต่างหาก

พวกวัยรุ่นไม่ยอมซื้อ CD เพลงฟัง บอกว่าแพง (แผ่นละ 80 บาท) แต่ download
ringtone กันวันละหลายๆ เพลง เพลงละ 15 บาท บอกว่าถูก เพราะอะไรครับ

คอยดูนะครับ รายได้หลักของ GRAMMY จะไม่ได้มาจากการขาย CD เพลงครับ
แต่จะมาจาก Ringtone

ปีที่แล้ว ยอดขายกล้องดิจิตัลแซงยอดขายกล้องฟิลม์เป็นครั้งแรก เหตุผลเดียว
กันครับ "สะดวก" กล้อง digital SLR ที่ถูกที่สุดราคาร่วม 4 หมื่นบาท กล้องฟิลม์
ที่แพงที่สุดก็ราคาประมาณนี้ แต่ digital SLR กลับขายดีกว่า เพราะความสะดวก
นี่แหละครับ

เทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้มากที่สุด จะเป็นผู้ชนะ GMMM อาจจะ
ชนะ แต่ต้องแข่งกับเทคโนโลยีอีกหลายๆ อย่าง ซึ่งผมก็ไม่อาจทราบได้ว่าใคร
จะชนะ

แต่ไม่ว่าใครจะชนะก็ตาม content จะขายได้มากขึ้นครับ 8)

เพราะฉะนั้น ถ้าให้เลือก bet อนาคตระหว่าง GMMM กับ GRAMMY
ผมเลือก GRAMMY 10 out of 10
Roland
Verified User
โพสต์: 43
ผู้ติดตาม: 0

GMMM ลงมาขนาดนี้เลยหรือครับ !!

โพสต์ที่ 62

โพสต์

เริ่มเห็นด้วยกับพี่ CK ครับ

อนาคตของการผลิตหรือขายสื่อ น่าจะอยู่ที่ 2 ส่วนหลัก ๆ
1. คุณภาพสื่อที่อยู่ในมือ
2. ช่องทางการขาย และ บริหารสื่อที่มีอยู่

ผมคิดว่าในส่วนแรก GRAMMY มีอยู่เต็ม ๆ เลยครับ ยิ่งมี content ในมือมาก ก็ยิ่งมีโอกาสนำ content ที่มีมาใช้ประโยชน์มากขึ้น ถ้าพัฒนาในส่วนของข้อ 2. ได้ก็น่าจะดีมาก ๆ ครับ ซึ่งโมเดลที่ผมเห็นว่าได้ผลมากที่สุดในตอนนี้น่าจะเป็นแบบ iTunes ครับ เพราะ broadband กำลังมา แต่ GRAMMY ต้องระวังในเรื่องของการจำกัด content อยู่ในเฉพาะค่ายตัวเอง ซึ่งอาจจะเป็นผลเสียในระยะยาว

ทางเลือกอีกทางหนึ่งของ GRAMMY คือ จับมือกับผู้ที่มีประสบการณ์ด้านการเป็น content provider ซึ่งอาจจะสามารถเป็นตัวกลางในการหา content จากหลาย ๆ ค่ายมารวมกัน แล้วคิดค่าผลตอบแทนในแง่ของจำนวนการ load content นั้น ๆ ก็น่าจะดีนะครับ

อย่าลืมว่าปัญหาการที่อัลบั้มหนึ่ง ๆ ของศิลปินจะมีเพลงที่เพราะอยู่ในถึงครึ่งอัลบั้ม ถ้ามีการเปิดโอกาสให้ load เฉพาะเพลงที่ผู้บริโภคต้องการ ผมว่ายอดขายของเพลงนั้น ๆ แค่เพลงเดียวอาจจะสร้างผลตอบแทนได้พอสมควรทีเดียว

ยิ่งสามารถ download content ได้ในราคาถูกเท่าไร แรงจูงใจในการซื้อของละเมิดลิขสิทธิ์ก็จะลดลงเท่านั้นด้วยครับ