เมื่อคุณเป็นผู้บริหาร TTA คุณจะทำอย่างไรกับเงินในมือ3000ล้าน
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 279
- ผู้ติดตาม: 0
เมื่อคุณเป็นผู้บริหาร TTA คุณจะทำอย่างไรกับเงินในมือ3000ล้าน
โพสต์ที่ 1
อยากทราบความคิดเห็นว่าพวกพี่ๆคิดอย่างไรบ้างระหว่าง
1. ปันผล
2.ซื้อหุ้นคืน
3. ลงทุนในธุรกิจใหม่ๆในภาวะการณ์เช่นนี้(Diversify)
4.หรือเป็นเพียง Long term investment
1. ปันผล
2.ซื้อหุ้นคืน
3. ลงทุนในธุรกิจใหม่ๆในภาวะการณ์เช่นนี้(Diversify)
4.หรือเป็นเพียง Long term investment
Way of life is way of brain
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 1
เมื่อคุณเป็นผู้บริหาร TTA คุณจะทำอย่างไรกับเงินในมือ3000ล้าน
โพสต์ที่ 3
ลองคิดว่าถ้าเป็นกิจการที่เราสามารถตัดสินใจได้เองนะครับ
สมมติเป็นร้านอาหารก็ได้ เช่น ร้านหมูกะทะเมื่อสัก 4 ปีก่อน ผมเปรียบเหมือนสถานการณ์ของ TTA เมื่อ 2 ปีก่อนเช่นกัน คือ ยังไม่มีคนเข้ามาทำเท่าไหร่ กำไรยังโตขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
ทีนี้ ณ ปัจจุบัน ร้านหมูกะทะ ผมเปรียบเหมือนกับสถานการณ์ของ TTA ในอีกประมาณ 2 ปีข้างหน้า คือ มีคนอื่นเข้ามาทำธุรกิจแข่งจำนวนมากมาย
ณ ปัจจุบัน ถ้าคุณมีร้านหมูกะทะอยู่สัก 10 สาขา ซึ่งได้ขยายมาเรื่อยๆ ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากได้กำไรดี (ผมก็เปรียบเหมือนช่วงที่ผ่านมาที่ TTA มีการขยายกองเรือเพิ่มขึ้นโดยตลอด) คุณจะทำอย่างไรครับ??
1. เอาเงินสด (กำไร) ออกมาจากธุรกิจ เอาไปฝากแบงค์แทน ซื้อของ ซื้อบ้าน ฯลฯ
2. โน้มน้าวให้หุ้นส่วนที่ทำร้านหมูกะทะมาด้วยกัน 4 ปี ขายหุ้นคืนให้เรา เพื่อเราจะได้รวยคนเดียวต่อไป
3. เอาไปทำร้านไอติม ร้านสุกี้ รีสอร์ท ฯลฯ
สมมติเป็นร้านอาหารก็ได้ เช่น ร้านหมูกะทะเมื่อสัก 4 ปีก่อน ผมเปรียบเหมือนสถานการณ์ของ TTA เมื่อ 2 ปีก่อนเช่นกัน คือ ยังไม่มีคนเข้ามาทำเท่าไหร่ กำไรยังโตขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
ทีนี้ ณ ปัจจุบัน ร้านหมูกะทะ ผมเปรียบเหมือนกับสถานการณ์ของ TTA ในอีกประมาณ 2 ปีข้างหน้า คือ มีคนอื่นเข้ามาทำธุรกิจแข่งจำนวนมากมาย
ณ ปัจจุบัน ถ้าคุณมีร้านหมูกะทะอยู่สัก 10 สาขา ซึ่งได้ขยายมาเรื่อยๆ ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากได้กำไรดี (ผมก็เปรียบเหมือนช่วงที่ผ่านมาที่ TTA มีการขยายกองเรือเพิ่มขึ้นโดยตลอด) คุณจะทำอย่างไรครับ??
1. เอาเงินสด (กำไร) ออกมาจากธุรกิจ เอาไปฝากแบงค์แทน ซื้อของ ซื้อบ้าน ฯลฯ
2. โน้มน้าวให้หุ้นส่วนที่ทำร้านหมูกะทะมาด้วยกัน 4 ปี ขายหุ้นคืนให้เรา เพื่อเราจะได้รวยคนเดียวต่อไป
3. เอาไปทำร้านไอติม ร้านสุกี้ รีสอร์ท ฯลฯ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 1
เมื่อคุณเป็นผู้บริหาร TTA คุณจะทำอย่างไรกับเงินในมือ3000ล้าน
โพสต์ที่ 4
ต้องชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ยให้หมดก่อนค่าระวางเป็นขาลงครับ และหลังชำระหนี้หมดควรมีเงินสดในมือเหลืออีกจำนวนหนึ่งเผื่อซื้อเรือเพิ่มในช่วงค่าระวางเรือต่ำๆ ครับ
- LOSO
- Verified User
- โพสต์: 2512
- ผู้ติดตาม: 0
เมื่อคุณเป็นผู้บริหาร TTA คุณจะทำอย่างไรกับเงินในมือ3000ล้าน
โพสต์ที่ 5
สมมุติว่าคุณเป็นผู้ถือหุ้น คุณจะทําอย่างไรกับหุ้นในมือ 30 ล้านหุ้น ที่มีราคาทุน 10 บาท ...........
ผมจะลองกลับประโยคของคุณ invisible hand ดูนะครับ ...........
ต้องขายหุ้นเรือให้หมดก่อนค่าระวางเป็นขาลงและหลังขายหุ้นหมดควรถือเงินสดในมือไว้รอซื้อหุ้นเรือในช่วงค่าระวางเรือตําๆ ..................
เอ........ เข้าท่าไหมหว่า ............
ผมจะลองกลับประโยคของคุณ invisible hand ดูนะครับ ...........
ต้องขายหุ้นเรือให้หมดก่อนค่าระวางเป็นขาลงและหลังขายหุ้นหมดควรถือเงินสดในมือไว้รอซื้อหุ้นเรือในช่วงค่าระวางเรือตําๆ ..................
เอ........ เข้าท่าไหมหว่า ............
-
- Verified User
- โพสต์: 232
- ผู้ติดตาม: 0
เมื่อคุณเป็นผู้บริหาร TTA คุณจะทำอย่างไรกับเงินในมือ3000ล้าน
โพสต์ที่ 6
หมายถึงผู้บริหารใช่ไหมครับ เห็นพอดีคำถามนี้ถามว่าผู้บริหารควรทำอย่างไร :lol: :lol:LOSO เขียน: ต้องขายหุ้นเรือให้หมดก่อนค่าระวางเป็นขาลงและหลังขายหุ้นหมดควรถือเงินสดในมือไว้รอซื้อหุ้นเรือในช่วงค่าระวางเรือตําๆ ..................
กลุ่มไทเก้นก็ดูเหมือนจะเริ่มถอนตัวไปแล้วนี่ครับ ไม่รู้รอให้ค่าระวางเรือต่ำๆแล้วค่อยกลับมาใหม่หรือเปล่า
แก้ไขล่าสุดโดย Knott เมื่อ จันทร์ พ.ค. 02, 2005 8:55 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
เมื่อคุณเป็นผู้บริหาร TTA คุณจะทำอย่างไรกับเงินในมือ3000ล้าน
โพสต์ที่ 9
tta เป็นบริษัท ที่จะเป็นที่เล่าขานในพฤติกรรม ของพวกไทเก้นไปอีกนานถึงแม้จะยังไง กลุ่มไทเก้นก็รวยไปแล้วครับ กำไรเละ แม้จะไม่ได้ขายในราคาที่สูงสุด ยังไงก็สามารถที่จะซื้อกลับในราคาที่ต่ำกว่าขายไป
(ในทางที่ไม่ค่อยจะดี ซะเท่าไร)
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 1
เมื่อคุณเป็นผู้บริหาร TTA คุณจะทำอย่างไรกับเงินในมือ3000ล้าน
โพสต์ที่ 10
ผมคิดว่าหุ้น TTA มีความเสี่ยงจากการเกิด Moral Hazard ได้ง่าย เพราะผู้บริหารไม่ถือหุ้นแล้ว ( กลุ่มไทเก้นไม่ถือแล้ว และกลุ่มคนไทยถือน้อยจนไม่น่าจะเป็น wealth หลัก ) ดังนั้นจึงกล้าที่จะทำอะไรที่เสี่ยง เช่น ขยายกองเรือตอนนี้ หรือลงทุนใหม่ๆ ในธุรกิจอื่นๆ ถ้าค่าระวางเรือดีต่อเนื่องไปอีก 4-5 ปี ผู้บริหารก็ได้ประโยชน์เต็มๆ จาก bonus ที่เพิ่มตามผลกำไร และผู้ถือหุ้นก็ได้ประโยชน์ แต่หากค่าระวางเรือลงเร็วในช่วง 1-2 ปีนี้หรือการลงทุนแย่ ผู้บริหารก็ไม่เสียอะไรแต่ผู้ถือหุ้นเสีย
ดังนั้น หากใช้หลัก pay-off diagram เข้ามาช่วย ซึ่งใช้ TTA เป็น case study และจริงๆ แล้วทฤษฎีนี้ใช้ได้กับทุกบริษัทที่ผู้บริหารไม่ถือหุ้นด้วยครับ
1. TTA ลงทุนเพิ่ม ( ไม่เร่งคืนเงินกู้ )
1.1 กรณีค่าระวางเรือ sustain อีก 4-5 ปี ผู้บริหารแม้ไม่ถือหุ้นก็จะได้ประโยชน์จากขนาดธุรกิจที่เพิ่มขึ้นและกำไรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีผลต่อ bonus และค่าตอบแทนต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น ( บางบริษัทที่ good governance ไม่ดีผู้บริหารอาจะจะได้ส่วนแบ่งจากการลงทุนใน project ใหม่ๆ ด้วยซ้ำ ) ส่วนผู้ถือหุ้นก็จะได้ประโยชน์จากกำไรที่เพิ่มขึ้นจากจำนวนเรือที่เพิ่ม ดังนั้นผู้บริหารและผู้ถือหุ้นจะได้ประโยชน์ หรือเป็น + ทั้งคู่
1.2 กรณีค่าระวางเรือลงในอีก 1-2 ปีข้างหน้า บริษัทจะอยู่ในที่นั่งลำบากจากภาระหนี้ซึ่งทำให้เกิดดอกเบี้ยจ่าย และค่าเสื่อมราคาของเรือที่ซื้อมาในช่วงค่าระวางแพงๆ ผู้บริหารจะไม่ได้ไม่เสีย ( 0 ) แต่ผู้ถือหุ้นจะเสียประโยชน์ คือเป็น -
pay-off diagram ของผู้บริหารคือ ( +, 0 ) ( ค่าระวางเรือดีต่อเนื่อง, ค่าระวางเรือลงเร็ว )
แต่ pay-off diagram ของผู้ถือหุ้น คือ ( +, - ) ( ค่าระวางเรือดีต่อเนื่อง, ค่าระวางเรือลงเร็ว )
2. TTA เร่งคืนเงินคืนเงินกู้ งดขยายกองเรือ คืนเงินกู้ให้หมดก่อนค่าระวางขาลง และสำรองเงินสดไว้ซือเรือถูกๆ จำนวนมาก
2.1 ค่าระวางเรือ sustain ต่อเนื่องอีก 4-5 ปี ผู้บริหารจะไม่ได้ไม่เสีย ( 0 ) ผู้ถือหุ้นแม้จะเสียโอกาสไปบ้าง แต่ก็ยังได้ประโยชน์จากเรือที่มีอยู่ ก็ถือว่าไม่ได้ไม่เสีย ( 0 )
2.2 ค่าระวางเรือลงเร็ว ผู้บริหารก็จะไม่ได้ไม่เสีย ( 0 ) ส่วนผู้ถือหุ้นก็จะได้ประโยชน์จากการที่ TTA จะไม่มีภาระดอกเบี้ย มีเงินสดสูง รักษาระดับเงินปันผลได้ และมีเงินซื้อเรือถูกๆ ในช่วยค่าระวางต่ำๆ ( + )
pay-off diagram ของผู้บริหารคือ ( 0, 0 ) ( ค่าระวางเรือดีต่อเนื่อง, ค่าระวางเรือลงเร็ว )
แต่ pay-off diagram ของผู้ถือหุ้น คือ ( 0, + ) ( ค่าระวางเรือดีต่อเนื่อง, ค่าระวางเรือลงเร็ว )
ดังนั้น ในแง่ผู้ถือหุ้น จึงอยากเลือกแบบ 2 คือ ลดการลงทุนและคืนเงินกู้มากกว่าเพราะมีโอกาสได้ ( 0,+ ) ในขณะที่แบบที่ 1 ผลตอบแทนคือ ( +,- )
แต่ผู้บริหารก็จะอยากเลือกแบบ 1 คือ ลงทุนเพิ่มเพราะผลตอบแทนคือ ( +, 0 ) ซึ่งดีกว่ากรณีที่ 2 ซึ่งเป็นแบบ ( 0. 0 ) ครับ
ดังนั้น หากใช้หลัก pay-off diagram เข้ามาช่วย ซึ่งใช้ TTA เป็น case study และจริงๆ แล้วทฤษฎีนี้ใช้ได้กับทุกบริษัทที่ผู้บริหารไม่ถือหุ้นด้วยครับ
1. TTA ลงทุนเพิ่ม ( ไม่เร่งคืนเงินกู้ )
1.1 กรณีค่าระวางเรือ sustain อีก 4-5 ปี ผู้บริหารแม้ไม่ถือหุ้นก็จะได้ประโยชน์จากขนาดธุรกิจที่เพิ่มขึ้นและกำไรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีผลต่อ bonus และค่าตอบแทนต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น ( บางบริษัทที่ good governance ไม่ดีผู้บริหารอาจะจะได้ส่วนแบ่งจากการลงทุนใน project ใหม่ๆ ด้วยซ้ำ ) ส่วนผู้ถือหุ้นก็จะได้ประโยชน์จากกำไรที่เพิ่มขึ้นจากจำนวนเรือที่เพิ่ม ดังนั้นผู้บริหารและผู้ถือหุ้นจะได้ประโยชน์ หรือเป็น + ทั้งคู่
1.2 กรณีค่าระวางเรือลงในอีก 1-2 ปีข้างหน้า บริษัทจะอยู่ในที่นั่งลำบากจากภาระหนี้ซึ่งทำให้เกิดดอกเบี้ยจ่าย และค่าเสื่อมราคาของเรือที่ซื้อมาในช่วงค่าระวางแพงๆ ผู้บริหารจะไม่ได้ไม่เสีย ( 0 ) แต่ผู้ถือหุ้นจะเสียประโยชน์ คือเป็น -
pay-off diagram ของผู้บริหารคือ ( +, 0 ) ( ค่าระวางเรือดีต่อเนื่อง, ค่าระวางเรือลงเร็ว )
แต่ pay-off diagram ของผู้ถือหุ้น คือ ( +, - ) ( ค่าระวางเรือดีต่อเนื่อง, ค่าระวางเรือลงเร็ว )
2. TTA เร่งคืนเงินคืนเงินกู้ งดขยายกองเรือ คืนเงินกู้ให้หมดก่อนค่าระวางขาลง และสำรองเงินสดไว้ซือเรือถูกๆ จำนวนมาก
2.1 ค่าระวางเรือ sustain ต่อเนื่องอีก 4-5 ปี ผู้บริหารจะไม่ได้ไม่เสีย ( 0 ) ผู้ถือหุ้นแม้จะเสียโอกาสไปบ้าง แต่ก็ยังได้ประโยชน์จากเรือที่มีอยู่ ก็ถือว่าไม่ได้ไม่เสีย ( 0 )
2.2 ค่าระวางเรือลงเร็ว ผู้บริหารก็จะไม่ได้ไม่เสีย ( 0 ) ส่วนผู้ถือหุ้นก็จะได้ประโยชน์จากการที่ TTA จะไม่มีภาระดอกเบี้ย มีเงินสดสูง รักษาระดับเงินปันผลได้ และมีเงินซื้อเรือถูกๆ ในช่วยค่าระวางต่ำๆ ( + )
pay-off diagram ของผู้บริหารคือ ( 0, 0 ) ( ค่าระวางเรือดีต่อเนื่อง, ค่าระวางเรือลงเร็ว )
แต่ pay-off diagram ของผู้ถือหุ้น คือ ( 0, + ) ( ค่าระวางเรือดีต่อเนื่อง, ค่าระวางเรือลงเร็ว )
ดังนั้น ในแง่ผู้ถือหุ้น จึงอยากเลือกแบบ 2 คือ ลดการลงทุนและคืนเงินกู้มากกว่าเพราะมีโอกาสได้ ( 0,+ ) ในขณะที่แบบที่ 1 ผลตอบแทนคือ ( +,- )
แต่ผู้บริหารก็จะอยากเลือกแบบ 1 คือ ลงทุนเพิ่มเพราะผลตอบแทนคือ ( +, 0 ) ซึ่งดีกว่ากรณีที่ 2 ซึ่งเป็นแบบ ( 0. 0 ) ครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 279
- ผู้ติดตาม: 0
เมื่อคุณเป็นผู้บริหาร TTA คุณจะทำอย่างไรกับเงินในมือ3000ล้าน
โพสต์ที่ 11
จากมุมมอง เรื่องของ Moral Hazard ใน TTA น่าจะเป็นข้อสรุปถึงสาเหตุในเรื่องของราคาหุ้น ที่ไม่สะท้อนต่อความรู้สึกนักวิเคราะห์ รวมทั้งเราๆท่านๆหรือเปล่า
คงต้องรอการพิสูตร เพราะในสถานะการณ์นี้ต้องเรียกว่า TTA อยู่ในภาวะการณ์ที่เป็นต่อมาก( กำไรดี เงินสดเยอะ) น่าลุ้นเหมือนกัน
คงต้องรอการพิสูตร เพราะในสถานะการณ์นี้ต้องเรียกว่า TTA อยู่ในภาวะการณ์ที่เป็นต่อมาก( กำไรดี เงินสดเยอะ) น่าลุ้นเหมือนกัน
Way of life is way of brain
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
เมื่อคุณเป็นผู้บริหาร TTA คุณจะทำอย่างไรกับเงินในมือ3000ล้าน
โพสต์ที่ 12
:lol: :lol: :lol: :lol:
ผมคิดว่า ชีวิตย่อมมีหนทางของมัน
ผู้ถือหุ้นใหญ่กลุ่มเดิมขายหุ้นไป ก็มีผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่เข้ามา
และซื้อแพงกว่าที่กลุ่มเดิมลงทุนไว้เยอะ
เรามักถามกันอยู่เสมอว่า กลุ่มเดิมขายแปลว่าต้องมีอะไรไม่ดีแน่
แต่ลืมถามว่ากลุ่มใหม่ซื้อ เพราะมันมีอะไรดี ?????? ทำไมถึงกล้าซื้อ ??????
:lol: :lol: :lol: :lol:
ผมคิดว่า ชีวิตย่อมมีหนทางของมัน
ผู้ถือหุ้นใหญ่กลุ่มเดิมขายหุ้นไป ก็มีผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่เข้ามา
และซื้อแพงกว่าที่กลุ่มเดิมลงทุนไว้เยอะ
เรามักถามกันอยู่เสมอว่า กลุ่มเดิมขายแปลว่าต้องมีอะไรไม่ดีแน่
แต่ลืมถามว่ากลุ่มใหม่ซื้อ เพราะมันมีอะไรดี ?????? ทำไมถึงกล้าซื้อ ??????
:lol: :lol: :lol: :lol:
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- CEO
- Verified User
- โพสต์: 1243
- ผู้ติดตาม: 0
เมื่อคุณเป็นผู้บริหาร TTA คุณจะทำอย่างไรกับเงินในมือ3000ล้าน
โพสต์ที่ 14
ถ้าผู้บริหารไม่คิดอะไรมาก แบบผม ก็ต้องคืนเงินกู้สถนาเดียวครับ
จะเอามาปันผลมากๆ ก็ไม่ได้ประโยชน์เพราะถือหุ้นกันไม่มาก
แต่ถ้าต้องการซื้อคืนหุ้นถูกๆในอนาคตก็ต้องไม่คืนเงินกู้สิครับ จะได้ขาดทุนมากๆตอนค่าระวางถูกๆ หุ้นจะได้ร่วงมากๆ
จะเอามาปันผลมากๆ ก็ไม่ได้ประโยชน์เพราะถือหุ้นกันไม่มาก
แต่ถ้าต้องการซื้อคืนหุ้นถูกๆในอนาคตก็ต้องไม่คืนเงินกู้สิครับ จะได้ขาดทุนมากๆตอนค่าระวางถูกๆ หุ้นจะได้ร่วงมากๆ
การซื้อกิจการอาจไม่ใช่การเทคโอเวอร์ และการเทคโอเวอร์ ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าซื้อหุ้น..
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
เมื่อคุณเป็นผู้บริหาร TTA คุณจะทำอย่างไรกับเงินในมือ3000ล้าน
โพสต์ที่ 15
:lol: :lol: :lol: :lol:
ผมลองคิดในมุมอื่นดู ( ไม่จำเป็นว่าผมจะเห็นด้วยนะ )
ผลการดำเนินงานที่ดีของปี 47 ควรจะเป็นประโยชน์กับผู้ถือหุ้นปี 47 หรือเปล่าครับถึงจะเป็นธรรม ถ้าใช่
ดังนั้น ผลการดำเนินงานที่ดีของปี 48 ก็ควรจะเป็นประโยชน์กับผู้ถือหุ้นปี 48 ใช่ไหมครับ
ถ้าผลการดำเนินงานของปี 48 ไปเกิดประโยชน์กับผู้ถือหุ้นปี 51 โดยผู้ถือหุ้นปี 48 ไม่ได้อะไรเลย จะเป็นธรรมไหม
มุมแบบนี้ก็มีนะ และน่าจะมีมุมอีกเยอะให้ได้ลองคิดกันหนุกๆ
:lol: :lol: :lol: :lol:
ผมลองคิดในมุมอื่นดู ( ไม่จำเป็นว่าผมจะเห็นด้วยนะ )
ผลการดำเนินงานที่ดีของปี 47 ควรจะเป็นประโยชน์กับผู้ถือหุ้นปี 47 หรือเปล่าครับถึงจะเป็นธรรม ถ้าใช่
ดังนั้น ผลการดำเนินงานที่ดีของปี 48 ก็ควรจะเป็นประโยชน์กับผู้ถือหุ้นปี 48 ใช่ไหมครับ
ถ้าผลการดำเนินงานของปี 48 ไปเกิดประโยชน์กับผู้ถือหุ้นปี 51 โดยผู้ถือหุ้นปี 48 ไม่ได้อะไรเลย จะเป็นธรรมไหม
มุมแบบนี้ก็มีนะ และน่าจะมีมุมอีกเยอะให้ได้ลองคิดกันหนุกๆ
:lol: :lol: :lol: :lol:
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด