VI ไม่จำเป็นต้องดูกราฟเทคนิคใช่ไหมครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 108
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI ไม่จำเป็นต้องดูกราฟเทคนิคใช่ไหมครับ
โพสต์ที่ 31
เอาเป็นว่าผมไม่ได้เป็นคนที่น้ำเต็มแก้วต้องการศึกษาเพิ่มอยู่เหมือนกัน ช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมครับว่าเหนือฟ้าที่ว่าเค้าใช้กราฟโดยไม่มีความน่าจะเป็นมาเกี่ยวข้องยังไงผมก็จะเอาข้อมูลมาลงเพื่อศึกษาด้วยเช่นกันนะครับ http://www.facebook.com/l.php?u=http%3A ... =qAQA4kBZR
-
- Verified User
- โพสต์: 47
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI ไม่จำเป็นต้องดูกราฟเทคนิคใช่ไหมครับ
โพสต์ที่ 32
ไม่อยากให้เถียงกันนะครับ ตัวผมเองเคยทำงานอยู่ในบริษัทหลักทรัพย์และเคยเข้ารับการอบรมจากคนที่ศึกษาเฉพาะทางด้านเทคนิคมาเป็นเวลา 20 กว่าปี เห็นเขาบอกว่าถ้าเราทำนายราคาด้วยการวิเคราะห์เชิงเทคนิค 10 ครั้ง แล้วทายถูก 7 ครั้ง ทายไม่ผิดไม่ถูก(ราคาไม่ขยับ) 2 ครั้ง ทายผิด 1 ครั้งผลลัพธ์ระดับนี้เขาก็ถือว่าน่าพอใจแล้วครับ
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI ไม่จำเป็นต้องดูกราฟเทคนิคใช่ไหมครับ
โพสต์ที่ 33
ผมเข้าใจที่เขาสื่อนะครับ เพราะความน่าจะเป็นของ Indicator แต่ละตัวหากเอามาใช้ร่วมกัน ต้องเอาความน่าจะเป็นมาคูณกันไม่ใช่บวกกัน อย่างที่คนทั่วไปเข้าใจdoo_meau เขียน:เอาเป็นว่าผมไม่ได้เป็นคนที่น้ำเต็มแก้วต้องการศึกษาเพิ่มอยู่เหมือนกัน ช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมครับว่าเหนือฟ้าที่ว่าเค้าใช้กราฟโดยไม่มีความน่าจะเป็นมาเกี่ยวข้องยังไงผมก็จะเอาข้อมูลมาลงเพื่อศึกษาด้วยเช่นกันนะครับ http://www.facebook.com/l.php?u=http%3A ... =qAQA4kBZR
เช่น indidator ตัวแรก แม่นยำ 40%
ตัวที่สอง แม่นยำ 30%
ตัวที่สาม แม่นยำ 20%
เอามาคูณกันจะได้ 0.4*0.3*0.2=0.024 หรือพูดง่ายๆความแม่นยำจะลดลงเหลือ 2.4% จากที่ใช้แต่ละตัว จะแม่นยำกว่า แต่หากใช้แยกกันโดย ใช้ตัวใดตัวนึงเป็นหลัก แล้วตัวที่เหลือเป็นแค่ตัว confirm แล้วเอา cut loss ร่วมด้วย
สรุปผมเองเคยเล่นกราฟ ตามที่ว่ามาแล้ว พูดตรงๆสู้ ผลตอบแทนแกะงบหา mos ไม่ได้เลยครับ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
- Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 1
Re: VI ไม่จำเป็นต้องดูกราฟเทคนิคใช่ไหมครับ
โพสต์ที่ 35
ผมคิดว่า VI กับ ดูกราฟเทคนิคก็เป็นแค่หลักการอย่างหนึ่งเท่านั้นเองครับ อย่าไปคิดมาก
ลองศึกษาหลักการหลายๆแบบดู แล้วหาวิธีการที่ถูกกับจริตของตัวเองได้จะดีที่สุด
คงจะแปลก ถ้ามีคนมาบอกว่าตัวเองเป็น VI จ๋าแต่นั่งเฝ้าดูราคาหุ้นตลอดเวลา หรือเล่นแนวเทคนิคแต่ไม่มีเวลามานั่งดูศึกษากราฟ
สำหรับผม ณ ตอนนี้ผมใช้วิธีตอนซื้อหุ้นแบบ VI หากราคาขึ้นไปถึง fair value ผมจะให้คนดูกราฟเทคนิคช่วยในตอนขายว่าจะขายหรือถือต่อ แต่ถ้าราคาลงก็จะยังไม่ซื้อเพิ่มทันที รอดูงบออกก่อนแล้วค่อยตัดสินใจอีกทีว่าเราคิดถูกหรือตลาดคิดถูก
ลองศึกษาหลักการหลายๆแบบดู แล้วหาวิธีการที่ถูกกับจริตของตัวเองได้จะดีที่สุด
คงจะแปลก ถ้ามีคนมาบอกว่าตัวเองเป็น VI จ๋าแต่นั่งเฝ้าดูราคาหุ้นตลอดเวลา หรือเล่นแนวเทคนิคแต่ไม่มีเวลามานั่งดูศึกษากราฟ
สำหรับผม ณ ตอนนี้ผมใช้วิธีตอนซื้อหุ้นแบบ VI หากราคาขึ้นไปถึง fair value ผมจะให้คนดูกราฟเทคนิคช่วยในตอนขายว่าจะขายหรือถือต่อ แต่ถ้าราคาลงก็จะยังไม่ซื้อเพิ่มทันที รอดูงบออกก่อนแล้วค่อยตัดสินใจอีกทีว่าเราคิดถูกหรือตลาดคิดถูก
- PrasertsakK
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 292
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI ไม่จำเป็นต้องดูกราฟเทคนิคใช่ไหมครับ
โพสต์ที่ 36
ผมว่าการประเมินตัวเองน่าจะมีความสำคัญกับคำตอบนี้ ถ้าเรายังเป็นมือใหม่ และเราเห็นว่าแนวทางแบบVI มีความสมเหตุสมผลที่จะดำเนินตาม ผมแนะนำเลยว่า ไม่ต้องสนใจทางเทคนิคเลย เพราะว่า มันจะทำให้เราสับสน เนื่องด้วยหลักการหลายๆอย่างจะตรงกันข้ามเลย พอเราเป็นมือใหม่ แล้วเราเอาทั้งสองวิธีมาผสมกัน ปัญหาจะใหญ่มากเมื่อเราได้กำไรด้วยวิธีมั่วๆนี้ เราจะมีความทรงจำกับวิธีครึ่งๆกลางๆนี้ แล้วมันมีแนวโน้มทำให้เราผิดพลาดตอนที่เราลงทุนเงินมากขึ้น
ผมว่าการนำหลักการที่สมเหตุสมผลแบบVIมาใช้จนเราเก่งแล้ว ก็ไม่สายที่จะนำหลักเทคนิคมาประยุกต์ใช้ในภายหลัง หรือว่า ถ้าจะเริ่มต้นด้วยเทคนิคก่อนจนเก่งก็ได้ครับ เพราะว่าคนที่เก่งเทคนิคจะได้เปรียบเรื่องการฝึกจิตใจของตัวเอง เมื่อเข้าใจตัวเองแล้วก็ศึกษาการลงทุนแบบVI ก็จะทำการลงทุนแบบVI มีความเฉียบคมขึ้น
สำหรับส่วนตัวผม ผมชอบที่จะศึกษาแบบVIก่อน เพราะว่า หลักของVIที่สำคัญที่สุดคือต้องไม่ขาดทุน ซึ่งวิธีการคิดแบบนี้ ทำให้เราที่จะหัดดูเรื่องความเสี่ยงก่อนจะลงทุน ซึ่งผมว่ามันสำคัญมาก ส่วนใครที่อยากจะเริ่มหัดเทคนิคก่อน(เหมือนพี่ชายผม) ผมว่ามันจะทำให้เรามองเรื่องการทำกำไรมากกว่า ซึ่งในเวลาขาขึ้น คนที่มองเรื่องกำไร อาจจะได้ผลตอบแทนมากกว่า แต่ในช่วงขาลง คนที่มองdonwsideจะเสียหายน้อยกว่า แต่ในผลรวมๆนั้นก็คงขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน และถ้าจะสรุปว่าวิธีไหนดีกว่าผมว่าคงบอกไม่ได้ เพราะว่ามันขึ้นอยู่กับว่าเราเป็นคนประเภทไหนมากกว่า
ผมว่าการนำหลักการที่สมเหตุสมผลแบบVIมาใช้จนเราเก่งแล้ว ก็ไม่สายที่จะนำหลักเทคนิคมาประยุกต์ใช้ในภายหลัง หรือว่า ถ้าจะเริ่มต้นด้วยเทคนิคก่อนจนเก่งก็ได้ครับ เพราะว่าคนที่เก่งเทคนิคจะได้เปรียบเรื่องการฝึกจิตใจของตัวเอง เมื่อเข้าใจตัวเองแล้วก็ศึกษาการลงทุนแบบVI ก็จะทำการลงทุนแบบVI มีความเฉียบคมขึ้น
สำหรับส่วนตัวผม ผมชอบที่จะศึกษาแบบVIก่อน เพราะว่า หลักของVIที่สำคัญที่สุดคือต้องไม่ขาดทุน ซึ่งวิธีการคิดแบบนี้ ทำให้เราที่จะหัดดูเรื่องความเสี่ยงก่อนจะลงทุน ซึ่งผมว่ามันสำคัญมาก ส่วนใครที่อยากจะเริ่มหัดเทคนิคก่อน(เหมือนพี่ชายผม) ผมว่ามันจะทำให้เรามองเรื่องการทำกำไรมากกว่า ซึ่งในเวลาขาขึ้น คนที่มองเรื่องกำไร อาจจะได้ผลตอบแทนมากกว่า แต่ในช่วงขาลง คนที่มองdonwsideจะเสียหายน้อยกว่า แต่ในผลรวมๆนั้นก็คงขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน และถ้าจะสรุปว่าวิธีไหนดีกว่าผมว่าคงบอกไม่ได้ เพราะว่ามันขึ้นอยู่กับว่าเราเป็นคนประเภทไหนมากกว่า
http://prasertsakk.blogspot.com/
การลงทุน ความมั่งคั่ง ความสุข มิตรภาพ
การลงทุน ความมั่งคั่ง ความสุข มิตรภาพ
-
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI ไม่จำเป็นต้องดูกราฟเทคนิคใช่ไหมครับ
โพสต์ที่ 37
ขอบคุณครับsimplelife เขียน:เท่าที่เคยเห็นมา "กราฟบอกว่าคนที่ดูกราฟกำลังทำอะไร คิดอะไร" ซะมากกว่าครับmaiaowna เขียน:กราฟบอกว่าคนเขากำลังทำอะไร คิดอะไร ^^''
มุมมองของผมอาจจะแคบไปหน่ย ขออภัยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI ไม่จำเป็นต้องดูกราฟเทคนิคใช่ไหมครับ
โพสต์ที่ 39
มีอาจารย์ผู้ช่วยสอนคนหนึ่งบอกว่า
อาจารย์ของผมดูกราฟเป็น แต่ก็ให้น้ำหนักกับกราฟน้อยกว่าการใช้ fundamental(พื้นฐาน)
เพราะท่านถนัด fundamental มากกว่า
เรามักนำสิ่งที่คนอื่นๆลงทุนแล้วได้ผลมาใช้กับตัวเรา
หลายครั้ง เราลืมถามตัวเราเองว่าเราถนัดอะไร
และเหมาะกับสิ่งใดมากกว่ากัน
การลงทุนจึงเป็นศิลปะครับ
คนเรียนศิลปะมาด้วยกัน
วาดรูปโดยใช้แบบเดียวกัน
ก็วาดภาพออกมาได้ต่างกันครับ
เลือกหลักการลงทุนที่เหมาะกับตัวเรา
และอย่าให้ หลักการ กลายเป็นหลักเกินครับ (คล้ายๆเมาหมัด ^^)
อาจารย์ของผมดูกราฟเป็น แต่ก็ให้น้ำหนักกับกราฟน้อยกว่าการใช้ fundamental(พื้นฐาน)
เพราะท่านถนัด fundamental มากกว่า
เรามักนำสิ่งที่คนอื่นๆลงทุนแล้วได้ผลมาใช้กับตัวเรา
หลายครั้ง เราลืมถามตัวเราเองว่าเราถนัดอะไร
และเหมาะกับสิ่งใดมากกว่ากัน
การลงทุนจึงเป็นศิลปะครับ
คนเรียนศิลปะมาด้วยกัน
วาดรูปโดยใช้แบบเดียวกัน
ก็วาดภาพออกมาได้ต่างกันครับ
เลือกหลักการลงทุนที่เหมาะกับตัวเรา
และอย่าให้ หลักการ กลายเป็นหลักเกินครับ (คล้ายๆเมาหมัด ^^)
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 443
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI ไม่จำเป็นต้องดูกราฟเทคนิคใช่ไหมครับ
โพสต์ที่ 41
เซียนกราฟเทคนิคไม่ได้เป็นกันง่าย และส่วนใหญ่เป็นแล้ว
เค้าไม่เอาเทคนิคมาเปิดเผยหรอกครับ ถึงได้มีคนบอกว่าเอาคน 2 คนมาดูกราฟ บางคนบอกซื้อ บางคนขาย
ที่เห็นเปิดเผยกันส่วนใหญ่เป็นเทคนิคที่เค้ารู้กันแล้ว
เซียน VI ก็เช่นกันครับแอบไปดอดซื้อตอนเงียบๆ
ุถ้าถามว่าอันไหนกำไรกว่า ผมก็คงตอบกราฟละครับ
แต่กำไรที่ได้มากกว่าไม่ใช่ได้มาง่ายนะครับ
ต้องดูทุกวันว่า แบบนี้มันกำลังทำอะไรอยู่
VI กำไรน้อยกว่าแต่เล่นง่ายกว่าเยอะ+ดีในลองเทอมครับ
คิดหนักแค่ตอนแรกจากนั้นถ้าพื้นฐานไม่เปลีี่ยนก็ไม่ขาย
เลือกที่เหมาะกับตัวเองดีกว่าครับ
เค้าไม่เอาเทคนิคมาเปิดเผยหรอกครับ ถึงได้มีคนบอกว่าเอาคน 2 คนมาดูกราฟ บางคนบอกซื้อ บางคนขาย
ที่เห็นเปิดเผยกันส่วนใหญ่เป็นเทคนิคที่เค้ารู้กันแล้ว
เซียน VI ก็เช่นกันครับแอบไปดอดซื้อตอนเงียบๆ
ุถ้าถามว่าอันไหนกำไรกว่า ผมก็คงตอบกราฟละครับ
แต่กำไรที่ได้มากกว่าไม่ใช่ได้มาง่ายนะครับ
ต้องดูทุกวันว่า แบบนี้มันกำลังทำอะไรอยู่
VI กำไรน้อยกว่าแต่เล่นง่ายกว่าเยอะ+ดีในลองเทอมครับ
คิดหนักแค่ตอนแรกจากนั้นถ้าพื้นฐานไม่เปลีี่ยนก็ไม่ขาย
เลือกที่เหมาะกับตัวเองดีกว่าครับ