ลุยหุ้นอสังหาฯดักงบQ2/54@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
-
- Verified User
- โพสต์: 348
- ผู้ติดตาม: 0
ลุยหุ้นอสังหาฯดักงบQ2/54@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
โพสต์ที่ 1
ลุยหุ้นอสังหาฯดักงบQ2/54
กูรู เชียร์นลท.เก็บหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หลังคาดผลประกอบการไตรมาส 2/54 สุดบรรเจิด กำไรเติบโต 31.8% จากไตรมาสก่อน ส่วนครึ่งปีหลังยังมั่นใจอวดผลงานดีต่อเนื่อง เพราะรับอานิสงส์สินเชื่อดอกเบี้ย 0% นาน 5 ปี ของพรรคเพื่อไทย ส่วน Top pick เลือก AP- PS-SPALI -RAIMON ฟากผู้บริหาร LPN ยันไม่ทบทวนเป้าหมายรายได้เพิ่ม แม้ครึ่งปีแรกแจ่ม พร้อมมั่นใจทั้งปีทำรายได้เข้าเป้าที่ 1.2 หมื่นลบ.ด้าน QH คาดกำไร-รายได้ Q2/54 ดีขึ้นกว่าไตรมาสก่อน เหตุทยอยรับรู้รายได้จากยอดโอนต่อเนื่อง ขณะที่ SCB คุยสินเชื่ออสังหาฯ พุ่ง เล็งขยับดอกเบี้ยตามต้นทุน
*** ฟินันเซีย ไซรัส คาดกำไร Q2/54 กลุ่มอสังหาฯ โต 31.8%
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับกลุ่มที่อยู่อาศัย โดยระบุว่ากำไรในไตรมาส 2/2554 ฟื้นตัว คาดโต 31.8%Q-Q และ 14.3%Y-Y โดยบริษัทเอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ AP มีกำไรโดดเด่นสุดและมี Upside มากสุดเมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ 7.20 บาทต่อหุ้น จึงเป็น Top pick แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับขึ้นมาถึง 13% MTD มากสุดในกลุ่มแล้วก็ตาม นอกจากนี้บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH และบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS ก็น่าสนใจเนื่องจากราคา laggard ที่สุดในกลุ่มในขณะที่ผลประกอบการดีทั้งคู่ ส่วนบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH เป็นหุ้นตัวเดียวในกลุ่มที่ราคาเกินมูลค่าแล้ว (เป้าหมาย 6.80 บาทต่อหุ้น) กำไรคาดว่าไม่โดดเด่น และมี PE แพงสุด 12.5 เท่า จึงแนะนำขาย
*** ASP เลือก PS-SPALI -RAIMON เป็น Top Pick
บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่ากรณีที่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่าพร้อมที่จะทำตามนโยบายปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ย 0% นาน 5 ปี สำหรับบ้านหลังแรกของพรรคเพื่อไทย โดยธอส.มีสภาพคล่องเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ซึ่งต้องกำหนดให้ลูกค้าเข้าโครงการนาน 10 ปี เพราะช่วง 5 ปีแรก ธอส.และรัฐบาลเป็นผู้รับภาระดอกเบี้ยให้ นอกจากนั้นยังมีความเห็นว่าโครงการของรัฐบาลใหม่จะไม่ส่งผลต่อโครงการสินเชื่อบ้าน 0% นาน 2 ปี ซึ่งล่าสุดมียอดสินเชื่อที่อนุมัติแล้ว 1.1 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าเดือนส.ค.54 จะอนุมัติสินเชื่อได้ครบทั้งหมด 2.5 หมื่นล้านบาท
ส่วนแนวโน้ม 2H54 คาดว่าสินเชื่อจะขยายตัวตามนโยบายกระตุ้นภาคอสังหาฯและจะมีโครงการเปิดตัวบ้านใหม่อีกไม่น้อยกว่า 5 หมื่นหน่วย จากช่วง 1H54 ยอดปล่อยสินเชื่อลดลง 20% YoY ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยเห็นว่านโยบายปล่อยสินเชื่อบ้าน 0% นาน 5 ปี ของพรรคเพื่อไทย จะช่วยกระตุ้นยอดขายและยอดโอนฯอสังหาริมทรัพย์อีกครั้ง และคาดว่าจะมีกระแสตอบรับดีกว่าโครงการเดิมที่ให้สินเชื่อ 0% นาน 2 ปี ซึ่งไม่แตกต่างจากสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ทั่วไป เมื่อพิจารณา 14 บริษัทในตลาดฯที่ฝ่ายวิจัย Cover พบว่าส่วนใหญ่ยังมีนโยบายเชิงรุกที่จะเติบโต เห็นได้จากแผนการเปิดโครงการใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นจากช่วง 1H54 ทั้งสินค้าแนวราบและคอนโดมิเนียม
ส่วนกำหนดการโอนฯ พร้อมบันทึกรายได้ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน จากยอด Backlog ณ สิ้นไตรมาส 1/2554 จำนวน 1.48 แสนล้านบาท ซึ่งมีกำหนดโอนฯช่วงที่เหลือของปีกว่า 7.6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 3.4 หมื่นล้านบาทและคอนโด 4.2 หมื่นล้านบาท ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย มากกว่าตลาด โดยเลือก PS, SPALI และ RAIMON เป็น Top Pick ของกลุ่ม
*** LPN ยันไม่ทบทวนเป้าหมายรายได้เพิ่ม แม้ครึ่งปีแรกแจ่ม
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่าบริษัทไม่มีแผนจะปรับเพิ่มประมาณการรายได้ทั้งปี จากเดิมซึ่งอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท แม้ว่าแนวโน้มผลงานครึ่งปีแรกจะออกมาดี เพราะประมาณการเดิมเป็นการประเมินจากโครงการที่จะสามารถโอนได้จริงในปีนี้ ดังนั้น จึงไม่มีอะไรที่จะทำให้รายได้เกินจากประมาณการที่ตั้งไว้
ขณะที่ไตรมาส 3 คาดว่าจะเปิดอีก 2 โครงการ แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดเรื่องทำเลที่ตั้ง เนื่องจากการแข่งขันค่อนข้างสูง แต่คาดว่าจะมีการแจ้งข่าวให้ทราบในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้อยากเห็นความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ เชื่อว่าน่าจะทำให้ภาพของเศรษฐกิจชัดเจนขึ้น ซึ่งขณะนี้สิ่งที่ติดตามคือ จะทำนโยบายตามที่ได้หาเสียงไว้หรือไม่ และสำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ อยากให้มีมาตรการกระตุ้น เช่น ดอกเบี้ย 0% เป็นต้น จะทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์โดยรวมมีความคึกคักมากขึ้น
นายโอภาส กล่าวว่า ดอกเบี้ยขาขึ้นไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า เพราะเมื่อเทียบกับในอดีตย้อนไป 10 ปีที่ผ่านมา ดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว พบว่าดอกเบี้ย MLR อยู่ที่ 10% กว่า แต่ปัจจุบัน MLR อยู่ที่ประมาณ6-7% แต่ดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น เชื่อว่า จะทำให้ธนาคารพาณิชย์มีความระมัดระวังมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อ
***QH คาดกำไร-รายได้ Q2/54 ดีขึ้นกว่าไตรมาสก่อน
นายรัตน์ พานิชพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เปิดเผยว่าคาดว่าแนวโน้มกำไรและรายได้ในไตรมาส 2/2554 จะดีกว่าไตรมาส 1/2554 เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้จากยอดโอนมากขึ้น พร้อมทั้งประเมินว่าแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/2554 มีโอกาสที่จะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 2/2554 หลังจากที่ได้รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศที่สามารถเรียกความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมาได้ แต่ยอมรับว่าแนวโน้มกำไรของบริษัทฯในปีนี้จะลดลงจากปีก่อนที่มีกำไร 2 พันล้านบาท เนื่องจากในปี 2553 บริษัทฯได้รับประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ด้านภาษีที่รัฐบาลมีให้กับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ปีนี้ไม่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี ส่วนรายได้บริษัทฯ คาดว่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท และยอดขายคาดว่าจะเติบโตขึ้นจากปีก่อนเช่นกัน
' กำไรปีนี้คงสู้ปีที่แล้วไม่ได้ เพราะมีเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีมาช่วย แต่รายได้น่าจะใกล้เคียงเท่าปีที่แล้วที่ 1.2 หมื่นล้านบาท รัฐบาลใหม่ที่เข้ามาน่าจะช่วยทำให้ความเชื่อมั่นของคนซื้อกลับมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3' นายรัตน์ กล่าว
นายรัตน์ กล่าวต่อไปว่าจากกรณีที่รัฐบาลใหม่มีนโยบายจะปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวัน เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อบริษัทฯ แต่หากจะกระทบก็คงไม่มากนัก เนื่องจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ จะเน้นการจ้างแรงงานและก่อสร้างล่วงหน้า เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นที่มีนโยบายในการขายก่อนและมีการก่อสร้างภายหลังจะมีผลกระทบมากกว่า อย่างไรก็ดีประเมินว่าอัตราค่าจ้างแรงงานที่ปรับขึ้นไประดับดังกล่าวจะส่งผลต่อต้นทุนการก่อสร้างเฉลี่ยของภาคอสังหาริมทรัพย์ให้เพิ่มขึ้นประมาณ 10% ซึ่งผลทางตรงคือต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ผลกระทบทางอ้อมคือต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น โดยต้นทุนค่าแรงประเมินว่ามีสัดส่วนราว 2-3% ของต้นทุนเฉลี่ยรวม นอกจากนี้ประเมินว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาที่อยู่อาศัยในปีหน้าให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นขณะที่การปรับราคาขึ้นของบริษัทฯยังไม่สามารถระบุได้ว่า จะขึ้นในอัตราเท่าใด โดยต้องพิจารณาว่าตลาดโดยรวมจะตอบรับกับราคาที่ปรับขึ้นได้มากน้อยเพียงใด
*** SCB คุยสินเชื่ออสังหาฯ พุ่ง เล็งขยับดอกเบี้ยตามต้นทุน
นางพิกุล ศรีมหันต์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยว่า ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของSCBในปีนี้ คาดจะอยู่ที่ประมาณ 7.3-7.5 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 7% จากปี 2553 ที่ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยไปได้ทั้งสิ้นประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ในส่วนของภาพรวมการเติบโตของสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั้งระบบช่วงครึ่งปีหลัง น่าจะขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 10-12% จากเดิมที่ครึ่งปีแรกเติบโตที่ระดับ 7-8%
ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้ทั้งสิ้น 4.3 หมื่นล้านบาท สูงกว่าที่เป้าที่ตั้งไว้ 3 หมื่นล้านบาท และถือว่าปล่อยสินเชื่อได้มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ปล่อยสินเชื่อได้ประมาณ 3.8-3.9 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ในปี2554 ไม่มีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์จากรัฐบาลเหมือนปีก่อน โดยพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารฯปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3.1 แสนล้านบาท คาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 3.2-3.3 แสนล้านบาทในช่วงสิ้นปี 2554 อย่างไรก็ตาม ธนาคารฯอาจจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งปีหลัง อีกเล็กน้อย เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนเงินฝากที่เพิ่มขึ้น ซึ่งดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปี2554คงไม่สามารถปรับขึ้นได้มากนัก เนื่องจากการแข่งขันยังรุนแรง รวมทั้งการที่ธนาคารรัฐอย่างออมสินและ ธอส. มีการออกโปรดักส์สินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ย 0% ออกมา จึงน่าจะยิ่งทำให้การแข่งขันมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เพราะธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง ต้องการรักษามาร์เก็ตแชร์ของตนเองเอาไว้
*** ราคาหุ้นกลุ่มอสังหาฯ ยืนแดนบวกสลับแดนลบ
วานนี้ (28 ก.ค.54) หุ้น AP ปิดตลาดที่ราคา 6.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 1.67%
PS ปิดตลาดที่ราคา 20.50 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 0.49%
SPALI ปิดตลาดที่ราคา 13.70 บาท ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
RAIMON ปิดตลาดที่ราคา 1.33 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท หรือ 0.76%
LPN ปิดตลาดที่ราคา 11.10 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 0.89%
QH ปิดตลาดที่ราคา 1.91 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท หรือ 0.53%
SENA ปิดตลาดที่ราคา 2.16 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท หรือ 1.89%
PRIN ปิดตลาดที่ราคา 1.61 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท หรือ 0.63%
eFinanceThai hot news 29/07/11
กูรู เชียร์นลท.เก็บหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หลังคาดผลประกอบการไตรมาส 2/54 สุดบรรเจิด กำไรเติบโต 31.8% จากไตรมาสก่อน ส่วนครึ่งปีหลังยังมั่นใจอวดผลงานดีต่อเนื่อง เพราะรับอานิสงส์สินเชื่อดอกเบี้ย 0% นาน 5 ปี ของพรรคเพื่อไทย ส่วน Top pick เลือก AP- PS-SPALI -RAIMON ฟากผู้บริหาร LPN ยันไม่ทบทวนเป้าหมายรายได้เพิ่ม แม้ครึ่งปีแรกแจ่ม พร้อมมั่นใจทั้งปีทำรายได้เข้าเป้าที่ 1.2 หมื่นลบ.ด้าน QH คาดกำไร-รายได้ Q2/54 ดีขึ้นกว่าไตรมาสก่อน เหตุทยอยรับรู้รายได้จากยอดโอนต่อเนื่อง ขณะที่ SCB คุยสินเชื่ออสังหาฯ พุ่ง เล็งขยับดอกเบี้ยตามต้นทุน
*** ฟินันเซีย ไซรัส คาดกำไร Q2/54 กลุ่มอสังหาฯ โต 31.8%
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับกลุ่มที่อยู่อาศัย โดยระบุว่ากำไรในไตรมาส 2/2554 ฟื้นตัว คาดโต 31.8%Q-Q และ 14.3%Y-Y โดยบริษัทเอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ AP มีกำไรโดดเด่นสุดและมี Upside มากสุดเมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ 7.20 บาทต่อหุ้น จึงเป็น Top pick แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับขึ้นมาถึง 13% MTD มากสุดในกลุ่มแล้วก็ตาม นอกจากนี้บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH และบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS ก็น่าสนใจเนื่องจากราคา laggard ที่สุดในกลุ่มในขณะที่ผลประกอบการดีทั้งคู่ ส่วนบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH เป็นหุ้นตัวเดียวในกลุ่มที่ราคาเกินมูลค่าแล้ว (เป้าหมาย 6.80 บาทต่อหุ้น) กำไรคาดว่าไม่โดดเด่น และมี PE แพงสุด 12.5 เท่า จึงแนะนำขาย
*** ASP เลือก PS-SPALI -RAIMON เป็น Top Pick
บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่ากรณีที่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่าพร้อมที่จะทำตามนโยบายปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ย 0% นาน 5 ปี สำหรับบ้านหลังแรกของพรรคเพื่อไทย โดยธอส.มีสภาพคล่องเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ซึ่งต้องกำหนดให้ลูกค้าเข้าโครงการนาน 10 ปี เพราะช่วง 5 ปีแรก ธอส.และรัฐบาลเป็นผู้รับภาระดอกเบี้ยให้ นอกจากนั้นยังมีความเห็นว่าโครงการของรัฐบาลใหม่จะไม่ส่งผลต่อโครงการสินเชื่อบ้าน 0% นาน 2 ปี ซึ่งล่าสุดมียอดสินเชื่อที่อนุมัติแล้ว 1.1 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าเดือนส.ค.54 จะอนุมัติสินเชื่อได้ครบทั้งหมด 2.5 หมื่นล้านบาท
ส่วนแนวโน้ม 2H54 คาดว่าสินเชื่อจะขยายตัวตามนโยบายกระตุ้นภาคอสังหาฯและจะมีโครงการเปิดตัวบ้านใหม่อีกไม่น้อยกว่า 5 หมื่นหน่วย จากช่วง 1H54 ยอดปล่อยสินเชื่อลดลง 20% YoY ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยเห็นว่านโยบายปล่อยสินเชื่อบ้าน 0% นาน 5 ปี ของพรรคเพื่อไทย จะช่วยกระตุ้นยอดขายและยอดโอนฯอสังหาริมทรัพย์อีกครั้ง และคาดว่าจะมีกระแสตอบรับดีกว่าโครงการเดิมที่ให้สินเชื่อ 0% นาน 2 ปี ซึ่งไม่แตกต่างจากสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ทั่วไป เมื่อพิจารณา 14 บริษัทในตลาดฯที่ฝ่ายวิจัย Cover พบว่าส่วนใหญ่ยังมีนโยบายเชิงรุกที่จะเติบโต เห็นได้จากแผนการเปิดโครงการใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นจากช่วง 1H54 ทั้งสินค้าแนวราบและคอนโดมิเนียม
ส่วนกำหนดการโอนฯ พร้อมบันทึกรายได้ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน จากยอด Backlog ณ สิ้นไตรมาส 1/2554 จำนวน 1.48 แสนล้านบาท ซึ่งมีกำหนดโอนฯช่วงที่เหลือของปีกว่า 7.6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 3.4 หมื่นล้านบาทและคอนโด 4.2 หมื่นล้านบาท ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย มากกว่าตลาด โดยเลือก PS, SPALI และ RAIMON เป็น Top Pick ของกลุ่ม
*** LPN ยันไม่ทบทวนเป้าหมายรายได้เพิ่ม แม้ครึ่งปีแรกแจ่ม
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่าบริษัทไม่มีแผนจะปรับเพิ่มประมาณการรายได้ทั้งปี จากเดิมซึ่งอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท แม้ว่าแนวโน้มผลงานครึ่งปีแรกจะออกมาดี เพราะประมาณการเดิมเป็นการประเมินจากโครงการที่จะสามารถโอนได้จริงในปีนี้ ดังนั้น จึงไม่มีอะไรที่จะทำให้รายได้เกินจากประมาณการที่ตั้งไว้
ขณะที่ไตรมาส 3 คาดว่าจะเปิดอีก 2 โครงการ แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดเรื่องทำเลที่ตั้ง เนื่องจากการแข่งขันค่อนข้างสูง แต่คาดว่าจะมีการแจ้งข่าวให้ทราบในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้อยากเห็นความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ เชื่อว่าน่าจะทำให้ภาพของเศรษฐกิจชัดเจนขึ้น ซึ่งขณะนี้สิ่งที่ติดตามคือ จะทำนโยบายตามที่ได้หาเสียงไว้หรือไม่ และสำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ อยากให้มีมาตรการกระตุ้น เช่น ดอกเบี้ย 0% เป็นต้น จะทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์โดยรวมมีความคึกคักมากขึ้น
นายโอภาส กล่าวว่า ดอกเบี้ยขาขึ้นไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า เพราะเมื่อเทียบกับในอดีตย้อนไป 10 ปีที่ผ่านมา ดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว พบว่าดอกเบี้ย MLR อยู่ที่ 10% กว่า แต่ปัจจุบัน MLR อยู่ที่ประมาณ6-7% แต่ดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น เชื่อว่า จะทำให้ธนาคารพาณิชย์มีความระมัดระวังมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อ
***QH คาดกำไร-รายได้ Q2/54 ดีขึ้นกว่าไตรมาสก่อน
นายรัตน์ พานิชพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เปิดเผยว่าคาดว่าแนวโน้มกำไรและรายได้ในไตรมาส 2/2554 จะดีกว่าไตรมาส 1/2554 เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้จากยอดโอนมากขึ้น พร้อมทั้งประเมินว่าแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/2554 มีโอกาสที่จะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 2/2554 หลังจากที่ได้รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศที่สามารถเรียกความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมาได้ แต่ยอมรับว่าแนวโน้มกำไรของบริษัทฯในปีนี้จะลดลงจากปีก่อนที่มีกำไร 2 พันล้านบาท เนื่องจากในปี 2553 บริษัทฯได้รับประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ด้านภาษีที่รัฐบาลมีให้กับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ปีนี้ไม่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี ส่วนรายได้บริษัทฯ คาดว่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท และยอดขายคาดว่าจะเติบโตขึ้นจากปีก่อนเช่นกัน
' กำไรปีนี้คงสู้ปีที่แล้วไม่ได้ เพราะมีเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีมาช่วย แต่รายได้น่าจะใกล้เคียงเท่าปีที่แล้วที่ 1.2 หมื่นล้านบาท รัฐบาลใหม่ที่เข้ามาน่าจะช่วยทำให้ความเชื่อมั่นของคนซื้อกลับมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3' นายรัตน์ กล่าว
นายรัตน์ กล่าวต่อไปว่าจากกรณีที่รัฐบาลใหม่มีนโยบายจะปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวัน เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อบริษัทฯ แต่หากจะกระทบก็คงไม่มากนัก เนื่องจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ จะเน้นการจ้างแรงงานและก่อสร้างล่วงหน้า เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นที่มีนโยบายในการขายก่อนและมีการก่อสร้างภายหลังจะมีผลกระทบมากกว่า อย่างไรก็ดีประเมินว่าอัตราค่าจ้างแรงงานที่ปรับขึ้นไประดับดังกล่าวจะส่งผลต่อต้นทุนการก่อสร้างเฉลี่ยของภาคอสังหาริมทรัพย์ให้เพิ่มขึ้นประมาณ 10% ซึ่งผลทางตรงคือต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ผลกระทบทางอ้อมคือต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น โดยต้นทุนค่าแรงประเมินว่ามีสัดส่วนราว 2-3% ของต้นทุนเฉลี่ยรวม นอกจากนี้ประเมินว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาที่อยู่อาศัยในปีหน้าให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นขณะที่การปรับราคาขึ้นของบริษัทฯยังไม่สามารถระบุได้ว่า จะขึ้นในอัตราเท่าใด โดยต้องพิจารณาว่าตลาดโดยรวมจะตอบรับกับราคาที่ปรับขึ้นได้มากน้อยเพียงใด
*** SCB คุยสินเชื่ออสังหาฯ พุ่ง เล็งขยับดอกเบี้ยตามต้นทุน
นางพิกุล ศรีมหันต์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยว่า ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของSCBในปีนี้ คาดจะอยู่ที่ประมาณ 7.3-7.5 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 7% จากปี 2553 ที่ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยไปได้ทั้งสิ้นประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ในส่วนของภาพรวมการเติบโตของสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั้งระบบช่วงครึ่งปีหลัง น่าจะขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 10-12% จากเดิมที่ครึ่งปีแรกเติบโตที่ระดับ 7-8%
ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้ทั้งสิ้น 4.3 หมื่นล้านบาท สูงกว่าที่เป้าที่ตั้งไว้ 3 หมื่นล้านบาท และถือว่าปล่อยสินเชื่อได้มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ปล่อยสินเชื่อได้ประมาณ 3.8-3.9 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ในปี2554 ไม่มีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์จากรัฐบาลเหมือนปีก่อน โดยพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารฯปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3.1 แสนล้านบาท คาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 3.2-3.3 แสนล้านบาทในช่วงสิ้นปี 2554 อย่างไรก็ตาม ธนาคารฯอาจจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งปีหลัง อีกเล็กน้อย เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนเงินฝากที่เพิ่มขึ้น ซึ่งดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปี2554คงไม่สามารถปรับขึ้นได้มากนัก เนื่องจากการแข่งขันยังรุนแรง รวมทั้งการที่ธนาคารรัฐอย่างออมสินและ ธอส. มีการออกโปรดักส์สินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ย 0% ออกมา จึงน่าจะยิ่งทำให้การแข่งขันมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เพราะธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง ต้องการรักษามาร์เก็ตแชร์ของตนเองเอาไว้
*** ราคาหุ้นกลุ่มอสังหาฯ ยืนแดนบวกสลับแดนลบ
วานนี้ (28 ก.ค.54) หุ้น AP ปิดตลาดที่ราคา 6.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 1.67%
PS ปิดตลาดที่ราคา 20.50 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 0.49%
SPALI ปิดตลาดที่ราคา 13.70 บาท ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
RAIMON ปิดตลาดที่ราคา 1.33 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท หรือ 0.76%
LPN ปิดตลาดที่ราคา 11.10 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 0.89%
QH ปิดตลาดที่ราคา 1.91 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท หรือ 0.53%
SENA ปิดตลาดที่ราคา 2.16 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท หรือ 1.89%
PRIN ปิดตลาดที่ราคา 1.61 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท หรือ 0.63%
eFinanceThai hot news 29/07/11
- ปลาตัวเล็ก
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 767
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลุยหุ้นอสังหาฯดักงบQ2/54@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
โพสต์ที่ 2
siri หาย
-
- Verified User
- โพสต์: 348
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลุยหุ้นอสังหาฯดักงบQ2/54@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
โพสต์ที่ 3
บริษัทอั่งเปาแอสเสท ที่กำลังจะเข้าตลาด ในปลายสิงหาคม
ล่าสุดเพิ่งประกาศแจกโบนัสพิเศษให้พนักงาน สองเดือนครับ กลางปีที่ผ่านมา
ล่าสุดเพิ่งประกาศแจกโบนัสพิเศษให้พนักงาน สองเดือนครับ กลางปีที่ผ่านมา
-
- Verified User
- โพสต์: 348
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลุยหุ้นอสังหาฯดักงบQ2/54@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
โพสต์ที่ 4
THE LATEST EXAMPLE KAB
ขนาดหุ้นอย่าง EVER nvdr ยังเข้ามาซื้อเก็บเพิ่ม
ดูกันน่ะ
246-2 EVER บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด buy หุ้น 0.16 5.09 27/07/2554 http://capital.sec.or.th/webapp/corp_fi ... ntent_id=1
ขนาดหุ้นอย่าง EVER nvdr ยังเข้ามาซื้อเก็บเพิ่ม
ดูกันน่ะ
246-2 EVER บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด buy หุ้น 0.16 5.09 27/07/2554 http://capital.sec.or.th/webapp/corp_fi ... ntent_id=1
-
- Verified User
- โพสต์: 348
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลุยหุ้นอสังหาฯดักงบQ2/54@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
โพสต์ที่ 5
-
- Verified User
- โพสต์: 348
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลุยหุ้นอสังหาฯดักงบQ2/54@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
โพสต์ที่ 6
กลุ่มอสังหาฯราคาแหล่ม หุ้นสุดถูก
วันจันทร์ที่ 01 สิงหาคม 2554
ผู้เข้าชม : 41 คน
กูรูเชียร์ซื้อ PTT-AP-LPN-SPALI รับเงินเม็ดเงินไหลเข้าร้อนแรง เหตุราคาหุ้นดังกล่าวพื้นฐานแกร่งราคาไม่สูง ลุ้นปรับประมาณการ ระยะสั้น 1-2 สัปดาห์ลุยเก็งกำไรได้ พร้อมแนะ หากดัชนีแตะระดับ 1,150 จุดหาจังหวะเหมาะเทขายทำกำไรทันที
นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนช่วงเงินทุนนอกไหลเข้าประเทศจำนวนมากในขณะนี้ ยังมีหลักทรัพย์ที่น่าสนใจและนักลงทุนสามารถเข้าไปลงทุนได้ ประกอบด้วยหลักทรัพย์กลุ่มพลังงานและหลักทรัพย์กลุ่มอสังหาริมทรัพย์
หลักทรัพย์ทั้งสองกลุ่มดังกล่าว มองว่าเป็นกลุ่มหุ้นที่มีพื้นฐานค่อนข้างดี โอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับตัวสูงขึ้นก็มีมากเช่นกัน ที่สำคัญราคาหุ้นของหุ้นในกลุ่มดังกล่าวราคาในปัจจุบันยังไม่ปรับตัวขึ้นไปมากเหมือนหลักทรัพย์กลุ่มอื่น อย่างหลักทรัพย์กลุ่มธนาคาร กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มค้าปลีก กลุ่มไอซีที เป็นต้น
ในส่วนของนักลงทุน แนะว่า ควรหาจังหวะที่เหมาะสม แล้วเข้าไปทำกำไรในหลักทรัพย์กลุ่มดังกล่าวได้ โดยเฉพาะช่วงระยะสั้น1-2 สัปดาห์จากนี้ไป นักลงทุนสามารถเข้าไปเก็งกำไรได้
สำหรับหลักทรัพย์กลุ่มพลังงานประกอบด้วย หุ้น PTT ราคาเป้าหมายที่ 434 บาท ส่วนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย หุ้น AP ราคาเป้าหมายที่ 7.70 บาท หุ้น LPN ราคาเป้าหมายที่ 12.50 บาท และหุ้น SPALI ราคาเป้าหมายที่ 15.25 บาท และหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์อยู่ระหว่างปรับประมาณการ
ทิศทางการลงทุนระยะกลางถึงระยะยาวก็เช่นกัน หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ยังเป็นหุ้นที่น่าสนใจและเหมาะในการลงทุนดังกล่าวค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มที่มีพื้นฐานดี แต่ราคาได้มีการปรับตัวขึ้นไปสูงบ้างแล้ว นอกจากนี้ แนะว่า หากดัชนีแตะที่ระดับ 1,150 จุด นักลงทุนควรหาจังหวะเทขายเพื่อทำกำไรทันที
“การลงทุนหุ้นไทยช่วงนี้ นักลงทุนก็สามารถกระทำได้ เพียงแต่รอจังหวะให้ดี เพราะความผันผวนยังคงมีอยู่ ส่วนหุ้นที่ดีเหมาะแก่การลงทุนราคายังไม่ปรับตัวสูงมากนัก ก็ยังเป็นหุ้นพลังงานและหุ้นอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งหุ้นดังกล่าวราคายังมีโอกาสปรับตัวสูงตามภาวะเศรษฐกิจโลก รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย” นายกวี กล่าว
นายเกียรติศักดิ์ เจนวิภากุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มเงินทุนไหลเข้าขณะนี้ มองว่า ช่วงไตรมาส 3และ 4 ของปีนี้ เม็ดเงินลงทุนดังกล่าวมีโอกาสไหลกลับเข้ามาในไทยอีก 30% หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีเม็ดเงินดังกล่าวไหลกลับเข้ามาแล้วประมาณกว่า 30,000 ล้านบาท จากเม็ดเงินที่นักลงทุนนำออกไปประมาณ 40,000 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากปัจจัยลบทั้งในประเทศและต่างประเทศเริ่มคลี่คลายอย่างชัดเจน
http://www.kaohoon.com/daily/12809/กลุ่ ... ุดถูก-.htm#
วันจันทร์ที่ 01 สิงหาคม 2554
ผู้เข้าชม : 41 คน
กูรูเชียร์ซื้อ PTT-AP-LPN-SPALI รับเงินเม็ดเงินไหลเข้าร้อนแรง เหตุราคาหุ้นดังกล่าวพื้นฐานแกร่งราคาไม่สูง ลุ้นปรับประมาณการ ระยะสั้น 1-2 สัปดาห์ลุยเก็งกำไรได้ พร้อมแนะ หากดัชนีแตะระดับ 1,150 จุดหาจังหวะเหมาะเทขายทำกำไรทันที
นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนช่วงเงินทุนนอกไหลเข้าประเทศจำนวนมากในขณะนี้ ยังมีหลักทรัพย์ที่น่าสนใจและนักลงทุนสามารถเข้าไปลงทุนได้ ประกอบด้วยหลักทรัพย์กลุ่มพลังงานและหลักทรัพย์กลุ่มอสังหาริมทรัพย์
หลักทรัพย์ทั้งสองกลุ่มดังกล่าว มองว่าเป็นกลุ่มหุ้นที่มีพื้นฐานค่อนข้างดี โอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับตัวสูงขึ้นก็มีมากเช่นกัน ที่สำคัญราคาหุ้นของหุ้นในกลุ่มดังกล่าวราคาในปัจจุบันยังไม่ปรับตัวขึ้นไปมากเหมือนหลักทรัพย์กลุ่มอื่น อย่างหลักทรัพย์กลุ่มธนาคาร กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มค้าปลีก กลุ่มไอซีที เป็นต้น
ในส่วนของนักลงทุน แนะว่า ควรหาจังหวะที่เหมาะสม แล้วเข้าไปทำกำไรในหลักทรัพย์กลุ่มดังกล่าวได้ โดยเฉพาะช่วงระยะสั้น1-2 สัปดาห์จากนี้ไป นักลงทุนสามารถเข้าไปเก็งกำไรได้
สำหรับหลักทรัพย์กลุ่มพลังงานประกอบด้วย หุ้น PTT ราคาเป้าหมายที่ 434 บาท ส่วนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย หุ้น AP ราคาเป้าหมายที่ 7.70 บาท หุ้น LPN ราคาเป้าหมายที่ 12.50 บาท และหุ้น SPALI ราคาเป้าหมายที่ 15.25 บาท และหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์อยู่ระหว่างปรับประมาณการ
ทิศทางการลงทุนระยะกลางถึงระยะยาวก็เช่นกัน หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ยังเป็นหุ้นที่น่าสนใจและเหมาะในการลงทุนดังกล่าวค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มที่มีพื้นฐานดี แต่ราคาได้มีการปรับตัวขึ้นไปสูงบ้างแล้ว นอกจากนี้ แนะว่า หากดัชนีแตะที่ระดับ 1,150 จุด นักลงทุนควรหาจังหวะเทขายเพื่อทำกำไรทันที
“การลงทุนหุ้นไทยช่วงนี้ นักลงทุนก็สามารถกระทำได้ เพียงแต่รอจังหวะให้ดี เพราะความผันผวนยังคงมีอยู่ ส่วนหุ้นที่ดีเหมาะแก่การลงทุนราคายังไม่ปรับตัวสูงมากนัก ก็ยังเป็นหุ้นพลังงานและหุ้นอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งหุ้นดังกล่าวราคายังมีโอกาสปรับตัวสูงตามภาวะเศรษฐกิจโลก รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย” นายกวี กล่าว
นายเกียรติศักดิ์ เจนวิภากุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มเงินทุนไหลเข้าขณะนี้ มองว่า ช่วงไตรมาส 3และ 4 ของปีนี้ เม็ดเงินลงทุนดังกล่าวมีโอกาสไหลกลับเข้ามาในไทยอีก 30% หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีเม็ดเงินดังกล่าวไหลกลับเข้ามาแล้วประมาณกว่า 30,000 ล้านบาท จากเม็ดเงินที่นักลงทุนนำออกไปประมาณ 40,000 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากปัจจัยลบทั้งในประเทศและต่างประเทศเริ่มคลี่คลายอย่างชัดเจน
http://www.kaohoon.com/daily/12809/กลุ่ ... ุดถูก-.htm#
-
- Verified User
- โพสต์: 348
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลุยหุ้นอสังหาฯดักงบQ2/54@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
โพสต์ที่ 7
เรื่องนี้คง confirm การขยายตัวในทางบวกของกลุ่มอสังหาและกลุ่มรับเหมาได้อีกแรงนะครับ
$$$$$$$$$$$$$$
วันที่ 03 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา 09:06:01 น.
กทม.ผุดถนนใหม่128สายรับรถไฟฟ้า เปิดทำเลทองฝั่งธน-บูมโซนตะวันออก Share6
กทม.รื้อใหม่โครงข่ายถนนตามผังเมืองรวม เชื่อมการเดินทางเข้าถึงถนนสายหลัก สายย่อย และแนวเส้นทางรถไฟฟ้า ขีดเพิ่มจากเดิม 25 สาย เป็น 128 สาย ทั้งตัดใหม่และขยายซอยเดิม ฝั่งธนบุรีส้มหล่นทะลวงพื้นที่ปิดล้อมเปิดทำเลทองใหม่เพิ่ม โซนตะวันออกได้อานิสงส์ไม่น้อยหน้า เร่งแก้ปัญหาทางเข้า-ออก แอร์พอร์ตลิงก์-บีทีเอสส่วนโซนเหนือเปิดจราจรรอบศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะเฟสแรกเสร้างทันทีในปี"55
ผศ.ดร.นพนันท์ ตาปนานนท์ ผู้จัดการโครงการวางและจัดทำผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่ 3) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในพื้นที่ 4 มุมเมืองทั่วกรุงเทพมหานคร (กทม.) และทะลวงพื้นที่ตาบอดให้เข้าถึงและสามารถสัญจรไปมาได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างถนนสายหลักกับถนนรองและสายย่อย ตลอดจนตรอกซอกซอย รวมถึงเชื่อมต่อกับโครงข่ายรถไฟฟ้าที่จะเปิดใช้บริการให้มีความคล่องตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) สายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค) บีทีเอสส่วนต่อขยาย (อ่อนนุช-แบริ่ง) และช่วงตากสิน-บางหว้า รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ ในร่างผังเมืองรวม กทม.ฉบับใหม่ จึงได้เพิ่มโครงข่ายถนนจากผังเมืองฉบับที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันซึ่งมีอยู่ 25 สาย เป็น 128 สาย
"พื้นที่กรุงเทพฯปัจจุบันจะเป็นบล็อก การเข้าถึงลำบาก เพราะถนนขนาดรองไม่ค่อยมี หรือมีแต่ไม่ได้มาตรฐาน เราจึงมองว่าจะต้องเพิ่มโครงข่ายนี้เข้าไปเพื่อเป็นตัวกลางเชื่อมต่อการเดินทางให้ทะลุทะลวงได้มากขึ้น อีกทั้งเป็นการเปิดการพัฒนาในพื้นที่ใหม่ ๆ ให้เจริญยิ่งขึ้นไปด้วย สำหรับการก่อสร้างหรือขยายถนนทั้งหมดนี้ บางส่วนอาจจะต้องเวนคืนที่ดิน บางส่วนจะใช้แนวเขตทางเดิม"
ผศ.ดร.นพนันท์กล่าวว่า ตามแผนที่วางไว้จะเน้นไปที่การเพิ่มถนนสายรอง จำนวน 107 สาย มีทั้งถนนตัดใหม่และขยายถนนซอยเดิมที่แคบให้ได้มาตรฐานถนนสายรอง คือมีความกว้างขนาด 12 เมตร (2 เลน) และ 16 เมตร (4 เลน) โดยใน 107 สายดังกล่าว จะเป็นถนนขนาด 12 เมตร 22 สาย และถนนขนาด 16 เมตร 85 สาย
ส่วนที่เหลืออีก 21 สาย จะเป็นถนนสายหลักขนาด 20, 30, 40, 50 และ 60 เมตร มีทั้งถนนสายเดิมมีอยู่แล้วตามผังเมืองรวมฉบับเดิม ถนนสายที่ปรับแนวเส้นทางใหม่ บางสายเป็นถนนตัดใหม่ เช่น สายต่อเชื่อมสุขสวัสดิ์-พระราม 2-ถนนสามแยกตากสิน-เพชรเกษม-ถนนวงแหวนรอบนอกด้านใต้ (ฉ 1), สายจากเกษตร-นวมินทร์-ตัดถนนเสรีไทย-ซอยสุขุมวิท 77 ซึ่งจะปรับแนวใหม่ลากยาวไปถึงบริเวณบางนา-ตราด บริเวณตรงทางเข้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง 2 (ช 3), สายรัตนโกสินทร์สมโภช-นิมิตรใหม่ (ช 1) เป็นต้น
ถนนตัดใหม่ เช่น ย่านหนองจอก มีสายเชื่อมถนนมิตรไมตรี-ถนนเชื่อมสัมพันธ์-ถนนอยู่วิทยา-ถนนคลองสิบสาม (ง 1) เป็นถนนขนาด 6 ช่องจราจร, สายเชื่อมรามคำแหง-ตัดถนนเจ้าคุณทหาร-ถนนลาดกระบัง (ง , สายเชื่อมถนนพุทธบูชาตัดผ่านคลองราชพฤษ์-ถนนวงแหวนรอบนอก (ง 10), สายเชื่อมถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9-ถนนวงแหวนรอบนอก (ง 9), สายต่อเชื่อมแยกลำสาลี-ถนนกรุงเทพกรีฑา-เชื่อม มอเตอร์เวย์ (ง 7) เป็นต้น
นอกจากนี้มีบางสายกำหนดไว้ในผังเมือง กทม.ฉบับปัจจุบัน แต่จะยกเลิกไป เนื่องจากเป็นโครงข่ายที่บรรจุไว้ในผังเมืองรวมนานแล้ว แต่ยังไม่มีการก่อสร้าง มี 2 สาย คือสายรัชดา-รามอินทรา (ฉ 1) จะยกเลิกตรงช่วงตัดผ่านซอยเสือใหญ่ และสายพระรามที่ 2-บางค้อ (ง 1)
ผศ.ดร.นพนันท์กล่าวต่อว่า สำหรับถนนสายรองที่นำมาบรรจุไว้ในผังเมืองรวม กทม.ฉบับใหม่ จะอยู่พื้นที่รอบนอก และเป็นพื้นที่เพิ่งจะมีรถไฟฟ้าเข้าถึง รวมทั้งพื้นที่มีการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ เช่น รัฐสภาแห่งใหม่ บริเวณ เกียกกาย ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ศูนย์คมนาคมพหลโยธิน การเปิดใช้ศาลาว่าการ กทม.2 เป็นต้น
ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของ กทม.หรือฝั่งธนบุรี เนื่องจากมีพื้นที่ตาบอดจำนวนมาก และอยู่ระหว่างก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค) สายสีแดง (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) ส่วนต่อขยายบีทีเอส (ตากสิน-บางหว้า) ทำเลหลัก ๆ เช่น ย่านหนองแขม ตลิ่งชัน เพชรเกษม ภาษีเจริญ บางแค จอมทอง บางบอน ราษฎร์บูรณะ ทุ่งครุ พุทธมณฑลสาย 1 จรัญสนิทวงศ์ ถนนบรมราชชนนี เป็นต้น อาทิ ขยายถนนเลียบ คลองภาษีเจริญฝั่งเหนือ-ใต้ เป็นขนาด 16 เมตร ฯลฯ
ขณะที่พื้นที่โซนตะวันออกของ กทม. เช่น เขตวัฒนา ประเวศ สวนหลวง สะพานสูง ลาดกระบัง พระโขนง สะพานสูง คันนายาว บึงกุ่ม ร่มเกล้า จะมีการปรับปรุงหรือตัดถนนใหม่บางส่วนเช่นเดียวกัน เป้าหมายเพื่อให้การเข้าถึงและต่อเชื่อมกับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ และรถไฟฟ้าบีทีเอสต่อขยาย (อ่อนนุช-แบริ่ง) คล่องตัวมากขึ้น เช่น สถานีลาดกระบัง ของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ จะขยายถนนทางรถไฟสายตะวันออกเดิมให้กว้างขึ้น ส่วนย่านถนนสุขมวิทในแนวรถไฟฟ้าบีทีเอส จะขยายถนนในซอยเดิม เช่น ซอยสุขุมวิท 62 (บางจาก) เดิมถนนมีขนาด 6 เมตร จะขยายเป็น 12 เมตร เป็นต้น
สำหรับพื้นที่โซนเหนือ เช่น ย่านสายไหม วัชรพล บางซื่อ หลักสี่ ดอนเมือง เป็นต้น มีทั้งขยายถนนเดิมและตัดถนนใหม่ ในบริเวณโดยรอบศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เพื่อแก้ปัญหาการจราจรที่ติดขัด เช่น ย่านสนามกอล์ฟนอร์ธปาร์ค จะมีขยายถนนเดิม คือซอยชินเขตให้กว้างขึ้น ตัดถนนใหม่เชื่อม จากนอร์ธปาร์ค ไปออกถนนเลียงคลองประปา ขยายซอยแจ้งวัฒนะ 14 เป็นต้น
ในส่วนของพื้นที่อื่น ๆ เช่น บริเวณโดยรอบอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ผังเมือง กทม.ฉบับใหม่ จะกำหนดแนวก่อสร้างถนนตัดใหม่ ต่อเชื่อมกับทางรถไฟสายใต้กับสะพานเกียกกาย (ง 3), พื้นที่ศูนย์คมนาคมพหลโยธิน ก่อสร้างถนนตัดใหม่ (ง 2) จากถนนประชาราษฎร์ สาย 2-เลียบทางรถไฟสายเหนือ, พื้นที่โดยรอบอาคาร กทม.2 จะมีขยายถนนมิตรไมตรีเดิม เป็นต้น
โดยแผนการก่อสร้างจะแบ่งเป็น 2 เฟส คือเฟสแรก นำร่อง 5 ปี จากปี 2555-2560 ส่วนใหญ่เป็นแผนงานก่อสร้างของสำนักการโยธา กทม. ซึ่งได้งบประมาณ 2554 สำหรับศึกษาและออกแบบรายละเอียดแล้ว เน้นส่วนที่เป็นเส้นทางรองรับรถไฟฟ้า 4 สาย ทั้งสีแดง สีน้ำเงิน บีทีเอสส่วนต่อขยาย และรถ ไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์เป็นหลัก ซึ่งหลังจากนี้ไปจะมีการจัดลำดับความสำคัญอีกครั้งให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ส่วนเฟสที่ 2 เป็นแผนระยะยาวตั้งแต่ปีที่ 6-20 จะดำเนินการลำดับต่อไป
http://www.prachachat.net/news_detail.p ... &subcatid=
$$$$$$$$$$$$$$
วันที่ 03 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา 09:06:01 น.
กทม.ผุดถนนใหม่128สายรับรถไฟฟ้า เปิดทำเลทองฝั่งธน-บูมโซนตะวันออก Share6
กทม.รื้อใหม่โครงข่ายถนนตามผังเมืองรวม เชื่อมการเดินทางเข้าถึงถนนสายหลัก สายย่อย และแนวเส้นทางรถไฟฟ้า ขีดเพิ่มจากเดิม 25 สาย เป็น 128 สาย ทั้งตัดใหม่และขยายซอยเดิม ฝั่งธนบุรีส้มหล่นทะลวงพื้นที่ปิดล้อมเปิดทำเลทองใหม่เพิ่ม โซนตะวันออกได้อานิสงส์ไม่น้อยหน้า เร่งแก้ปัญหาทางเข้า-ออก แอร์พอร์ตลิงก์-บีทีเอสส่วนโซนเหนือเปิดจราจรรอบศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะเฟสแรกเสร้างทันทีในปี"55
ผศ.ดร.นพนันท์ ตาปนานนท์ ผู้จัดการโครงการวางและจัดทำผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่ 3) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในพื้นที่ 4 มุมเมืองทั่วกรุงเทพมหานคร (กทม.) และทะลวงพื้นที่ตาบอดให้เข้าถึงและสามารถสัญจรไปมาได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างถนนสายหลักกับถนนรองและสายย่อย ตลอดจนตรอกซอกซอย รวมถึงเชื่อมต่อกับโครงข่ายรถไฟฟ้าที่จะเปิดใช้บริการให้มีความคล่องตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) สายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค) บีทีเอสส่วนต่อขยาย (อ่อนนุช-แบริ่ง) และช่วงตากสิน-บางหว้า รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ ในร่างผังเมืองรวม กทม.ฉบับใหม่ จึงได้เพิ่มโครงข่ายถนนจากผังเมืองฉบับที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันซึ่งมีอยู่ 25 สาย เป็น 128 สาย
"พื้นที่กรุงเทพฯปัจจุบันจะเป็นบล็อก การเข้าถึงลำบาก เพราะถนนขนาดรองไม่ค่อยมี หรือมีแต่ไม่ได้มาตรฐาน เราจึงมองว่าจะต้องเพิ่มโครงข่ายนี้เข้าไปเพื่อเป็นตัวกลางเชื่อมต่อการเดินทางให้ทะลุทะลวงได้มากขึ้น อีกทั้งเป็นการเปิดการพัฒนาในพื้นที่ใหม่ ๆ ให้เจริญยิ่งขึ้นไปด้วย สำหรับการก่อสร้างหรือขยายถนนทั้งหมดนี้ บางส่วนอาจจะต้องเวนคืนที่ดิน บางส่วนจะใช้แนวเขตทางเดิม"
ผศ.ดร.นพนันท์กล่าวว่า ตามแผนที่วางไว้จะเน้นไปที่การเพิ่มถนนสายรอง จำนวน 107 สาย มีทั้งถนนตัดใหม่และขยายถนนซอยเดิมที่แคบให้ได้มาตรฐานถนนสายรอง คือมีความกว้างขนาด 12 เมตร (2 เลน) และ 16 เมตร (4 เลน) โดยใน 107 สายดังกล่าว จะเป็นถนนขนาด 12 เมตร 22 สาย และถนนขนาด 16 เมตร 85 สาย
ส่วนที่เหลืออีก 21 สาย จะเป็นถนนสายหลักขนาด 20, 30, 40, 50 และ 60 เมตร มีทั้งถนนสายเดิมมีอยู่แล้วตามผังเมืองรวมฉบับเดิม ถนนสายที่ปรับแนวเส้นทางใหม่ บางสายเป็นถนนตัดใหม่ เช่น สายต่อเชื่อมสุขสวัสดิ์-พระราม 2-ถนนสามแยกตากสิน-เพชรเกษม-ถนนวงแหวนรอบนอกด้านใต้ (ฉ 1), สายจากเกษตร-นวมินทร์-ตัดถนนเสรีไทย-ซอยสุขุมวิท 77 ซึ่งจะปรับแนวใหม่ลากยาวไปถึงบริเวณบางนา-ตราด บริเวณตรงทางเข้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง 2 (ช 3), สายรัตนโกสินทร์สมโภช-นิมิตรใหม่ (ช 1) เป็นต้น
ถนนตัดใหม่ เช่น ย่านหนองจอก มีสายเชื่อมถนนมิตรไมตรี-ถนนเชื่อมสัมพันธ์-ถนนอยู่วิทยา-ถนนคลองสิบสาม (ง 1) เป็นถนนขนาด 6 ช่องจราจร, สายเชื่อมรามคำแหง-ตัดถนนเจ้าคุณทหาร-ถนนลาดกระบัง (ง , สายเชื่อมถนนพุทธบูชาตัดผ่านคลองราชพฤษ์-ถนนวงแหวนรอบนอก (ง 10), สายเชื่อมถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9-ถนนวงแหวนรอบนอก (ง 9), สายต่อเชื่อมแยกลำสาลี-ถนนกรุงเทพกรีฑา-เชื่อม มอเตอร์เวย์ (ง 7) เป็นต้น
นอกจากนี้มีบางสายกำหนดไว้ในผังเมือง กทม.ฉบับปัจจุบัน แต่จะยกเลิกไป เนื่องจากเป็นโครงข่ายที่บรรจุไว้ในผังเมืองรวมนานแล้ว แต่ยังไม่มีการก่อสร้าง มี 2 สาย คือสายรัชดา-รามอินทรา (ฉ 1) จะยกเลิกตรงช่วงตัดผ่านซอยเสือใหญ่ และสายพระรามที่ 2-บางค้อ (ง 1)
ผศ.ดร.นพนันท์กล่าวต่อว่า สำหรับถนนสายรองที่นำมาบรรจุไว้ในผังเมืองรวม กทม.ฉบับใหม่ จะอยู่พื้นที่รอบนอก และเป็นพื้นที่เพิ่งจะมีรถไฟฟ้าเข้าถึง รวมทั้งพื้นที่มีการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ เช่น รัฐสภาแห่งใหม่ บริเวณ เกียกกาย ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ศูนย์คมนาคมพหลโยธิน การเปิดใช้ศาลาว่าการ กทม.2 เป็นต้น
ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของ กทม.หรือฝั่งธนบุรี เนื่องจากมีพื้นที่ตาบอดจำนวนมาก และอยู่ระหว่างก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค) สายสีแดง (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) ส่วนต่อขยายบีทีเอส (ตากสิน-บางหว้า) ทำเลหลัก ๆ เช่น ย่านหนองแขม ตลิ่งชัน เพชรเกษม ภาษีเจริญ บางแค จอมทอง บางบอน ราษฎร์บูรณะ ทุ่งครุ พุทธมณฑลสาย 1 จรัญสนิทวงศ์ ถนนบรมราชชนนี เป็นต้น อาทิ ขยายถนนเลียบ คลองภาษีเจริญฝั่งเหนือ-ใต้ เป็นขนาด 16 เมตร ฯลฯ
ขณะที่พื้นที่โซนตะวันออกของ กทม. เช่น เขตวัฒนา ประเวศ สวนหลวง สะพานสูง ลาดกระบัง พระโขนง สะพานสูง คันนายาว บึงกุ่ม ร่มเกล้า จะมีการปรับปรุงหรือตัดถนนใหม่บางส่วนเช่นเดียวกัน เป้าหมายเพื่อให้การเข้าถึงและต่อเชื่อมกับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ และรถไฟฟ้าบีทีเอสต่อขยาย (อ่อนนุช-แบริ่ง) คล่องตัวมากขึ้น เช่น สถานีลาดกระบัง ของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ จะขยายถนนทางรถไฟสายตะวันออกเดิมให้กว้างขึ้น ส่วนย่านถนนสุขมวิทในแนวรถไฟฟ้าบีทีเอส จะขยายถนนในซอยเดิม เช่น ซอยสุขุมวิท 62 (บางจาก) เดิมถนนมีขนาด 6 เมตร จะขยายเป็น 12 เมตร เป็นต้น
สำหรับพื้นที่โซนเหนือ เช่น ย่านสายไหม วัชรพล บางซื่อ หลักสี่ ดอนเมือง เป็นต้น มีทั้งขยายถนนเดิมและตัดถนนใหม่ ในบริเวณโดยรอบศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เพื่อแก้ปัญหาการจราจรที่ติดขัด เช่น ย่านสนามกอล์ฟนอร์ธปาร์ค จะมีขยายถนนเดิม คือซอยชินเขตให้กว้างขึ้น ตัดถนนใหม่เชื่อม จากนอร์ธปาร์ค ไปออกถนนเลียงคลองประปา ขยายซอยแจ้งวัฒนะ 14 เป็นต้น
ในส่วนของพื้นที่อื่น ๆ เช่น บริเวณโดยรอบอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ผังเมือง กทม.ฉบับใหม่ จะกำหนดแนวก่อสร้างถนนตัดใหม่ ต่อเชื่อมกับทางรถไฟสายใต้กับสะพานเกียกกาย (ง 3), พื้นที่ศูนย์คมนาคมพหลโยธิน ก่อสร้างถนนตัดใหม่ (ง 2) จากถนนประชาราษฎร์ สาย 2-เลียบทางรถไฟสายเหนือ, พื้นที่โดยรอบอาคาร กทม.2 จะมีขยายถนนมิตรไมตรีเดิม เป็นต้น
โดยแผนการก่อสร้างจะแบ่งเป็น 2 เฟส คือเฟสแรก นำร่อง 5 ปี จากปี 2555-2560 ส่วนใหญ่เป็นแผนงานก่อสร้างของสำนักการโยธา กทม. ซึ่งได้งบประมาณ 2554 สำหรับศึกษาและออกแบบรายละเอียดแล้ว เน้นส่วนที่เป็นเส้นทางรองรับรถไฟฟ้า 4 สาย ทั้งสีแดง สีน้ำเงิน บีทีเอสส่วนต่อขยาย และรถ ไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์เป็นหลัก ซึ่งหลังจากนี้ไปจะมีการจัดลำดับความสำคัญอีกครั้งให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ส่วนเฟสที่ 2 เป็นแผนระยะยาวตั้งแต่ปีที่ 6-20 จะดำเนินการลำดับต่อไป
http://www.prachachat.net/news_detail.p ... &subcatid=
-
- Verified User
- โพสต์: 348
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลุยหุ้นอสังหาฯดักงบQ2/54@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
โพสต์ที่ 8
SPALI บวกไป 3% ครับ วันนี้
LL บวกไป 22% คงยืนยัน UPTREND ของกลุ่มอสังหาได้ดีที่สุดแล้วน่ะครับ
AP, LPN ก็เขียวสวนกระดานแดงก่ำ
นี่คงยืนยันถึงขาขึ้นรอบใหม่ขอกลุ่มอสังหาได้ดีที่สุดแล้วมั้ง
LL บวกไป 22% คงยืนยัน UPTREND ของกลุ่มอสังหาได้ดีที่สุดแล้วน่ะครับ
AP, LPN ก็เขียวสวนกระดานแดงก่ำ
นี่คงยืนยันถึงขาขึ้นรอบใหม่ขอกลุ่มอสังหาได้ดีที่สุดแล้วมั้ง
-
- Verified User
- โพสต์: 348
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลุยหุ้นอสังหาฯดักงบQ2/54@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
โพสต์ที่ 9
PS-LPN เฮรัฐอุ้มบ้านต่ำล้าน คุยตุนโครงการรอขายอื้อ แอลพีเอ็นปันผล 1.85%
หึ่ง! รัฐเล็งออกมาตรการซื้อบ้านหลังแรกราคาต่ำ 1 ล้านบาท พฤกษา-แอลพีเอ็น รับอานิสงส์
แหล่งข่าวจากคนในวงการ อสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า รัฐบาลใหม่มีนโยบายเปิดโครงการซื้อบ้าน
หลังแรก ดอกเบี้ย 0% แต่จะเน้นให้ซื้อบ้านในราคาต่ำเพียง 1 ล้านบาท เพื่อเจาะกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำจริง ๆ
และต้องการให้เงินช่วยเหลือกระจายในวงกว้างยิ่งขึ้น ไม่เหมือนโครงการครั้งก่อนที่เปิดโอกาสให้ซื้อ บ้าน
ในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท
โพสต์ทูเดย์ 5/08/2011
หึ่ง! รัฐเล็งออกมาตรการซื้อบ้านหลังแรกราคาต่ำ 1 ล้านบาท พฤกษา-แอลพีเอ็น รับอานิสงส์
แหล่งข่าวจากคนในวงการ อสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า รัฐบาลใหม่มีนโยบายเปิดโครงการซื้อบ้าน
หลังแรก ดอกเบี้ย 0% แต่จะเน้นให้ซื้อบ้านในราคาต่ำเพียง 1 ล้านบาท เพื่อเจาะกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำจริง ๆ
และต้องการให้เงินช่วยเหลือกระจายในวงกว้างยิ่งขึ้น ไม่เหมือนโครงการครั้งก่อนที่เปิดโอกาสให้ซื้อ บ้าน
ในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท
โพสต์ทูเดย์ 5/08/2011
-
- Verified User
- โพสต์: 348
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลุยหุ้นอสังหาฯดักงบQ2/54@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
โพสต์ที่ 10
JPM : LPN (Overweight) Price Target: Bt12.50
LPN.BK, LPN TB
2Q11 results - beat expectation again Price: Bt11.10
Price Target: Bt12.50
LPN reported solid growth in earnings. NP +15% Y/Y and +42% Q/Q (slightly above consensus). We maintain OW but given the YTD stock outperformance, upside to PT is less compared to LH and AP.
* LPNs 2Q11 NP came in at Bt576 million +15% Y/Y & +42% Q/Q. This is slightly above market consensus at Bt565 million and slightly below our expectation at Bt613 million. The companys 1H11 net profit
*Revenue was strong +20% Y/Y & +49% Q/Q driven by transfers of two projects incl. Place Rama 9 II (left over from 1Q11) & Park Pinklao. Stable gross profit margin at 33.1%. Increase in SG&A (+41% Y/Y & +36% Q/Q) was a function of increase in tax (in-line with revenue) and higher launches which was Bt6.5 billion vs Bt4.3 billion in 1Q11.
* Impressive balance sheet position. Strong positive operating CF at Bt1.2 billion driving net D/E down from low 24% in 1Q11 to 12%.
* 2H11 earnings is expected to be stable from 1H11. The revenue will come from 4 projects value Bt6.2 billion. We expect good profitmargin too given the high reception rates at launches.
*Impressive 1H11 a more relax 2H11. Less launches is expected for 2H11 as pre-sales now 58% of target. New launches in 2H11 will be Bt4.4 billion (< Bt7.6 billion in 1Q11). 1H11 pre-sales = Bt8 billion or 58% of FY target at Bt14 billion.
* Low downside risk on earnings given the strong backlog. LPN achieved 1H11 revenue of Bt6.0 billion and of Bt14.9 billion existing backlog, Bt6.5 billion is for 2H11. Hence, there is limited downside to our revenue forecast of Bt12.4 billion for the year. LPN has benefited from governments cheap housing loan policy as loan rejection rate has fallen from 8-10% last year and >7% in 1Q11 to 6.6% only in this quarter.
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
(CS = CREDIT SUISSE โบรกอันดับสองของโลกสัญชาติสวิส )
CS:LPN Very good 2Q11 results which should sustain into 2H11 as well/Maintain OUTPERFORM
L.P.N. Development --------------------------------------------------------- Maintain OUTPERFORM
Very good 2Q11 results which should sustain into 2H11 as well
* LPN reported a Bt576 mn net profit in 2Q11, a 42% increase QoQ and 15% growth YoY. Every part of its operations was positive, from strong presales to high revenue booking and healthy profit margins. Big cash inflow also resulted in a drop in net gearing.
* 2H11 outlook is even more encouraging. Our 2011F revenue is already 100% backed by backlog. We also foresee the possibility of gross margin surprising on upside. And, with more positive cash inflow, we expect its already strong balance sheet to be even stronger.
* Valuation remains low. The stock trades at 8x 2011E P/E versus our forecast 29% EPS growth. We expect annual dividend yieldsto range between 6% and 8% during our three-year forecast period (with Bt0.21/share interim dividend announced for 1H11).
* Maintain OUTPERFORM.
Strong 2Q11 results as expected
LPN reported a Bt576 mn net profit in 2Q11, a 42% increase QoQ and 15% growth YoY. Revenue was strong at Bt3.7 bn, coming mainly from two condo projects: Lumpini Place Rama 9 and Lumpini Park Pin Klao. Gross margin held up solidly at 33.2%, well above the companys general guidance of 30%. The one drawback was higherthan- expected SG&A expenses from launch activities of seven new condo projects in 1H11. Despite that, the net profit of Bt576 mn was a new historical high quarterly profit number for LPN.
Presales in 2Q11 were strong at Bt4.5 bn, a +23% increase QoQ, partly due to LPNs ability to offload its unsold inventory (which fell from Bt1.9 bn at end-1Q11 to Bt763 mn at end-2Q11). The balance sheet also remained very healthy. Strong cash flow in 2Q11 led to the debt reduction which resulted in just 0.1x net gearing at end-2Q11.
Outlook for 2H11 is also encouraging
Three more condo projects (all of which are sold out) worth a combined Bt5.2 bn are scheduled for completion in 2H11. It will come on top of another Bt2.2 bn worth of other condo projects currently in the process of transferring. This should help sustain the strong top line well into 2H11 and allow the company to meet our Bt12.3 bn revenue forecast.
The gross margin outlook is also good, particularly for the three new projects scheduled for completion in 2H11. We estimate that gross margins of these three projects could range between 32% and 36%, well above the companys general guidance of 30%.
Strong cash inflow should improve its net gearing further, possibly moving LPN into a net cash position by end-3Q11 or end of this year.
High earnings visibility provides comfort
LPN has Bt6.5 bn of backlog to be booked as revenue in 2H11 and Bt8.4 bn in 2012, making our 2011F and 2012F revenue 100% and 60% secured, respectively.
LPN.BK, LPN TB
2Q11 results - beat expectation again Price: Bt11.10
Price Target: Bt12.50
LPN reported solid growth in earnings. NP +15% Y/Y and +42% Q/Q (slightly above consensus). We maintain OW but given the YTD stock outperformance, upside to PT is less compared to LH and AP.
* LPNs 2Q11 NP came in at Bt576 million +15% Y/Y & +42% Q/Q. This is slightly above market consensus at Bt565 million and slightly below our expectation at Bt613 million. The companys 1H11 net profit
*Revenue was strong +20% Y/Y & +49% Q/Q driven by transfers of two projects incl. Place Rama 9 II (left over from 1Q11) & Park Pinklao. Stable gross profit margin at 33.1%. Increase in SG&A (+41% Y/Y & +36% Q/Q) was a function of increase in tax (in-line with revenue) and higher launches which was Bt6.5 billion vs Bt4.3 billion in 1Q11.
* Impressive balance sheet position. Strong positive operating CF at Bt1.2 billion driving net D/E down from low 24% in 1Q11 to 12%.
* 2H11 earnings is expected to be stable from 1H11. The revenue will come from 4 projects value Bt6.2 billion. We expect good profitmargin too given the high reception rates at launches.
*Impressive 1H11 a more relax 2H11. Less launches is expected for 2H11 as pre-sales now 58% of target. New launches in 2H11 will be Bt4.4 billion (< Bt7.6 billion in 1Q11). 1H11 pre-sales = Bt8 billion or 58% of FY target at Bt14 billion.
* Low downside risk on earnings given the strong backlog. LPN achieved 1H11 revenue of Bt6.0 billion and of Bt14.9 billion existing backlog, Bt6.5 billion is for 2H11. Hence, there is limited downside to our revenue forecast of Bt12.4 billion for the year. LPN has benefited from governments cheap housing loan policy as loan rejection rate has fallen from 8-10% last year and >7% in 1Q11 to 6.6% only in this quarter.
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
(CS = CREDIT SUISSE โบรกอันดับสองของโลกสัญชาติสวิส )
CS:LPN Very good 2Q11 results which should sustain into 2H11 as well/Maintain OUTPERFORM
L.P.N. Development --------------------------------------------------------- Maintain OUTPERFORM
Very good 2Q11 results which should sustain into 2H11 as well
* LPN reported a Bt576 mn net profit in 2Q11, a 42% increase QoQ and 15% growth YoY. Every part of its operations was positive, from strong presales to high revenue booking and healthy profit margins. Big cash inflow also resulted in a drop in net gearing.
* 2H11 outlook is even more encouraging. Our 2011F revenue is already 100% backed by backlog. We also foresee the possibility of gross margin surprising on upside. And, with more positive cash inflow, we expect its already strong balance sheet to be even stronger.
* Valuation remains low. The stock trades at 8x 2011E P/E versus our forecast 29% EPS growth. We expect annual dividend yieldsto range between 6% and 8% during our three-year forecast period (with Bt0.21/share interim dividend announced for 1H11).
* Maintain OUTPERFORM.
Strong 2Q11 results as expected
LPN reported a Bt576 mn net profit in 2Q11, a 42% increase QoQ and 15% growth YoY. Revenue was strong at Bt3.7 bn, coming mainly from two condo projects: Lumpini Place Rama 9 and Lumpini Park Pin Klao. Gross margin held up solidly at 33.2%, well above the companys general guidance of 30%. The one drawback was higherthan- expected SG&A expenses from launch activities of seven new condo projects in 1H11. Despite that, the net profit of Bt576 mn was a new historical high quarterly profit number for LPN.
Presales in 2Q11 were strong at Bt4.5 bn, a +23% increase QoQ, partly due to LPNs ability to offload its unsold inventory (which fell from Bt1.9 bn at end-1Q11 to Bt763 mn at end-2Q11). The balance sheet also remained very healthy. Strong cash flow in 2Q11 led to the debt reduction which resulted in just 0.1x net gearing at end-2Q11.
Outlook for 2H11 is also encouraging
Three more condo projects (all of which are sold out) worth a combined Bt5.2 bn are scheduled for completion in 2H11. It will come on top of another Bt2.2 bn worth of other condo projects currently in the process of transferring. This should help sustain the strong top line well into 2H11 and allow the company to meet our Bt12.3 bn revenue forecast.
The gross margin outlook is also good, particularly for the three new projects scheduled for completion in 2H11. We estimate that gross margins of these three projects could range between 32% and 36%, well above the companys general guidance of 30%.
Strong cash inflow should improve its net gearing further, possibly moving LPN into a net cash position by end-3Q11 or end of this year.
High earnings visibility provides comfort
LPN has Bt6.5 bn of backlog to be booked as revenue in 2H11 and Bt8.4 bn in 2012, making our 2011F and 2012F revenue 100% and 60% secured, respectively.
-
- Verified User
- โพสต์: 348
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลุยหุ้นอสังหาฯดักงบQ2/54@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
โพสต์ที่ 11
-
- Verified User
- โพสต์: 348
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลุยหุ้นอสังหาฯดักงบQ2/54@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
โพสต์ที่ 12
อ้าวล่าสุด ข่าวดีๆของกลุ่มอสังหาออกมาอีกแล้วครับ ตามนโยบายของรัฐบาลใหม่ อ่านกัน
--------------------------------------------------------------------------------
ธอส.ขานรับดอกเบี้ย0%5ปี เตรียมวงเงิน5หมื่นล้านรับมือ “วรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี” เอ็มดี ธอส. เด้งรับนโยบายรัฐบาลใหม่ แม้ต้องตัดกำไรถึง 1,500 ล้านบาท เผยมีวงเงินพร้อมปล่อยกู้มากถึง 50,000 ล้านบาท ยันไม่กระทบสภาพคล่อง เพราะมีเงินสำรองเพียบ แถมยังเดินหน้าระดมเงินฝากอย่างต่อเนื่อง คาดปีนี้มียอดสินเชื่อปล่อยใหม่ทะลุ110,000 ล้านบาท
วรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลชุดใหม่มีนโยบายจะออกโครงการสินเชื่อบ้านหลังแรก ดอกเบี้ย 0% นาน 5 ปีนั้น ในส่วนของ ธอส. ถือว่ามีความพร้อมในการรองรับมาตรการดังกล่าวอยู่แล้ว แม้ว่าจะกระทบต่อผลกำไรประมาณ 1,500 ล้านต่อปีก็ตาม โดยเตรียมความพร้อมทั้งระบบไอทีและระบบการจัดการ เนื่องจากที่ผ่านมา มีประสบการณ์จากมาตรการสินเชื่อบ้านหลังแรก 0% นาน 2 ปี มูลค่าโครงการ 20,000 ล้านบาทของรัฐบาลชุดอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะแล้ว ปัจจุบันได้อนุมัติวงเงินแล้ว จำนวน11,761 ล้านบาท ในส่วนที่เหลือธนาคารจะเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
“ขณะนี้ ธอส. ยังไม่มีรายละเอียดว่าโครงการนี้จะเน้นกลุ่มลูกค้าระดับไหน และราคาบ้านหลังแรกที่เน้นราคาเท่าไร แม้จะมีกระแสข่าวว่าจะเน้นกลุ่มที่เน้นราคาบ้านไม่เกิน 4 ล้านบาทก็ตาม แต่ ธอส. ได้มีการหารือกับกระทรวงการคลังอย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นตอนนี้ต้องรอความชัดเจนของรัฐบาลชุดใหม่ว่ามีมาตรการสินเชื่อ
บ้านอย่างไร”
อย่างไรก็ตาม หากโครงการดังกล่าวต้องใช้วงเงินประมาณ 50,000 ล้านบาท จะส่งผลให้ ธอส. กำไรหายไป 1,500 ล้านบาท ในขณะที่โครงการ 0% นาน 2 ปี มูลค่า 25,000 ล้านบาทนั้น กำไรหายไป 700 ล้านบาท ซึ่ง ธอส. ยอมสูญเสียกำไรที่ต้องหายไป เพื่อสนองต่อมาตรการของรัฐบาล ส่วนในด้านของเงินทุนยืนยันว่าไม่มีปัญหา เนื่องจาก ปัจจุบัน ธอส. มีสภาพคล่องส่วนเกินอยู่ประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท และยังมีโครงการระดมเงินฝากอย่างต่อเนื่อง โดยให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษเพื่อดึงลูกค้าเข้ามาฝากมากขึ้น
สำหรับผลประกอบการในครึ่งปีแรกสามารถปล่อยสินเชื่อได้ 49,000 ล้านบาท เพิ่ม 1-2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่สินเชื่อใหม่ปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 99,000 ล้านบาท แต่เท่าที่ประเมินแล้วคาดว่าในสิ้นปีนี้จะมียอดสินเชื่อใหม่ที่อนุมัติอยู่ที่ 110,000 ล้านบาท ซึ่ง ณ สิ้นเดือน มิ.ย. ยอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 670,000 ล้านบาท ในขณะที่เป้าสิ้นปีตั้งไว้ที่ 679,000 ล้านบาท แต่ ณ ขณะนี้น่าจะเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้
โดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์ 5 สิงหาคม 2554 15:36 น.
--------------------------------------------------------------------------------
ธอส.ขานรับดอกเบี้ย0%5ปี เตรียมวงเงิน5หมื่นล้านรับมือ “วรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี” เอ็มดี ธอส. เด้งรับนโยบายรัฐบาลใหม่ แม้ต้องตัดกำไรถึง 1,500 ล้านบาท เผยมีวงเงินพร้อมปล่อยกู้มากถึง 50,000 ล้านบาท ยันไม่กระทบสภาพคล่อง เพราะมีเงินสำรองเพียบ แถมยังเดินหน้าระดมเงินฝากอย่างต่อเนื่อง คาดปีนี้มียอดสินเชื่อปล่อยใหม่ทะลุ110,000 ล้านบาท
วรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลชุดใหม่มีนโยบายจะออกโครงการสินเชื่อบ้านหลังแรก ดอกเบี้ย 0% นาน 5 ปีนั้น ในส่วนของ ธอส. ถือว่ามีความพร้อมในการรองรับมาตรการดังกล่าวอยู่แล้ว แม้ว่าจะกระทบต่อผลกำไรประมาณ 1,500 ล้านต่อปีก็ตาม โดยเตรียมความพร้อมทั้งระบบไอทีและระบบการจัดการ เนื่องจากที่ผ่านมา มีประสบการณ์จากมาตรการสินเชื่อบ้านหลังแรก 0% นาน 2 ปี มูลค่าโครงการ 20,000 ล้านบาทของรัฐบาลชุดอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะแล้ว ปัจจุบันได้อนุมัติวงเงินแล้ว จำนวน11,761 ล้านบาท ในส่วนที่เหลือธนาคารจะเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
“ขณะนี้ ธอส. ยังไม่มีรายละเอียดว่าโครงการนี้จะเน้นกลุ่มลูกค้าระดับไหน และราคาบ้านหลังแรกที่เน้นราคาเท่าไร แม้จะมีกระแสข่าวว่าจะเน้นกลุ่มที่เน้นราคาบ้านไม่เกิน 4 ล้านบาทก็ตาม แต่ ธอส. ได้มีการหารือกับกระทรวงการคลังอย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นตอนนี้ต้องรอความชัดเจนของรัฐบาลชุดใหม่ว่ามีมาตรการสินเชื่อ
บ้านอย่างไร”
อย่างไรก็ตาม หากโครงการดังกล่าวต้องใช้วงเงินประมาณ 50,000 ล้านบาท จะส่งผลให้ ธอส. กำไรหายไป 1,500 ล้านบาท ในขณะที่โครงการ 0% นาน 2 ปี มูลค่า 25,000 ล้านบาทนั้น กำไรหายไป 700 ล้านบาท ซึ่ง ธอส. ยอมสูญเสียกำไรที่ต้องหายไป เพื่อสนองต่อมาตรการของรัฐบาล ส่วนในด้านของเงินทุนยืนยันว่าไม่มีปัญหา เนื่องจาก ปัจจุบัน ธอส. มีสภาพคล่องส่วนเกินอยู่ประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท และยังมีโครงการระดมเงินฝากอย่างต่อเนื่อง โดยให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษเพื่อดึงลูกค้าเข้ามาฝากมากขึ้น
สำหรับผลประกอบการในครึ่งปีแรกสามารถปล่อยสินเชื่อได้ 49,000 ล้านบาท เพิ่ม 1-2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่สินเชื่อใหม่ปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 99,000 ล้านบาท แต่เท่าที่ประเมินแล้วคาดว่าในสิ้นปีนี้จะมียอดสินเชื่อใหม่ที่อนุมัติอยู่ที่ 110,000 ล้านบาท ซึ่ง ณ สิ้นเดือน มิ.ย. ยอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 670,000 ล้านบาท ในขณะที่เป้าสิ้นปีตั้งไว้ที่ 679,000 ล้านบาท แต่ ณ ขณะนี้น่าจะเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้
โดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์ 5 สิงหาคม 2554 15:36 น.