คาดน้ำมันไตรมาส4พุ่ง100ดอลล์ จากเดลินิวส์ ล่าสุดครับ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
thaihandsome
Verified User
โพสต์: 348
ผู้ติดตาม: 0

คาดน้ำมันไตรมาส4พุ่ง100ดอลล์ จากเดลินิวส์ ล่าสุดครับ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

วันอังคาร ที่ 09 สิงหาคม 2554 เวลา 9:26 น
.เนื้อหาข่าว
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวสูงขึ้นแม้ในช่วงนี้ราคาตลาดโลกได้ปรับลดตามความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐก็ตาม เนื่องจากบางจากมองว่าในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ที่เริ่มเข้าฤดูหนาว ทำให้น้ำมันดิบดูไบอยู่ในระดับสูงกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปีที่ราคาเฉลี่ยระดับ 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลให้บริษัทมีค่าการกลั่นเฉลี่ยที่ระดับ 5.5-6 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และคาดว่าทั้งปีบางจากจะมีรายได้ 150,000 ล้านบาท

“รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าน่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกของปีนี้ที่ระดับ 80,000 ล้านบาท สัดส่วนหนี้สินต่อทุน (อิบีด้า)ในครึ่งปีหลังอาจจะต่ำกว่าครึ่งปีแรกเพราะจะไม่ได้กำไรจากสต๊อกน้ำมันแล้ว แต่บางจากก็พอใจค่าการกลั่นที่ระดับ 5.5-6 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยจะต้องรอลุ้นราคาน้ำมันช่วงปลายปีนี้อีกทีว่าจะเป็นอย่างไร”

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ บางจากมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,445 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในประวัติการณ์ โดยมีรายได้จากการขายน้ำมัน 42,308 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 30% เนื่องจากมีค่าการกลั่นอยู่ในระดับสูงถึง 12 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (รวมกำไรจากสต๊อกน้ำมันแล้ว).
..



http://www.norsorpor.com/ข่าว/m2554200/ ... D%C5%C5%EC
superchaos
Verified User
โพสต์: 62
ผู้ติดตาม: 0

Re: คาดน้ำมันไตรมาส4พุ่ง100ดอลล์ จากเดลินิวส์ ล่าสุดครับ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

กลัวจะแตะ 60 เหรียญแทนจังครับ :wall:

ถ้าโดนลด credit rating สงสัยจะได้เห็นจริงอีกรอบ
"I Think ,Therefore I am"
thaihandsome
Verified User
โพสต์: 348
ผู้ติดตาม: 0

Re: คาดน้ำมันไตรมาส4พุ่ง100ดอลล์ จากเดลินิวส์ ล่าสุดครับ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

14:01 09/08/2011
FUND VIEW:กองทุนคาดหุ้นไทย panic แค่ช่วงสั้น, เป็นโอกาสซื้อ LTF-กองทุนหุ้น

โดย สะตะวสิน สถาพรชาญชัย


กรุงเทพฯ--9 ส.ค.--รอยเตอร์


ผู้จัดการกองทุน มองการร่วงลงของตลาดหุ้นไทยในช่วง 2 วันนี้ เป็นผลของ

แรงขายจากความตื่นตระหนก ต่อภาวะเศรษฐกิจและตลาดหุ้นทั่วโลก แต่น่าจะส่งผล

กระทบต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงสั้นๆ เท่านั้น

ขณะเดียวกัน มองว่า ปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยและเอเชีย ที่ยังดีอยู่

จะดึงดูดให้เงินทุนไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยได้ในระยะต่อไป ทำให้การร่วงลงของ

ตลาดหุ้นในช่วงนี้ เป็นโอกาสทยอยเข้าซื้อกองทุนรวมหุ้น และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว

(LTF) เพื่อรอการฟื้นตัวของตลาดในช่วงต่อไป

"ถามว่า underlying มันเปลี่ยนแปลงไปมากไหม โอเคเศรษฐกิจ slow

มันก็เรื่องหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มีอะไรที่รุนแรงอออกมา ก็เป็นเรื่อง sentiment พอความ

กลัวเยอะๆ ทุกคนก็ตามกันว่าต้อง cut loss" นายประเสริฐ ขนบธรรมชัย

รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย กล่าวกับ"รอยเตอร์"

บลจ.กสิกรไทย(KAsset) บริหารกองทุนรวมใหญ่ที่สุดในไทย ขณะที่บริหาร

กองทุนหุ้นมูลค่าราว 6 หมื่นล้านบาท

เขา มองว่า ความกลัวของนักลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกขณะนี้ คือภาวะ

เศรษฐกิจสหรัฐที่ยังคงอ่อนแอ รวมทั้งการที่สหรัฐถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ

ลงสู่ระดับ AA+ จาก AAA

อย่างไรก็ตาม หากดูจากพื้นฐานของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย ยังถือว่ามี

ความน่าสนใจ แต่พอการปรับลงของตลาด มาจากความกลัว ทำให้คาดการณ์ได้ยาก

ว่าจะไปสิ้นสุดที่จุดใด

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สแตนดารด์ แอนด์ พัวร์(S&P) ลดอันดับความเครดิต

ระยะยาวของสหรัฐ ลงสู่ AA+ จาก AAA โดยระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าว สะท้อน

มุมมองว่า ข้อตกลงเพดานหนี้ของสหรัฐที่ทำไว้ก่อนหน้านั้น ต่ำกว่าระดับที่ต้องการ

การปรับลดอันดับเครดิตดังกล่าว รวมถึงความกังวลต่อการถดถอยรอบใหม่

ของเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงอย่างหนัก

โดยเมื่อคืนนี้ ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดทรุดลงถึง 634.76 จุด หรือ 5.55%

ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดดิ่งลง 79.92 จุดหรือ 6.66%

ส่วนตลาดหุ้นไทยในการซื้อขาย 2 วันแรกของสัปดาห์นี้ ร่วงลงแล้วราว 50

จุด จากระดับ 1,093.38 จุดเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิใน

ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ถึง 5.33 พันล้านบาท ต่อเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ ที่ขายสุทธิ

ถึง 6.08 พันล้านบาท

เมื่อพักเที่ยง ดัชนีหุ้นไทยร่วงลง 2.45% มาที่ 1,051.80 หลังแตะต่ำสุด

ในระหว่างวัน ที่ 1,033.38

ด้านนายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจกองทุนและ

ที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ไอเอ็นจี(ประเทศไทย) กล่าวว่า แรงขายในตลาดหุ้นไทย

ขณะนี้ เป็นแรงขายจากความตื่นตระหนก หรือ panic sell ทั้งที่ภาพรวมเศรษฐกิจ

ยังไม่ได้มีประเด็นอะไรที่น่ากังวล ทำให้ประเมินได้ยาก ว่าจะหยุดปรับลงเมื่อใด

"แน่นอนว่า เมื่อราคาหุ้นร่วงลงจากการขาย ก็คงต้องรอให้เขาหยุดขาย

ถ้าดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบที่แคบลง และนักลงทุนต่างประเทศเริ่มขายสุทธิน้อยลง หรือ

กลับมาซื้อสักวันสองวัน นั่นคงเป็นสัญญาณที่น่าจะใช้ได้แล้วว่า รอบนี้เขาคงตกใจแค่นี้"

นายต่อ กล่าวกับรอยเตอร์


**ทยอยซื้อกองทุนหุ้น


ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.ไอเอ็นจีฯ ซึ่งบริหารกองทุนหุ้นมูลค่า 4.8

พันล้านบาท มองว่า การปรับลงของตลาดหุ้นไทยในรอบนี้แม้ค่อนข้างแรง แต่จะเห็น

แรงซื้อสลับกลับเข้ามาเป็นระยะสั้นเช่นกัน ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อพื้นฐาน

เศรษฐกิจที่ยังดีอยู่ จึงมองว่า หากตลาดลงมาที่ระดับ 1,030-1,020 น่าจะเป็นจุด

ที่ทยอยเข้าซื้อกองทุน LTF และกองทุนรวมหุ้นได้

"หุ้นไทย 3-4 วันมานี้ ไม่เคยปิดที่ low เลย มี rebound ตลอด ผมก็

เชื่อว่ามีแรงรับที่แน่นพอสมควร เพราะฉะนั้น level ตรงนี้ หรือ 1,020-1,030

คิดว่า ยังไงก็น่าจะซื้อได้สำหรับ LTF กองทุนหุ้นก็ด้วย" เขา กล่าว

อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนที่ไม่กล้าเสี่ยงซื้อ LTF ในรอบนี้ ครั้งเดียว

เต็มวงเงินลงทุนที่มีอยู่ ก็อาจจะใช้การทยอยซื้อ โดยซื้อ 50% ของพอร์ตในรอบนี้ก่อน

ที่เหลือก็ทยอยซื้อแต่ละเดือน ไปจนถึงสิ้นปี

ขณะที่นายประเสริฐ กล่าวเสริมว่า แม้จะยังไม่สามารถคาดการณ์ถึงจุดต่ำสุด

ของดัชนีหุ้นไทย ในการปรับลงรอบนี้ได้ แต่ถือว่าระดับราคาในปัจจุบัน ก็เริ่มจะถูกลง

แล้ว ซึ่งน่าจะเข้าซื้อกองทุนหุ้น และกองทุน LTF ได้ แต่เพื่อความปลอดภัย ก็ควรจะ

เป็นการทยอยเข้าซื้อ ไม่ควรซื้อครั้งเดียวเต็มพอร์ต

"ไม่มีใครรู้ว่าจะ bottom ตรงไหน ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุน ถามว่าราคาถูกหรือยัง

ก็เริ่มถูกแล้ว แต่ timing เราไม่รู้ ที่ทำได้ก็คือให้ทยอยซื้อ อย่าไปซื้อทีเดียว

หมดก๊อก แต่ก็น่าจะเริ่มทยอยซื้อได้แล้ว" นายประเสริฐ กล่าว

ด้านนายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.กรุงศรี

ซึ่งบริหารกองทุนหุ้นประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท มองว่า การปรับตัวลงของตลาดหุ้นไทย

ในรอบนี้ เป็นโอกาสสำหรับกองทุน และนักลงทุนระยะยาว ที่จะเข้ามาซื้อหุ้นปัจจัย

พื้นฐานดี ที่ปรับตัวลงมามากจากปัจจัยภายนอก

"ของบลจ.กรุงศรี เราก็มีปรับพอร์ตมาตลอด แต่สุทธิแล้ว จะเป็น neutral

หรือซื้อมากกว่า...ณ ระดับนี้ ก็ถือว่าน่าสนใจสำหรับ long term" เขา กล่าว

ส่วนแรงขายจากนักลงทุนสถาบันในช่วงที่ผ่านมา ประเมินว่า น่าจะเป็นผลจาก

กองทุนประเภทกำหนดเป้าหมาย หรือทาร์เก็ตฟันด์ ที่ปิดกองทุนหลังทำผลตอบแทนได้ตาม

เป้าหมาย จากการที่ดัชนีหุ้นไทยขึ้นไปอยู่เหนือระดับ 1,100 จุด ในช่วงปลายเดือน

ที่แล้วต่อเนื่องถึงต้นเดือนนี้ รวมทั้งนักลงทุนบางส่วนอาจจะไถ่ถอนหน่วยลงทุน

เพื่อรับรู้กำไรด้วย

นอกจากนี้ หลายๆกองทุน ก็มีการจ่ายเงินปันผลในงวดครึ่งปีให้กับผู้ถือหน่วย

ทำให้อาจจะมีการขายหุ้นเพื่อนำเงินไปจ่ายปันผลเช่นกัน--จบ--


(โดย สะตะวสิน สถาพรชาญชัย รายงานและเรียบเรียง--บร--)

(([email protected];โทร.0-2648-9717;
โพสต์โพสต์