ผมอายุ 43 ปีครับ ชีวิตเพิ่งเริ่มต้น แต่สังขารเริ่มเสื่อมถอย ตอนนี้เริ่มมีความดันโลหิตสูงกับปัญหาเรื่องสายตาครับpornchal เขียน:How old are U?jek ae เขียน:พอดีร่างกายผมมันทรุดโทรมกว่าอายุจริงเยอะจากการสมบุกสมบันตรากตรำทำงานที่ผ่านมา เมื่อมีรายได้ที่เพียงพอจากการลงทุน ผมก็เลยเต็มใจเกษียนงานเดิมออกมาลงทุนเต็มเวลา ก็ไม่ได้รู้สึกว่าศักดิ์ศรีมันลดหดหายไปแต่ประการใด แถมยังรู้สึกดีขึ้นด้วย
ออกมาลงทุนเต็มเวลา
- jek ae
- Verified User
- โพสต์: 899
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 31
เหลือขุนเขาแมกไม้ มิต้องวิตกไร้ฟืนไฟ
- keeti
- Verified User
- โพสต์: 224
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 32
ผมว่าคุณ long141 คงไม่ได้หมายถึง คนที่ไม่ทำงานประจำ แต่คงหมายถึงคนที่ไม่ทำอะไรอย่างอื่นๆเลยมากกว่าpicatos เขียน:ศักดิ์ศรี คืออะไร? ศักดิ์ศรีมีหน้าที่อะไร? ศักดิ์ศรีมีประโยชน์ยังไง?long141 เขียน:...
อย่างไรเสีย คนควรทำงาน ไม่นั่งกิน นอนกิน จะได้มีศักดิ์ศรี
...
ผมไม่เข้าใจว่าการไม่ทำงาน (ประจำ) มันไร้ศักดิ์ศรียังไง? และถึงแม้ว่าคนที่ไม่ทำงาน (ประจำ) จะเป็นคนที่ไร้ศักดิ์ศรีอย่างที่คุณว่า แต่การไร้ศักดิ์ศรีจากการไม่มีงานประจำทำ แต่ได้เอาเวลา เงิน และความสามารถไปใช้ประโยชน์ในทางอื่นเป็นประโยชน์กับตนเอง คนรอบตัว ไปจนถึงสังคมได้ ผมก็ถือว่าเป็นคนที่มีค่ากว่าคนที่วันๆ เอาแต่ทำงาน แต่ไม่รู้จักทำประโยชน์อะไรให้กับสังคม
สำหรับผมแล้ว คำว่าศักดิ์ศรีนั้นไม่มีความหมายอะไรมากไปกว่าการสนองตอบต่ออัตตา ต่อกิเลส ต่อความทนงตน ลุ่มหลงตัวเอง ต่อกิเลสที่ชื่อว่า มานะทิฎฐิ สิ่งที่สำคัญว่าศักดิ์ศรี คือ คุณค่าของตัวเราที่ได้สร้างประโยชน์ให้กับตัวเราเองและคนรอบๆ ตัวมากกว่า
ผมเห็นด้วยกับคุณ picatos ว่าถ้าเราไม่มีงานประจำทำ แต่มีเวลาทำประโยชน์ให้กับสังคม ผมว่าก็ ok นะ ถ้าเป็นผม ผมก็คงรู้สึกดีกับตัวเอง รู้สึกว่าชีวิตนี้ ก็มีศักดิ์ศรีกับเขาเหมือนกัน
แต่ไม่เห็นด้วยที่ว่าคนทำงานไปวันๆแต่ไม่รู้จักทำประโยชน์อะไรให้กับสังคม ผมว่างานทุกอย่างมันก็เป็นการช่วยเหลือสังคมได้นะ มันแค่อาจจะสังคมเล็กๆ หรือช่วยเหลือสังคมแบบอ้อมๆ
ผมเองก็เคยทำงานประจำรับเงินเดือนน้อยๆ ต้องมาหางานพิเศษทำนอกเวลา (ได้เงินมากกว่าทำงานประจำเกินกว่า2-3เท่า) แต่ต้องอดหลับอดนอนไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง ไม่มีเวลาให้ครอบครัว ถ้ามองแค่ตัวเงินเป็นใครก็คงลาออกจากงานประจำแล้วหันมาทำงานใหม่เต็มเวลามากกว่า แต่ที่ทำก็เพราะความรู้สึกมีศักดิ์ศรี(ที่อาจจะจอมปลอม)นี่แหละ
แต่ตอนนี้ผมก็เพิ่งเปลี่ยนงานแล้วจริงๆ ได้เงินเดือนมากขึ้น มีเวลามากขึ้น สบายขึ้น แต่ที่เปลี่ยนไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เพราะอยากจะทำงานที่เราใฝ่ฝันอยากจะทำมากกว่า ความรู้สึกมีศักดิ์ศรีที่เคยมีก็ลดลงบ้าง บางครั้งก็รู้สึกเหมือนคนอื่นๆมองเราไม่ดีบ้าง แต่ความรู้สึกภูมิใจในตัวเองกำลังก่อตัวขึ้นที่ได้ทำงานที่ใฝ่ฝันและอาจกลายเป็นความรู้สึกมีศักดิ์ศรีในอนาคต
ผมว่าศักดิ์ศรีมันอยู่ที่เราให้ค่าความสำคัญกับอะไรมากกว่า เห็นด้วยกับตัวสีนี้อย่างยิ่ง
แค่ขอแชร์ความรู้สึกครับ
โตขึ้นอยากเป็นเหาฉลาม...
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 225
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 35
ผมว่า ถึงเวปนี้จะเป็นเวปคนที่ลงทุนกัน แต่ก็ไม่ใช่ว่า ทุกคนในนี้จะไม่ได้ทำงานประจำนะครับ
ผมคิดว่าเกิน 80% ในเวปนี้ยังทำงานประจำกันและก็ยังต้องทำกันต่อไปอีกหลายปี
ฉนั้นถ้าพูดว่าจะมีศักดิ์ศรี ต้องทำงานประจำนั้นผมว่ามันน่าจะใช่นะครับ เพราะถ้าวันนึง
บริษัทหรือเจ้านายเรา เห็นคุณค่าเราลดลง จากงานประจำก็อาจจะเป็นงานชั่วคราวได้
และที่ว่างานประจำนั้น จริงๆ ผมว่าน่าจะหมายถึงต้องไปทำประจำนะครับ คุณไม่สามารถ
หยุดงานได้ติดต่อกันนานๆ ถ้านานเกินไป งานประจำก็จะกลายเป็นไม่มีงานครับ
คนที่ลงทุนนั้นมีพอร์ตลงที่ให้ผลตอบแทนมากพอที่จะต้องไปทำงาน เมื่อไม่จำเป็นต้องใช้เวลา
ถึง 8 ชั่วโมงต่อวันไปนั่งทำงานแล้ว ทำให้มีเวลามากขึ้น แบบนี้การลงทุนของเรากลายเป็นงานประจำ
โดยที่เราไม่ต้องทำประจำตลอดวันทุกวัน ก็ทำให้เราไปงานไม่ประจำอย่างอื่นที่มีประโยชน์ได้
การลงทุนผมว่ามันก็เหมือนเรากำลังสร้างระบบที่สามารถทำงานด้วยตัวมันเองได้ เหมือนกันเราเปิดธุรกิจ
เราก็จัดระบบให้ธุรกิจมันดำเนินไปได้ด้วยตัวของมัน โดยที่มีเราเป็นคนกำหนดยุทธศาสตร์ของธุรกิจ
แล้วอีกอย่าง ไม่ใช่ว่าว่างแล้วจะต้องกินกับนอนนะครับ ผมคนนึงละครับ
ถ้าให้กินกับนอนอย่างเดียวซักเดือนนึง ต้องบ้าแน่ๆ
ผมคิดว่าเกิน 80% ในเวปนี้ยังทำงานประจำกันและก็ยังต้องทำกันต่อไปอีกหลายปี
ฉนั้นถ้าพูดว่าจะมีศักดิ์ศรี ต้องทำงานประจำนั้นผมว่ามันน่าจะใช่นะครับ เพราะถ้าวันนึง
บริษัทหรือเจ้านายเรา เห็นคุณค่าเราลดลง จากงานประจำก็อาจจะเป็นงานชั่วคราวได้
และที่ว่างานประจำนั้น จริงๆ ผมว่าน่าจะหมายถึงต้องไปทำประจำนะครับ คุณไม่สามารถ
หยุดงานได้ติดต่อกันนานๆ ถ้านานเกินไป งานประจำก็จะกลายเป็นไม่มีงานครับ
คนที่ลงทุนนั้นมีพอร์ตลงที่ให้ผลตอบแทนมากพอที่จะต้องไปทำงาน เมื่อไม่จำเป็นต้องใช้เวลา
ถึง 8 ชั่วโมงต่อวันไปนั่งทำงานแล้ว ทำให้มีเวลามากขึ้น แบบนี้การลงทุนของเรากลายเป็นงานประจำ
โดยที่เราไม่ต้องทำประจำตลอดวันทุกวัน ก็ทำให้เราไปงานไม่ประจำอย่างอื่นที่มีประโยชน์ได้
การลงทุนผมว่ามันก็เหมือนเรากำลังสร้างระบบที่สามารถทำงานด้วยตัวมันเองได้ เหมือนกันเราเปิดธุรกิจ
เราก็จัดระบบให้ธุรกิจมันดำเนินไปได้ด้วยตัวของมัน โดยที่มีเราเป็นคนกำหนดยุทธศาสตร์ของธุรกิจ
แล้วอีกอย่าง ไม่ใช่ว่าว่างแล้วจะต้องกินกับนอนนะครับ ผมคนนึงละครับ
ถ้าให้กินกับนอนอย่างเดียวซักเดือนนึง ต้องบ้าแน่ๆ
Someone’s sitting in the shade today because someone planted a tree a long time ago - Warren Buffett
- airazoc
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 904
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 37
เรียนท่านสมาชิก
1. Reply ที่มีแต้ม -3 ขึ้นไป จะถูกซ่อน แต่สมมติมีคนกด like 5 คน dislike 7 คน คะแนนก็ยังเป็น -2 ยังไม่ถูกซ่อน ดังนั้นเชื่อว่ายังเพียงพออยู่ แต่หากประชุมกันแล้วทีมงานเห็นว่าน้อยไป อยากได้สัก -5 -10 ก็จะมาปรับให้ครับ
2. เรื่องจัดตั้งกันมาอวยกด + หรือมากลั่นแกล้งกด - ขอแจ้งว่า ทางทีมงานสามารถดูรายชื่อของการกดได้ ว่าเป็นใครกันบ้าง ซึ่งหากพิจารณาแล้ว (ใช้ดุลยพินิจของทีมงานเป็นมาตรฐาน) เห็นว่าเป็นการเล่นพวกเพื่ออวยหรือกลั่นแกล้งกัน ก็จะโดนแบนยกทีมโดยไม่ไว้หน้าใครแต่อย่างใด
3. reply ใดที่ทีมงานเห็นว่าไม่เหมาะสม หรือควรจะลบ ก็ยังถูกลบอยู่เช่นเดิม ไม่ได้แปลว่าจากนี้ไปจะโพสอะไรกันก็ได้ อย่างมากก็โดนซ่อนนะครับ
1. Reply ที่มีแต้ม -3 ขึ้นไป จะถูกซ่อน แต่สมมติมีคนกด like 5 คน dislike 7 คน คะแนนก็ยังเป็น -2 ยังไม่ถูกซ่อน ดังนั้นเชื่อว่ายังเพียงพออยู่ แต่หากประชุมกันแล้วทีมงานเห็นว่าน้อยไป อยากได้สัก -5 -10 ก็จะมาปรับให้ครับ
2. เรื่องจัดตั้งกันมาอวยกด + หรือมากลั่นแกล้งกด - ขอแจ้งว่า ทางทีมงานสามารถดูรายชื่อของการกดได้ ว่าเป็นใครกันบ้าง ซึ่งหากพิจารณาแล้ว (ใช้ดุลยพินิจของทีมงานเป็นมาตรฐาน) เห็นว่าเป็นการเล่นพวกเพื่ออวยหรือกลั่นแกล้งกัน ก็จะโดนแบนยกทีมโดยไม่ไว้หน้าใครแต่อย่างใด
3. reply ใดที่ทีมงานเห็นว่าไม่เหมาะสม หรือควรจะลบ ก็ยังถูกลบอยู่เช่นเดิม ไม่ได้แปลว่าจากนี้ไปจะโพสอะไรกันก็ได้ อย่างมากก็โดนซ่อนนะครับ
"In life and business, there are two cardinal sins ... The first is to act precipitously without thought, and the second is to not act at all.” – Carl Icahn
- Highway_Star
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 452
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 38
what an illusion world we have here?
ปล. อยากให้ทีมงานมีปุ่ม กด show ข้อความที่โดนซ่อน โดยไม่ต้อง load หน้าเวบใหม่มากกว่าครับ
เหมือนปุ่มกด show แล้วก็แสดง content ที่ซ่อนไว้อะไรแบบนี้ น่าจะง่ายกว่า ไม่งั้นมีซ่อนหลายๆ อัน
มันต้องกด load เวบใหม่เพื่ออ่านตลอดเลย (แถมกดโหลดแล้ว อันเก่าที่เคยกดมันก็กลับไปซ่อนใหม่ด้วย)
ปล. อยากให้ทีมงานมีปุ่ม กด show ข้อความที่โดนซ่อน โดยไม่ต้อง load หน้าเวบใหม่มากกว่าครับ
เหมือนปุ่มกด show แล้วก็แสดง content ที่ซ่อนไว้อะไรแบบนี้ น่าจะง่ายกว่า ไม่งั้นมีซ่อนหลายๆ อัน
มันต้องกด load เวบใหม่เพื่ออ่านตลอดเลย (แถมกดโหลดแล้ว อันเก่าที่เคยกดมันก็กลับไปซ่อนใหม่ด้วย)
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 957
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 39
พัฒนาที่ดีขึ้น ครับ ที่ไม่ลบ.... ยังคงสามารถ กดอ่านpostที่ซ่อนได้ กด Display this post ก็ ok รับได้ ดีกว่าลบไปเลยJeng เขียน:ครับค่อยๆปรับค่อยๆแก้ อย่างน้อยพวกเราก็เห็นว่าเว็บพัฒนาอย่างต่อเนื่องreiter เขียน:คงต้องดูผลกระทบแล้วปรับกันไปครับพี่เจ๋ง ความเห็นส่วนตัวคิดว่าสามน้อยไปเหมือนกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 40
อย่าเพิ่งเอาเวลาเพียงแค่ 3 ปีมาตัดสินว่าจะเอาตัวรอดตลอดรอดฝั่งได้ครับ มองให้นานกว่านั้น คนที่ลงทุนมานานจะเข้าใจว่า บางครั้งตลาดไม่มีวิกฤติ แต่หุ้นมันไม่ค่อยไปไหนได้นาน ๆ เป็นปี ๆ ยกเว้นถ้าใน 3 ปีนี้คุณสามารถกำไรเป็นหลาย ๆ เท่าจนมีเงินมากพอที่จะกินผลตอบแทนที่ไม่สูงมากต่อปี เช่น 10-15% ก็เป็นอีกเรื่อยหนึ่ง ข้อมูลที่คุณ CheNz เอามาให้ดูถ้ามีเพิ่มอีกหน่อยคือ SET ของปี 50 ก่อนจะลงในปี 51 ผลตอบแทนที่เฉลี่ยที่คำนวณได้ 35% มันจะลดลงไปมากพอควรครับCheNz เขียน:ขอออกตัวก่อนว่าไม่ได้เอาข้อมูลมาหาเรื่องนะครับ แต่เอาข้อมูลมาแชร์กันครับkumchai เขียน:อยากออกมาเป็นนักลงุนเต็มเวลาเหมือนกัน เพราะเบื่อทำงานแล้วอยากไปเที่ยวต่างประเทศพอร์ทผมโตปีละ30% มาตลอด3 ปีที่ผ่านมาคิดว่าถ้าบริหารดีๆก็อยู่ได้
ดัชนีปี 2551 อยู่ที่ 449.96 จุด
ดัชนีปี 2552 อยู่ที่ 734.54 จุด เพิ่มขึ้น 63.24%
ดัชนีปี 2553 อยู่ที่ 1032.76 จุด เพิ่มขึ้น 40.60%
ดัชนี 08/2554 อยู่ที่ 1069.20 จุด เพิ่มขึ้น 3.53%
ผลตอบแทนเฉลี่ยทั้งตลาดอยู่ที่ 35.79%
ซึ่งส่วนตัวผมมองว่า หากบริหารพอร์ทได้ดี มองแค่ภาพบริษัทดีๆในตลาด ที่ราคาไม่สูงมาก ณ ช่วงเวลาเริ่มต้นนั้น ตัดบริษัทแย่ๆออก ผลตอบแทนจากการลงทุนใน 3 ปีที่ผ่านมา ควรจะได้มากกว่า 50% อีกนะครับ
ที่ผมยกมาพูด เนื่องจากเกรงว่า เมื่อถึงจังหวะเวลาเกิดวิกฤติ หรือเจอภาวะตลาดหมีที่ยาวนาน จะส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนได้ครับ ผมมองว่าผลตอบแทนที่ 30% ต่อปี หากคิดแค่ในช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ผมว่ายังบริหารพอร์ทได้ไม่ดีพอครับ แต่ต่างคนก็ต่างความพอใจ และความคาดหวังในผลตอบแทนต่างกันครับ
แค่เป็นห่วงครับ ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด หากผิดพลาดอย่างไร รบกวนชี้แนะครับ
การทำงานมันคงไม่ใช่เป็นเรื่องของมีศักดิ์ศรีหรือไม่มี ผมเองก็ทำงานประจำ ถ้าถึงจุดหนึ่งสามารถหลุดพ้นจากงานประจำได้ ผมก็ยังคงขอทำงานแบบพาร์ทไทม์ หลายเรื่องเป็นสิ่งที่เราได้จากการไปทำงาน เพื่อนฝูง สังคม ฯลฯ อันนี้คงแล้วแต่ความพอใจและความสุขที่เราจะได้รับครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 209
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 41
อยากลงทุนเต็มเวลาเหมือนกัน แต่พอร์ทยังเล็กอยู่ 6-7 แสน เอง ออกตอนนี้ตายแน่ ๆ ผมว่ามีประมาณ 20 ล้าน บาท น่าจะพอ อิอิ
-
- Verified User
- โพสต์: 144
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 42
ผมว่าถึงจะมี พอร์ทใหญ่ก็ยังมีความเสี่ยงเพราะถ้าเศรษฐกิจแย่
มากๆจริง จนกระทบกับบริษัทที่เราลงทุนจนบริษัทที่เราลงทุนไม่สามารถ
จ่ายปันผลได้ และถ้าเศรษฐกิจวิกฤติจริงๆ ตอนเราตั้งขายหุ้นไปก็อาจจะมีแต่
คนตั้งขายไม่มีคนซื้อ เพราะฉะนั้นผมว่าเราต้องมีเงินเก็บส่วนหนึ่งที่ไม่ใช้เงินลงทุนไว้ใช้
กรณีเกิดปัญหากับเศรษฐกิจจนทำให้ธุรกิจหลายอย่างซึมยาวหลายปีครับ
ความเห็นส่วนตัวครับ
มากๆจริง จนกระทบกับบริษัทที่เราลงทุนจนบริษัทที่เราลงทุนไม่สามารถ
จ่ายปันผลได้ และถ้าเศรษฐกิจวิกฤติจริงๆ ตอนเราตั้งขายหุ้นไปก็อาจจะมีแต่
คนตั้งขายไม่มีคนซื้อ เพราะฉะนั้นผมว่าเราต้องมีเงินเก็บส่วนหนึ่งที่ไม่ใช้เงินลงทุนไว้ใช้
กรณีเกิดปัญหากับเศรษฐกิจจนทำให้ธุรกิจหลายอย่างซึมยาวหลายปีครับ
ความเห็นส่วนตัวครับ
"สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลาย จงทำความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด"
"ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น "
"ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น "
- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 43
คับ เห็นด้วยกับคุณ sunrise นะคับ
ช่วงปีสองปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นกระทิงคับ
ผลตอบแทนที่ได้มา ต้องแบ่งแยกคับ
ช่วงกระทิง หลายๆท่านได้ผลตอบแทนดีกันหมดละคับ
แต่ช่วงหมีมา นี่ไม่ใช่ง่ายๆนะคับที่จะทำผลตอบแทนได้ดี
การเป็นนักลงทุนเต็มเวลา ทำเป็นอาชีพ นั่นมีความเสี่ยงมากคับ
ความผันผวน หรือความเสี่ยง นอกจาก ความเสี่ยงจากบริษัทที่เราลงทุนแล้ว
ยังมีความเสี่ยงจากตลาดหุ้นด้วย แถมผลตอบแทนยังไม่สม่ำเสมอ
ไม่เหมือนพนักงานประจำมีเงินเดือน สวัสดิการ ประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
และไม่เหมือนผู้ประกอบการที่สามารถควบคุมกิจการ มีกระแสเงินสดเข้ามาตลอด
นักลงทุนเต็มเวลา นักลงทุนอาชีพ ที่ทำอย่างเดียวนี่ มีกำไรจากสองส่วนเอง
กำไรจากการขาย กับการรับเงินปันผล ก็แน่ละคับเนื่องจากผู้ถือหุ้น
ก็ได้รับกำไรเป็นคนสุดท้ายอยู่แล้ว รับความเสี่ยงทั้งหมด แต่ได้ผลกำไรคนสุดท้าย 555
นั่นแหละคับถึงต้องมีตลาดรอง หรือตลาดหุ้นด้วย
สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้น ก็จะมีข้อดีคือเราได้เลือกธุรกิจที่หลากหลาย
แถมยังไม่ต้องบริหารงานเองด้วย (คงทำไม่ได้เพราะถือหุ้นได้น้อย ไม่มีอำนาจอะไร)
แล้วก็มีสภาพคล่องให้ซื้อขายได้ตลอด 5 วันต่อสัปดาห์ หุหุ Mr.Market มาหาทุกวันสายๆถึงบ่ายๆ
รวมถึงผลตอบแทนจากปันผล ซึ่งไม่มากมายหรอกคับ นั่นทำให้เกิดข้อเสีย
คือเราต้องมีพอร์ตใหญ่ทีเดียวถึงจะอยู่ได้อย่างสบายๆ ควรตั้งใจให้ทำให้ได้ซัก 30-40 ล้านคับสมัยนี้
ส่วนเรื่องกำไรจากการขายนี่เอง ที่ทำให้ตลาดผันผวนสุดๆ ไปตามความโลภ และความกลัว
และเป็นสาเหตุให้นักลงทุนในตลาดหุ้น สามารถซื้อหุ้นของกิจการดีๆ ในราคาส่วนลด และสามารถ
ขายหุ้นได้ในราคาสูงๆ ถามว่าเป็นข้อดีไหม ก็เป็นข้อดีคับ ถามว่าเป็นข้อเสียไหมก็เป็นคับ
คือเรามีโอกาสขาดทุนหนักๆได้ อันนี้เป็นข้อเสียของนักลงทุนอาชีพเลย เพราะว่าเรายอมขาดทุนไม่ได้
เพราะจะทำให้ทุนเราหดหาย โอกาสสร้างผลตอบแทนในอนาคตจะน้อยลง นอกเหนือจาก
ความเสี่ยงเรื่องภาวะตลาดที่ขึ้นๆลงๆ ความเสี่ยงเรื่องภาวะเฉพาะตัวของบริษัทที่เราลงทุน
สำหรับนักลงทุนอาชีพเต็มเวลา ไม่ได้ทำอย่างอื่นแล้ว หนทางเดียวคือการบริหารพอร์ตเรา
ให้ยังคงสามารถสร้างกระแสเงินสดต่อไปได้ดีที่สุด นั่นคือคงต้องให้น้ำหนักระหว่างเงินปันผล
กับกำไรจากการซื้อขาย และการถือเงินสดไว้ใช้จ่าย ขอแนะนำคือคุณควรมีเงินสดไว้ใช้จ่ายประมาณ 3 ปี
เพื่อรับมือกับช่วงภาวะเลวร้ายที่จะเกิดขึ้น และก็อีกส่วนนึงคือการเลือกหุ้นสำหรับลงทุน
อันนี้ก็แล้วนักลงทุนอาชีพแต่ละท่านจะจัดสรร เพราะถือว่าคุณมาอยู่ในเกมส์นี้แล้ว คุณต้องจัดการได้
ในตลาดมีแต่ชุมทาง เสือ(เฒ่า) สิงห์(หนุ่ม-สาว) กระทิง(กองทุน) แรด(ต่างชาติ) เขี้ยวๆทั้งนั้น
อย่าถือว่าตัวเองรู้แล้วนะคบ คนที่รู้กว่าคุณยังมีอีกมากมาย นักลงทุนรายย่อยมักคิดว่าตัวเองเก่ง
แค่ทำผลตอบแทนได้ดีไม่กี่ปี ก็คิดว่าจะทำได้เรื่อยๆ คุณต้องพิสูจน์อีก 10 ปีขึ้นไปคับ ถึงจะเรียกว่าแน่จริง
สำหรับคนที่คิดจะออกมาลงทุนเต็มเวลา ขอให้ดูท่าน ดร.นิเวศน์นะคับ
ถ้าไปอ่านประวัติท่านดู ท่านก็ไม่ได้ผลีผลามแต่ประการใดที่จะรีบออกมาลงทุน
ท่านทำผลงานจนกระทั่งมั่นใจ แถมพอร์ตลงทุนก็ใหญ่พอที่ผลตอบแทนจากปันผลจะครอบคลุมค่าใช้จ่าย
ท่านไม่เคยประมาทคับในการลงทุน ท่านทำงานผ่านมามากมายคับ ประสบการณ์มากมาย
ที่นี้นักลงทุนที่อยากออกมาลงทุนเต็มเวลาที่อยากจะประสบความสำเร็จต้องถามตัวเองว่า
เรารู้อะไรบ้างเมื่อเทียบกับ ดร. นะคับ ช่วงที่ ดร. ออกมาลงทุนเต็มนั่นเป็นช่วงวิกฤติพอดี
เป็นการลงทุนเพื่อชีวิตจริงๆ ซื้อหุ้นคือซื้อธุรกิจ รับผลตอบแทนจากกำไร คือปันผล ไม่คิดที่จะได้กำไรจาการขาย
เพราะท่านเกิดเหตุให้ออกจาการทำงานประจำ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ประเทศเราล้มคับ
ท่านต้องตัดสินใจอย่างกล้าหาญมากนะคับ เพราะตลาดหุ้นมันแย่สุดๆ ถามว่าในช่วงเวลานั้น
อารมณ์เราเป็นอย่างไร คือพวกเรามักจะมองย้อนกลับไงคับ เหมือนรู้แล้ว แต่ถามว่าเมื่อเวลาวิกฤติ
ทุกท่านมีความรู้สึกอย่างไร พอผ่านมาแล้วก็ไม่รู้สึกอะไรแล้ว อย่างตอนปี 52
ถ้ามันยังไม่จบล่ะคับ แต่มันลากยาวมาถึงตอนนี้ ทุกคนจะรู้สึกอย่างไร คนเราลืมง่ายคับ
พอผ่านมาก็มาคุยอย่างนั้นอย่างนี้ อยาประมาทจะดีกว่าคับสำหรับการลงทุนเต็มเวลาเป็นอาชีพ
สุดท้ายก็ขอให้ศึกษาเข้าใจตัวเองให้มากๆคับ ให้เห็นถึงความเกี่ยวโยงต่างๆ
ให้เห็นถึงการวางแผน ความอดทนในการทำสิ่งต่างๆให้ประสบผลสำเร็จ
การลงทุนเป็นงานที่ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา ตราบเท่าที่โลกเปลี่ยนแปลง
ทุกอย่างเริ่มต้นจาการลงทุน มันจึงเป็นเรื่องลึกซึ้งกว่าที่คิดกัน อย่าประมาท
อย่ายึดถือเรื่องเงิน เรื่องอิสระทางการเงินให้มากมาย ยิ่งยึดยิ่งไม่เป็นอิสระ ยิ่งไม่เข้าใจ ยิ่งไม่ก้าวหน้า
ท้ายสุดก็กลับมาที่กฏการลงทุนที่นักลงทุนเต็มเวลาเป็นอาชีพ ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
1 อย่าขาดทุน
2 กลับไปอ่านข้อที่ 1 ใหม่
ช่วงปีสองปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นกระทิงคับ
ผลตอบแทนที่ได้มา ต้องแบ่งแยกคับ
ช่วงกระทิง หลายๆท่านได้ผลตอบแทนดีกันหมดละคับ
แต่ช่วงหมีมา นี่ไม่ใช่ง่ายๆนะคับที่จะทำผลตอบแทนได้ดี
การเป็นนักลงทุนเต็มเวลา ทำเป็นอาชีพ นั่นมีความเสี่ยงมากคับ
ความผันผวน หรือความเสี่ยง นอกจาก ความเสี่ยงจากบริษัทที่เราลงทุนแล้ว
ยังมีความเสี่ยงจากตลาดหุ้นด้วย แถมผลตอบแทนยังไม่สม่ำเสมอ
ไม่เหมือนพนักงานประจำมีเงินเดือน สวัสดิการ ประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
และไม่เหมือนผู้ประกอบการที่สามารถควบคุมกิจการ มีกระแสเงินสดเข้ามาตลอด
นักลงทุนเต็มเวลา นักลงทุนอาชีพ ที่ทำอย่างเดียวนี่ มีกำไรจากสองส่วนเอง
กำไรจากการขาย กับการรับเงินปันผล ก็แน่ละคับเนื่องจากผู้ถือหุ้น
ก็ได้รับกำไรเป็นคนสุดท้ายอยู่แล้ว รับความเสี่ยงทั้งหมด แต่ได้ผลกำไรคนสุดท้าย 555
นั่นแหละคับถึงต้องมีตลาดรอง หรือตลาดหุ้นด้วย
สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้น ก็จะมีข้อดีคือเราได้เลือกธุรกิจที่หลากหลาย
แถมยังไม่ต้องบริหารงานเองด้วย (คงทำไม่ได้เพราะถือหุ้นได้น้อย ไม่มีอำนาจอะไร)
แล้วก็มีสภาพคล่องให้ซื้อขายได้ตลอด 5 วันต่อสัปดาห์ หุหุ Mr.Market มาหาทุกวันสายๆถึงบ่ายๆ
รวมถึงผลตอบแทนจากปันผล ซึ่งไม่มากมายหรอกคับ นั่นทำให้เกิดข้อเสีย
คือเราต้องมีพอร์ตใหญ่ทีเดียวถึงจะอยู่ได้อย่างสบายๆ ควรตั้งใจให้ทำให้ได้ซัก 30-40 ล้านคับสมัยนี้
ส่วนเรื่องกำไรจากการขายนี่เอง ที่ทำให้ตลาดผันผวนสุดๆ ไปตามความโลภ และความกลัว
และเป็นสาเหตุให้นักลงทุนในตลาดหุ้น สามารถซื้อหุ้นของกิจการดีๆ ในราคาส่วนลด และสามารถ
ขายหุ้นได้ในราคาสูงๆ ถามว่าเป็นข้อดีไหม ก็เป็นข้อดีคับ ถามว่าเป็นข้อเสียไหมก็เป็นคับ
คือเรามีโอกาสขาดทุนหนักๆได้ อันนี้เป็นข้อเสียของนักลงทุนอาชีพเลย เพราะว่าเรายอมขาดทุนไม่ได้
เพราะจะทำให้ทุนเราหดหาย โอกาสสร้างผลตอบแทนในอนาคตจะน้อยลง นอกเหนือจาก
ความเสี่ยงเรื่องภาวะตลาดที่ขึ้นๆลงๆ ความเสี่ยงเรื่องภาวะเฉพาะตัวของบริษัทที่เราลงทุน
สำหรับนักลงทุนอาชีพเต็มเวลา ไม่ได้ทำอย่างอื่นแล้ว หนทางเดียวคือการบริหารพอร์ตเรา
ให้ยังคงสามารถสร้างกระแสเงินสดต่อไปได้ดีที่สุด นั่นคือคงต้องให้น้ำหนักระหว่างเงินปันผล
กับกำไรจากการซื้อขาย และการถือเงินสดไว้ใช้จ่าย ขอแนะนำคือคุณควรมีเงินสดไว้ใช้จ่ายประมาณ 3 ปี
เพื่อรับมือกับช่วงภาวะเลวร้ายที่จะเกิดขึ้น และก็อีกส่วนนึงคือการเลือกหุ้นสำหรับลงทุน
อันนี้ก็แล้วนักลงทุนอาชีพแต่ละท่านจะจัดสรร เพราะถือว่าคุณมาอยู่ในเกมส์นี้แล้ว คุณต้องจัดการได้
ในตลาดมีแต่ชุมทาง เสือ(เฒ่า) สิงห์(หนุ่ม-สาว) กระทิง(กองทุน) แรด(ต่างชาติ) เขี้ยวๆทั้งนั้น
อย่าถือว่าตัวเองรู้แล้วนะคบ คนที่รู้กว่าคุณยังมีอีกมากมาย นักลงทุนรายย่อยมักคิดว่าตัวเองเก่ง
แค่ทำผลตอบแทนได้ดีไม่กี่ปี ก็คิดว่าจะทำได้เรื่อยๆ คุณต้องพิสูจน์อีก 10 ปีขึ้นไปคับ ถึงจะเรียกว่าแน่จริง
สำหรับคนที่คิดจะออกมาลงทุนเต็มเวลา ขอให้ดูท่าน ดร.นิเวศน์นะคับ
ถ้าไปอ่านประวัติท่านดู ท่านก็ไม่ได้ผลีผลามแต่ประการใดที่จะรีบออกมาลงทุน
ท่านทำผลงานจนกระทั่งมั่นใจ แถมพอร์ตลงทุนก็ใหญ่พอที่ผลตอบแทนจากปันผลจะครอบคลุมค่าใช้จ่าย
ท่านไม่เคยประมาทคับในการลงทุน ท่านทำงานผ่านมามากมายคับ ประสบการณ์มากมาย
ที่นี้นักลงทุนที่อยากออกมาลงทุนเต็มเวลาที่อยากจะประสบความสำเร็จต้องถามตัวเองว่า
เรารู้อะไรบ้างเมื่อเทียบกับ ดร. นะคับ ช่วงที่ ดร. ออกมาลงทุนเต็มนั่นเป็นช่วงวิกฤติพอดี
เป็นการลงทุนเพื่อชีวิตจริงๆ ซื้อหุ้นคือซื้อธุรกิจ รับผลตอบแทนจากกำไร คือปันผล ไม่คิดที่จะได้กำไรจาการขาย
เพราะท่านเกิดเหตุให้ออกจาการทำงานประจำ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ประเทศเราล้มคับ
ท่านต้องตัดสินใจอย่างกล้าหาญมากนะคับ เพราะตลาดหุ้นมันแย่สุดๆ ถามว่าในช่วงเวลานั้น
อารมณ์เราเป็นอย่างไร คือพวกเรามักจะมองย้อนกลับไงคับ เหมือนรู้แล้ว แต่ถามว่าเมื่อเวลาวิกฤติ
ทุกท่านมีความรู้สึกอย่างไร พอผ่านมาแล้วก็ไม่รู้สึกอะไรแล้ว อย่างตอนปี 52
ถ้ามันยังไม่จบล่ะคับ แต่มันลากยาวมาถึงตอนนี้ ทุกคนจะรู้สึกอย่างไร คนเราลืมง่ายคับ
พอผ่านมาก็มาคุยอย่างนั้นอย่างนี้ อยาประมาทจะดีกว่าคับสำหรับการลงทุนเต็มเวลาเป็นอาชีพ
สุดท้ายก็ขอให้ศึกษาเข้าใจตัวเองให้มากๆคับ ให้เห็นถึงความเกี่ยวโยงต่างๆ
ให้เห็นถึงการวางแผน ความอดทนในการทำสิ่งต่างๆให้ประสบผลสำเร็จ
การลงทุนเป็นงานที่ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา ตราบเท่าที่โลกเปลี่ยนแปลง
ทุกอย่างเริ่มต้นจาการลงทุน มันจึงเป็นเรื่องลึกซึ้งกว่าที่คิดกัน อย่าประมาท
อย่ายึดถือเรื่องเงิน เรื่องอิสระทางการเงินให้มากมาย ยิ่งยึดยิ่งไม่เป็นอิสระ ยิ่งไม่เข้าใจ ยิ่งไม่ก้าวหน้า
ท้ายสุดก็กลับมาที่กฏการลงทุนที่นักลงทุนเต็มเวลาเป็นอาชีพ ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
1 อย่าขาดทุน
2 กลับไปอ่านข้อที่ 1 ใหม่
- nonation
- Verified User
- โพสต์: 70
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 44
ขออนุญาติร่วมออกความคิดเห็นหน่อยนะครับ เป็นมือใหม่ ( ที่ใหม่จริง ๆ ) เคยแต่เข้ามาอ่านอย่างเดียวได้ระยะหนึ่งแล้ว ตอนนี้ก็วางแผนการลงทุนประมาณว่า
- ทำงานประจำเพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายประจำเดือน และกันส่วนหนึ่ง
ไว้ลงทุนในปัจจุบัน
- ลงทุนในหุ้นโดยตั้งเป้าหมายไว้ที่เงินปันผลเป็นหลัก โดยหวังไว้ว่าใน
อนาคตอันใกล้หากได้ปันผลเฉลี่ยสักประมาณ 3 - 50,000 บาท / เดือน
ซึ่งน่าจะทดแทนรายได้จากงานประจำปัจจุบันได้ ก็คงจะพิจารณาเรื่องาน
ประจำอีกครั้ง
- ตอนนี้ก็ตั้งกิจการเล็ก ๆ เพื่อรองรับในอนาคตว่าถ้าหากหยุดการทำงาน
ประจำมาดูหุ้นอย่างเดียวจะได้มีค่าข้าวรายวันมาใช้จ่าย กรณีเกิดเหตุฉุก
เฉินจากตลาดหุ้น ( รายได้หักกลบลบหนี้แล้วเหลือเดือนละ 1 - 15,000
บาทก็พอแล้ว ) และจุดประสงค์อีกอย่างคือจะได้ไม่รู้สึกว่าตัวเองว่าว่าง
มากเกินไป
ผมเคยอยู่ว่าง ๆ แบบไม่ทำอะไรเลยประมาณครึ่งปี ใช้เงินอย่างเดียวไป
วัน ๆ บอกตรง ๆ ครับถึงจุด ๆ หนึ่งความรู้สึกของตัวเองแย่สุด ๆ เลยครับ
เหมือนตัวเราขาดซึ่งความมั่นใจไปดื้อ ๆ รู้สึกหมดค่าในตัวเองครับ ผม
จึงคิดว่าเรื่องของศักดิ์ศรีมันไม่ใช้เรื่องที่ใคร ๆจะมองเราหรือตัดสินเราแต่
มันเป็นความรู้สึกของตัวเราเองที่จะทำร้ายตัวเอง ( หรืออาจะเป็นเพราะไม่
ได้คาบช้อนเงิน ช้อนทองมาตั้งแต่เกิดก็ไม่รู้ )
- ทำงานประจำเพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายประจำเดือน และกันส่วนหนึ่ง
ไว้ลงทุนในปัจจุบัน
- ลงทุนในหุ้นโดยตั้งเป้าหมายไว้ที่เงินปันผลเป็นหลัก โดยหวังไว้ว่าใน
อนาคตอันใกล้หากได้ปันผลเฉลี่ยสักประมาณ 3 - 50,000 บาท / เดือน
ซึ่งน่าจะทดแทนรายได้จากงานประจำปัจจุบันได้ ก็คงจะพิจารณาเรื่องาน
ประจำอีกครั้ง
- ตอนนี้ก็ตั้งกิจการเล็ก ๆ เพื่อรองรับในอนาคตว่าถ้าหากหยุดการทำงาน
ประจำมาดูหุ้นอย่างเดียวจะได้มีค่าข้าวรายวันมาใช้จ่าย กรณีเกิดเหตุฉุก
เฉินจากตลาดหุ้น ( รายได้หักกลบลบหนี้แล้วเหลือเดือนละ 1 - 15,000
บาทก็พอแล้ว ) และจุดประสงค์อีกอย่างคือจะได้ไม่รู้สึกว่าตัวเองว่าว่าง
มากเกินไป
ผมเคยอยู่ว่าง ๆ แบบไม่ทำอะไรเลยประมาณครึ่งปี ใช้เงินอย่างเดียวไป
วัน ๆ บอกตรง ๆ ครับถึงจุด ๆ หนึ่งความรู้สึกของตัวเองแย่สุด ๆ เลยครับ
เหมือนตัวเราขาดซึ่งความมั่นใจไปดื้อ ๆ รู้สึกหมดค่าในตัวเองครับ ผม
จึงคิดว่าเรื่องของศักดิ์ศรีมันไม่ใช้เรื่องที่ใคร ๆจะมองเราหรือตัดสินเราแต่
มันเป็นความรู้สึกของตัวเราเองที่จะทำร้ายตัวเอง ( หรืออาจะเป็นเพราะไม่
ได้คาบช้อนเงิน ช้อนทองมาตั้งแต่เกิดก็ไม่รู้ )
- nACrophiles_117
- Verified User
- โพสต์: 1362
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 45
แค่ 3 dislike แล้วโดนซ่อนความเห็น น้อยเกินไปไหมครับ ???
labor omnia vincit
-
- Verified User
- โพสต์: 62
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 46
เคยพบเพื่อนบางคน ที่ดูว่าประสบความสำเร็จอย่างดี
ในการเป็น VI เต็มเวลามาหลายปี แต่กลับเหมือนไม่ค่อยมั่นใจ
ส่วนหนึ่งก็น่าจะเป็นเพราะ เจ้าศักดิ์ศรี นี่แหละ
อยากบอกจากใจจริง ว่าเข้าใจ และก็อยากทำได้บ้าง
อิสระทางการเงิน ใครก็อยากได้ อยากเป็น
ได้มีเวลาเป็นตัวของตัวเอง ได้หายใจยาวๆ บ้าง:D
ทำสิ่งที่รัก ที่เลือก ให้ดีเถอะ
ลำพังแบกความคาดหวังของตัวเอง ก็หนักหนาอยู่
ไยจะต้องบั่นทอนใจตัวเอง เพื่อ...
ว่าแล้วก็ มาให้ ลอกการบ้าน บ้างนะ:B
เดี๋ยวพาไปเลี้ยง ปลอบใจเอง
ในการเป็น VI เต็มเวลามาหลายปี แต่กลับเหมือนไม่ค่อยมั่นใจ
ส่วนหนึ่งก็น่าจะเป็นเพราะ เจ้าศักดิ์ศรี นี่แหละ
อยากบอกจากใจจริง ว่าเข้าใจ และก็อยากทำได้บ้าง
อิสระทางการเงิน ใครก็อยากได้ อยากเป็น
ได้มีเวลาเป็นตัวของตัวเอง ได้หายใจยาวๆ บ้าง:D
ทำสิ่งที่รัก ที่เลือก ให้ดีเถอะ
ลำพังแบกความคาดหวังของตัวเอง ก็หนักหนาอยู่
ไยจะต้องบั่นทอนใจตัวเอง เพื่อ...
ว่าแล้วก็ มาให้ ลอกการบ้าน บ้างนะ:B
เดี๋ยวพาไปเลี้ยง ปลอบใจเอง
- romee
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 47
การมีกระแสเงินสดเข้ามาเรื่อยๆ ยังไงก็ดีกว่านั้นแหละครับ
ผมเห็นหลายคนที่รวย และเกษียณก่อนแก่ ปัญหาที่เขามีก็คือ เที่ยวหมดแล้ว ว่างในช่วงไปส่งลูกแล้วไม่รู้จะทำอะไร
ท้ายสุดก็กลับมาทำงาน แต่เป็นงานที่เขาเลือกทำได้ โดยที่ไม่ต้องกดดันกับเรื่องของเงิน และที่เห็นส่วนใหญ่ มักจะทำได้โคตรดีมากๆเลยด้วยซ้ำ
ผมเห็นหลายคนที่รวย และเกษียณก่อนแก่ ปัญหาที่เขามีก็คือ เที่ยวหมดแล้ว ว่างในช่วงไปส่งลูกแล้วไม่รู้จะทำอะไร
ท้ายสุดก็กลับมาทำงาน แต่เป็นงานที่เขาเลือกทำได้ โดยที่ไม่ต้องกดดันกับเรื่องของเงิน และที่เห็นส่วนใหญ่ มักจะทำได้โคตรดีมากๆเลยด้วยซ้ำ
การลงทุนแนวvi ไม่ได้แปลว่า นักลงทุนคนนั้นดีกว่า หรือมีวรรณะสูงกว่าคนที่ลงทุนแนวอื่นๆหรอก
-
- Verified User
- โพสต์: 1150
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 48
ถ้าไม่ลงมือ ก็ไม่มีวันได้ทำหรอกครับ
ผมเคยคิดจะให้ภรรยาออกมาเลี้ยงลูกอย่างเดียว เพราะรู้สึกว่าลูกเราไม่เคยได้พักเลย
และเราก็เหนื่อย เครียดมาก เวลาลูกปิดเทอมที ไม่รู้จะเอาไปไว้ไหน เวลาลูกไม่สบาย
ไม่รู้ใครจะหยุดดูแล เราก็พลัดไปเรือยๆว่าถ้าเรามีเท่านั้น เท่านี้ เราจะเลิก แต่พอเรามีถึง
เราก็ทำต่อเหมือนเดิม จนถึงวันนึงเรารู้สึกว่ามันไม่ไหวแล้วเราต้องรู้จักพอได้แล้ว
ภรรยาก็ออกมาเลี้ยงลูกอย่างเดียว ลูกมีความสุขมากๆๆ กลับถึงบ้านสี่โมงครึ่ง ไม่ต้องนั่งรถโรงเรียน
ปิดเทอมได้อยู่บ้านเล่นตามประสาเด็ก รายได้หายไปปีละล้าน ก็เีสียดายอยู่เหมือนกัน แต่รายจ่ายก็ลด
ลงเยอะเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมันรถ ค่ารถโรงเรียน ค่าเรียนพิเศษ ค่าจ้างครูอยู่กับลูกหลังเลิกเรียน
ค่าเอาลูกไปฝากตอนปิดเทอม เรื่องการเงินผมทำคนเีดียวก็เหมือนไม่มีอะไร แต่เราก็ต้องเตรียมความพร้อม
เหมือนกันเพราะเราก็เคลียร์หนี้บ้านให้หมด แล้วก็มีเงินประมาณ 10 ล้าน ทำประกันชีวิตไว้ให้พอ กรณีเลวร้ายสุด
เขามีทรัพย์สิน 20 ล้าน ก็น่าจะพอให้ลูกเรียนจบไ้ด้สบาย เพราะเราทำงานคนเีดียวแล้ว ชีวิตมีความสุขขึ้ันเยอะ จริงๆแล้วค่าใช้จ่ายที่มากที่สุดเป็นเรื่องของเงินจ่ายค่าบ้านมากกว่า พอเราไม่ต้องจ่ายค่าบ้านเราก็อยู่ได้สบายๆ ผมยังตั้งเป้าว่าถ้าผมมี port สัก 30 ล้าน ผมก็คง retire แล้ว คนเราจะอยู่นานเท่าไรกัน
ผมเคยคิดจะให้ภรรยาออกมาเลี้ยงลูกอย่างเดียว เพราะรู้สึกว่าลูกเราไม่เคยได้พักเลย
และเราก็เหนื่อย เครียดมาก เวลาลูกปิดเทอมที ไม่รู้จะเอาไปไว้ไหน เวลาลูกไม่สบาย
ไม่รู้ใครจะหยุดดูแล เราก็พลัดไปเรือยๆว่าถ้าเรามีเท่านั้น เท่านี้ เราจะเลิก แต่พอเรามีถึง
เราก็ทำต่อเหมือนเดิม จนถึงวันนึงเรารู้สึกว่ามันไม่ไหวแล้วเราต้องรู้จักพอได้แล้ว
ภรรยาก็ออกมาเลี้ยงลูกอย่างเดียว ลูกมีความสุขมากๆๆ กลับถึงบ้านสี่โมงครึ่ง ไม่ต้องนั่งรถโรงเรียน
ปิดเทอมได้อยู่บ้านเล่นตามประสาเด็ก รายได้หายไปปีละล้าน ก็เีสียดายอยู่เหมือนกัน แต่รายจ่ายก็ลด
ลงเยอะเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมันรถ ค่ารถโรงเรียน ค่าเรียนพิเศษ ค่าจ้างครูอยู่กับลูกหลังเลิกเรียน
ค่าเอาลูกไปฝากตอนปิดเทอม เรื่องการเงินผมทำคนเีดียวก็เหมือนไม่มีอะไร แต่เราก็ต้องเตรียมความพร้อม
เหมือนกันเพราะเราก็เคลียร์หนี้บ้านให้หมด แล้วก็มีเงินประมาณ 10 ล้าน ทำประกันชีวิตไว้ให้พอ กรณีเลวร้ายสุด
เขามีทรัพย์สิน 20 ล้าน ก็น่าจะพอให้ลูกเรียนจบไ้ด้สบาย เพราะเราทำงานคนเีดียวแล้ว ชีวิตมีความสุขขึ้ันเยอะ จริงๆแล้วค่าใช้จ่ายที่มากที่สุดเป็นเรื่องของเงินจ่ายค่าบ้านมากกว่า พอเราไม่ต้องจ่ายค่าบ้านเราก็อยู่ได้สบายๆ ผมยังตั้งเป้าว่าถ้าผมมี port สัก 30 ล้าน ผมก็คง retire แล้ว คนเราจะอยู่นานเท่าไรกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 1746
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 49
ผมเห็นด้วยเรื่องการออกจากงานประจำเมื่อมีสินทรัพย์จากการลงทุนมากพอนะ ซัก 20 ล้านขึ้นไปกำลังดี
แต่ไม่เห็นด้วยเรื่องที่จะออกมาเป็นนักลงทุนเต็มเวลา เพราะผมไม่เห็นว่าการลงทุน โดยเฉพาะในหุ้น จะใช้เวลามากมายอะไรขนาดนั้น
เหตุผลที่ควรจะออกมาจากงานประจำ ก็อย่างเช่น (ไม่ต้องมีทุกข้อนะ)
- อายุพอสมควรที่จะเกษียณได้ เช่น ซัก 45 ขึ้นไป ที่เหลือก็ใช้เวลาไปเที่ยว เยี่ยมลูกหลาน หาความสุข
- หากอายุน้อย ก็ออกมาดูแลครอบครัว ดูแลรับส่งลูกไปเรียน มีเวลาให้กับครอบครัวมากยิ่งขึ้น
- ออกมาทำงานที่ใจรัก ไม่ต้องทนกดดันกับความคาดหวังในหน้าที่การงานประจำ
อย่างผมก็ออกจากงานประจำมา 3 ปีกว่า ๆ แล้ว แต่ก็ไม่ได้ออกมาโดยไม่มีอะไรรองรับ
ถึงแม้ยังไม่ได้แต่งงานมีครอบครัว แต่ก็ยังพอมีงานอะไรทำบ้าง เช่น ช่วยกิจการของญาติ
จริง ๆ แล้วการทำงานโดยไม่ได้อยู่ภายใต้ภาระกดดันทางการเงิน สามารถทำให้ประสิทธิภาพของงานออกมาได้ดีมากจริง ๆ
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีเวลาว่างมากเกินไป นั่งดูหุ้นไปวัน ๆ โดยไม่ได้ทำอะไรเลยก็มี
ส่วนข้อดีก็เช่น อยากไปเที่ยวไหนก็ไปได้ทุกวัน ไม่ต้องรอวันหยุดยาว หน้าเทศกาลไปแย่งกินแย่งใช้กับคนอื่น
เราเที่ยวเวลาคนอื่นทำงาน เราพักผ่อนอยู่บ้านเวลาคนอื่นไปเที่ยวกัน อันนี้ชอบมาก ๆ
ประมาณนั้น
แต่ไม่เห็นด้วยเรื่องที่จะออกมาเป็นนักลงทุนเต็มเวลา เพราะผมไม่เห็นว่าการลงทุน โดยเฉพาะในหุ้น จะใช้เวลามากมายอะไรขนาดนั้น
เหตุผลที่ควรจะออกมาจากงานประจำ ก็อย่างเช่น (ไม่ต้องมีทุกข้อนะ)
- อายุพอสมควรที่จะเกษียณได้ เช่น ซัก 45 ขึ้นไป ที่เหลือก็ใช้เวลาไปเที่ยว เยี่ยมลูกหลาน หาความสุข
- หากอายุน้อย ก็ออกมาดูแลครอบครัว ดูแลรับส่งลูกไปเรียน มีเวลาให้กับครอบครัวมากยิ่งขึ้น
- ออกมาทำงานที่ใจรัก ไม่ต้องทนกดดันกับความคาดหวังในหน้าที่การงานประจำ
อย่างผมก็ออกจากงานประจำมา 3 ปีกว่า ๆ แล้ว แต่ก็ไม่ได้ออกมาโดยไม่มีอะไรรองรับ
ถึงแม้ยังไม่ได้แต่งงานมีครอบครัว แต่ก็ยังพอมีงานอะไรทำบ้าง เช่น ช่วยกิจการของญาติ
จริง ๆ แล้วการทำงานโดยไม่ได้อยู่ภายใต้ภาระกดดันทางการเงิน สามารถทำให้ประสิทธิภาพของงานออกมาได้ดีมากจริง ๆ
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีเวลาว่างมากเกินไป นั่งดูหุ้นไปวัน ๆ โดยไม่ได้ทำอะไรเลยก็มี
ส่วนข้อดีก็เช่น อยากไปเที่ยวไหนก็ไปได้ทุกวัน ไม่ต้องรอวันหยุดยาว หน้าเทศกาลไปแย่งกินแย่งใช้กับคนอื่น
เราเที่ยวเวลาคนอื่นทำงาน เราพักผ่อนอยู่บ้านเวลาคนอื่นไปเที่ยวกัน อันนี้ชอบมาก ๆ
ประมาณนั้น
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2273
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 50
กรรม ทะเลากันใหญ่โต
ผมแค่อยากเตือนว่า
3ปีที่ผ่านมา มันดีเกินไป มันอาจเป็นภาพลวงตา
ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 50 % ในสามปี
ผมว่ามันยังไม่ได้เยอะมากด้วยซ้ำ เพราะว่าถ้าทำการบ้านดีๆ มีหุ้น turn around ที่กำไรเป็นสิบเด้งเยอะมาก
กลัวว่าจะมีคนใช้ภาพลวงตานี้ ออกมาแล้วจะหาทางออกไม่ได้
ถ้าจะทำอะไร ขอให้คิดเยอะๆครับ
ผมว่า 20 ล้านเป็นเลขที่ดีสำหรับคนที่คิดจะออกจากงานมาลงทุนอย่างเดียวครับ
ผมแค่อยากเตือนว่า
3ปีที่ผ่านมา มันดีเกินไป มันอาจเป็นภาพลวงตา
ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 50 % ในสามปี
ผมว่ามันยังไม่ได้เยอะมากด้วยซ้ำ เพราะว่าถ้าทำการบ้านดีๆ มีหุ้น turn around ที่กำไรเป็นสิบเด้งเยอะมาก
กลัวว่าจะมีคนใช้ภาพลวงตานี้ ออกมาแล้วจะหาทางออกไม่ได้
ถ้าจะทำอะไร ขอให้คิดเยอะๆครับ
ผมว่า 20 ล้านเป็นเลขที่ดีสำหรับคนที่คิดจะออกจากงานมาลงทุนอย่างเดียวครับ
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 51
มากมาย หลายความคิดเห็น ดีครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- Verified User
- โพสต์: 601
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 52
ต้องรอดจากวิกฤติใหญ่ มาสัก สองรอบ น่าจะดีกว่า พอร์ตทีใหญ่
เพราะอาจเป็นพอร์ตที่ดีทึ่สุด ในช่วงเวลานั้นๆ
เพราะอาจเป็นพอร์ตที่ดีทึ่สุด ในช่วงเวลานั้นๆ
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10548
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 53
ผมนึกอยู่ตั้งนานว่าใครCheNz เขียน:ขอบคุณครับพี่น้ำยาล้างจาน
:
ถึงค่อยอ๋อว่า Sunlight = Sunrise
ว่าแต่คงต้องขอบคุณเจ้าของกระทู้ ที่มีเจตนาดี
หลายๆคนอยากมีอิสรภาพเรื่องเวลา ได้มาแรกๆจะดีทีเดียว แต่พอมันได้มานานๆแล้วบางทีอาจจะไม่ใช่
ส่วนตัวก็อยากได้เพิ่มแต่ไม่เอาทั้งหมด ขอเวลาแค่ไปทำหน้าที่ของพ่อ กับหัวหน้าครอบครัวให้กับลูกที่จะต้องเข้าไปเรียน ไปรับ-ส่ง ได้สบายๆใจ
แต่ผมยังคงขอทำงานต่อนะครับ ไม่ขอลงทุนอย่างเดียวโดยไม่ทำอะไรอื่น
ต่างคนต่างใจครับ
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10548
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 54
หมอเอ๋ระวังสุขภาพด้วยครับjek ae เขียน:ผมอายุ 43 ปีครับ ชีวิตเพิ่งเริ่มต้น แต่สังขารเริ่มเสื่อมถอย ตอนนี้เริ่มมีความดันโลหิตสูงกับปัญหาเรื่องสายตาครับpornchal เขียน:How old are U?jek ae เขียน:พอดีร่างกายผมมันทรุดโทรมกว่าอายุจริงเยอะจากการสมบุกสมบันตรากตรำทำงานที่ผ่านมา เมื่อมีรายได้ที่เพียงพอจากการลงทุน ผมก็เลยเต็มใจเกษียนงานเดิมออกมาลงทุนเต็มเวลา ก็ไม่ได้รู้สึกว่าศักดิ์ศรีมันลดหดหายไปแต่ประการใด แถมยังรู้สึกดีขึ้นด้วย
คงต้องเพลาๆ เรื่องอาหารพวก high lipid ด้วยนะครับ
แต่ทำอาหารอร่อยขนาดนั้น มันก็คงหักห้ามใจนะ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1139
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 55
ผมคิดว่า ความสุขไม่ใช่เสื้อผ้าสำเร็จรูป แต่เป็นเสื้อผ้าสั่งตัด
ความสุขของคนเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนให้เรื่องเงิน
เป็นเรื่องใหญ่ บางคนต้องการสถานะทางสังคม บางคนต้องการชื่อเสียง
เราคงไม่สามารถเอาตัวเองไปตัดสินคนอื่น และคนอื่นก็ไม่มีสิทธิมาตัดสินเรา
ที่สำคัญก็คือ เราต้องรู้จักตัวเองให้ดี รู้ว่าสิ่งสำคัญสำหรับตัวเองคืออะไร
การมีอิสรภาพทางการเงินเป็นแค่สิ่งที่ช่วยให้เราสามารถทำสิ่งที่เราให้ความสำคัญได้
โดยไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน
ความสุขของคนเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนให้เรื่องเงิน
เป็นเรื่องใหญ่ บางคนต้องการสถานะทางสังคม บางคนต้องการชื่อเสียง
เราคงไม่สามารถเอาตัวเองไปตัดสินคนอื่น และคนอื่นก็ไม่มีสิทธิมาตัดสินเรา
ที่สำคัญก็คือ เราต้องรู้จักตัวเองให้ดี รู้ว่าสิ่งสำคัญสำหรับตัวเองคืออะไร
การมีอิสรภาพทางการเงินเป็นแค่สิ่งที่ช่วยให้เราสามารถทำสิ่งที่เราให้ความสำคัญได้
โดยไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน
-
- Verified User
- โพสต์: 180
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 57
งาน นักลงทุนเต็มเวลาไม่เหงาแน่
1. ไป company visit ผมเคยไปดู hmpro เพลินมาก
2. เข้าสัมมนาบางหัวข้อที่สนใจ
3. ไป opportunity day
4. ไปร่วมงาน จิบเบีย vi
5. ไปต่างจังหวัด หรือไปต่างประเทศตามที่ต้องการ
6. อ่านงบการเงิน บทวิเคราะห์ หนังสือพิมพ์ทุกเช้าที่ร้านกาแฟโปรดทุกวัน
7. ไป sport club ช่วงบ่าย
ผมว่ากิจกรรมข้างบน ถ้าคุณออกจากงานประจำซัก45 ก็ ok แล้วครับ ไม่หนักและไม่เบื่อจนเกินไปแต่ที่สำคัญ คุณต้องถอดหัวโขนออกจากการทำงานประจำและไม่ยึดติดกับตำแหน่งเก่า ผมว่าพวก vi ส่วนใหญ่ไม่มีพวกนี้อยู่แล้วเพราะคงชอบชีวิตอิสระ และชีวิตการลงทุนก็เป็นอาชีพที่ไม่ต้อบใส่หัวโขน
อยากให้ทุกคนทำตามสิ่งที่ใจต้องการจริง คนเราอายุ45ขึ้นผมว่าแต่ละวันมีค่าครับ ทำสิ่งที่ตัวเองชอบจริงๆ
1. ไป company visit ผมเคยไปดู hmpro เพลินมาก
2. เข้าสัมมนาบางหัวข้อที่สนใจ
3. ไป opportunity day
4. ไปร่วมงาน จิบเบีย vi
5. ไปต่างจังหวัด หรือไปต่างประเทศตามที่ต้องการ
6. อ่านงบการเงิน บทวิเคราะห์ หนังสือพิมพ์ทุกเช้าที่ร้านกาแฟโปรดทุกวัน
7. ไป sport club ช่วงบ่าย
ผมว่ากิจกรรมข้างบน ถ้าคุณออกจากงานประจำซัก45 ก็ ok แล้วครับ ไม่หนักและไม่เบื่อจนเกินไปแต่ที่สำคัญ คุณต้องถอดหัวโขนออกจากการทำงานประจำและไม่ยึดติดกับตำแหน่งเก่า ผมว่าพวก vi ส่วนใหญ่ไม่มีพวกนี้อยู่แล้วเพราะคงชอบชีวิตอิสระ และชีวิตการลงทุนก็เป็นอาชีพที่ไม่ต้อบใส่หัวโขน
อยากให้ทุกคนทำตามสิ่งที่ใจต้องการจริง คนเราอายุ45ขึ้นผมว่าแต่ละวันมีค่าครับ ทำสิ่งที่ตัวเองชอบจริงๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 14
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 58
ส่วนตัวผม ขอเพิ่มkumchai
Post subject: Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
งาน นักลงทุนเต็มเวลาไม่เหงาแน่
1. ไป company visit ผมเคยไปดู hmpro เพลินมาก
2. เข้าสัมมนาบางหัวข้อที่สนใจ
3. ไป opportunity day
4. ไปร่วมงาน จิบเบีย vi
5. ไปต่างจังหวัด หรือไปต่างประเทศตามที่ต้องการ
6. อ่านงบการเงิน บทวิเคราะห์ หนังสือพิมพ์ทุกเช้าที่ร้านกาแฟโปรดทุกวัน
7. ไป sport club ช่วงบ่าย
ผมว่ากิจกรรมข้างบน ถ้าคุณออกจากงานประจำซัก45 ก็ ok แล้วครับ ไม่หนักและไม่เบื่อจนเกินไปแต่ที่สำคัญ คุณต้องถอดหัวโขนออกจากการทำงานประจำและไม่ยึดติดกับตำแหน่งเก่า ผมว่าพวก vi ส่วนใหญ่ไม่มีพวกนี้อยู่แล้วเพราะคงชอบชีวิตอิสระ และชีวิตการลงทุนก็เป็นอาชีพที่ไม่ต้อบใส่หัวโขน
อยากให้ทุกคนทำตามสิ่งที่ใจต้องการจริง คนเราอายุ45ขึ้นผมว่าแต่ละวันมีค่าครับ ทำสิ่งที่ตัวเองชอบจริงๆ
ข้อที่ 8 ปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้ จะได้ไม่ต้องซื้อผักผลไม้กิน ซื้อเฉพาะเนื้อสัตว์ กับไข่ กินครับ
ส่วนตัวผมอายุ 39 ปี สุขภาพก็ทรุดโทรมตามสภาพ ถ้าได้รู้จักแนว VI ก่อนหน้าสัก 10 ปี ก็คงสบายไปแล้วครับ(กลัวได้2เด้งแบบว่า เบาหวานกับความดัน 2 เด้งแบบนี้ได้อยากได้อ่ะ)
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10548
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 59
ถูกใจมากครับ โดยเฉพาะ ความสุขเหมือนเสื้อผ้าสั่งตัดWEB เขียน:ผมคิดว่า ความสุขไม่ใช่เสื้อผ้าสำเร็จรูป แต่เป็นเสื้อผ้าสั่งตัด
ความสุขของคนเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนให้เรื่องเงิน
เป็นเรื่องใหญ่ บางคนต้องการสถานะทางสังคม บางคนต้องการชื่อเสียง
เราคงไม่สามารถเอาตัวเองไปตัดสินคนอื่น และคนอื่นก็ไม่มีสิทธิมาตัดสินเรา
ที่สำคัญก็คือ เราต้องรู้จักตัวเองให้ดี รู้ว่าสิ่งสำคัญสำหรับตัวเองคืออะไร
การมีอิสรภาพทางการเงินเป็นแค่สิ่งที่ช่วยให้เราสามารถทำสิ่งที่เราให้ความสำคัญได้
โดยไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน