มีเงื่อนไขใดบ้างครับที่ทำให้ ROA สูงกว่า ROE
- Pathfinder
- Verified User
- โพสต์: 89
- ผู้ติดตาม: 0
มีเงื่อนไขใดบ้างครับที่ทำให้ ROA สูงกว่า ROE
โพสต์ที่ 1
ตามสมการ สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของผู้ถือหุ้น , ซึ่งตัวเลขทรัพย์สินต้องมีมูลค่ามากว่าส่วนของผู้ถือหุ้นเสมอ
แต่ทำไมงบการเงินปี 52-55 ตามรูปมีค่า ROA มากว่า ROE ครับ? ROA ควรจะมีค่าน้อยกว่า หรือเท่ากับ ROE ใช่หรือไม่ครับ
แต่ทำไมงบการเงินปี 52-55 ตามรูปมีค่า ROA มากว่า ROE ครับ? ROA ควรจะมีค่าน้อยกว่า หรือเท่ากับ ROE ใช่หรือไม่ครับ
แนบไฟล์
งบการเงิน
Focusing on quality and cheapness simultaneously helps investors beat the market!
- densin
- Verified User
- โพสต์: 1073
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มีเงื่อนไขใดบ้างครับที่ทำให้ ROA สูงกว่า ROE
โพสต์ที่ 2
สูตรเขาว่า
ROA = EBIT/Total Assets
ROE = NetProfit / Equity
อาจจะมีอะไรแถวๆ Interest กับ Tax ลองไปหาๆดู
อีกส่วนหนึ่งเพราะไทยมิตซูวามีผู้ถือหุ้นส่วนน้อยอยู่บางส่วนด้วยหรือเปล่า?
ROA = EBIT/Total Assets
ROE = NetProfit / Equity
อาจจะมีอะไรแถวๆ Interest กับ Tax ลองไปหาๆดู
อีกส่วนหนึ่งเพราะไทยมิตซูวามีผู้ถือหุ้นส่วนน้อยอยู่บางส่วนด้วยหรือเปล่า?
VI สายมืด = VI หน้ามืดซื้อตัวฮอทๆอย่าไม่ลืมหูลืมตา
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มีเงื่อนไขใดบ้างครับที่ทำให้ ROA สูงกว่า ROE
โพสต์ที่ 3
> กรณีที่ ROAสูงมาก + ROEต่ำมาก เกิดได้จาก -> หนี้สินน้อยเมื่อเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น, มีภาษีกับดอกเบี้ยจ่ายมากๆเมื่อเทียบกับEBIT
> กรณีที่ ROAต่ำมาก + ROEสูงมาก เกิดได้จาก -> หนี้สินมากเมื่อเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น, มีภาษีกับดอกเบี้ยจ่ายน้อยๆเมื่อเทียบกับEBIT
> การที่บริษัทจะค่า ROE กับ ROA เกือบเท่ากันได้ นั่นก็เพราะมันแทบไม่มีหนี้เท่านั้น
ถ้าไม่มีหนี้ ตัวหารคือ asset จะเท่ากับ equity ตัวหารจะเท่ากัน
ส่วนตัวตั้ง EBITจะเท่ากับ net profit - ถ้า ดอกเบี้ยจ่าย+ภาษี น้อยมากๆ
> ถ้าต้องการทำให้ ROE สูงๆ เพื่อที่จะได้ตบตานักลงทุนว่าแจ๋ว ก็ง่ายๆ เพิ่มหนี้เข้าไป
พอเพิ่มหนี้ไป ROE ก็เพิ่มง่ายๆ เพราะกำไรที่เพิ่มมันไม่ได้มาจากequity ที่เขาพูดกันว่า เพิ่ม Leverage ก็คือ สร้างหนี้นั่นเอง ง่ายๆคือ พอสร้างหนี้ ก็อาจไปซื้อเครื่องจักรเพิ่ม เพิ่มโรงงาน ถ้าขายได้ ก็จะทำให้ Net Income เพิ่ม ดังนั้นการจะกระตุ้นยอดขายระยะสั้นไม่ใช่เรื่องยาก ก็สร้างหนี้เข้าไป
จุดนี้ถ้าดูให้ดี แม้มันจะเพิ่ม ROE แต่ ROA กลับลดลงเรื่อยๆ นั่นหมายความว่า ผลตอบแทนใน Asset มันลดลง ซึ่งอาจหมายถึง ลงทุนเพิ่ม เครื่องจักร หรือ โรงงานใหม่แต่อาจขายของไม่ได้ หรือ ได้น้อย นี่แหละปัญหาของเศรษฐกิจขาขึ้น คือ กิจการต้องขยาย แต่มันจะขยายได้ถึงจุดนึงเท่านั้น พอเลยไป อาจเกินความต้องการของตลาด ในที่สุดก็กลับมากระทบ Net Income ได้ในที่สุด ฉะนั้นวิธีที่ดีสำหรับนักลงทุนก็คือ การมองดูผลประกอบการแบบต่อเนื่องไม่ใช่ดูปีเดียวแล้วจะมาตัดสิน และต้องดูทั้ง ROA+ROE คู่กัน (pawawit)
> กรณีที่ ROAต่ำมาก + ROEสูงมาก เกิดได้จาก -> หนี้สินมากเมื่อเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น, มีภาษีกับดอกเบี้ยจ่ายน้อยๆเมื่อเทียบกับEBIT
> การที่บริษัทจะค่า ROE กับ ROA เกือบเท่ากันได้ นั่นก็เพราะมันแทบไม่มีหนี้เท่านั้น
ถ้าไม่มีหนี้ ตัวหารคือ asset จะเท่ากับ equity ตัวหารจะเท่ากัน
ส่วนตัวตั้ง EBITจะเท่ากับ net profit - ถ้า ดอกเบี้ยจ่าย+ภาษี น้อยมากๆ
> ถ้าต้องการทำให้ ROE สูงๆ เพื่อที่จะได้ตบตานักลงทุนว่าแจ๋ว ก็ง่ายๆ เพิ่มหนี้เข้าไป
พอเพิ่มหนี้ไป ROE ก็เพิ่มง่ายๆ เพราะกำไรที่เพิ่มมันไม่ได้มาจากequity ที่เขาพูดกันว่า เพิ่ม Leverage ก็คือ สร้างหนี้นั่นเอง ง่ายๆคือ พอสร้างหนี้ ก็อาจไปซื้อเครื่องจักรเพิ่ม เพิ่มโรงงาน ถ้าขายได้ ก็จะทำให้ Net Income เพิ่ม ดังนั้นการจะกระตุ้นยอดขายระยะสั้นไม่ใช่เรื่องยาก ก็สร้างหนี้เข้าไป
จุดนี้ถ้าดูให้ดี แม้มันจะเพิ่ม ROE แต่ ROA กลับลดลงเรื่อยๆ นั่นหมายความว่า ผลตอบแทนใน Asset มันลดลง ซึ่งอาจหมายถึง ลงทุนเพิ่ม เครื่องจักร หรือ โรงงานใหม่แต่อาจขายของไม่ได้ หรือ ได้น้อย นี่แหละปัญหาของเศรษฐกิจขาขึ้น คือ กิจการต้องขยาย แต่มันจะขยายได้ถึงจุดนึงเท่านั้น พอเลยไป อาจเกินความต้องการของตลาด ในที่สุดก็กลับมากระทบ Net Income ได้ในที่สุด ฉะนั้นวิธีที่ดีสำหรับนักลงทุนก็คือ การมองดูผลประกอบการแบบต่อเนื่องไม่ใช่ดูปีเดียวแล้วจะมาตัดสิน และต้องดูทั้ง ROA+ROE คู่กัน (pawawit)
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- Pathfinder
- Verified User
- โพสต์: 89
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มีเงื่อนไขใดบ้างครับที่ทำให้ ROA สูงกว่า ROE
โพสต์ที่ 5
เนื่องจากหนี้ไม่สูง ดอกเบี้ยน้อย คิดว่าเป็นที่ Tax จริงๆด้วยครับdensin เขียน:สูตรเขาว่า
ROA = EBIT/Total Assets
ROE = NetProfit / Equity
อาจจะมีอะไรแถวๆ Interest กับ Tax ลองไปหาๆดู
อีกส่วนหนึ่งเพราะไทยมิตซูวามีผู้ถือหุ้นส่วนน้อยอยู่บางส่วนด้วยหรือเปล่า?
ผู้ถือหุ้นส่วนน้อยไม่มีครับ
เนื่องผมเป็นมือใหม่หัดวิเคราะห์ฺ เห็นงบผ่านๆตาส่วนใหญ่ ROE จะมากกว่า ROA พอเจอ ROA มากกว่าจึงเกิดอาการงงnavapon เขียน: > กรณีที่ ROAสูงมาก + ROEต่ำมาก เกิดได้จาก -> หนี้สินน้อยเมื่อเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น, มีภาษีกับดอกเบี้ยจ่ายมากๆเมื่อเทียบกับEBIT
> กรณีที่ ROAต่ำมาก + ROEสูงมาก เกิดได้จาก -> หนี้สินมากเมื่อเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น, มีภาษีกับดอกเบี้ยจ่ายน้อยๆเมื่อเทียบกับEBIT
> การที่บริษัทจะค่า ROE กับ ROA เกือบเท่ากันได้ นั่นก็เพราะมันแทบไม่มีหนี้เท่านั้น
ถ้าไม่มีหนี้ ตัวหารคือ asset จะเท่ากับ equity ตัวหารจะเท่ากัน
ส่วนตัวตั้ง EBITจะเท่ากับ net profit - ถ้า ดอกเบี้ยจ่าย+ภาษี น้อยมากๆ
> ถ้าต้องการทำให้ ROE สูงๆ เพื่อที่จะได้ตบตานักลงทุนว่าแจ๋ว ก็ง่ายๆ เพิ่มหนี้เข้าไป
พอเพิ่มหนี้ไป ROE ก็เพิ่มง่ายๆ เพราะกำไรที่เพิ่มมันไม่ได้มาจากequity ที่เขาพูดกันว่า เพิ่ม Leverage ก็คือ สร้างหนี้นั่นเอง ง่ายๆคือ พอสร้างหนี้ ก็อาจไปซื้อเครื่องจักรเพิ่ม เพิ่มโรงงาน ถ้าขายได้ ก็จะทำให้ Net Income เพิ่ม ดังนั้นการจะกระตุ้นยอดขายระยะสั้นไม่ใช่เรื่องยาก ก็สร้างหนี้เข้าไป
จุดนี้ถ้าดูให้ดี แม้มันจะเพิ่ม ROE แต่ ROA กลับลดลงเรื่อยๆ นั่นหมายความว่า ผลตอบแทนใน Asset มันลดลง ซึ่งอาจหมายถึง ลงทุนเพิ่ม เครื่องจักร หรือ โรงงานใหม่แต่อาจขายของไม่ได้ หรือ ได้น้อย นี่แหละปัญหาของเศรษฐกิจขาขึ้น คือ กิจการต้องขยาย แต่มันจะขยายได้ถึงจุดนึงเท่านั้น พอเลยไป อาจเกินความต้องการของตลาด ในที่สุดก็กลับมากระทบ Net Income ได้ในที่สุด ฉะนั้นวิธีที่ดีสำหรับนักลงทุนก็คือ การมองดูผลประกอบการแบบต่อเนื่องไม่ใช่ดูปีเดียวแล้วจะมาตัดสิน และต้องดูทั้ง ROA+ROE คู่กัน (pawawit)
จากกรณีที่ยกมา ผมได้ลองใส่ตัวเลขใน excel แล้วปรับเล่นดู ทำให้เข้าใจความหมายได้ชัดเจนทีเดียวครับ
ขอบคุณทั้งสองท่านมากครับ
Focusing on quality and cheapness simultaneously helps investors beat the market!
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 259
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มีเงื่อนไขใดบ้างครับที่ทำให้ ROA สูงกว่า ROE
โพสต์ที่ 6
ROA = Return on Assets = ผลตอบแทนต่อ Assets
ROE = Return on Equity = ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น
ถามว่าอะไร Finance Assets คำตอบคือผู้ถือหุ้นกับเจ้าหนี้
ถามว่าอะไร Finance Equity คำตอบคือผู้ถือหุ้นเท่านั้น
แล้วถามว่าผลตอยแทนต่อ Assets คืออะไร คนทั่วไปจะคิดว่าเป็นแค่ Net Income
แล้ว Net Income คืออะไร Net Income คือ ผลตอบแทนผู้คือหุ้น เท่านั้นนะครับ เรามักจะลืมว่าคน Finance Assets ส่วนหนึ่งเป็นเจ้าหนี้ด้วย
ถ้าจะหาผลตอบแทนต่อ Assets จะเป็น Net Income + Interest Expense
ดังนั้น ROA = (Netincome + Interest Expense)/Assets
ROE = Net Income/Equity
ROE = Return on Equity = ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น
ถามว่าอะไร Finance Assets คำตอบคือผู้ถือหุ้นกับเจ้าหนี้
ถามว่าอะไร Finance Equity คำตอบคือผู้ถือหุ้นเท่านั้น
แล้วถามว่าผลตอยแทนต่อ Assets คืออะไร คนทั่วไปจะคิดว่าเป็นแค่ Net Income
แล้ว Net Income คืออะไร Net Income คือ ผลตอบแทนผู้คือหุ้น เท่านั้นนะครับ เรามักจะลืมว่าคน Finance Assets ส่วนหนึ่งเป็นเจ้าหนี้ด้วย
ถ้าจะหาผลตอบแทนต่อ Assets จะเป็น Net Income + Interest Expense
ดังนั้น ROA = (Netincome + Interest Expense)/Assets
ROE = Net Income/Equity
Connecting the dots
- Pathfinder
- Verified User
- โพสต์: 89
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มีเงื่อนไขใดบ้างครับที่ทำให้ ROA สูงกว่า ROE
โพสต์ที่ 7
ROA ตามข้างบนต้องบวก Tax กลับไปด้วยหรืิอเปล่าครับ?Samathi เขียน:....
ถ้าจะหาผลตอบแทนต่อ Assets จะเป็น Net Income + Interest Expense
ดังนั้น ROA = (Netincome + Interest Expense)/Assets
ROE = Net Income/Equity
ROA = (Netincome + Interest Expense+Tax)/Assets
Focusing on quality and cheapness simultaneously helps investors beat the market!