ถ้าจีนแปลงหนี้เป็นทุนจะดีไหมครับ
- SET.Mania
- Verified User
- โพสต์: 124
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าจีนแปลงหนี้เป็นทุนจะดีไหมครับ
โพสต์ที่ 1
จีนเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของ อเมริกา แต่อเมริกาพยายามจะดันหยวนให้แข็ง หรือก็คือดอลลาร์อ่อนนั่นเอง ซึ่งจีนจะเสียเปรียบ
แต่ถ้าจีนเอาหนี้ไปซื้อสินทรัพย์ในอเมริกา เช่นอสังหา หรือ สินทรัพย์อื่นๆที่ปลอดภัยหน่อย(ต้องเลือกดีๆอาจเป็้นคอมมอดิตี้บางตัว) ซึ่งกำลังมีราคาถูกอยู่ในตอนนี้ และมีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงในระยะยาวเมื่อเศรษฐกิจอเมริกาฟื้น
โดยที่อเมริกาก็ไม่ต้องพิมพ์แบงค์ออกมาคืนจีน ปริมาณเงินก็ไม่เปลี่ยนแปลง จีนเองก็ลดความเสี่ยงจากหนี้ที่ค่าเงินดอลลาร์ที่ไม่เสถียรซึ่งอาจลดลงได้ในอนาคต มูลค่าหนี้ก็อาจลดลงตามไปด้วย
มันเป็นไปได้ไหมครับ แล้วมันจะดีไหมครับ
แต่ถ้าจีนเอาหนี้ไปซื้อสินทรัพย์ในอเมริกา เช่นอสังหา หรือ สินทรัพย์อื่นๆที่ปลอดภัยหน่อย(ต้องเลือกดีๆอาจเป็้นคอมมอดิตี้บางตัว) ซึ่งกำลังมีราคาถูกอยู่ในตอนนี้ และมีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงในระยะยาวเมื่อเศรษฐกิจอเมริกาฟื้น
โดยที่อเมริกาก็ไม่ต้องพิมพ์แบงค์ออกมาคืนจีน ปริมาณเงินก็ไม่เปลี่ยนแปลง จีนเองก็ลดความเสี่ยงจากหนี้ที่ค่าเงินดอลลาร์ที่ไม่เสถียรซึ่งอาจลดลงได้ในอนาคต มูลค่าหนี้ก็อาจลดลงตามไปด้วย
มันเป็นไปได้ไหมครับ แล้วมันจะดีไหมครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 535
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ถ้าจีนแปลงหนี้เป็นทุนจะดีไหมครับ
โพสต์ที่ 2
เมกาไม่ยอมน่ะซิ
ขนาด บริษัทเทคโนไม่แน่ใจว่า หัวเหว่ยหรือเปล่า จะไปซื้อบริษัท ที่ เป็นเจ้าของ ลิขสิทธิ์ เทคโนโลยี ขั้นสูงอะไรซักอย่าง และบริษัทนี้ ขาดทุน ต้องการขายบริษัท พอบริษัทจีนจะซื้อ เมกา ก็ไม่ยอมขาย ให้
จริงๆแค่เมกา ยกเลิกกฎหมาย ที่ห้ามขายหรือส่งออก เทคโนโลยี่ระดับสูงให้กับจีน คือให้จีนสามารถซื้อ สินค้าจากเมกาได้เท่ากับที่เกาหลี หรือ ยี่ปุ่น ซื้อเท่านี้ เมกา ก็ได้เงิน จากการขายสินค้าเพียบแล้วครับ
คุณเคยเห็น ข่าว จนสามารถ ซื้อดาวเทียมสื่อสารจาก เมกาไหม หรืออื่นๆ
อย่าง โครงการสถานีอวกาศ นานาชาติ ตอนเริ่มโครงการ จีน ขอลงขันด้วย แต่เมกา กับยี่ปุ่นไม่ยอม คัดค้านอย่างหนัก
หรืออีกข้อ เมื่อซัก ไม่กี่ปีก่อน มีบริษัทผลิตดาวเทียมหรือบริษัทเกี่ยวกับดาวเทียมนี่แหละเป็นเอกชนด้วย ของ ยุโรป มีความคิดที่จะจ้าง จรวดจีนส่งดาวเทียมสื่อสารให้ เพราะว่าราคาถูกกว่า และไว้ใจได้ ประธาน บริษัทนี้ได้เดินทางมาดู ฐานปล่อยจรวดแล้วและเตรียมจะเซ็นสัญญา แล้วด้วย เชื่อไหม เมกา พาลขนาดหนัก สภาครองเกรซ ของเมกา ขู่จะออกกฎหมายมาแบน บริษัทนี้ ถ้าบริษัทนี้ยัง จะจ้างจีนส่งดาวเทียมสื่อสารให้
หรือ อีกข้อเมื่อหลายปีก่อน มีข่าวว่า อียู จะยกเลิกกฎหมายห้ามขายเทคโนระดับสูงให้จีน
ซึ่งจะทำให้ อียู ส่งออก อาวุธให้จีนได้ โดยมี ฝรั่งเศส กับเยอรมัน สนับสนุน แต่เมการ คัดค้าน นี่แค่ตัวอย่าง แค่เมกา ยกเลิกกฎหมายนั้น การส่งออกของเมกามาจีนก็จะเพิ่มขึ้น แล้วเมกาก็จะมีเงินเพิ่มขึ้น การขาดดุลก็จะลดลง แต่เมกา จะยอมหรือ
และเมื่อต้นปี ตอนนี้มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเมกามาเยือนจีน เพื่อให้จีนยังเชื่อมั่นเมกา
นายก เวิน ของจีน เรียกร้องให้เมกา ยกเลิกกฎหมาย ข้อนี้ด้วย นายกเวิน บอกว่าถ้ายกเลิกกฎหมายข้อนี้ ดุลการค้าของ เมกา ที่ขาดดุลกับจีน จะลดลงครับ
ปัญหา มันอยู่ที่เมกา เอาการเมืองมาปนกับ ปากท้องครับ
แต่ไม่แน่ครับ วิกฤต ครั้งนี้ เมกาอาจยอมครับ
และถ้าเมกายอมเมื่อไหร่ จีนจะติดปีกยิ่งกว่านี้ครับ
ขนาด บริษัทเทคโนไม่แน่ใจว่า หัวเหว่ยหรือเปล่า จะไปซื้อบริษัท ที่ เป็นเจ้าของ ลิขสิทธิ์ เทคโนโลยี ขั้นสูงอะไรซักอย่าง และบริษัทนี้ ขาดทุน ต้องการขายบริษัท พอบริษัทจีนจะซื้อ เมกา ก็ไม่ยอมขาย ให้
จริงๆแค่เมกา ยกเลิกกฎหมาย ที่ห้ามขายหรือส่งออก เทคโนโลยี่ระดับสูงให้กับจีน คือให้จีนสามารถซื้อ สินค้าจากเมกาได้เท่ากับที่เกาหลี หรือ ยี่ปุ่น ซื้อเท่านี้ เมกา ก็ได้เงิน จากการขายสินค้าเพียบแล้วครับ
คุณเคยเห็น ข่าว จนสามารถ ซื้อดาวเทียมสื่อสารจาก เมกาไหม หรืออื่นๆ
อย่าง โครงการสถานีอวกาศ นานาชาติ ตอนเริ่มโครงการ จีน ขอลงขันด้วย แต่เมกา กับยี่ปุ่นไม่ยอม คัดค้านอย่างหนัก
หรืออีกข้อ เมื่อซัก ไม่กี่ปีก่อน มีบริษัทผลิตดาวเทียมหรือบริษัทเกี่ยวกับดาวเทียมนี่แหละเป็นเอกชนด้วย ของ ยุโรป มีความคิดที่จะจ้าง จรวดจีนส่งดาวเทียมสื่อสารให้ เพราะว่าราคาถูกกว่า และไว้ใจได้ ประธาน บริษัทนี้ได้เดินทางมาดู ฐานปล่อยจรวดแล้วและเตรียมจะเซ็นสัญญา แล้วด้วย เชื่อไหม เมกา พาลขนาดหนัก สภาครองเกรซ ของเมกา ขู่จะออกกฎหมายมาแบน บริษัทนี้ ถ้าบริษัทนี้ยัง จะจ้างจีนส่งดาวเทียมสื่อสารให้
หรือ อีกข้อเมื่อหลายปีก่อน มีข่าวว่า อียู จะยกเลิกกฎหมายห้ามขายเทคโนระดับสูงให้จีน
ซึ่งจะทำให้ อียู ส่งออก อาวุธให้จีนได้ โดยมี ฝรั่งเศส กับเยอรมัน สนับสนุน แต่เมการ คัดค้าน นี่แค่ตัวอย่าง แค่เมกา ยกเลิกกฎหมายนั้น การส่งออกของเมกามาจีนก็จะเพิ่มขึ้น แล้วเมกาก็จะมีเงินเพิ่มขึ้น การขาดดุลก็จะลดลง แต่เมกา จะยอมหรือ
และเมื่อต้นปี ตอนนี้มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเมกามาเยือนจีน เพื่อให้จีนยังเชื่อมั่นเมกา
นายก เวิน ของจีน เรียกร้องให้เมกา ยกเลิกกฎหมาย ข้อนี้ด้วย นายกเวิน บอกว่าถ้ายกเลิกกฎหมายข้อนี้ ดุลการค้าของ เมกา ที่ขาดดุลกับจีน จะลดลงครับ
ปัญหา มันอยู่ที่เมกา เอาการเมืองมาปนกับ ปากท้องครับ
แต่ไม่แน่ครับ วิกฤต ครั้งนี้ เมกาอาจยอมครับ
และถ้าเมกายอมเมื่อไหร่ จีนจะติดปีกยิ่งกว่านี้ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 535
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ถ้าจีนแปลงหนี้เป็นทุนจะดีไหมครับ
โพสต์ที่ 3
เจอแล้วครับ กฎหมายที่ว่า คือ ในขณะที่อเมริกาออกกฎหมายเพื่อความมั่นคงของประเทศทีชื่อว่า NSC41 (National Security Council) มาจำกัดสินค้ายุทธศาสตร์ที่จะขายให้ประเทศจีน และเพิ่มมาตรการกีดกันการค้าและมาตรการตรวจสอบสินค้ากับจีน อีกทั้งสินค้าเทคโนโลยี่ก้าวหน้าในภาวะปกติถ้าจีนจะนำเข้าจากอเมริกาจะถูกกำหนดด้วยมาตรการด้านบนและสินค้ายังถูกกำหนดด้วยราคาแพงอีกต่างหาก เนื่องจากในภาวะปกติความต้องการภายในประเทศยังมีอยู่สูง แต่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยความต้องการภายในประเทศลดลง เป็นไปได้ที่อเมริกาจะลดความเข้มงวดของกฎหมายและมาตรการต่างๆเกี่ยวกับการส่งออกลง และสินค้ายังมีเสนอขายราคาถูกลงด้วย
-
- Verified User
- โพสต์: 535
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ถ้าจีนแปลงหนี้เป็นทุนจะดีไหมครับ
โพสต์ที่ 4
อ่านเพิ่มเติมครับ
จีนใน โอกาสในวิกฤตของHamburger Crisis
อาทิตย์ที่แล้วพึ่งจะแนะนำ Andy Xie ให้เพื่อนๆชาวโอเคเนชั่นได้รู้จัก รวมทั้งคำกล่าวของเขาเกี่ยวกับภาวะ Recession ทางเศรษฐกิจในประเทศสหรัฐอเมริกา จนตอนนี้มีคนตั้งฉายานามให้ว่า Hamburger Crisis ซึ่งตอนนี้กระทบต่อตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกาอย่างหนัก และมีผลให้หุ้นทั่วโลกตกมาได้สองอาทิตย์แล้ว วิกฤตการณ์นี้เริ่มส่งผลไปทั่วทั้งโลก และจะเห็นความรุนแรงหรีอไม่อย่างเป็นจริงเป็นจังในกลางปีนี้หลังจากธนาคารและบริษัทการเงินในประเทศอเมริกาประกาศผลประกอบการ
วันที่ อังคาร มกราคม 2551
พิมพ์หน้านี้ | ดูบล๊อกอื่นๆ ที่ OKnation
จีนใน โอกาสในวิกฤตของHamburger Crisis
จีนใน โอกาสในวิกฤตของHamburger Crisis
อาทิตย์ที่แล้วพึ่งจะแนะนำ Andy Xie ให้เพื่อนๆชาวโอเคเนชั่นได้รู้จัก รวมทั้งคำกล่าวของเขาเกี่ยวกับภาวะ Recession ทางเศรษฐกิจในประเทศสหรัฐอเมริกา จนตอนนี้มีคนตั้งฉายานามให้ว่า Hamburger Crisis ซึ่งตอนนี้กระทบต่อตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกาอย่างหนัก และมีผลให้หุ้นทั่วโลกตกมาได้สองอาทิตย์แล้ว วิกฤตการณ์นี้เริ่มส่งผลไปทั่วทั้งโลก และจะเห็นความรุนแรงหรีอไม่อย่างเป็นจริงเป็นจังในกลางปีนี้หลังจากธนาคารและบริษัทการเงินในประเทศอเมริกาประกาศผลประกอบการ
วันนี้มาอ่านทัศนะของคนที่ทำงานอยู่ใน กระทรวงพาณิชย์ของประเทศจีนซึ่งผมชอบติดตามบทความของเขา เขามีชื่อว่า Mei Xinyu มีตำแหน่งเป็น Senior Researcher ในกระทรวงพาณิชย์ ของรัฐบาลจีน บทความส่วนใหญ่มักจะลงท้ายว่า “เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเขา” ตาม style การฑูตของประเทศนี้ที่จะไม่พูดอะไรออกมาตรงๆว่าเป็นความเห็นของคนในรัฐบาลจีน แต่พอบอกทิศทาง แนวโน้มและวิธีคิดของรัฐบาลประเทศนี้
ในความเห็นของ Mei Xinyu เขาเห็นว่า วิกฤตการณ์ครั้งนี้เป็นโอกาสของประเทศจีนในฐานะประเทศกำลังพัฒนาที่จะนำเข้าสินค้าจากประเทศอเมริกา ในขณะเดียวกันอเมริกาในฐานะประเทศพัฒนาแล้วที่ประสพภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสั่งนำเข้าสินค้าราคาถูกเข้ามาขายในอเมริกา โดยเฉพาะสินค้าราคาถูกจากประเทศจีน เนื่องจากกำลังซื้อของประชาชนอเมริกาลดลง
เหตุผลที่เขายกมากล่าวอ้างก็คือ นับจากปี 2000 เป็นต้นมาเศรษฐกิจของอเมริกาเติบโตอย่างช้าๆ แต่การส่งออกสินค้าไปอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกๆปี ในขณะเดียวกันผลประโยชน์ทางการค้าต่างประเทศของประเทศจีนไม่ได้จำกัดอยู่ที่การส่งออก แต่รวมถึงการนำเข้าเครื่องมือทางเทคโนโลยี่อันก้าวหน้า ทรัพยากรพลังงาน วัตถุดิบ และการลงทุนจากต่างประเทศ
ในขณะที่อเมริกาออกกฎหมายเพื่อความมั่นคงของประเทศทีชื่อว่า NSC41 (National Security Council) มาจำกัดสินค้ายุทธศาสตร์ที่จะขายให้ประเทศจีน และเพิ่มมาตรการกีดกันการค้าและมาตรการตรวจสอบสินค้ากับจีน อีกทั้งสินค้าเทคโนโลยี่ก้าวหน้าในภาวะปกติถ้าจีนจะนำเข้าจากอเมริกาจะถูกกำหนดด้วยมาตรการด้านบนและสินค้ายังถูกกำหนดด้วยราคาแพงอีกต่างหาก เนื่องจากในภาวะปกติความต้องการภายในประเทศยังมีอยู่สูง แต่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยความต้องการภายในประเทศลดลง เป็นไปได้ที่อเมริกาจะลดความเข้มงวดของกฎหมายและมาตรการต่างๆเกี่ยวกับการส่งออกลง และสินค้ายังมีเสนอขายราคาถูกลงด้วย
ดังนั้นการถดถอยทางด้านเศรษฐกิจของอเมริกาจึงเป็นโอกาสดีของประเทศจีนที่จะนำเข้าสินค้าเทคโนโลยี่ก้าวหน้าจากอเมริกา เพื่อมาพัฒนาประเทศจีนให้ก้าวหน้า
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ ครั้งที่บริษัท China National Offshore Oil Corporation ของประเทศจีนเจออุปสรรคและถูกต่อต้านจนซื้อบริษัท Unocal ในสหรัฐไม่สำเร็จ ในช่วงที่อเมริกายังไม่ประสพวิกฤตการณ์ Hamburger Crisis
แต่หลังจากอเมริกาเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ บริษัทสถาบันการเงินจากประเทศจีนกับไม่ประสพปัญหากับกฎหมาย Anti-China Forces หรือการต่อต้านที่จะเสนอซื้อบริษัท Bear Stearns และ Morgan Stanley สถาบันการเงินของอเมริกาเลย
ความเห็นของ Mei ถึงแม้ว่าสินค้าที่ผลิตในประเทศจีนที่ขายไปทั่วโลกยังคงอ่อนแอที่จะทำกำไรก้อนใหญ่ๆเป็นกอบเป็นกำ แต่ว่าการที่จีนสามารถซื้อสินค้า World Famous Brand เป็นก้าวกระโดดของจีนที่สามารถสร้างผลประโยชน์ให้ประเทศจีนอย่างมหาศาล เหมือนที่บริษัท Lenovo ของจีนที่เข้าไปซื้อคอมพิวเตอร์ Note Book ของ IBM ทั้ง Brand และเทคโนโลยี่ที่ติดมาด้วย จนขณะนี้บริษัท Lenovo กลายเป็นยักษ์ใหญ่อันดับสามของโลกในธุรกิจคอมพิวเตอร์
อย่างที่รู้กันในวิกฤตย่อมมีโอกาส ตอนนี้คนจีนเขาแสวงหาโอกาสจากวิกฤต Hamburger Crisis กันแล้ว แม้แต่การเจริญเติบโตของจีนในปีนี้ ค่า GDP ปีนี้คาดการณ์กันว่าอยู่ที่ 10.5 % โดยอาจจะมุ่งการค้าส่งออกไปทางยุโรป อินเดีย และ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ทางอเมริกาอาจจะเป็นความเห็นดังที่เขียนด้านบน เพราะตอนนี้เงินจีนยิ่งมายิ่งแข็ง ปีนี้อัดราแลกเปลี่ยนน่าจะไปถึงที่ 1 USD = 6.5 RMB เห็นตัวเลขแบบนี้ไม่รู้คนไทยเราจะเสียวไหม เพราะจริงๆแล้วสินค้าที่ผลิตในประเทศจีน 80% บริโภคในประเทศ อีก 20% ส่งออกไปขายต่างประเทศ
ถ้าคุณสนใจอยากเข้าไปหาบทความของเขาอ่านเพิ่ม คุณสามารถใช้ Google Search เข้าไปอ่านบทความของเขาเพียงพิมพ์ชื่อเขา “Mei Xinyu” หรือเข้าไปที่เวบของเขาที่ www.meixinyu.com
โอกาสหน้าผมจะหาบทความทางเศรษฐกิจที่เสนอโดยชาวต่างชาติดีๆที่คนไทยยังไม่รู้จักมานำเสนออีก เพื่อเห็นโลกทัศน์ของเขา และเปิดโลกทัศน์ของพวกเรา เพราะอย่างน้อยเศรษฐกิจของประเทศไทยมัน Run ด้วยภาคของเอกชนเองอยู่แล้ว อย่าหวังไปพึ่งภาครัฐบาลหรือฝ่ายการเมืองเลย เพราะอย่างน้อยคำพระที่ว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” ยังใช้ได้อยู่เสมอ อย่ามาหงุดหงิดกับการเมืองที่เป็นอยู่นี้เลย...
ข้อมูลอ้างอิง
http://www.shanghaidaily.com/article/?i ... pe=Opinion
ผมอ้างอิงจากที่นี่ครับ
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=204603
จีนใน โอกาสในวิกฤตของHamburger Crisis
อาทิตย์ที่แล้วพึ่งจะแนะนำ Andy Xie ให้เพื่อนๆชาวโอเคเนชั่นได้รู้จัก รวมทั้งคำกล่าวของเขาเกี่ยวกับภาวะ Recession ทางเศรษฐกิจในประเทศสหรัฐอเมริกา จนตอนนี้มีคนตั้งฉายานามให้ว่า Hamburger Crisis ซึ่งตอนนี้กระทบต่อตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกาอย่างหนัก และมีผลให้หุ้นทั่วโลกตกมาได้สองอาทิตย์แล้ว วิกฤตการณ์นี้เริ่มส่งผลไปทั่วทั้งโลก และจะเห็นความรุนแรงหรีอไม่อย่างเป็นจริงเป็นจังในกลางปีนี้หลังจากธนาคารและบริษัทการเงินในประเทศอเมริกาประกาศผลประกอบการ
วันที่ อังคาร มกราคม 2551
พิมพ์หน้านี้ | ดูบล๊อกอื่นๆ ที่ OKnation
จีนใน โอกาสในวิกฤตของHamburger Crisis
จีนใน โอกาสในวิกฤตของHamburger Crisis
อาทิตย์ที่แล้วพึ่งจะแนะนำ Andy Xie ให้เพื่อนๆชาวโอเคเนชั่นได้รู้จัก รวมทั้งคำกล่าวของเขาเกี่ยวกับภาวะ Recession ทางเศรษฐกิจในประเทศสหรัฐอเมริกา จนตอนนี้มีคนตั้งฉายานามให้ว่า Hamburger Crisis ซึ่งตอนนี้กระทบต่อตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกาอย่างหนัก และมีผลให้หุ้นทั่วโลกตกมาได้สองอาทิตย์แล้ว วิกฤตการณ์นี้เริ่มส่งผลไปทั่วทั้งโลก และจะเห็นความรุนแรงหรีอไม่อย่างเป็นจริงเป็นจังในกลางปีนี้หลังจากธนาคารและบริษัทการเงินในประเทศอเมริกาประกาศผลประกอบการ
วันนี้มาอ่านทัศนะของคนที่ทำงานอยู่ใน กระทรวงพาณิชย์ของประเทศจีนซึ่งผมชอบติดตามบทความของเขา เขามีชื่อว่า Mei Xinyu มีตำแหน่งเป็น Senior Researcher ในกระทรวงพาณิชย์ ของรัฐบาลจีน บทความส่วนใหญ่มักจะลงท้ายว่า “เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเขา” ตาม style การฑูตของประเทศนี้ที่จะไม่พูดอะไรออกมาตรงๆว่าเป็นความเห็นของคนในรัฐบาลจีน แต่พอบอกทิศทาง แนวโน้มและวิธีคิดของรัฐบาลประเทศนี้
ในความเห็นของ Mei Xinyu เขาเห็นว่า วิกฤตการณ์ครั้งนี้เป็นโอกาสของประเทศจีนในฐานะประเทศกำลังพัฒนาที่จะนำเข้าสินค้าจากประเทศอเมริกา ในขณะเดียวกันอเมริกาในฐานะประเทศพัฒนาแล้วที่ประสพภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสั่งนำเข้าสินค้าราคาถูกเข้ามาขายในอเมริกา โดยเฉพาะสินค้าราคาถูกจากประเทศจีน เนื่องจากกำลังซื้อของประชาชนอเมริกาลดลง
เหตุผลที่เขายกมากล่าวอ้างก็คือ นับจากปี 2000 เป็นต้นมาเศรษฐกิจของอเมริกาเติบโตอย่างช้าๆ แต่การส่งออกสินค้าไปอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกๆปี ในขณะเดียวกันผลประโยชน์ทางการค้าต่างประเทศของประเทศจีนไม่ได้จำกัดอยู่ที่การส่งออก แต่รวมถึงการนำเข้าเครื่องมือทางเทคโนโลยี่อันก้าวหน้า ทรัพยากรพลังงาน วัตถุดิบ และการลงทุนจากต่างประเทศ
ในขณะที่อเมริกาออกกฎหมายเพื่อความมั่นคงของประเทศทีชื่อว่า NSC41 (National Security Council) มาจำกัดสินค้ายุทธศาสตร์ที่จะขายให้ประเทศจีน และเพิ่มมาตรการกีดกันการค้าและมาตรการตรวจสอบสินค้ากับจีน อีกทั้งสินค้าเทคโนโลยี่ก้าวหน้าในภาวะปกติถ้าจีนจะนำเข้าจากอเมริกาจะถูกกำหนดด้วยมาตรการด้านบนและสินค้ายังถูกกำหนดด้วยราคาแพงอีกต่างหาก เนื่องจากในภาวะปกติความต้องการภายในประเทศยังมีอยู่สูง แต่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยความต้องการภายในประเทศลดลง เป็นไปได้ที่อเมริกาจะลดความเข้มงวดของกฎหมายและมาตรการต่างๆเกี่ยวกับการส่งออกลง และสินค้ายังมีเสนอขายราคาถูกลงด้วย
ดังนั้นการถดถอยทางด้านเศรษฐกิจของอเมริกาจึงเป็นโอกาสดีของประเทศจีนที่จะนำเข้าสินค้าเทคโนโลยี่ก้าวหน้าจากอเมริกา เพื่อมาพัฒนาประเทศจีนให้ก้าวหน้า
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ ครั้งที่บริษัท China National Offshore Oil Corporation ของประเทศจีนเจออุปสรรคและถูกต่อต้านจนซื้อบริษัท Unocal ในสหรัฐไม่สำเร็จ ในช่วงที่อเมริกายังไม่ประสพวิกฤตการณ์ Hamburger Crisis
แต่หลังจากอเมริกาเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ บริษัทสถาบันการเงินจากประเทศจีนกับไม่ประสพปัญหากับกฎหมาย Anti-China Forces หรือการต่อต้านที่จะเสนอซื้อบริษัท Bear Stearns และ Morgan Stanley สถาบันการเงินของอเมริกาเลย
ความเห็นของ Mei ถึงแม้ว่าสินค้าที่ผลิตในประเทศจีนที่ขายไปทั่วโลกยังคงอ่อนแอที่จะทำกำไรก้อนใหญ่ๆเป็นกอบเป็นกำ แต่ว่าการที่จีนสามารถซื้อสินค้า World Famous Brand เป็นก้าวกระโดดของจีนที่สามารถสร้างผลประโยชน์ให้ประเทศจีนอย่างมหาศาล เหมือนที่บริษัท Lenovo ของจีนที่เข้าไปซื้อคอมพิวเตอร์ Note Book ของ IBM ทั้ง Brand และเทคโนโลยี่ที่ติดมาด้วย จนขณะนี้บริษัท Lenovo กลายเป็นยักษ์ใหญ่อันดับสามของโลกในธุรกิจคอมพิวเตอร์
อย่างที่รู้กันในวิกฤตย่อมมีโอกาส ตอนนี้คนจีนเขาแสวงหาโอกาสจากวิกฤต Hamburger Crisis กันแล้ว แม้แต่การเจริญเติบโตของจีนในปีนี้ ค่า GDP ปีนี้คาดการณ์กันว่าอยู่ที่ 10.5 % โดยอาจจะมุ่งการค้าส่งออกไปทางยุโรป อินเดีย และ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ทางอเมริกาอาจจะเป็นความเห็นดังที่เขียนด้านบน เพราะตอนนี้เงินจีนยิ่งมายิ่งแข็ง ปีนี้อัดราแลกเปลี่ยนน่าจะไปถึงที่ 1 USD = 6.5 RMB เห็นตัวเลขแบบนี้ไม่รู้คนไทยเราจะเสียวไหม เพราะจริงๆแล้วสินค้าที่ผลิตในประเทศจีน 80% บริโภคในประเทศ อีก 20% ส่งออกไปขายต่างประเทศ
ถ้าคุณสนใจอยากเข้าไปหาบทความของเขาอ่านเพิ่ม คุณสามารถใช้ Google Search เข้าไปอ่านบทความของเขาเพียงพิมพ์ชื่อเขา “Mei Xinyu” หรือเข้าไปที่เวบของเขาที่ www.meixinyu.com
โอกาสหน้าผมจะหาบทความทางเศรษฐกิจที่เสนอโดยชาวต่างชาติดีๆที่คนไทยยังไม่รู้จักมานำเสนออีก เพื่อเห็นโลกทัศน์ของเขา และเปิดโลกทัศน์ของพวกเรา เพราะอย่างน้อยเศรษฐกิจของประเทศไทยมัน Run ด้วยภาคของเอกชนเองอยู่แล้ว อย่าหวังไปพึ่งภาครัฐบาลหรือฝ่ายการเมืองเลย เพราะอย่างน้อยคำพระที่ว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” ยังใช้ได้อยู่เสมอ อย่ามาหงุดหงิดกับการเมืองที่เป็นอยู่นี้เลย...
ข้อมูลอ้างอิง
http://www.shanghaidaily.com/article/?i ... pe=Opinion
ผมอ้างอิงจากที่นี่ครับ
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=204603
-
- Verified User
- โพสต์: 535
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ถ้าจีนแปลงหนี้เป็นทุนจะดีไหมครับ
โพสต์ที่ 5
นี่ไง ที่บริษัทจีนโดนต่อต้าน เวลาจะเทคโอเวอร์
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ ครั้งที่บริษัท China National Offshore Oil Corporation ของประเทศจีนเจออุปสรรคและถูกต่อต้านจนซื้อบริษัท Unocal ในสหรัฐไม่สำเร็จ ในช่วงที่อเมริกายังไม่ประสพวิกฤตการณ์ Hamburger Crisis
แต่หลังจากอเมริกาเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ บริษัทสถาบันการเงินจากประเทศจีนกับไม่ประสพปัญหากับกฎหมาย Anti-China Forces หรือการต่อต้านที่จะเสนอซื้อบริษัท Bear Stearns และ Morgan Stanley สถาบันการเงินของอเมริกาเลย
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ ครั้งที่บริษัท China National Offshore Oil Corporation ของประเทศจีนเจออุปสรรคและถูกต่อต้านจนซื้อบริษัท Unocal ในสหรัฐไม่สำเร็จ ในช่วงที่อเมริกายังไม่ประสพวิกฤตการณ์ Hamburger Crisis
แต่หลังจากอเมริกาเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ บริษัทสถาบันการเงินจากประเทศจีนกับไม่ประสพปัญหากับกฎหมาย Anti-China Forces หรือการต่อต้านที่จะเสนอซื้อบริษัท Bear Stearns และ Morgan Stanley สถาบันการเงินของอเมริกาเลย
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ถ้าจีนแปลงหนี้เป็นทุนจะดีไหมครับ
โพสต์ที่ 7
ขอบคุณมากครับ เป็นประโยชน์จริงๆ
อ่าน-คิดมากๆแล้วสายตาจะได้ยาวขึ้น
อ่าน-คิดมากๆแล้วสายตาจะได้ยาวขึ้น
ลงทุนเพื่อชีวิต
- harlembeats
- Verified User
- โพสต์: 96
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถ้าจีนแปลงหนี้เป็นทุนจะดีไหมครับ
โพสต์ที่ 8
ขอบคุณมากครับ ได้ความรู้ใหม่ๆดีมากครับ