แชร์ไอเดีย กลยุทธรับศึกสภาวะตลาดขาลง
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1046
- ผู้ติดตาม: 0
แชร์ไอเดีย กลยุทธรับศึกสภาวะตลาดขาลง
โพสต์ที่ 1
ออกตัวก่อนว่าบทความนี้เขียนโดยมุมมองของตัวเอง ซึ่งอยากจะต่อยอดไอเดียจากท่านอื่นๆเพื่อเป็นแนวทางให้กับนักลงทุนหน้าใหม่หรือท่านอื่นๆที่วิตกกังวลกับสถานะการณ์ปัจจุบันนี้
จากปี2008 เป็นต้นมาตลาดได้ปรับตัวลง หลังจากนั้นก็ดีดตัวขึ้นมาประมาณต้นๆปี2009 แนวทางที่เป็นไปได้สำหรับนักลงทุนที่ยังมีเงินเต็มพอร์ทอยู่สำหรับหุ้นขาลงเช่นนี้ ที่ผมพอจะสรุปได้คร่าวๆคือ
1 คัดเลือกหุ้นทีท่านสนใจมากแบบว่าอยากเป็นเจ้าของจริงๆมาสัก 10 ตัว ข้อนี้มีคำแนะนำคือให้หาบริษัทที่มีกระแสเงินสดเป็นสัดส่วนที่สูง บริษัทที่มีกระแสเงินสดสูงสามารถทนต่อวิกฤติได้ แถมถ้าหุ้นปรับตัวลงยังสามารถซื้อหุ้นคืนได้ด้วย ที่สำคัญสามารถจ่ายปันผลให้เราได้อีกด้วย หรือถ้าชอบหุ้นปันผลก็เลือกหุ้นที่อดีตจ่ายปัลผลสม่ำเสมอ
2 ศึกษาหุ้นอย่างละเอียดโดยอ่าน56-1 อ่านงบการเงิน ศึกษาให้รู้แหล่งที่มาของรายได้ว่ามาจากไหนบ้าง อัตราส่วนของรายได้แต่ละส่วนเป็นอย่างไร กระแสเงินสดมีแนวโน้มเป็นอย่างไร รวมถึงสินค้าหรือบริการในอนาคตจะเป็นอย่างไรหากเกิดวิกฤติขึ้นมาจริงๆ ทำงบการเงินล่วงหน้าแบบแย่ ปานกลาง และแบบดี เพื่อเป็นตัวพิจารณาหามูลค่าของบริษัท
3 ประเมินมูลค่าหุ้นแบบ เลวร้าย ถึงเลวร้ายสุดขั้ว ยกตัวอย่าง ทำงบการเงินแบบบริษัทไม่โตเลยได้ eps 1 บาท ปกติหุ้นตัวนี้ ซื้อขายที่pe 6-8เท่า ให้คุณคิดเลยว่า วิกฤติมาหุ้น pe มันลงไปได้3-4เท่านู้นเลย ซึ่งมูลค่าที่ได้ก็ 3-4บาท
4 เข้าซื้อแบบตั้งรับ เนื่องจากวิกฤติ หุ้นpe2เท่าก็มีให้เห็น แต่ใครจะซื้อได้ที่ต่ำสุดคงยาก ดังนั้นต้องใช้วิธีรับเป็นช่วงๆ โดยยึดมั่นกับ มูลค่าที่เราประเมินไว้แบบมีmos แล้วรับไม้แรกที่ราคานั้น หากหุ้นปรับตัวลงอีก ก็ซื้อไปเรื่อยๆ อย่าพึ่งทุ่มหมดหน้าตักตั้งแต่ไม้แรกๆ
5 ถ้าทำตามข้อข้างบนได้แล้วหุ้นยังลงอีกแล้วไม่มีเงินเราก็แค่รอเวลา อาจจะช้าหรือเร็ว ก็ไม่มีใครรู้ได้ แต่ที่แน่ๆ บริษัทที่ดีที่มีกระแสเงินสดสูง ย่อมมีอะไรตอบแทนเรากลับมาบ้างระหว่างทางแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหุ้นคืน หรือจ่ายปันผล
6 จากวิกฤติทุกครั้งย่อมก่อให้เกิดโอกาส ดังนั้นแทนที่เราจะมาวิตกกังวลกับการร่วงของหุ้น ควรใช้เวลานี้ศึกษาหุ้นให้รู้ถึงใส้ในโดยใช้ห้องร้อยคนร้อยหุ้นให้เป็นประโยชน์ ซึ่งในภาวะเช่นนี้เราคงได้เห็นการโพสต์เชียร์หุ้นน้อยลง แต่จะมาแทนที่ด้วยข้อมูลพื้นฐาน และการบ่นขาดทุนกันเยอะขึ้น
7 สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่แล้วถ้ามีเงินอาจจะใช้หลักการเดียวกันสำหรับหุ้นตัวเอง หรือได้โอกาสปรับไปหาหุ้นที่อยากจะลงทุนด้วย แต่ถ้าไม่มีเงินเพิ่ม หน้าที่เราคือหาเงินมาเพิ่ม โดยการเพิ่มรายได้ ไม่แนะนำการกู้ยืมมาลงทุนซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายตามมาอีกมาก
สรุปที่เขียนมาเขียนในมุมมองของตัวเองที่เคยใช้ตอนปี2008 ไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่งกาจอะไรแต่แค่อยากจะแชร์ไอเดีย และอยากได้รับไอเดียจากท่านที่เคยผ่านเหตุการณ์นี้มาเช่นกัน
สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกท่านจงประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตั้งใจด้วยกันทุกคนด้วยเทอญ สาธุ
จากปี2008 เป็นต้นมาตลาดได้ปรับตัวลง หลังจากนั้นก็ดีดตัวขึ้นมาประมาณต้นๆปี2009 แนวทางที่เป็นไปได้สำหรับนักลงทุนที่ยังมีเงินเต็มพอร์ทอยู่สำหรับหุ้นขาลงเช่นนี้ ที่ผมพอจะสรุปได้คร่าวๆคือ
1 คัดเลือกหุ้นทีท่านสนใจมากแบบว่าอยากเป็นเจ้าของจริงๆมาสัก 10 ตัว ข้อนี้มีคำแนะนำคือให้หาบริษัทที่มีกระแสเงินสดเป็นสัดส่วนที่สูง บริษัทที่มีกระแสเงินสดสูงสามารถทนต่อวิกฤติได้ แถมถ้าหุ้นปรับตัวลงยังสามารถซื้อหุ้นคืนได้ด้วย ที่สำคัญสามารถจ่ายปันผลให้เราได้อีกด้วย หรือถ้าชอบหุ้นปันผลก็เลือกหุ้นที่อดีตจ่ายปัลผลสม่ำเสมอ
2 ศึกษาหุ้นอย่างละเอียดโดยอ่าน56-1 อ่านงบการเงิน ศึกษาให้รู้แหล่งที่มาของรายได้ว่ามาจากไหนบ้าง อัตราส่วนของรายได้แต่ละส่วนเป็นอย่างไร กระแสเงินสดมีแนวโน้มเป็นอย่างไร รวมถึงสินค้าหรือบริการในอนาคตจะเป็นอย่างไรหากเกิดวิกฤติขึ้นมาจริงๆ ทำงบการเงินล่วงหน้าแบบแย่ ปานกลาง และแบบดี เพื่อเป็นตัวพิจารณาหามูลค่าของบริษัท
3 ประเมินมูลค่าหุ้นแบบ เลวร้าย ถึงเลวร้ายสุดขั้ว ยกตัวอย่าง ทำงบการเงินแบบบริษัทไม่โตเลยได้ eps 1 บาท ปกติหุ้นตัวนี้ ซื้อขายที่pe 6-8เท่า ให้คุณคิดเลยว่า วิกฤติมาหุ้น pe มันลงไปได้3-4เท่านู้นเลย ซึ่งมูลค่าที่ได้ก็ 3-4บาท
4 เข้าซื้อแบบตั้งรับ เนื่องจากวิกฤติ หุ้นpe2เท่าก็มีให้เห็น แต่ใครจะซื้อได้ที่ต่ำสุดคงยาก ดังนั้นต้องใช้วิธีรับเป็นช่วงๆ โดยยึดมั่นกับ มูลค่าที่เราประเมินไว้แบบมีmos แล้วรับไม้แรกที่ราคานั้น หากหุ้นปรับตัวลงอีก ก็ซื้อไปเรื่อยๆ อย่าพึ่งทุ่มหมดหน้าตักตั้งแต่ไม้แรกๆ
5 ถ้าทำตามข้อข้างบนได้แล้วหุ้นยังลงอีกแล้วไม่มีเงินเราก็แค่รอเวลา อาจจะช้าหรือเร็ว ก็ไม่มีใครรู้ได้ แต่ที่แน่ๆ บริษัทที่ดีที่มีกระแสเงินสดสูง ย่อมมีอะไรตอบแทนเรากลับมาบ้างระหว่างทางแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหุ้นคืน หรือจ่ายปันผล
6 จากวิกฤติทุกครั้งย่อมก่อให้เกิดโอกาส ดังนั้นแทนที่เราจะมาวิตกกังวลกับการร่วงของหุ้น ควรใช้เวลานี้ศึกษาหุ้นให้รู้ถึงใส้ในโดยใช้ห้องร้อยคนร้อยหุ้นให้เป็นประโยชน์ ซึ่งในภาวะเช่นนี้เราคงได้เห็นการโพสต์เชียร์หุ้นน้อยลง แต่จะมาแทนที่ด้วยข้อมูลพื้นฐาน และการบ่นขาดทุนกันเยอะขึ้น
7 สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่แล้วถ้ามีเงินอาจจะใช้หลักการเดียวกันสำหรับหุ้นตัวเอง หรือได้โอกาสปรับไปหาหุ้นที่อยากจะลงทุนด้วย แต่ถ้าไม่มีเงินเพิ่ม หน้าที่เราคือหาเงินมาเพิ่ม โดยการเพิ่มรายได้ ไม่แนะนำการกู้ยืมมาลงทุนซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายตามมาอีกมาก
สรุปที่เขียนมาเขียนในมุมมองของตัวเองที่เคยใช้ตอนปี2008 ไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่งกาจอะไรแต่แค่อยากจะแชร์ไอเดีย และอยากได้รับไอเดียจากท่านที่เคยผ่านเหตุการณ์นี้มาเช่นกัน
สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกท่านจงประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตั้งใจด้วยกันทุกคนด้วยเทอญ สาธุ
ซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่า ขายเมื่อมูลค่าต่ำกว่าราคา
-
- Verified User
- โพสต์: 1601
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แชร์ไอเดีย กลยุทธรับศึกสภาวะตลาดขาลง
โพสต์ที่ 2
แล้วถ้าเป็นกรณีหุ้นเต็มพอร์ต ไม่มีเงินสด ควรจะวางแผนอย่างไรดีครับ
"Be sure you put your feet in the right place, then stand firm"
Abraham Lincoln
Abraham Lincoln
-
- Verified User
- โพสต์: 60
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แชร์ไอเดีย กลยุทธรับศึกสภาวะตลาดขาลง
โพสต์ที่ 3
ถ้าหุ้นตกแล้วไม่มีเงิน วิธีการก็คือ ตรวจดูพอร์ตครับ
สมมติมี 10 ตัว บางตัวอาจตกน้อย บางตัวอาจตกมาก
ถ้าตัวที่เราไม่มั่นใจมาก อัพไซด์ไม่มาก กลับตกน้อยกว่าตัวที่ชัวร์กว่า อัพไซด์มากกว่า อย่างมีนัยสำคัญ เช่น 5-10% ขึ้นไป ก็ switch ตัวครับ
ถ้าความเข้าใจหุ้นของเราถูกต้อง เวลาตลาดตีกลับ กำไรโดยรวมของพอร์ตก็จะดีขึ้น
สมมติมี 10 ตัว บางตัวอาจตกน้อย บางตัวอาจตกมาก
ถ้าตัวที่เราไม่มั่นใจมาก อัพไซด์ไม่มาก กลับตกน้อยกว่าตัวที่ชัวร์กว่า อัพไซด์มากกว่า อย่างมีนัยสำคัญ เช่น 5-10% ขึ้นไป ก็ switch ตัวครับ
ถ้าความเข้าใจหุ้นของเราถูกต้อง เวลาตลาดตีกลับ กำไรโดยรวมของพอร์ตก็จะดีขึ้น
- Juninho
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1054
- ผู้ติดตาม: 1
Re: แชร์ไอเดีย กลยุทธรับศึกสภาวะตลาดขาลง
โพสต์ที่ 4
ปี 2008 ผม ถือ หุ้น ที่ p/b ต่ำกว่า 1 ทำให้ติดลบน้อยกว่าตลาดมากๆ ครับ ลบ 18 เปอร์เซ็นต์
ตลาดลบ 47 เปอร์เซ็นต์ (แต่จริงๆแล้วถือเงินสดคงดีกว่านี้ )
หากตลาดลงแรงๆ ส่วนใหญ่หุ้นที่ พีอี สูงๆ คาดหวังการเติบโตของอนาคต จะลงค่อนข้างแรง
เนื่องจากโดนสองต่อ คือ การเติบโตหายไป และ พีอีต่ำลงมาจากตลาดหมีด้วย
หลายๆตัวลงแรงกว่าตลาดมากๆ บางตัวลงไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์
ยังไงก็ตามรอบนี้ อาจลงไม่ลึกก็ได้นะครับ หรืออาจจะลงลึกก็ได้ ไม่มีใครรู้
รู้แต่ว่า ตอนนี้ เล่นเพลย์เซฟดีกว่าครับ อย่าไปลุยมาก เห็นบางคนมาจิ้น อยู่เลย
เสียวแทน
พยายามท่องคำนี้ไว้ครับ "อยู่ในตลาดให้ได้นานๆ ก็จะรวยเอง"
ตลาดลบ 47 เปอร์เซ็นต์ (แต่จริงๆแล้วถือเงินสดคงดีกว่านี้ )
หากตลาดลงแรงๆ ส่วนใหญ่หุ้นที่ พีอี สูงๆ คาดหวังการเติบโตของอนาคต จะลงค่อนข้างแรง
เนื่องจากโดนสองต่อ คือ การเติบโตหายไป และ พีอีต่ำลงมาจากตลาดหมีด้วย
หลายๆตัวลงแรงกว่าตลาดมากๆ บางตัวลงไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์
ยังไงก็ตามรอบนี้ อาจลงไม่ลึกก็ได้นะครับ หรืออาจจะลงลึกก็ได้ ไม่มีใครรู้
รู้แต่ว่า ตอนนี้ เล่นเพลย์เซฟดีกว่าครับ อย่าไปลุยมาก เห็นบางคนมาจิ้น อยู่เลย
เสียวแทน
พยายามท่องคำนี้ไว้ครับ "อยู่ในตลาดให้ได้นานๆ ก็จะรวยเอง"
You Can Get It If You Really Want
But you must try, try and try
But you must try, try and try