วิชาเต่า - ในวิกฤตแห่งตลาดหุ้นยังมีเต่าอยู่เสมอ
- Suysak
- Verified User
- โพสต์: 691
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิชาเต่า - ในวิกฤตแห่งตลาดหุ้นยังมีเต่าอยู่เสมอ
โพสต์ที่ 31
เล่นแบบเอาหุ้น นะครับพี่ NB จะขึ้นจะลงช่างมัน นับแต่จำนวนหุ้นที่เพิ่มเรื่อยๆในพอร์ท
มันชื่นใจดี
มันชื่นใจดี
โอ้ละหนอดวงเดือนเอย พี่มาเว้ารักเจ้าสาวคำดวง
โอ้ดึกแล้วหนอพี่ขอลาล่วง อกพี่เป็นหวงรักเจ้าดวงเดือนเอย
โอ้ดึกแล้วหนอพี่ขอลาล่วง อกพี่เป็นหวงรักเจ้าดวงเดือนเอย
- awesomekid
- Verified User
- โพสต์: 94
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิชาเต่า - ในวิกฤตแห่งตลาดหุ้นยังมีเต่าอยู่เสมอ
โพสต์ที่ 32
ขอบคุณครับ ท่านNevercry.boy เขียนได้ดีมากครับ เห็นภาพเลย และผมก็ขอเป็นเต่าด้วยคนครับ
ส่วนตัวผมเองแล้ว หุ้นจะขึ้นหรือจะลงผมไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ เพราะยังไงมันก็ต้องกลับมาเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น จะเมื่อไหร่แค่นั้นเอง อย่างที่ท่านปรมาจารย์ของเรา ๆ เกล่าเอาไว้ว่า
" "ลงทุน" ในหุ้น ให้เหมือนลงทุนในบริษัท"
ระยะเวลาแค่นี้ยังน้อยไปที่จะพิสูจน์ว่าบริษัทจะทำได้ดีหรือเปล่า ดังนั้นการมัวมานั่งมองราคาหุ้นแล้วถอนหายใจว่า "รู้งี้" มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ถ้าหุ้นที่เราถือ "พื้นฐานดี" มี "ปันผล" ก็ไม่น่าห่วงอะไร ที่น่าห่วงคือ เราหลอกตัวเองหรือเปล่าตอนที่ซื้อ คำถามพวกนี้เราตอบเองได้ ลองตั้งคำถามตัวเองแบบไม่มีอคติ ไม่ลำเอียง ผลลัพธ์ออกดีจริง ก็ถือต่อ ออกมาเป็นหลอกตัวเอง ก็ให้รีบขายซะ ง่าย ๆ แค่นี้เองครับ...
ส่วนตัวผมเองแล้ว หุ้นจะขึ้นหรือจะลงผมไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ เพราะยังไงมันก็ต้องกลับมาเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น จะเมื่อไหร่แค่นั้นเอง อย่างที่ท่านปรมาจารย์ของเรา ๆ เกล่าเอาไว้ว่า
" "ลงทุน" ในหุ้น ให้เหมือนลงทุนในบริษัท"
ระยะเวลาแค่นี้ยังน้อยไปที่จะพิสูจน์ว่าบริษัทจะทำได้ดีหรือเปล่า ดังนั้นการมัวมานั่งมองราคาหุ้นแล้วถอนหายใจว่า "รู้งี้" มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ถ้าหุ้นที่เราถือ "พื้นฐานดี" มี "ปันผล" ก็ไม่น่าห่วงอะไร ที่น่าห่วงคือ เราหลอกตัวเองหรือเปล่าตอนที่ซื้อ คำถามพวกนี้เราตอบเองได้ ลองตั้งคำถามตัวเองแบบไม่มีอคติ ไม่ลำเอียง ผลลัพธ์ออกดีจริง ก็ถือต่อ ออกมาเป็นหลอกตัวเอง ก็ให้รีบขายซะ ง่าย ๆ แค่นี้เองครับ...
====================================
เก็บเล็กผสมน้อยมาลงทุน เพื่ออนาคตอันเป็นอิสระ
====================================
เก็บเล็กผสมน้อยมาลงทุน เพื่ออนาคตอันเป็นอิสระ
====================================
- Pn3um0n1a
- Verified User
- โพสต์: 1935
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิชาเต่า - ในวิกฤตแห่งตลาดหุ้นยังมีเต่าอยู่เสมอ
โพสต์ที่ 33
เข้ามาเป็นกำลังใจให้นะครับ สำหรับผู้ที่ทำให้ผมรู้จักวิชาใหม่เป็นคนแรกๆ
วันนี้ก็ได้เรียนรู้อีกบทหนึ่งแล้ว ผมนี่ได้รับความรู้จากการตกผลึกของพี่ไม่น้อยเลยนะครับ
อย่างไรก็ตาม ถ้าผมเป็นพี่ อีก 4-5 ปี หรือเมื่อพ้นวิกฤติไปแล้ว เมื่อประสบความสำเร็จ ผมจะย้อนกลับมาดูข้อความนี้และตั้งคำถามว่า
ตอนนี้เป็นช่วงที่ตกผลึกอย่างแท้จริง และนำไปสู่ความสำเร็จ
หรือเป็นจุดที่ธาตุไฟแตก ทำให้ค้นพบตัวเอง และนำไปสู่ความสำเร็จ
ผมจะคอยติดตามความรู้และแนวคิดดีๆจากพี่เสมอนะครับ
วันนี้ก็ได้เรียนรู้อีกบทหนึ่งแล้ว ผมนี่ได้รับความรู้จากการตกผลึกของพี่ไม่น้อยเลยนะครับ
อย่างไรก็ตาม ถ้าผมเป็นพี่ อีก 4-5 ปี หรือเมื่อพ้นวิกฤติไปแล้ว เมื่อประสบความสำเร็จ ผมจะย้อนกลับมาดูข้อความนี้และตั้งคำถามว่า
ตอนนี้เป็นช่วงที่ตกผลึกอย่างแท้จริง และนำไปสู่ความสำเร็จ
หรือเป็นจุดที่ธาตุไฟแตก ทำให้ค้นพบตัวเอง และนำไปสู่ความสำเร็จ
ผมจะคอยติดตามความรู้และแนวคิดดีๆจากพี่เสมอนะครับ
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
Re: วิชาเต่า - ในวิกฤตแห่งตลาดหุ้นยังมีเต่าอยู่เสมอ
โพสต์ที่ 35
เข้ามาคารวะ ผลงานเขียน ที่สื่อถึง ความคิดความอ่าน ของนักลงทุนที่เป็นตัวของตัวเอง
ไม่ต้องไปใส่ใจกับฟ้ากับฝน ซึ่งเราไปห้ามไม่ให้ตก ไม่ให้แดดออกได้
ยึดมั่นแนวทางของเราเองครับ
เยี่ยมครับท่าน NB
ไม่ต้องไปใส่ใจกับฟ้ากับฝน ซึ่งเราไปห้ามไม่ให้ตก ไม่ให้แดดออกได้
ยึดมั่นแนวทางของเราเองครับ
เยี่ยมครับท่าน NB
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2846
- ผู้ติดตาม: 1
Re: วิชาเต่า - ในวิกฤตแห่งตลาดหุ้นยังมีเต่าอยู่เสมอ
โพสต์ที่ 38
เป็นเต่าด้วยคนคร้าบ
“Market prices are always wrong in the sense that they present a biased view of the future.”, Soros.
Blog about the investment playbook https://www.blockdit.com/alphainvesting
Blog about the investment playbook https://www.blockdit.com/alphainvesting
-
- Verified User
- โพสต์: 483
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิชาเต่า - ในวิกฤตแห่งตลาดหุ้นยังมีเต่าอยู่เสมอ
โพสต์ที่ 40
ขอบคุณครับ
ตอนแรกๆ วิกฤติ ผมเขวไปมากเลย กังวลโน้นนี่ แต่ตอนนี้ เริ่มกลับมายึดมั่นในหลักการได้แล้วครับ
เป็นบทความที่ดีมากครับ
ตอนแรกๆ วิกฤติ ผมเขวไปมากเลย กังวลโน้นนี่ แต่ตอนนี้ เริ่มกลับมายึดมั่นในหลักการได้แล้วครับ
เป็นบทความที่ดีมากครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1024
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิชาเต่า - ในวิกฤตแห่งตลาดหุ้นยังมีเต่าอยู่เสมอ
โพสต์ที่ 43
ขอบคุณครับพี่ ตกผลึกวิชาเต่าไปซะแล้ว
เคยอ่าน post ของพี่อยู่บ่อยๆ นับถือครับ
เคยอ่าน post ของพี่อยู่บ่อยๆ นับถือครับ
"เพราะเรียบง่าย จึงชนะ"
-
- Verified User
- โพสต์: 2547
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิชาเต่า - ในวิกฤตแห่งตลาดหุ้นยังมีเต่าอยู่เสมอ
โพสต์ที่ 46
เป็นกระทู้ที่ดีมาก สะท้อนหลักแนวคิดการลงทุน
ไม่น่าสงสัยเลยว่าทำไมการลงทุนแบบหุ้นส่วนธุรกิจจึงทำกันได้ไม่ง่ายนักทั้งที่วิธีการลงทุนไม่ได้สลับซับซ้อน
ธุรกิจทั้งหลายในระหว่างทางก็มีขวากหนามมองในระยะสั้นเราก็จะเห็นความเสี่ยงความไม่แน่นอนสูง
แต่หากมองด้วยสายตาที่ยาวไกลมองแนวโน่มการประกอบการที่ยาวไกลภาพที่เห็นเป็นจุดระยะเวลาต่างๆ
เห็นการต่อเชื่อมจิ๊กซอร์เป็นภาพที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆด้วยมุมมองแบบเต่าที่อดทนก็อาจได้ภาพที่ชัดเจนแน่นอนอีกแบบหนึ่ง
เหมือนดูงบการเงินเป็นรายไตรมาสกับมองงบการเงินเป็นเวลาหลายๆปีภาพที่เห็นก็ให้ความรู่ที่แตกต่าง
นำไปสู่วิถีการคิดการตัดสินใจที่แตกต่างกันด้วย
วิกฤตเดี๋ยวมันก็ผ่านไปในเวลาอันสมควรเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่คิดแบบเต่าในเวลานี้ครับ
ไม่น่าสงสัยเลยว่าทำไมการลงทุนแบบหุ้นส่วนธุรกิจจึงทำกันได้ไม่ง่ายนักทั้งที่วิธีการลงทุนไม่ได้สลับซับซ้อน
ธุรกิจทั้งหลายในระหว่างทางก็มีขวากหนามมองในระยะสั้นเราก็จะเห็นความเสี่ยงความไม่แน่นอนสูง
แต่หากมองด้วยสายตาที่ยาวไกลมองแนวโน่มการประกอบการที่ยาวไกลภาพที่เห็นเป็นจุดระยะเวลาต่างๆ
เห็นการต่อเชื่อมจิ๊กซอร์เป็นภาพที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆด้วยมุมมองแบบเต่าที่อดทนก็อาจได้ภาพที่ชัดเจนแน่นอนอีกแบบหนึ่ง
เหมือนดูงบการเงินเป็นรายไตรมาสกับมองงบการเงินเป็นเวลาหลายๆปีภาพที่เห็นก็ให้ความรู่ที่แตกต่าง
นำไปสู่วิถีการคิดการตัดสินใจที่แตกต่างกันด้วย
วิกฤตเดี๋ยวมันก็ผ่านไปในเวลาอันสมควรเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่คิดแบบเต่าในเวลานี้ครับ
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
- murder_doll
- Verified User
- โพสต์: 1644
- ผู้ติดตาม: 1
Re: วิชาเต่า - ในวิกฤตแห่งตลาดหุ้นยังมีเต่าอยู่เสมอ
โพสต์ที่ 47
ดีเลยครับ บางทีผมก็แอบสงสัยและขัดแย้งในใจอยู่เหมือนกันครับว่าทำไม พอได้กำไรหลาย % ผมถึงยังไม่ขายแล้วลงมาค่อยรับใหม่ที่ราคาต่ำกว่านั้นล่ะ ก็ผมมองว่าบริษัทยังไปได้เรื่อยๆEPSโตปีนึง 25% กว่าต่อเนื่อง จนกำไรส่วนนั้นของหุ้นลดลงเพื่อนก็เอาเลย ไซโคผมทุกวัน บางครั้งปลายเป็นขายผิดเวลาขาดทุนไปก็มี มันยากจริงๆครับสำหรับการ Timing การลงทุนอย่างในหนังสือ การลงทุนแบบเต่าก็เป็นแนวนางที่น่าสนใจครับ
เงินทองเป็นของมายา
ข้าวปลาคือของจริง
ข้าวปลาคือของจริง
- luangrit
- Verified User
- โพสต์: 376
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิชาเต่า - ในวิกฤตแห่งตลาดหุ้นยังมีเต่าอยู่เสมอ
โพสต์ที่ 48
เห็นด้วยกับประโยคข้างบน 100% ครับอย่างไรก็ตาม คนฉลาด ไม่จำเป็นเท่า คนอดทน ครับ ในตลาดหุ้น ลินซ์เคยกล่าวว่าไม่ว่าวิธีการจะดีสักแค่ไหนก็จะเป็นศูนย์ หาก จิตใจไม่มั่นคง สุดยอดของสุดยอดในยามวิกฤต ก็ "วิชาเต่า” นี่หล่ะครับ
ถ้าจะเป็นคนฉลาดก็ควรจะฉลาดในเรื่องของการรู้เท่าทันจิตใจของตัวเอง รู้จนกระทั่งจิตใจกลับมาเป็นปกติ
ในสภาวะที่ตลาดผันผวน กระแสของโลกมักจะมีผลอย่างมากทำให้เราไขว้เขว
จึงมีผลให้เกิดกระทำหลายๆอย่างที่เหมือนจะขาดสติ
อันที่จริงก็อย่างที่คุณ izicado บอกในเรื่องของการเชื่อมั่นในงบการเงินและพื้นฐานกิจการ
ตั้งแต่เข้ามาศึกษาเรื่องตลาดทุน ผมพบว่าสิ่งที่สำคัญจริงๆอย่างสุดท้ายก็คือเรื่องของความมั่นคงทางจิตใจนั่นเอง
ใช่ครับ....ทุกคนต้องเริ่มจากศึกษาพื้นฐาน(ศาสตร์)ของการลงทุนเสียก่อน
แต่หลังจากนั้นแล้วการอยู่ในตลาดทุนจะเป็นเรื่องของจิตใจ(ศิลป์)ซะส่วนมาก
คนที่มีพื้นฐานจิตใจที่มั่นคง จะเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์จากตลาดทุนอย่างที่สุด
ตัวอย่างก็มีให้เห็น เช่น ดร.นิเวศน์ ผมไม่เคยเห็นแกร้อนรน กระวนกระวายอะไรเลย ในทุกๆภาวะ
สิ่งที่ท่านทำก็เหมือนเดิม คือ เขียนบทความสอนและเตือนสตินักลงทุนอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง
อันที่จริง ผมเชื่อว่าเรามีคำสอนของพระพุทธเจ้าไว้ให้ศึกษาอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องของการรู้จิตใจล้วนๆ
ซึ่งผมมั่นใจเลยว่า สิ่งนี้ถ้าท่านเอามาปรับใช้กับตลาดทุน รับรองว่าจะได้รับประโยชน์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิชาเต่า - ในวิกฤตแห่งตลาดหุ้นยังมีเต่าอยู่เสมอ
โพสต์ที่ 49
If the job has been correctly done when a common stock is purchased, the time to sell it is almost never.” – Philip Fisher
“เมื่อคุณได้เป็นเจ้าของกิจการที่ผ่านการพินิจวิเคราะห์อย่างถูกต้องดีแล้ว คุณแทบจะพบว่าคุณจะไม่สามารถขายมันได้เลย” คำพูดนี้ของฟิล ฟิชเชอร์ เป็นอมตะในใจผมอยู่เสมอ
ย้อนไปเมื่อวันเวลาแห่งการเริ่มต้นเล่นหุ้น ผมมองนักลงทุนสายวีไอ ด้วยความดูถูก ความเห็นต่าง ๆ ในด้านลบประดังประเด เข้ามา อาทิ
- เก่งจริงเหรอ!
- แน่จริงบอกมาเลยว่าพรุ่งนี้หุ้นอะไรจะขึ้น
- ไรว้า บอกว่าแน่ ได้ผลตอบแทนปีละยี่สิบ สามสิบ เปอร์เซ็นต์เอง เข้าหุ้นปั่นแป๊ปเดียวได้แล้วสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ทำแบบนี้หลาย ๆ รอบ เจ๋งกว่าวีไออีก
- หา อะไรนะ กำไรแล้วไม่ขาย เฮ้ย จะถือจนขาดทุนเลยหรือไงบ้าป่าว
- และอื่น ๆ
ยิ่งเวลาตลาดหุ้นลงด้วยแล้วพูดถึง “นักลงทุนสายพันธ์เต่า” อย่างผม คงเป็นที่น่าตลกที่สุด
ส่วนเซียน ๆ ก็คงจะตามมาด้วยคำพูด
“ผมทำรอบไปแล้ว รอบนี้ผมกำไรเยอะอยู่ (อ้าว เฮ้ย แล้วรอบที่แล้วล่ะ)”
“ผมบอกแล้วให้ขาย ยังไงก็ยืนไม่อยู่หรอก หลุดแน่ (อะไรหลุดหว่า?)”
“อย่าขายหลังฝรั่งนะ เว้ย (ก็ขายมันเดือนที่แล้วเลยเด่ะ)”
และอื่น ๆ เซียนเยอะจัง
เมื่อบอกคนอื่นว่า “ผมเป็นนักลงทุน” ก็คงเห็นแต่คนส่ายหน้ากลับมา ยิ่งเป็นนักลงทุนสายพันธ์เต่า ด้วยแล้ว
บางคนดูถูกใส่เลย กงกำกงเกวียน ก็เหมือนตอนที่ผมเคยดูถูกคนอื่นตอนที่เริ่มเล่นหุ้นใหม่ ๆ โทษทีนะ ไอ้ที่ว่าแน่ ๆ น่ะ เห็นตลาดลงก็ใจสั่นเหมือนกันนั่นแหละ ราคาที่แท้จริงน่ะ ไม่เคยมี อย่าโง่
แต่เรื่องที่ตลกที่สุดสำหรับผมก็คือ หลายคนบอกว่าเค้าเป็น “วีไอ” แต่ พฤติกรรมเป็น “เทรดเดอร์” ซื้อ ๆ ขาย ๆ จับ ๆ จ้อง ๆ สัญญาณซื้อ สัญญาณขาย อยู่ทุกวัน เอ หรือว่า วีไอ ทุกวันนี้มันกลายพันธุ์
กรุณาอย่าเข้าใจผิด ผมมีเพื่อน ๆ น้อง ๆ หลายต่อหลายคนเป็น เทรดเดอร์ และหลายคนเป็นเดย์เทรด ผมไม่ได้มีปัญหาอะไร ต่างกันที่ความเชื่อแต่ร่วมโต๊ะอาหารพูดคุยกันได้เป็นพี่น้อง เพื่อนฝูงที่รักกันดี แต่ความเชื่อไม่เหมือนกัน
“ขายทำกำไร ไม่ทำให้ใครขาดทุน” มีคนเคยไปถามอาจารย์ ฟิชเชอร์
“ก็จริง” ขายทำกำไรไม่เคยทำให้ใครขาดทุน แต่คุณต้องทำให้ได้ทุกครั้งนะ แน่ใจนะว่าคุณทำได้ทุกครั้ง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณถือหุ้นตัวหนึ่งจากราคา 16 บาท ไปถึง 60 บาท กับคุณซื้อ ๆ ขาย ๆ มันตลอดทาง รวมค่าคอม VAT และค่าเสียโอกาส (ขายหมู ตกรถ) แล้วคุณมั่นใจหรือว่าคุณกำไรมากกว่าคนที่ถือไว้เฉย ๆ
สมัยก่อนผมเคยซื้อ ๆ ขาย ๆ หุ้นพลังงานบิ๊กแคปตัวเดียวกับ รุ่นน้องสุภาพสตรีท่านหนึ่ง ซึ่งน้องคนนั้นเค้าถือไว้เฉย ๆ ปีนึงผ่านไป รวมปันผล เค้าได้มากกว่าผมซะอีก นั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมเริ่มฉุกคิด
ทุกวันนี้ผมกล้าพูดว่าผมเป็นนักลงทุนสายพันธุ์เต่า ไม่เทรด ไม่ว่าจะเป็น เดย์เทรด วีคเทรด รายเดือนหรือเก็งกำไรรายไตรมาส ผมไม่เอาเลยพูดง่าย ๆ คือ “ผมไม่เล่นหุ้น”
ใครถามว่าผมเล่นหุ้นรึเปล่า ผมตอบสวนเลย “เปล่า” ผมเล่นหุ้นไม่เป็น
แต่ผมเลือกที่จะเป็นเจ้าของกิจการที่ผมพินิจพิเคราะห์ดีแล้ว โดยดูจาก
1 ผู้บริหารที่ใช้ผลงานทำงานมากกว่าใช้ปากพูดออกสื่อ
2 กิจการที่โตแล้วโตแล้วโตแล้วโต ไม่ใช่โตแค่ไตรมาสเดียว ไม่ใช่ปีเดียวหรือสองปี ธุรกิจต้องมีความสามารถในการรักษาการเติบโตถึงขั้นที่ว่าเราถือไว้จนเราตายไปแล้ว ธุรกิจยังโตอย่างมั่นคง
3 นั่นแปลว่าธุรกิจต้องมีฐานธุรกิจและขยายฐานธุรกิจ จากความเชี่ยวชาญหยั่งลึกสู่ฐานธุรกิจที่ใหญ่ขึ้น เปรียบดั่งปราสาทที่มีฐานรากมั่นคง มีคูคลองกว้างขวาง มีอัศวินเก่งกาจ มีผู้นำเข้มแข็ง นอกจากจะรักษาป้อมปราการของตนเองได้แล้ว ยังสามารถยึดขยายอาณาเขตได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
4 พิสูจน์ด้วยผลงานด้านธุรกิจ เช่น แบรนด์เข้มแข็ง ส่วนแบ่งการตลาดสูงขึ้น มีนวัตกรรมในการบริหารจัดการ
และใช้ตัวเลขชี้แจงผลประกอบการ นั่นคือผลประกอบการ งบการเงินออกมาสอดคล้องกับผลการดำเนินงานอย่างโปร่งใสไร้ข้อกังขา ไม่ใช่ว่าตัวเลขออกมาเน่า ๆ แล้วมาให้ข่าวว่า จะดีอย่างงี้อย่างโง้น ปีนี้ไม่ดีปีหน้าดีแน่ บลา บลา บลา
ไม่เคยง่ายเลยครับที่จะหาธุรกิจแบบนี้ได้ ต้องเฟ้น และต้องจริงจัง อย่างน้อยต้องซื้อสัตย์กับตัวเอง ผลลัพธ์จึงออกมาดี
.........................
ตอนเด็ก ๆ ผมช่วยพ่อผมปลูกต้นไม้ ผมถามพ่อว่า “พ่อ เมื่อไรจะได้กินผลมัน”
พ่อตอบว่า “สิบห้าปี” ในใจคิด นานมากสิบห้าปี ทำไมไม่ต่อกิ่งเติมปุ๋ย พ่อสอนว่า เพาะเมล็ดต้นไม้มันจะหากินเองมันจะเก่งกว่าพวกที่โตเร็วฉับพลัน พ่อก็เชื่อของพ่ออย่างนั้น
นับจากเริ่มปลูกจนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นานอย่างที่คิด ทุกวันนี้พ่อผมท่านยังชอบปลูกต้นไม้จากเมล็ดอยู่
คำว่า ฉาบฉวย โตเร็ว เป็นอย่างไร
คำว่าเติบโตอย่างมั่นคงเป็นอย่างไรตอนนี้ผมเข้าใจ และผมจะสั่งสอนลูกผมในสิ่งเดียวกัน
“เมื่อคุณได้เป็นเจ้าของกิจการที่ผ่านการพินิจวิเคราะห์อย่างถูกต้องดีแล้ว คุณแทบจะพบว่าคุณจะไม่สามารถขายมันได้เลย” คำพูดนี้ของฟิล ฟิชเชอร์ เป็นอมตะในใจผมอยู่เสมอ
ย้อนไปเมื่อวันเวลาแห่งการเริ่มต้นเล่นหุ้น ผมมองนักลงทุนสายวีไอ ด้วยความดูถูก ความเห็นต่าง ๆ ในด้านลบประดังประเด เข้ามา อาทิ
- เก่งจริงเหรอ!
- แน่จริงบอกมาเลยว่าพรุ่งนี้หุ้นอะไรจะขึ้น
- ไรว้า บอกว่าแน่ ได้ผลตอบแทนปีละยี่สิบ สามสิบ เปอร์เซ็นต์เอง เข้าหุ้นปั่นแป๊ปเดียวได้แล้วสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ทำแบบนี้หลาย ๆ รอบ เจ๋งกว่าวีไออีก
- หา อะไรนะ กำไรแล้วไม่ขาย เฮ้ย จะถือจนขาดทุนเลยหรือไงบ้าป่าว
- และอื่น ๆ
ยิ่งเวลาตลาดหุ้นลงด้วยแล้วพูดถึง “นักลงทุนสายพันธ์เต่า” อย่างผม คงเป็นที่น่าตลกที่สุด
ส่วนเซียน ๆ ก็คงจะตามมาด้วยคำพูด
“ผมทำรอบไปแล้ว รอบนี้ผมกำไรเยอะอยู่ (อ้าว เฮ้ย แล้วรอบที่แล้วล่ะ)”
“ผมบอกแล้วให้ขาย ยังไงก็ยืนไม่อยู่หรอก หลุดแน่ (อะไรหลุดหว่า?)”
“อย่าขายหลังฝรั่งนะ เว้ย (ก็ขายมันเดือนที่แล้วเลยเด่ะ)”
และอื่น ๆ เซียนเยอะจัง
เมื่อบอกคนอื่นว่า “ผมเป็นนักลงทุน” ก็คงเห็นแต่คนส่ายหน้ากลับมา ยิ่งเป็นนักลงทุนสายพันธ์เต่า ด้วยแล้ว
บางคนดูถูกใส่เลย กงกำกงเกวียน ก็เหมือนตอนที่ผมเคยดูถูกคนอื่นตอนที่เริ่มเล่นหุ้นใหม่ ๆ โทษทีนะ ไอ้ที่ว่าแน่ ๆ น่ะ เห็นตลาดลงก็ใจสั่นเหมือนกันนั่นแหละ ราคาที่แท้จริงน่ะ ไม่เคยมี อย่าโง่
แต่เรื่องที่ตลกที่สุดสำหรับผมก็คือ หลายคนบอกว่าเค้าเป็น “วีไอ” แต่ พฤติกรรมเป็น “เทรดเดอร์” ซื้อ ๆ ขาย ๆ จับ ๆ จ้อง ๆ สัญญาณซื้อ สัญญาณขาย อยู่ทุกวัน เอ หรือว่า วีไอ ทุกวันนี้มันกลายพันธุ์
กรุณาอย่าเข้าใจผิด ผมมีเพื่อน ๆ น้อง ๆ หลายต่อหลายคนเป็น เทรดเดอร์ และหลายคนเป็นเดย์เทรด ผมไม่ได้มีปัญหาอะไร ต่างกันที่ความเชื่อแต่ร่วมโต๊ะอาหารพูดคุยกันได้เป็นพี่น้อง เพื่อนฝูงที่รักกันดี แต่ความเชื่อไม่เหมือนกัน
“ขายทำกำไร ไม่ทำให้ใครขาดทุน” มีคนเคยไปถามอาจารย์ ฟิชเชอร์
“ก็จริง” ขายทำกำไรไม่เคยทำให้ใครขาดทุน แต่คุณต้องทำให้ได้ทุกครั้งนะ แน่ใจนะว่าคุณทำได้ทุกครั้ง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณถือหุ้นตัวหนึ่งจากราคา 16 บาท ไปถึง 60 บาท กับคุณซื้อ ๆ ขาย ๆ มันตลอดทาง รวมค่าคอม VAT และค่าเสียโอกาส (ขายหมู ตกรถ) แล้วคุณมั่นใจหรือว่าคุณกำไรมากกว่าคนที่ถือไว้เฉย ๆ
สมัยก่อนผมเคยซื้อ ๆ ขาย ๆ หุ้นพลังงานบิ๊กแคปตัวเดียวกับ รุ่นน้องสุภาพสตรีท่านหนึ่ง ซึ่งน้องคนนั้นเค้าถือไว้เฉย ๆ ปีนึงผ่านไป รวมปันผล เค้าได้มากกว่าผมซะอีก นั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมเริ่มฉุกคิด
ทุกวันนี้ผมกล้าพูดว่าผมเป็นนักลงทุนสายพันธุ์เต่า ไม่เทรด ไม่ว่าจะเป็น เดย์เทรด วีคเทรด รายเดือนหรือเก็งกำไรรายไตรมาส ผมไม่เอาเลยพูดง่าย ๆ คือ “ผมไม่เล่นหุ้น”
ใครถามว่าผมเล่นหุ้นรึเปล่า ผมตอบสวนเลย “เปล่า” ผมเล่นหุ้นไม่เป็น
แต่ผมเลือกที่จะเป็นเจ้าของกิจการที่ผมพินิจพิเคราะห์ดีแล้ว โดยดูจาก
1 ผู้บริหารที่ใช้ผลงานทำงานมากกว่าใช้ปากพูดออกสื่อ
2 กิจการที่โตแล้วโตแล้วโตแล้วโต ไม่ใช่โตแค่ไตรมาสเดียว ไม่ใช่ปีเดียวหรือสองปี ธุรกิจต้องมีความสามารถในการรักษาการเติบโตถึงขั้นที่ว่าเราถือไว้จนเราตายไปแล้ว ธุรกิจยังโตอย่างมั่นคง
3 นั่นแปลว่าธุรกิจต้องมีฐานธุรกิจและขยายฐานธุรกิจ จากความเชี่ยวชาญหยั่งลึกสู่ฐานธุรกิจที่ใหญ่ขึ้น เปรียบดั่งปราสาทที่มีฐานรากมั่นคง มีคูคลองกว้างขวาง มีอัศวินเก่งกาจ มีผู้นำเข้มแข็ง นอกจากจะรักษาป้อมปราการของตนเองได้แล้ว ยังสามารถยึดขยายอาณาเขตได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
4 พิสูจน์ด้วยผลงานด้านธุรกิจ เช่น แบรนด์เข้มแข็ง ส่วนแบ่งการตลาดสูงขึ้น มีนวัตกรรมในการบริหารจัดการ
และใช้ตัวเลขชี้แจงผลประกอบการ นั่นคือผลประกอบการ งบการเงินออกมาสอดคล้องกับผลการดำเนินงานอย่างโปร่งใสไร้ข้อกังขา ไม่ใช่ว่าตัวเลขออกมาเน่า ๆ แล้วมาให้ข่าวว่า จะดีอย่างงี้อย่างโง้น ปีนี้ไม่ดีปีหน้าดีแน่ บลา บลา บลา
ไม่เคยง่ายเลยครับที่จะหาธุรกิจแบบนี้ได้ ต้องเฟ้น และต้องจริงจัง อย่างน้อยต้องซื้อสัตย์กับตัวเอง ผลลัพธ์จึงออกมาดี
.........................
ตอนเด็ก ๆ ผมช่วยพ่อผมปลูกต้นไม้ ผมถามพ่อว่า “พ่อ เมื่อไรจะได้กินผลมัน”
พ่อตอบว่า “สิบห้าปี” ในใจคิด นานมากสิบห้าปี ทำไมไม่ต่อกิ่งเติมปุ๋ย พ่อสอนว่า เพาะเมล็ดต้นไม้มันจะหากินเองมันจะเก่งกว่าพวกที่โตเร็วฉับพลัน พ่อก็เชื่อของพ่ออย่างนั้น
นับจากเริ่มปลูกจนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นานอย่างที่คิด ทุกวันนี้พ่อผมท่านยังชอบปลูกต้นไม้จากเมล็ดอยู่
คำว่า ฉาบฉวย โตเร็ว เป็นอย่างไร
คำว่าเติบโตอย่างมั่นคงเป็นอย่างไรตอนนี้ผมเข้าใจ และผมจะสั่งสอนลูกผมในสิ่งเดียวกัน
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 315
- ผู้ติดตาม: 1
Re: วิชาเต่า - ในวิกฤตแห่งตลาดหุ้นยังมีเต่าอยู่เสมอ
โพสต์ที่ 50
so cool krub.
อ่านแล้ว ได้กำลังใจ ยามจิตตก อย่างวันนี้มากเลยครับ
ขอร่วมทางเดินด้วยวิชาเต่าด้วยคนครับ
อ่านแล้ว ได้กำลังใจ ยามจิตตก อย่างวันนี้มากเลยครับ
ขอร่วมทางเดินด้วยวิชาเต่าด้วยคนครับ
-----------------------------------------
เกิดเหตุอะไร อย่าตื่นใจ ไปตามเขา
ปัญญาเรา มีหน้าที่ พิพากษา
ต้องดูน้ำ ดูลม ระดมมา
พิจารณา เชิงชั้น หมั่นตริตรอง
-----------------------------------------
ท่านพุทธทาสภิกขุ
เกิดเหตุอะไร อย่าตื่นใจ ไปตามเขา
ปัญญาเรา มีหน้าที่ พิพากษา
ต้องดูน้ำ ดูลม ระดมมา
พิจารณา เชิงชั้น หมั่นตริตรอง
-----------------------------------------
ท่านพุทธทาสภิกขุ
-
- Verified User
- โพสต์: 513
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิชาเต่า - ในวิกฤตแห่งตลาดหุ้นยังมีเต่าอยู่เสมอ
โพสต์ที่ 52
เอ ถ้าผมสนใจอยากฝึกวิชาเต่า เพราะเห็นเต่าตัวพ่อโตเอาๆ แต่มันมีคำถามที่ค้างคาใจอยู่ ไม่ทราบว่าพี่NB พอจะช่วยวิสัชนาหน่อยได้จะได้ไหมครับ
ปุจฉา
1.ถ้าฝึกวิชาเต่าไม่ซื้อไม่ขาย แล้วผมจะกินอะไรล่ะครับ ยิ่งถ้าปันผลเปอร์เซนต์น้อยๆด้วยแล้ว
2.ผมลงทุนด้วยเงินเก็บทั้งหมด3แสนบาท เงินเดือนผม30,000บาท ใช้จ่ายแบบประหยัดๆเหลือลงทุนซักเดือนละ8,000บาท ปีนึงก็จะมีเงินใหม่ราวๆ100,000 ถ้าตามที่อาจารย์เต่าเคยบอกไว้ ให้หวังไว้สัก15%ต่อปี ผ่านไปห้าปี พอร์ตผมเพิ่งจะแตะหลักล้านเองครับ มันจะช้าไปไหมอ่า กว่าจะเปนอิสรภาพทางการเงินแบบพี่ๆในบอร์ดเค้า ผมไม่ปาเข้าไปอายุ60ก่อนหรือครับ และถ้าเกิดวันไหนเจอหัวหน้างี่เง่าเนี่ยแทบอยากจะลาออกซะตรงนั้นเลยล่ะครับ
3.ผมเห็นพี่ๆเก่งๆในบอร์ดหลายคนที่เค้าประสบความสำเร็จ เปนนักลงทุนอาชีพตั้งแต่อายุน้อยๆ แถมเปนอิสรภาพการเงินดัวยพอร์ตหลักร้อยล้านบาท ไม่เห็นเค้าจะต้องมาถือหุ้นไปนานๆอย่างเต่าเลยครับ เวลาปิดสมุดทะเบียนทีนึงก็เห็นชื่อไปโผล่บริษัทนึง ผ่านไปครึ่งปีชื่อหายไป เห็นไปโผล่อีกบริษัทนึงแทน เปนอย่างนี้มากมายหลายคนเลยครับ พอมาคำนวนดูก็โอ้โห ทำไมเงินเค้าเพิ่มขึ้นมาเป็นหลายร้อยเปอร์เซนต์ ในระยะเวลาสองสามปี แล้วอย่างนี้วิชาเต่าที่ทนถือหุ้นนานๆมันไม่เสียโอกาสเหรอครับ อย่างนี้วิธีซ้ายทีขวาทีแบบเซียนหุ้นวีไอไม่ได้ผลเร็วกว่าหรือครับ
รบกวนพี่เท่านี้ก่อนนะครับ
ปุจฉา
1.ถ้าฝึกวิชาเต่าไม่ซื้อไม่ขาย แล้วผมจะกินอะไรล่ะครับ ยิ่งถ้าปันผลเปอร์เซนต์น้อยๆด้วยแล้ว
2.ผมลงทุนด้วยเงินเก็บทั้งหมด3แสนบาท เงินเดือนผม30,000บาท ใช้จ่ายแบบประหยัดๆเหลือลงทุนซักเดือนละ8,000บาท ปีนึงก็จะมีเงินใหม่ราวๆ100,000 ถ้าตามที่อาจารย์เต่าเคยบอกไว้ ให้หวังไว้สัก15%ต่อปี ผ่านไปห้าปี พอร์ตผมเพิ่งจะแตะหลักล้านเองครับ มันจะช้าไปไหมอ่า กว่าจะเปนอิสรภาพทางการเงินแบบพี่ๆในบอร์ดเค้า ผมไม่ปาเข้าไปอายุ60ก่อนหรือครับ และถ้าเกิดวันไหนเจอหัวหน้างี่เง่าเนี่ยแทบอยากจะลาออกซะตรงนั้นเลยล่ะครับ
3.ผมเห็นพี่ๆเก่งๆในบอร์ดหลายคนที่เค้าประสบความสำเร็จ เปนนักลงทุนอาชีพตั้งแต่อายุน้อยๆ แถมเปนอิสรภาพการเงินดัวยพอร์ตหลักร้อยล้านบาท ไม่เห็นเค้าจะต้องมาถือหุ้นไปนานๆอย่างเต่าเลยครับ เวลาปิดสมุดทะเบียนทีนึงก็เห็นชื่อไปโผล่บริษัทนึง ผ่านไปครึ่งปีชื่อหายไป เห็นไปโผล่อีกบริษัทนึงแทน เปนอย่างนี้มากมายหลายคนเลยครับ พอมาคำนวนดูก็โอ้โห ทำไมเงินเค้าเพิ่มขึ้นมาเป็นหลายร้อยเปอร์เซนต์ ในระยะเวลาสองสามปี แล้วอย่างนี้วิชาเต่าที่ทนถือหุ้นนานๆมันไม่เสียโอกาสเหรอครับ อย่างนี้วิธีซ้ายทีขวาทีแบบเซียนหุ้นวีไอไม่ได้ผลเร็วกว่าหรือครับ
รบกวนพี่เท่านี้ก่อนนะครับ
ได้เวลาเหล่าอินทรีย์ ผงาดบนฟากฟ้า
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิชาเต่า - ในวิกฤตแห่งตลาดหุ้นยังมีเต่าอยู่เสมอ
โพสต์ที่ 54
พอร์ตผมก็โตตามผลประกอบการครับ ก็มองมันโตไป โตไปอินทรีย์ทองแดง เขียน:เอ ถ้าผมสนใจอยากฝึกวิชาเต่า เพราะเห็นเต่าตัวพ่อโตเอาๆ แต่มันมีคำถามที่ค้างคาใจอยู่ ไม่ทราบว่าพี่NB พอจะช่วยวิสัชนาหน่อยได้จะได้ไหมครับ
ปุจฉา
ผมขอขอบคุณน้องอินทรีย์ทองแดงครับ กับคำถามที่ยากทีเดียวเพราะหลาย ๆ เรื่องที่ถามมันจะเป็นเรื่องของ "ความเชื่อ" และ "จิตวิทยา" การลงทุนค่อนข้างสูง และเพราะเป็น น้องอินทรีย์ทองแดง ถามมา ผมเลยต้องตอบโดยใช้ความพยายามสูงเช่นเดียวกันลองดูนะครับ
1 ถ้าฝึกวิชาเต่าไม่ซื้อไม่ขาย แล้วผมจะกินอะไรล่ะครับ ยิ่งถ้าปันผลเปอร์เซนต์น้อยๆด้วยแล้ว
NB-ตอบ
หุ้นเป็นปัจจัยเสี่ยงครับไม่ใช่ปัจจัยสี่ ถ้ายังไม่สามารถที่จะทำให้มีปัจจัย 4 ที่สมบูรณ์ได้ก็อย่าพึ่งมาเสี่ยง ซื้อหนังสือมาอ่านเพิ่ม เก็บหอมรอมริบ จะลงทุนได้ก็ต้องมีทุนครับ
วอร์เรน บัฟเฟตต์เองยอมรับว่าได้รับอิทธิพลมาจาก ฟิล ฟิชเชอร์, ครั้งนึงฟิชเชอร์ไปบรรยายที่มหาวิทยาลัย สแตนเฟิร์ด ท่านให้ข้อแนะนำไว้ 3 ข้อ คือ (1) ซื้อบ้าน (2) รู้จักเก็บหอมรอมริบ (3) ลงทุนระยะยาว
ส่วนเงินที่มีความจำเป็น เช่น หากเราวางแผนจะต้องใช้เงินจำนวนหนึ่งเพื่อซื้อบ้าน ไปเที่ยวต่างประเทศ จ่ายค่าเทอม เราควรกันเงินนั้นออกมาจากการลงทุน
การลงทุนต้องยอมรับว่าจะมากจะน้อยเรากำลังเล่นกับความเสี่ยง แต่การไม่ลงทุนก็คือความเสี่ยงอย่างหนึ่งในมุมกลับเช่นเดียวกัน กว่าผมจะได้เริ่มลงทุนก็อายุสามสิบกว่าสี่สิบแล้วครับ ถ้าน้องเริ่มลงทุนตั้งแต่เริ่มทำงานอย่างถูกวิธีและโตไปเรื่อย ๆ พอร์ตของน้องก็จะโตตามวัยไปเช่นเดียวกัน ในขณะที่น้องอายุมากขึ้นหน้าที่การงานมั่นคงขึ้นเกื้อหนุนกันไป
เวลาเป็นเพื่อนที่ดีของนักลงทุนระยะยาวครับ
2.ผมลงทุนด้วยเงินเก็บทั้งหมด3แสนบาท เงินเดือนผม30,000บาท ใช้จ่ายแบบประหยัดๆเหลือลงทุนซักเดือนละ8,000บาท ปีนึงก็จะมีเงินใหม่ราวๆ100,000 ถ้าตามที่อาจารย์เต่าเคยบอกไว้ ให้หวังไว้สัก15%ต่อปี ผ่านไปห้าปี พอร์ตผมเพิ่งจะแตะหลักล้านเองครับ มันจะช้าไปไหมอ่า กว่าจะเปนอิสรภาพทางการเงินแบบพี่ๆในบอร์ดเค้า ผมไม่ปาเข้าไปอายุ60ก่อนหรือครับ และถ้าเกิดวันไหนเจอหัวหน้างี่เง่าเนี่ยแทบอยากจะลาออกซะตรงนั้นเลยล่ะครับ
NB-ตอบ
ทำอย่างไรผมว่าสำคัญกว่าทำได้เท่าไรครับ 15% ต่อปีถ้าทำได้ต่อเนื่องทุกปีนี่เจ๋งมากเลยนะครับ แล้ว 5 ปีมีเงินล้านนึงนี่ก็ดีกว่าคนค่อนประเทศเข้าไปแล้วครับ ในตลาดหุ้นนั้นสิ่งที่สำคัญคือการควบคุมความโลภครับ ยิ่งเราโลภมากเท่าไรเราจะวิ่งเข้าหาสิ่งลวงตาได้ง่าย หลักการที่แท้จริงก็จะถูกซ่อนไว้ในลิ้นชักแบบนี้อันตรายครับ สำคัญที่ความพอใจครับ
เต่ากินผักบุ้งครับ เต่าไม่กินบุฟเฟตต์มื้อละหลาย ๆ พัน เต่าไม่ฟุ่มเฟือย
อายุหกสิบมันจะช้าไปหรือไม่ ลองดูครับ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ซื้อหุ้นโค้กตอนอายุ 50 กว่า คงไม่ได้อยากจะเลิกหุ้นตอนอายุ 60 มั๊งครับ? ฟิชเชอร์ลงทุนถึงอายุแปดสิบกว่าเก้าสิบเค้าก็ไม่เลิกลงทุนแม้สุขภาพไม่อำนวยจนท่านเสียชีวิต วอลเตอร์ ซลอส์ เพื่อนรักนักลงทุนของบัฟเฟตต์ท่านก็อายุ 90 กว่าแล้วเป็นหนึ่งใน super investor แอนน์ ไชเบอร์ หนึ่งในตำนานของนักลงทุนนั่นเริ่มเล่นหุ้นตอนห้าสิบมั๊งครับ ผมมองว่าสำหรับท่านเหล่านี้แล้วอายุเป็นเพียงตัวเลขครับ
ต้องนิ่งครับ สำคัญที่การตั้งเป้าหมาย การควบคุมความโลภ การใช้เครื่องมือที่ถูกต้อง และการตีความคำว่าผลลัพธ์ที่ได้ เมื่อผลตอบแทนทบต้นทำงานแล้วก็จะเห็นผลของมันครับ
3.ผมเห็นพี่ๆเก่งๆในบอร์ดหลายคนที่เค้าประสบความสำเร็จ เปนนักลงทุนอาชีพตั้งแต่อายุน้อยๆ แถมเปนอิสรภาพการเงินดัวยพอร์ตหลักร้อยล้านบาท ไม่เห็นเค้าจะต้องมาถือหุ้นไปนานๆอย่างเต่าเลยครับ เวลาปิดสมุดทะเบียนทีนึงก็เห็นชื่อไปโผล่บริษัทนึง ผ่านไปครึ่งปีชื่อหายไป เห็นไปโผล่อีกบริษัทนึงแทน เปนอย่างนี้มากมายหลายคนเลยครับ พอมาคำนวนดูก็โอ้โห ทำไมเงินเค้าเพิ่มขึ้นมาเป็นหลายร้อยเปอร์เซนต์ ในระยะเวลาสองสามปี แล้วอย่างนี้วิชาเต่าที่ทนถือหุ้นนานๆมันไม่เสียโอกาสเหรอครับ อย่างนี้วิธีซ้ายทีขวาทีแบบเซียนหุ้นวีไอไม่ได้ผลเร็วกว่าหรือครับ
NB-ตอบ
คนทุกคนที่เกิดมามีต้นทุนไม่เท่ากัน ต้นทุนเริ่มเล่นหุ้นแต่ละคนไม่เท่ากัน ต้นทุนความรู้การศึกษาไม่เท่ากัน และที่สำคัญความจริง และความเชื่อในตลาดหุ้นมักจะปนเป ยิ่งในโลกเส็งเคร็งแห่งไซเบอร์ด้วยแล้ว คนดี คนเก่ง คนมีน้ำใจ เป็นได้ด้วยคีย์บอร์ด
ไม่แปลกที่นักมวยงานวัดจะอยากเป็นบัวขาว ไม่แปลกที่เด็กเล่นสตรีทบาส ฝันอยากเป็น เจอร์มี่หลิน แต่สำหรับตลาดหุ้นแล้วมันฝังเรื่องราวแห่งความล้มเหลวไว้มากมายที่ไม่ได้พูดกันออกมา
เรื่องที่ดี ๆ ร้าย ๆ มีกันทั้งนั้นมีกันทุกคน เงินทอง ไม่เข้าใครออกใคร ซุปเปอร์สตาร์มีไว้ให้เรียนรู้ ไม่ได้มีไว้ให้ลอกเลียน คุณไม่ใช่เค้า คุณก็อปเค้ามาไม่ได้หมดหรอก เคล็ดวิชามันต่างกัน ถ้าคุณชอบเค้าคุณศรัทธา ผมแนะว่าคุณเรียนรู้จากเค้าและนำไปใช้ในแบบที่เราเป็นเรา ตัวคุณเป็นตัวคุณ จะดีกว่า ผลสำเร็จได้เท่าไรสุดท้ายเราจะรู้ตัวเราเองว่าสิ่งใดดีสิ่งใดไม่ดีกับเรา
สำหรับผม ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
ซ้ายทีขวาทีจะดีกว่าหรือไม่? พิสูจน์ด้วยตัวเองจะดีกว่าครับ
หลายคนมีความเข้าใจผิดว่าการเป็นวีไอต้องถือยาวถือทนหุ้นตัวใดก็ได้ – ผิดครับ
สิ่งที่ถูกคือ -> ฟังนะครับไม่ใช่หุ้นทุกตัวจะเอาชนะเงินเฟ้อได้ ไม่ใช่หุ้นทุกตัวจะชนะตลาดได้ สิ่งที่สำคัญคือ คุณต้องเลือกหุ้นที่ป้องกันตัวเองจากเงินเฟ้อให้ได้ สุดยอดหุ้นพวกนี้ยามตลาดตกก็จะถูกทิ้งลงมา แต่ไม่ว่ากี่ครั้งก็ตามมันจะกลับมาได้เสมอและจะทำนิวไฮใหม่ ๆ พร้อม ๆ กับผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผมกล่าวว่าผู้บริหารนั่นเป็นคีย์ที่สำคัญ การเติบโตอย่างมั่นคงนั่นสำคัญ ฐานธุรกิจ Moat และนวัตกรรม ส่วนแบ่งการตลาด อีกทั้งแบรนด์อันเข้มแข็งนั่นสำคัญ
เล็งหาหุ้นเหล่านี้แล้วอยู่กับมันไปในระยะยาว ผมมั่นใจและมี "ความเชื่อ" อย่างลึก รวมถึงนำมาใช้ด้วยตัวเองครับ
หากเราคัดกรองหุ้นอย่างดีดังที่ผมว่ามาแล้วความสำเร็จก็น่าจะเป็นของเราได้ มากกว่า ซ้ายที ขวาที แน่นอนครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิชาเต่า - ในวิกฤตแห่งตลาดหุ้นยังมีเต่าอยู่เสมอ
โพสต์ที่ 55
เช่นเดียวกันครับผมSaran เขียน:ขอบคุณสำหรับแง่คิดดีๆนะครับ อ้อ สุขสันต์วันสงกรานต์ด้วยนะครับ พี่ NB.
ตอนนี้ผมก็กำลังค้นหาแนวทางของผมอยู่เรื่อยๆ อยากตกผลึกทางความคิดได้อย่างนี้บ้างจังเลยครับ
ส่วนตัวผมว่าน้องศรัณย์ตกผลึกทางความคิดอยู่แล้วและเป็นคนที่เก่งมาก ๆ เรื่องตัวเลข ถ้าผมจะแนะนำน้องศรัณย์ผมแนะว่าน้องศรัณย์ควรเพิ่มแนวทางในการวิเคราะห์ "คน" โดยเฉพาะผู้บริหาร ซึ่งมันค่อนข้าง Qualitative จริงมั๊ย?
แต่ผมแนะให้ น้องศรัณย์ "ขี้โกง" ได้นิดนึงครับ โดยเราดูจากผลงานเป็นหลักวิเคราะห์สิ่งที่เค้าพูด โดยเปรียบเทียบกับสิ่งที่เค้าทำและให้งบการเงินเป็นคะแนนที่เค้าได้
แล้วก็วิเคราะห์วนไปวนมา เช่น ผบห. ทำ Action A ใช้เงินไป X ภายในระยะเวลา Y ได้ผลตอบแทน Z
หลังจากนั้นก็มาดูต่อ เช่น ผบห. คนเดิมทำ Action A แล้ว Work หรือไม่ Work ไอ้ตัวเลข X, Y, Z ที่เค้าเคยเอ่ย มันใกล้เคียง หรือมากกว่า หรือน้อยกว่า อย่างไร แล้วเค้าให้เหตุผลอย่างไร เข้าท่าหรือไม่ อย่าลืม "คนดีชอบแก้ไข"
X นั้น เปรียบได้กับ Capex ดูว่า ผบห. มีนิสัย กล้าเสี่ยงแบบมีเหตุผล ใช้เงินเป็น หรือใช้เงินโง่ ประเภทเอาเงินพ่อมาลงทุนเล่นรึเปล่า
Y นั้น ใช้เปรียบเทียบว่า ผบห. conservative หรือไม่ ใจเร็วด่วนได้หรือเปล่า
Z นั้น ใช้เปรียบกับ Vision ของ ผบห.
แนะให้แค่นี้ น้องศรัณย์ ไปต่อ-ยอดได้ เพราะเป็นคนเก่งอยู่แล้ว
สุขสันต์วันสงกรานต์ครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 513
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิชาเต่า - ในวิกฤตแห่งตลาดหุ้นยังมีเต่าอยู่เสมอ
โพสต์ที่ 56
ขอบคุณพี่NBมากๆครับ ที่ช่วยไขความกระจ่างปุจฉาของผม
ตอนแรกว่าจะถามต่อ แต่ได้อ่านที่พี่NB วิสัชนามา ผมก็คงไม่จำเป็นอีกต่อไป
ใครที่ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องลงทุนระยะยาว ควรจะอ่านกระทู้นี้มากๆครับ
ตอนแรกว่าจะถามต่อ แต่ได้อ่านที่พี่NB วิสัชนามา ผมก็คงไม่จำเป็นอีกต่อไป
ใครที่ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องลงทุนระยะยาว ควรจะอ่านกระทู้นี้มากๆครับ
ได้เวลาเหล่าอินทรีย์ ผงาดบนฟากฟ้า
- Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 1
Re: วิชาเต่า - ในวิกฤตแห่งตลาดหุ้นยังมีเต่าอยู่เสมอ
โพสต์ที่ 57
ขอบคุณมากๆครับ เรื่องปัญหาการวิเคราะห์ "คน" เป็นจุดด้อยของผมจริงๆครับ ตามที่พี่บอกเลย พร้อมรับคำแนะนำและจะเอาไปปรับใช้ดูครับ
ที่จริงเรื่องนี้ หากเทียบกันแล้ว สมัยของอ.ฟิชเชอร์ ข้อมูลส่วนนี้หาได้ยากกว่าในสมัยนี้เยอะเลยนะครับ นั่งอยู่บ้านต่อเน็ตอย่างเดียวก็หามา
ได้เพียบแล้ว หรือควรจะพูดได้ว่า เยอะเกินไปจนต้องกรองออกบ้างเสียด้วยซ้ำ
จุดอ่อนด้านนี้จริงๆ ผมก็พยายามแก้อยู่ครับ (ที่จริงด้านตัวเลขผมก็อ่อนอยู่ครับ อย่าเรียกว่าเก่งเลย) โดยเริ่มจากเน้นอ่านรายงานประจำปี
ย้อนหลังไปหลายๆปีดูครับ แต่ผมมีวิธีที่ผมใช้ในการอ่านเหมือนกัน เลยอยากลองเอามาแชร์กับเพื่อนๆดูบ้าง
- เริ่มอ่านจากรายงานที่เป็นของอดีตก่อน เริ่มจากอ่านหัวข้อ สารจากประธานคณะกรรมการบริษัท และสารจากประธานกรรมการบริหารครับ
- เสร็จแล้ว ลองดูในส่วนงบคร่าวๆครับ ดูแค่ส่วนที่เป็นตัวเลขการเงินสรุปก็ได้ พร้อมคำชี้แจงผลการดำเนินงานที่ผ่านมา
- ถ้าสามารถหาเอกสาร "สรุปรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี" ของปีนั้นมาได้ก็จะดีครับ ผมว่าเป็นประโยชน์มากๆเลยน่ะ
เพราะมีการบันทึกคำถามของผู้ถือหุ้นที่ไปประชุมมาให้ประธานได้ชี้แจงอยู่ด้วย
- แล้วก็วนอ่านของปีถัดไปอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงปีล่าสุดครับ
อ่านเสร็จแล้ว น่าจะพอช่วยให้ตอบได้บ้างว่า ผู้บริหารเป็นอย่างที่พี่ NB. บอกไว้ไหมว่าเป็น "คนดีชอบแก้ไข" หรือป่าว
สุดท้าย ขอชื่นชมกับการตั้งคำถามของคุณอินทรีย์ทองแดง และคำตอบของพี่ NB. ก็ยังยอดเยี่ยมเช่นเดียวกันครับ
ที่จริงเรื่องนี้ หากเทียบกันแล้ว สมัยของอ.ฟิชเชอร์ ข้อมูลส่วนนี้หาได้ยากกว่าในสมัยนี้เยอะเลยนะครับ นั่งอยู่บ้านต่อเน็ตอย่างเดียวก็หามา
ได้เพียบแล้ว หรือควรจะพูดได้ว่า เยอะเกินไปจนต้องกรองออกบ้างเสียด้วยซ้ำ
จุดอ่อนด้านนี้จริงๆ ผมก็พยายามแก้อยู่ครับ (ที่จริงด้านตัวเลขผมก็อ่อนอยู่ครับ อย่าเรียกว่าเก่งเลย) โดยเริ่มจากเน้นอ่านรายงานประจำปี
ย้อนหลังไปหลายๆปีดูครับ แต่ผมมีวิธีที่ผมใช้ในการอ่านเหมือนกัน เลยอยากลองเอามาแชร์กับเพื่อนๆดูบ้าง
- เริ่มอ่านจากรายงานที่เป็นของอดีตก่อน เริ่มจากอ่านหัวข้อ สารจากประธานคณะกรรมการบริษัท และสารจากประธานกรรมการบริหารครับ
- เสร็จแล้ว ลองดูในส่วนงบคร่าวๆครับ ดูแค่ส่วนที่เป็นตัวเลขการเงินสรุปก็ได้ พร้อมคำชี้แจงผลการดำเนินงานที่ผ่านมา
- ถ้าสามารถหาเอกสาร "สรุปรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี" ของปีนั้นมาได้ก็จะดีครับ ผมว่าเป็นประโยชน์มากๆเลยน่ะ
เพราะมีการบันทึกคำถามของผู้ถือหุ้นที่ไปประชุมมาให้ประธานได้ชี้แจงอยู่ด้วย
- แล้วก็วนอ่านของปีถัดไปอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงปีล่าสุดครับ
อ่านเสร็จแล้ว น่าจะพอช่วยให้ตอบได้บ้างว่า ผู้บริหารเป็นอย่างที่พี่ NB. บอกไว้ไหมว่าเป็น "คนดีชอบแก้ไข" หรือป่าว
สุดท้าย ขอชื่นชมกับการตั้งคำถามของคุณอินทรีย์ทองแดง และคำตอบของพี่ NB. ก็ยังยอดเยี่ยมเช่นเดียวกันครับ
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
Re: วิชาเต่า - ในวิกฤตแห่งตลาดหุ้นยังมีเต่าอยู่เสมอ
โพสต์ที่ 58
ผมห่างบอร์ด ห่างตลาด ไปพักหนึง ไม่ค่อยได้เข้ามาอ่าน
ท่าน NB มีบทความดีๆให้อ่านอีกแล้ว เวลาที่ทุกคนในตลาดหวั่นไหว
อ่านแล้วชอบประโยคนี้มากๆ
" แต่สำหรับตลาดหุ้นแล้วมันฝังเรื่องราวแห่งความล้มเหลวไว้มากมายที่ไม่ได้พูดกันออกมา"
สวัสดีปีใหม่ สุขสันต์วันสงกราน ครับ ท่าน NB
ท่าน NB มีบทความดีๆให้อ่านอีกแล้ว เวลาที่ทุกคนในตลาดหวั่นไหว
อ่านแล้วชอบประโยคนี้มากๆ
" แต่สำหรับตลาดหุ้นแล้วมันฝังเรื่องราวแห่งความล้มเหลวไว้มากมายที่ไม่ได้พูดกันออกมา"
สวัสดีปีใหม่ สุขสันต์วันสงกราน ครับ ท่าน NB
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- Crested Jay
- Verified User
- โพสต์: 253
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิชาเต่า - ในวิกฤตแห่งตลาดหุ้นยังมีเต่าอยู่เสมอ
โพสต์ที่ 60
เป็นกระทู้ที่ดีมากๆ ขอบคุณ Mr.NB ที่ช่วยเผยแผ่แนวทางการลงทุนที่ดีๆครับ