หุ้นที่ห้ามซื้อ
-
- Verified User
- โพสต์: 601
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นที่ห้ามซื้อ
โพสต์ที่ 1
หุ้นที่ห้ามซื้อ : นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์ (**Renew**)
หุ้นที่ห้ามซื้อ
นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
ในวิชาการทางด้านการพนัน มีศัพท์เทคนิคอยู่คำหนึ่งคือคำว่า Parimutuel
การพนันบางอย่างเป็นการพนันแบบ Parimutuel หมายความว่า คุณจะได้ผลตอบแทนเท่าไรไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณแทงถูกหรือไม่อย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับว่ามีคนอื่นที่แทงถูกเหมือนคุณมากน้อยแค่ไหนด้วย ถ้าคุณแทงถูก แต่คนส่วนใหญ่ก็แทงเหมือนกับคุณ อัตราต่อรองจะถูก bid ขึ้นไปสูงเสียจนคนที่แทงถูกแทบจะไม่ได้ค่าตอบแทนอะไรเลย ตัวอย่างของการพนันแบบ Perimutuel ก็คือ ม้าแข่ง รวมถึงการพนันฟุตบอลแบบที่อัตราต่อรองไหลไปเรื่อยๆด้วย
ที่พูดถึงคำๆนี้ ก็เพราะอยากจะบอกคุณว่า ตลาดหุ้น ก็มีลักษณะเป็น Parimutuel ด้วย การเลือกหุ้นของบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีที่สุด ยังไม่สามารถทำให้คุณประสบความสำเร็จในการลงทุนได้ เพราะถ้าหากนักลงทุนคนอื่นๆในตลาดรู้เหมือนกับคุณ ราคาหุ้นจะ bid ขึ้นไปจนเกินพื้นฐานเสมอ การซื้อหุ้นเหล่านั้นที่ราคาเกินพื้นฐานจึงทำให้ขาดทุนมากกว่าที่จะกำไร ทั้งที่หุ้นเหล่านั้นเป็นหุ้นพื้นฐานดี
พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ การลงทุนในตลาดหุ้นไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเปรียบกับคณิตศาสตร์ก็เหมือนเป็นสมการสองชั้น นอกจากกิจการที่ลงทุนจะเป็นกิจการที่พื้นฐานดีแล้ว นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดจะต้องยังไม่เห็นความดีนั้นด้วย มิฉะนั้นลงทุนไปก็ไม่ได้อะไร เพราะราคาหุ้นที่ลงทุนจะไม่ถูกเมื่อเทียบกับพื้นฐานที่ดีของมัน
ในตลาดหุ้น หุ้นที่เป็นหลุมพรางของนักลงทุนจึงได้แก่หุ้นของบริษัทที่เป็นที่ยอมรับกันเป็นการทั่วไปในตลาดว่า กิจการของหุ้นดีมากเสียจนหาข้อเสียใดๆไม่ได้เลย ปกติแล้วหุ้นทุกตัวในตลาดจะมีข้อเสียบางอย่างอยู่ ข้อเสียคือสิ่งที่ช่วยทำให้ราคาหุ้นมีแนวต้าน เมื่อใดก็ตามที่หุ้นตัวใดก็ตามในตลาด สามารถสร้างสตอรี่เพื่อแก้ต่างจุดอ่อนที่อยู่ในความรู้สึกของนักลงทุนทั่วไปในตลาดได้หมดทุกจุด ราคาของหุ้นตัวนั้นก็จะทะยานขึ้นทันทีอย่างกับติดเทอร์โบ เนื่องจากหุ้นตัวนั้นจะไม่มีอะไรเป็นแนวต้านอีกต่อไป โดยที่ในความเป็นจริงแล้ว พื้นฐานของหุ้นจะไร้ที่ติขนาดนั้นจริงหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แค่ไร้ที่ติในความคิดของนักลงทุนทั่วไปในตลาด ราคาหุ้นก็จะไร้แนวต้านทันที
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราได้พบเห็น “หุ้นจรวด” เหล่านี้อยู่เป็นระยะๆ โดยมากแล้วมักจะเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดกำลังวิตกกังวลเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากๆ หุ้นบางตัวจะถูกมองและเชียร์กันบ่อยๆ ว่าเป็นหุ้นเพียงไม่กี่ตัวในตลาดที่ธุรกิจของมันจะไม่ได้ผลกระทบใดๆ จากเรื่องที่ทุกคนกำลังกังวลอยู่นั้น เมื่อกระแสจุดติด ราคาของหุ้นเหล่านี้จะวิ่งเร็วยิ่งกว่าติดเทอร์โบกลายเป็นว่าวที่ติดลมบน ยิ่งเรื่องที่ตลาดกังวลทำให้ดัชนีปรับตัวลงมากเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้หุ้นตัวนั้นมีราคาเพิ่มขึ้นสวนตลาดมากขึ้นไปอีก
เมื่อราคาหุ้นแข็งมาก นักลงทุนส่วนหนึ่งจะเข้ามาหลบภัยในหุ้นตัวนั้นเพื่อให้พอร์ตของตัวเองชนะตลาด ทำให้ราคาหุ้นตัวนั้นยิ่งแข็งขึ้นไปอีกเป็นปฏิกิริยาย้อนกลับในเชิงบวก ความที่ราคาหุ้นไม่ลงเลย ทำให้ยิ่งมีนักลงทุนที่อยากเป็นเจ้าของหุ้นตัวนั้นเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นหุ้นแต่ถือแล้วสบายใจยิ่งกว่าพันธบัตร เวลานี้ฟองสบู่ได้ก่อตัวขึ้นมาแล้ว…
การซื้อหุ้นเหล่านั้นในช่วงเวลาแบบนั้นเป็นเรื่องอันตรายที่สุด ราคาหุ้นอาจแข็งแกร่งอยู่อย่างนั้นได้เป็นปีๆ แต่ในวันที่ทุกอย่างปรากฏขึ้นมาว่ากิจการของหุ้นนั้นดีจริง แต่ไม่ดีมากขนาดที่จะ justify ราคาหุ้นที่สูงลิ่วขนาดนั้นได้ หุ้นมักจะปรับตัวลงอย่างรุนแรงม้วนเดียวจบจนตั้งตัวไม่ทัน พูดง่ายก็คือตัวใครตัวมันล่ะครับ (the party is over)
ในตลาดหุ้น หุ้นที่ห้ามซื้อเด็ดขาดจึงได้แก่ หุ้นที่ไม่มีข้อเสียใดๆเลย เหมือนการแทงม้าตัวที่ทุกคนเชื่อว่าจะเข้าวินจะไม่ได้ประโยชน์อะไร วิธีการเล่นหุ้นแบบหนึ่งที่จะล้มเหลวเสมอคือ ซื้อหุ้นที่นักวิเคราะห์ทุกสำนักแนะนำให้ “ซื้อ” เพราะเมื่อใดก็ตามที่ทุกคนในตลาดเห็นด้วยว่าดีแล้ว ย่อมไม่เหลือใครในตลาดอีกที่อยากได้หุ้นตัวนั้นแต่ยังไม่ได้ซื้อ หุ้นจึงแทบไม่เหลือแรงส่งขึ้นไปได้อีกแล้ว นอกจากรอเวลาที่จะร่วงลงมาเมื่อใครสักคนที่มีหุ้นนั้นเริ่มอยากขายทำกำไรออกมา
นักลงทุนที่ดีต้องทำตัวเหมือนคนที่ยึดอาชีพเป็น “แมวมอง” แมวมองเลือกที่จะทุ่มให้กับคนที่ยังไม่ดังแต่มีแววว่าจะดังเท่านั้น เมื่อคนนั้นกลายเป็นคนดังขึ้นมาชั่วข้ามคืน แมวมองก็จะได้รับผลตอบแทนอย่างมหาศาลจากความ “ตาถึง” ของเขา ในขณะที่ “คนดู” สนใจกันแต่ดาราที่ดังแล้ว ยิ่งดังเท่าไรยิ่งชอบ คนดูจึงต้องเป็นฝ่ายเสียเงินตลอด (ค่าบัตรคอนเสิร์ต ค่าตั๋วหนัง ฯลฯ)
หุ้นที่น่าลงทุนกว่าคือหุ้นที่ยังมีอะไรบางอย่างที่ไม่ดีอยู่ แต่เราเชื่อมั่นว่าสิ่งเหล่านั้นสามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้ในอนาคต ถ้าเราเลือกซื้อแต่ดอกไม้ที่มีคนคัดมาให้เราแล้ว เราจะได้ดอกไม้ที่ดีก็จริง แต่เราจะต้องเป็นฝ่ายเสียเงินให้คนคัดดอกไม้เสมอ สู้ทำตัวเป็นคนคัดดอกไม้ในตลาดหุ้นไม่ดีกว่าหรือครับ
*************************
หุ้นที่ห้ามซื้อ
นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
Wednesday , 25 February 2009
พอดี เห็นในเวป แห่งหนึ่ง S2M ,
อันนี้เป็นความจริงในตลาดนี้ ที่ไม่ได้ตรงไปตรงมา
1+1 จึงมักไม่เท่ากับ 2
หุ้นที่ห้ามซื้อ
นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
ในวิชาการทางด้านการพนัน มีศัพท์เทคนิคอยู่คำหนึ่งคือคำว่า Parimutuel
การพนันบางอย่างเป็นการพนันแบบ Parimutuel หมายความว่า คุณจะได้ผลตอบแทนเท่าไรไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณแทงถูกหรือไม่อย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับว่ามีคนอื่นที่แทงถูกเหมือนคุณมากน้อยแค่ไหนด้วย ถ้าคุณแทงถูก แต่คนส่วนใหญ่ก็แทงเหมือนกับคุณ อัตราต่อรองจะถูก bid ขึ้นไปสูงเสียจนคนที่แทงถูกแทบจะไม่ได้ค่าตอบแทนอะไรเลย ตัวอย่างของการพนันแบบ Perimutuel ก็คือ ม้าแข่ง รวมถึงการพนันฟุตบอลแบบที่อัตราต่อรองไหลไปเรื่อยๆด้วย
ที่พูดถึงคำๆนี้ ก็เพราะอยากจะบอกคุณว่า ตลาดหุ้น ก็มีลักษณะเป็น Parimutuel ด้วย การเลือกหุ้นของบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีที่สุด ยังไม่สามารถทำให้คุณประสบความสำเร็จในการลงทุนได้ เพราะถ้าหากนักลงทุนคนอื่นๆในตลาดรู้เหมือนกับคุณ ราคาหุ้นจะ bid ขึ้นไปจนเกินพื้นฐานเสมอ การซื้อหุ้นเหล่านั้นที่ราคาเกินพื้นฐานจึงทำให้ขาดทุนมากกว่าที่จะกำไร ทั้งที่หุ้นเหล่านั้นเป็นหุ้นพื้นฐานดี
พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ การลงทุนในตลาดหุ้นไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเปรียบกับคณิตศาสตร์ก็เหมือนเป็นสมการสองชั้น นอกจากกิจการที่ลงทุนจะเป็นกิจการที่พื้นฐานดีแล้ว นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดจะต้องยังไม่เห็นความดีนั้นด้วย มิฉะนั้นลงทุนไปก็ไม่ได้อะไร เพราะราคาหุ้นที่ลงทุนจะไม่ถูกเมื่อเทียบกับพื้นฐานที่ดีของมัน
ในตลาดหุ้น หุ้นที่เป็นหลุมพรางของนักลงทุนจึงได้แก่หุ้นของบริษัทที่เป็นที่ยอมรับกันเป็นการทั่วไปในตลาดว่า กิจการของหุ้นดีมากเสียจนหาข้อเสียใดๆไม่ได้เลย ปกติแล้วหุ้นทุกตัวในตลาดจะมีข้อเสียบางอย่างอยู่ ข้อเสียคือสิ่งที่ช่วยทำให้ราคาหุ้นมีแนวต้าน เมื่อใดก็ตามที่หุ้นตัวใดก็ตามในตลาด สามารถสร้างสตอรี่เพื่อแก้ต่างจุดอ่อนที่อยู่ในความรู้สึกของนักลงทุนทั่วไปในตลาดได้หมดทุกจุด ราคาของหุ้นตัวนั้นก็จะทะยานขึ้นทันทีอย่างกับติดเทอร์โบ เนื่องจากหุ้นตัวนั้นจะไม่มีอะไรเป็นแนวต้านอีกต่อไป โดยที่ในความเป็นจริงแล้ว พื้นฐานของหุ้นจะไร้ที่ติขนาดนั้นจริงหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แค่ไร้ที่ติในความคิดของนักลงทุนทั่วไปในตลาด ราคาหุ้นก็จะไร้แนวต้านทันที
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราได้พบเห็น “หุ้นจรวด” เหล่านี้อยู่เป็นระยะๆ โดยมากแล้วมักจะเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดกำลังวิตกกังวลเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากๆ หุ้นบางตัวจะถูกมองและเชียร์กันบ่อยๆ ว่าเป็นหุ้นเพียงไม่กี่ตัวในตลาดที่ธุรกิจของมันจะไม่ได้ผลกระทบใดๆ จากเรื่องที่ทุกคนกำลังกังวลอยู่นั้น เมื่อกระแสจุดติด ราคาของหุ้นเหล่านี้จะวิ่งเร็วยิ่งกว่าติดเทอร์โบกลายเป็นว่าวที่ติดลมบน ยิ่งเรื่องที่ตลาดกังวลทำให้ดัชนีปรับตัวลงมากเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้หุ้นตัวนั้นมีราคาเพิ่มขึ้นสวนตลาดมากขึ้นไปอีก
เมื่อราคาหุ้นแข็งมาก นักลงทุนส่วนหนึ่งจะเข้ามาหลบภัยในหุ้นตัวนั้นเพื่อให้พอร์ตของตัวเองชนะตลาด ทำให้ราคาหุ้นตัวนั้นยิ่งแข็งขึ้นไปอีกเป็นปฏิกิริยาย้อนกลับในเชิงบวก ความที่ราคาหุ้นไม่ลงเลย ทำให้ยิ่งมีนักลงทุนที่อยากเป็นเจ้าของหุ้นตัวนั้นเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นหุ้นแต่ถือแล้วสบายใจยิ่งกว่าพันธบัตร เวลานี้ฟองสบู่ได้ก่อตัวขึ้นมาแล้ว…
การซื้อหุ้นเหล่านั้นในช่วงเวลาแบบนั้นเป็นเรื่องอันตรายที่สุด ราคาหุ้นอาจแข็งแกร่งอยู่อย่างนั้นได้เป็นปีๆ แต่ในวันที่ทุกอย่างปรากฏขึ้นมาว่ากิจการของหุ้นนั้นดีจริง แต่ไม่ดีมากขนาดที่จะ justify ราคาหุ้นที่สูงลิ่วขนาดนั้นได้ หุ้นมักจะปรับตัวลงอย่างรุนแรงม้วนเดียวจบจนตั้งตัวไม่ทัน พูดง่ายก็คือตัวใครตัวมันล่ะครับ (the party is over)
ในตลาดหุ้น หุ้นที่ห้ามซื้อเด็ดขาดจึงได้แก่ หุ้นที่ไม่มีข้อเสียใดๆเลย เหมือนการแทงม้าตัวที่ทุกคนเชื่อว่าจะเข้าวินจะไม่ได้ประโยชน์อะไร วิธีการเล่นหุ้นแบบหนึ่งที่จะล้มเหลวเสมอคือ ซื้อหุ้นที่นักวิเคราะห์ทุกสำนักแนะนำให้ “ซื้อ” เพราะเมื่อใดก็ตามที่ทุกคนในตลาดเห็นด้วยว่าดีแล้ว ย่อมไม่เหลือใครในตลาดอีกที่อยากได้หุ้นตัวนั้นแต่ยังไม่ได้ซื้อ หุ้นจึงแทบไม่เหลือแรงส่งขึ้นไปได้อีกแล้ว นอกจากรอเวลาที่จะร่วงลงมาเมื่อใครสักคนที่มีหุ้นนั้นเริ่มอยากขายทำกำไรออกมา
นักลงทุนที่ดีต้องทำตัวเหมือนคนที่ยึดอาชีพเป็น “แมวมอง” แมวมองเลือกที่จะทุ่มให้กับคนที่ยังไม่ดังแต่มีแววว่าจะดังเท่านั้น เมื่อคนนั้นกลายเป็นคนดังขึ้นมาชั่วข้ามคืน แมวมองก็จะได้รับผลตอบแทนอย่างมหาศาลจากความ “ตาถึง” ของเขา ในขณะที่ “คนดู” สนใจกันแต่ดาราที่ดังแล้ว ยิ่งดังเท่าไรยิ่งชอบ คนดูจึงต้องเป็นฝ่ายเสียเงินตลอด (ค่าบัตรคอนเสิร์ต ค่าตั๋วหนัง ฯลฯ)
หุ้นที่น่าลงทุนกว่าคือหุ้นที่ยังมีอะไรบางอย่างที่ไม่ดีอยู่ แต่เราเชื่อมั่นว่าสิ่งเหล่านั้นสามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้ในอนาคต ถ้าเราเลือกซื้อแต่ดอกไม้ที่มีคนคัดมาให้เราแล้ว เราจะได้ดอกไม้ที่ดีก็จริง แต่เราจะต้องเป็นฝ่ายเสียเงินให้คนคัดดอกไม้เสมอ สู้ทำตัวเป็นคนคัดดอกไม้ในตลาดหุ้นไม่ดีกว่าหรือครับ
*************************
หุ้นที่ห้ามซื้อ
นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
Wednesday , 25 February 2009
พอดี เห็นในเวป แห่งหนึ่ง S2M ,
อันนี้เป็นความจริงในตลาดนี้ ที่ไม่ได้ตรงไปตรงมา
1+1 จึงมักไม่เท่ากับ 2
- OutOfMyMind
- Verified User
- โพสต์: 1242
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ห้ามซื้อ
โพสต์ที่ 2
ผมขอเห็นต่างนะครับ ผมว่าหุ้นดีไม่มีที่ติ ก็เฝ้ารอหาโอกาสซื้อได้ครับ
ราคาหุ้นมันผันผวนตามใจคน ปีปีนึง มักมีจังหวะที่ราคาลงมาถ่าง MOS ให้กว้างพอเสมอ
จุดสำคัญคือต้องอดทน รอเพื่อนส่งบอลมาเข้าขาข้างถนัด วางเท้าดีดี แล้วซัดให้เต็มข้อเลย
ราคาหุ้นมันผันผวนตามใจคน ปีปีนึง มักมีจังหวะที่ราคาลงมาถ่าง MOS ให้กว้างพอเสมอ
จุดสำคัญคือต้องอดทน รอเพื่อนส่งบอลมาเข้าขาข้างถนัด วางเท้าดีดี แล้วซัดให้เต็มข้อเลย
บทความดีดีสำหรับนักลงทุนเน้นคุณค่า
https://www.facebook.com/OutOfMyMindOnValueInvestment
https://www.facebook.com/OutOfMyMindOnValueInvestment
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1123
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ห้ามซื้อ
โพสต์ที่ 3
OutOfMyMind เขียน:ผมขอเห็นต่างนะครับ ผมว่าหุ้นดีไม่มีที่ติ ก็เฝ้ารอหาโอกาสซื้อได้ครับ
ราคาหุ้นมันผันผวนตามใจคน ปีปีนึง มักมีจังหวะที่ราคาลงมาถ่าง MOS ให้กว้างพอเสมอ
จุดสำคัญคือต้องอดทน รอเพื่อนส่งบอลมาเข้าขาข้างถนัด วางเท้าดีดี แล้วซัดให้เต็มข้อเลย
ไม่เสมอไปนะครับ ช่วงตลาดลงบางครั้งหุ้นที่มีลักษณะดังว่า แค่ราคงลงจาก "แพงมาก" กลายเป็น "แพง" แล้วถ้าเราเข้าไปซื้อ พอตลาดขึ้นแล้วเราได้เงิน เราติ๊ต่างว่าเราสำเร็จ จริงๆแล้วมันคือ ราคาขึ้นจากแพง กลับไป แพงมาก ซึ่งเราสำเร็จจริงในระยะสั้น แต่ระยะยาวนั้น โอกาสที่จะได้ผลตอบแทนไม่ดีก็ค่อนข้างสูงนะครับ
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง
- OutOfMyMind
- Verified User
- โพสต์: 1242
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ห้ามซื้อ
โพสต์ที่ 4
ครับ หากเป้นการเข้าซื้อที่ราคาแพง เพื่อรอไปแพงมาก อันนี้ก็ไม่เห็นด้วยครับ
ผมแค่จะบอกว่า ไม่ใช่ให้หลีกเลี่ยงหุ้นดีไม่มีที่ติ เพราะคิดแบบนี้มันปัดโอกาส
ในเมื่อความจริง ราคามันเคลื่อนไหวเสมอ มันมีโอกาสที่จะได้ซื้อหุ้นดีไม่มีที่ติ
เมื่ออารมณ์ตลาดไม่ดี หากอดทนรอได้
ส่วนเรื่องจะซื้อที่ราคาเท่าไร คงอยู่ที่สเกลวัดของแต่ละคน ว่า valuation ออกมาได้เท่าไร
และต้องการผลตอบแทนเท่าไรเป็นหลัก เราควรกำหนดชะตะชีวิตด้วยตัวเราเอง ไม่ใช่ให้ตลาดกำหนดหน่ะครับ
ผมแค่จะบอกว่า ไม่ใช่ให้หลีกเลี่ยงหุ้นดีไม่มีที่ติ เพราะคิดแบบนี้มันปัดโอกาส
ในเมื่อความจริง ราคามันเคลื่อนไหวเสมอ มันมีโอกาสที่จะได้ซื้อหุ้นดีไม่มีที่ติ
เมื่ออารมณ์ตลาดไม่ดี หากอดทนรอได้
ส่วนเรื่องจะซื้อที่ราคาเท่าไร คงอยู่ที่สเกลวัดของแต่ละคน ว่า valuation ออกมาได้เท่าไร
และต้องการผลตอบแทนเท่าไรเป็นหลัก เราควรกำหนดชะตะชีวิตด้วยตัวเราเอง ไม่ใช่ให้ตลาดกำหนดหน่ะครับ
บทความดีดีสำหรับนักลงทุนเน้นคุณค่า
https://www.facebook.com/OutOfMyMindOnValueInvestment
https://www.facebook.com/OutOfMyMindOnValueInvestment
-
- Verified User
- โพสต์: 469
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ห้ามซื้อ
โพสต์ที่ 5
ผมคิดว่า บทความนี้เป็นเรื่องเชิงจิตวิทยาการลงทุนมากกว่าเรื่องเชิงคุณภาพของหุ้น
การที่หุ้นตัวใดตัวหนึ่งไร้แนวต้าน เป็นเรื่องในความคิดของนักลงทุน
ที่ว่าห้ามซื้อ จริงๆคงเป็น หุ้นที่ทุกคนคิดว่าดีจนเกิดภาวะไร้แนวต้าน
ซึ่งก็หมายถึง ราคาหุ้น อาจจะ เกินมูลค่าไปแล้ว นั่นเอง ณ จุดนี้ผมคิดว่าบทความนี้
เขียนออกมาเตือนไม่ให้ ติดกับดักเรื่องคุณภาพไร้ที่ติ ครับ
(แต่สำหรับ VI ที่มีการวิเคราะห์ที่มีเหตุผล และประเมินมูลค่าพอได้พอสมควร คงไม่มีอะไรน่าห่วงครับ 55++ )
การที่หุ้นตัวใดตัวหนึ่งไร้แนวต้าน เป็นเรื่องในความคิดของนักลงทุน
ที่ว่าห้ามซื้อ จริงๆคงเป็น หุ้นที่ทุกคนคิดว่าดีจนเกิดภาวะไร้แนวต้าน
ซึ่งก็หมายถึง ราคาหุ้น อาจจะ เกินมูลค่าไปแล้ว นั่นเอง ณ จุดนี้ผมคิดว่าบทความนี้
เขียนออกมาเตือนไม่ให้ ติดกับดักเรื่องคุณภาพไร้ที่ติ ครับ
(แต่สำหรับ VI ที่มีการวิเคราะห์ที่มีเหตุผล และประเมินมูลค่าพอได้พอสมควร คงไม่มีอะไรน่าห่วงครับ 55++ )
Sixth Sense Investor
- generalman
- Verified User
- โพสต์: 81
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ห้ามซื้อ
โพสต์ที่ 9
ดีครับผม จะได้ช่วยเตือนเราไม่ให้มองโลกในแง่ดีอย่างสุดโต่ง
"Investing is not a game where the guy with 160 IQ beats the guy with 130 IQ. What is needed is a sound intellectual framework for making decisions and the ability to keep emotions from corroding the framework."
Warren Buffett
Warren Buffett
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1399
- ผู้ติดตาม: 1
Re: หุ้นที่ห้ามซื้อ
โพสต์ที่ 10
เป็นบทความที่ดีครับ
แต่หุ้นไม่ใช่ zero sum game มันคือธุรกิจ ดังนั้นมันจะไม่เข้าข่ายที่จะเป็น
Parimutuel 100% มันเป็นแค่เพียงบางส่วนเท่านั้น
และผมก็เชื่อว่า หุ้นนั้นลงทุนไม่ยากที่จะได้ผลตอบแทนที่ดี ขอเพียงไม่โลภ+ใช้สมองในการลงทุน
หุ้นที่ไม่ควรซื้อในมุมกว้างสำหรับผมก็เช่น
- ไม่ลงทุนในหุ้นที่เปลี่ยน technology บ่อยๆ/กำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงความนิยมในตัวบริษัทในเชิงลบ
- ธุรกิจแข่งขันเรื่องราคาเป็นสำคัญ ส่วนใหญ่อยู่ในภาคแรงงาน รับจ้างผลิต การรับจ้างไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย แต่มันมักจะไม่กลายมาเป็นหุ้นยักษ์ใหญ่ในอนาคตได้
- หุ้นส่งออก โดยทั่วไปแล้วการส่งออกมักจะมีต้นทุนที่สูงกว่า ด้วยเหตุหลายประการ เช่น ค่าหีบห่อและขนส่ง, ภาษีขาเข้าและออก แล้วยังต่อไปสู้กับเจ้าถิ่น ที่ไม่มีต้นทุนเหล่านี้ แล้วทำไมต้องไปขายต่างประเทศ อาจเป็นเพราะ ไม่สามารถแข่งขันในประเทศได้, ความต้องการในประเทศมีจำกัด, รับจ้างผลิต แต่เรายังต้องยกเว้นบริษัทที่ไปทำการค้าหรือธุรกิจในต่างประเทศ อันนี้ต่างจากการส่งออก ตัวอย่าง CPF, TUF
- หุ้นผู้รับเหมาการซื้อหุ้นปั่น เราก็รับทราบว่าเสี่ยงว่ามันต้องมีได้มีเสีย ถือเป็นการตัดสินใจของเราเอง การซื้อหุ้นพื้นฐานไม่ดี(ในอนาคต)เพราะเราตัดสินใจเอง แต่การซื้อหุ้นรับเหมาก่อสร้างเราคิดมาแล้วว่าน่าจะดี แต่ผู้บริหารไม่ซื่อตรง อันนี้ร้ายแรงมาก กลุ่มรับเหมาส่วนใหญ่มักจะได้งานด้วยการจ่ายใต้โต๊ะ นอกจากนี้แล้วต้องไล่ล่างานโครงการต่อโครงการไปเรื่อยๆ มันหาความยั่งยืนได้ยาก การวิเคราะห์ก็ซับซ้อนไปด้วย ดังนั้นเราควรตัดออกไปเลย ตัวอย่างเช่น CK, ITD, STEC, PLE, ASCON, KTECH เป็นต้น
ส่วนหุ้นดีๆ ที่คุณ สุมาอี้กล่าว
ผมว่านี่แหละ หุ้นที่ผมต้องการ แต่ไม่ใช่ราคานี้
แต่หุ้นไม่ใช่ zero sum game มันคือธุรกิจ ดังนั้นมันจะไม่เข้าข่ายที่จะเป็น
Parimutuel 100% มันเป็นแค่เพียงบางส่วนเท่านั้น
และผมก็เชื่อว่า หุ้นนั้นลงทุนไม่ยากที่จะได้ผลตอบแทนที่ดี ขอเพียงไม่โลภ+ใช้สมองในการลงทุน
หุ้นที่ไม่ควรซื้อในมุมกว้างสำหรับผมก็เช่น
- ไม่ลงทุนในหุ้นที่เปลี่ยน technology บ่อยๆ/กำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงความนิยมในตัวบริษัทในเชิงลบ
- ธุรกิจแข่งขันเรื่องราคาเป็นสำคัญ ส่วนใหญ่อยู่ในภาคแรงงาน รับจ้างผลิต การรับจ้างไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย แต่มันมักจะไม่กลายมาเป็นหุ้นยักษ์ใหญ่ในอนาคตได้
- หุ้นส่งออก โดยทั่วไปแล้วการส่งออกมักจะมีต้นทุนที่สูงกว่า ด้วยเหตุหลายประการ เช่น ค่าหีบห่อและขนส่ง, ภาษีขาเข้าและออก แล้วยังต่อไปสู้กับเจ้าถิ่น ที่ไม่มีต้นทุนเหล่านี้ แล้วทำไมต้องไปขายต่างประเทศ อาจเป็นเพราะ ไม่สามารถแข่งขันในประเทศได้, ความต้องการในประเทศมีจำกัด, รับจ้างผลิต แต่เรายังต้องยกเว้นบริษัทที่ไปทำการค้าหรือธุรกิจในต่างประเทศ อันนี้ต่างจากการส่งออก ตัวอย่าง CPF, TUF
- หุ้นผู้รับเหมาการซื้อหุ้นปั่น เราก็รับทราบว่าเสี่ยงว่ามันต้องมีได้มีเสีย ถือเป็นการตัดสินใจของเราเอง การซื้อหุ้นพื้นฐานไม่ดี(ในอนาคต)เพราะเราตัดสินใจเอง แต่การซื้อหุ้นรับเหมาก่อสร้างเราคิดมาแล้วว่าน่าจะดี แต่ผู้บริหารไม่ซื่อตรง อันนี้ร้ายแรงมาก กลุ่มรับเหมาส่วนใหญ่มักจะได้งานด้วยการจ่ายใต้โต๊ะ นอกจากนี้แล้วต้องไล่ล่างานโครงการต่อโครงการไปเรื่อยๆ มันหาความยั่งยืนได้ยาก การวิเคราะห์ก็ซับซ้อนไปด้วย ดังนั้นเราควรตัดออกไปเลย ตัวอย่างเช่น CK, ITD, STEC, PLE, ASCON, KTECH เป็นต้น
ส่วนหุ้นดีๆ ที่คุณ สุมาอี้กล่าว
ถ้าจะหมายถึง hmpro cpall ที่มีราคาแสนแพงเหล่านี้หุ้นที่ห้ามซื้อเด็ดขาดจึงได้แก่ หุ้นที่ไม่มีข้อเสียใดๆเลย
ผมว่านี่แหละ หุ้นที่ผมต้องการ แต่ไม่ใช่ราคานี้
มาคุยกันได้ที่นี่ครับ https://www.facebook.com/value.investing.freedom
-
- Verified User
- โพสต์: 2141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ห้ามซื้อ
โพสต์ที่ 11
ขอบคุณสำหรับบทความครับ แต่ความเป็นจริงคือตลาด operate แบบมี information assymetry
มันคือ law of nature
ผมว่าในอีกมุมเราเน้นหา "หุ้นที่ห้ามขาย" กันดีกว่า
มันคือ law of nature
ผมว่าในอีกมุมเราเน้นหา "หุ้นที่ห้ามขาย" กันดีกว่า
M aterial catalyst
A ttitude & Perception
D isclipine
A ttitude & Perception
D isclipine
-
- Verified User
- โพสต์: 2141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ห้ามซื้อ
โพสต์ที่ 12
ขออภัย สะกดผิดครับ asymmetry
M aterial catalyst
A ttitude & Perception
D isclipine
A ttitude & Perception
D isclipine
- kabu
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2149
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ห้ามซื้อ
โพสต์ที่ 13
กดได้แค่บวกหนึ่ง อยากบวกให้ซักหนึ่งร้อยครับ
"หนทางเดียวที่จะก้าวพ้นขอบเขตของความเป็นไปได้ คือก้าวเข้าสู่ความเป็นไปไม่ได้", Arthur C. Clarke
สมุดบันทึก: http://kabuvi.wordpress.com/
สมุดบันทึก: http://kabuvi.wordpress.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 60
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ห้ามซื้อ
โพสต์ที่ 16
หนังสือพิมพ์ที่เกี่ยว หรือมีคอลัมณ์ด้านหุ้นที่รายย่อยชอบอ่าน
แค่จ่ายครั้งละ สองแสนบาท ก็ทำข่าว ทำสกูปพิเศษได้สองสามหน และข่าวร้าย เรื่องร้าย รับรองไม่มีหลุดกระเด็นออกมา
แต่ต้องตามปรนเปรอ บก กองบก เพิ่มเติมเป็นระยะๆๆๆ เพื่อกันรั่ว เช่นเลี้ยงอย่างน้อยเดือนละหน สังสรรค์ด้วยเหล้าแพงๆ เชิญไปเที่ยว ต่างประเทศ etc.
ส่วนเป็น
ฉบับไหนบ้าง ไม่ขอกล่าวในที่นี่
รายชื่อหุ้นมี่ ผบห มีความขยัน ให้ข่าวในทางบวก ว่าดีแสนดี ต้องซื้อ ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา และโบรกหลายแห่ง ก็เชียร์ว่าต้องซื้ออย่างเดียว
SIRI, ASIMAR, MDX, APCS, HYDRO, RAIMON, RASA, TFD, , BWG, STA, SINGER, TRUBB, APCO, KAMART, PAE, AJ, IVL, AP, LPN, CCP,
MALEE, SST, CWT, CTW, INTUCH, THCOM, DTAC, ADVANC, LOXLEY, EARTH, AGE
ใครที่คิดว่าอยากซื้อตามแรงเชียรพวกสื่อหุ้นต่างๆ , พวกนักวิเคราะห์ที่ลอยหน้าลอยตาตามสื่อหุ้นต่างๆ ในราคาปัจจุบันก็ตามสบายเลย
แค่จ่ายครั้งละ สองแสนบาท ก็ทำข่าว ทำสกูปพิเศษได้สองสามหน และข่าวร้าย เรื่องร้าย รับรองไม่มีหลุดกระเด็นออกมา
แต่ต้องตามปรนเปรอ บก กองบก เพิ่มเติมเป็นระยะๆๆๆ เพื่อกันรั่ว เช่นเลี้ยงอย่างน้อยเดือนละหน สังสรรค์ด้วยเหล้าแพงๆ เชิญไปเที่ยว ต่างประเทศ etc.
ส่วนเป็น
ฉบับไหนบ้าง ไม่ขอกล่าวในที่นี่
รายชื่อหุ้นมี่ ผบห มีความขยัน ให้ข่าวในทางบวก ว่าดีแสนดี ต้องซื้อ ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา และโบรกหลายแห่ง ก็เชียร์ว่าต้องซื้ออย่างเดียว
SIRI, ASIMAR, MDX, APCS, HYDRO, RAIMON, RASA, TFD, , BWG, STA, SINGER, TRUBB, APCO, KAMART, PAE, AJ, IVL, AP, LPN, CCP,
MALEE, SST, CWT, CTW, INTUCH, THCOM, DTAC, ADVANC, LOXLEY, EARTH, AGE
ใครที่คิดว่าอยากซื้อตามแรงเชียรพวกสื่อหุ้นต่างๆ , พวกนักวิเคราะห์ที่ลอยหน้าลอยตาตามสื่อหุ้นต่างๆ ในราคาปัจจุบันก็ตามสบายเลย