Money Talk@TNN2 .... คุณ Chinn แห่ง Thai VI
-
- Verified User
- โพสต์: 1246
- ผู้ติดตาม: 0
Money Talk@TNN2 .... คุณ Chinn แห่ง Thai VI
โพสต์ที่ 1
คุณเด็กใหม่ไฟแรงฝากประชาสัมพันธ์ครับผม
.... คุณชิณณ (Chinn) แห่ง Thai VI
จะมาออกรายการ moneytalk ทาง tnn2
ออกอากาศในวันพุธนี้ เวลา 22.00 น. และจะฉายซ้ำ วันพฤหัสบดี เวลา 23.00 น.ครับ
สามารถรับชมผ่าน internet ได้นะครับ
Link : http://tv.truelife.com/player/truevisions/tnn2
พี่ๆท่านใดสนใจติดตามรับชมได้นะครับ ...
.... คุณชิณณ (Chinn) แห่ง Thai VI
จะมาออกรายการ moneytalk ทาง tnn2
ออกอากาศในวันพุธนี้ เวลา 22.00 น. และจะฉายซ้ำ วันพฤหัสบดี เวลา 23.00 น.ครับ
สามารถรับชมผ่าน internet ได้นะครับ
Link : http://tv.truelife.com/player/truevisions/tnn2
พี่ๆท่านใดสนใจติดตามรับชมได้นะครับ ...
ร้อยลี้ ต้องมีก้าวแรก....
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1575
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk@TNN2 .... คุณ Chinn แห่ง Thai VI
โพสต์ที่ 3
แฮะแฮะผมส่งข่าวคุณมิ่งผิดไปครับ
ออกอาากาศวันพุธ 22 น.
ฉายซ้ำวันพฤหัส 8 โมงเช้าครับ
ขออภัยด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ
ออกอาากาศวันพุธ 22 น.
ฉายซ้ำวันพฤหัส 8 โมงเช้าครับ
ขออภัยด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ
ดู clip รายการ money talk ย้อนหลังได้ที่
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2603
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Money Talk@TNN2 .... คุณ Chinn แห่ง Thai VI
โพสต์ที่ 7
อ่านกระทู้คุณฮงถามคุณchinnเเล้วต้องติดตาม ขอบคุณครับที่เเจ้ง (:
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
- kabu
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2149
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk@TNN2 .... คุณ Chinn แห่ง Thai VI
โพสต์ที่ 8
ไม่พลาดแน่นอนครับ
"หนทางเดียวที่จะก้าวพ้นขอบเขตของความเป็นไปได้ คือก้าวเข้าสู่ความเป็นไปไม่ได้", Arthur C. Clarke
สมุดบันทึก: http://kabuvi.wordpress.com/
สมุดบันทึก: http://kabuvi.wordpress.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 1904
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk@TNN2 .... คุณ Chinn แห่ง Thai VI
โพสต์ที่ 9
พลาดแน่นอนครับเพราะเข้าเวพที่ลิ้งมาให้ไม่ได้เลย บอกให้รีเฟรชทุก10วิก็ไม่ได้ แต่ดู tnn24ได้สบายๆนะครับ tnn2ดูไม่ได้เท่านั้น คงมีคนเข้าไปดูเยอะล่ะมั้งเลยเต็ม ยังไง ดรไพบูลย์กรุณาเอาเทปมาเผยแพร่ทางมันนี่ทอควีครี่ด้วยก็ดีนะครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1223
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk@TNN2 .... คุณ Chinn แห่ง Thai VI
โพสต์ที่ 10
ลองดูอีกครั้งครับพี่patongpapatongpa เขียน:พลาดแน่นอนครับเพราะเข้าเวพที่ลิ้งมาให้ไม่ได้เลย บอกให้รีเฟรชทุก10วิก็ไม่ได้ แต่ดู tnn24ได้สบายๆนะครับ tnn2ดูไม่ได้เท่านั้น คงมีคนเข้าไปดูเยอะล่ะมั้งเลยเต็ม ยังไง ดรไพบูลย์กรุณาเอาเทปมาเผยแพร่ทางมันนี่ทอควีครี่ด้วยก็ดีนะครับ
กำลังสนุกเชียวครับ
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 320
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk@TNN2 .... คุณ Chinn แห่ง Thai VI
โพสต์ที่ 11
ขอบคุณครับ ได้แรงบันดาลใจเยอะมากเลยครับ
ไม่ต้องบินให้สูงอย่างใครเขา…
จงบินเอาเท่าที่เราจะบินไหว
ท่าที่บินไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
แค่บินไปให้ถึงฝัน เท่านั้นพอ
จงบินเอาเท่าที่เราจะบินไหว
ท่าที่บินไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
แค่บินไปให้ถึงฝัน เท่านั้นพอ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2603
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Money Talk@TNN2 .... คุณ Chinn แห่ง Thai VI
โพสต์ที่ 12
ขอสรุปสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากคุณChinnสั้นๆนะครับ
A. มีความตั้งใจจริงที่จะรวย
B. ใช้ประโยชน์จากทฤษฎีเกมในการคิด....พิจารณาว่าอะไรคือ"ของจริง"เเละคนอื่นเชื่อว่า"อะไร"
C. หุ้น
การเลือกหุ้น ต้องมีคุณสมบัติ3ข้อ
1) ไม่เสี่ยง: ทนเเดดทนฝน สู้วิกฤติได้
2) คุ้มค่า(ไม่เเพง) คุณชินจะเน้นดูงบกระเเสเงินสด Enterprize Value(อันนี้ผมก็ฟังวิธีประเมินมูลค่าหุ้น ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่คงต้องศึกษาเพิ่มเติม)
3) มีประเด็นในอนาคต
การขายหุ้น
ประเด็นเปิดเผยมาชัด...(ผมคิดเอาเองนะคงประมาณว่าหุ้นถูกUnlock)
จริงๆเเล้วยังได้รู้เรื่องlifestyleเเละวิธีคิดของคุณChinnน่าสนใจมากครับ
A. มีความตั้งใจจริงที่จะรวย
B. ใช้ประโยชน์จากทฤษฎีเกมในการคิด....พิจารณาว่าอะไรคือ"ของจริง"เเละคนอื่นเชื่อว่า"อะไร"
C. หุ้น
การเลือกหุ้น ต้องมีคุณสมบัติ3ข้อ
1) ไม่เสี่ยง: ทนเเดดทนฝน สู้วิกฤติได้
2) คุ้มค่า(ไม่เเพง) คุณชินจะเน้นดูงบกระเเสเงินสด Enterprize Value(อันนี้ผมก็ฟังวิธีประเมินมูลค่าหุ้น ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่คงต้องศึกษาเพิ่มเติม)
3) มีประเด็นในอนาคต
การขายหุ้น
ประเด็นเปิดเผยมาชัด...(ผมคิดเอาเองนะคงประมาณว่าหุ้นถูกUnlock)
จริงๆเเล้วยังได้รู้เรื่องlifestyleเเละวิธีคิดของคุณChinnน่าสนใจมากครับ
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1021
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Money Talk@TNN2 .... คุณ Chinn แห่ง Thai VI
โพสต์ที่ 14
ดูคุณ ชิญญ์ ใน money talk จบแล้ว มามองย้อนดูตัวเอง ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอะไรหลายอย่างที่ตรงกับชีวิตผมเองมากขนาดนี้
1. คุณ CHIN เริ่มต้นด้วยเงิน 4 หมื่น เริ่มลงทุน ก่อน 9-11 ไม่นาน ส่วนตัวผมเริ่มด้วยเงิน 5 หมื่นหลัง 9-11 1 อาทิตย์
2. คุณ CHIN ขอเงินทางบ้านมาลงทุน 5 แสน ขาดทุนไปเกือบ 3 แสน ในช่วงแรก ผมขอมา 3 แสน ขาดทุนไป 9หมื่นใน 3เดือนแรก
3. ผมเริ่มเป็น mkting ปี2545 ของคุณ CHIN น่าจะ 2546 เจอเหตุการณ์ที่ตลาดขึ้นจาก 400 เป็น 800 จุดเหมือนกัน แล้วก็ได้ค่าคอมเป็นหลักแสนเหมือนกันในปีนั้น
4. ผ่านประสบการณ์แบบเดียวกันตอน subprime คือ port เกือบจะไปถึงเลข 8หลัก แล้วถูกดึงกลับลงมาครึ่งหนึ่ง แล้วก็ต้องขอเติมสภาพคล่องจากทางบ้าน เพื่อให้ผ่านจุดนั้นมาได้
5. ย้ายออกจากบ้านมาอยู่คอนโด เหมือนกัน
ส่วนสิ่งที่ต่างกันหลักๆ โดยเฉพาะหลัง subprime
1. ผมวิเคราะห์หุ้นแบบ basic ดูแค่ Fwd PE แล้วก็ BV พ่วงด้วย การหาหุ้นที่มี story แต่ของคุณ CHIN มองกระแสเงินสด EV/EBITDA ซึ่งผมแทบจะไม่เคยดูเลย (ดูไม่เป็น)
2. ผมกระจายการลงทุนไปในหุ้นหลายตัวหลายกลุ่ม เพราะคิดว่าน่าจะเป็นวิธีที่ปลอดภัย แต่คุณ CHIN เลือกที่จะตีแตก หุ้น โดยการถือเพียงตัวเดียว แต่อยู่ในหลักการที่ว่าเป็นหุ้น ไม่เสี่ยง คุ้มค่า และมี story และใช้ Margin ควบคู่ไปด้วย
ความแตกต่างแค่ไม่กี่ข้อแต่ ผลต่างค่อนข้างมาก แต่ก็ทำให้ผมรู้จุดด้อยของตัวเองที่ต้องเอาไปปรับปรุง ต้องขอบคุณ คุณ CHIN มากๆ ที่นำเสนอ ไอเดีย การลงทุน ให้ผมได้นำไปปรับปรุงตัวเองครับ
1. คุณ CHIN เริ่มต้นด้วยเงิน 4 หมื่น เริ่มลงทุน ก่อน 9-11 ไม่นาน ส่วนตัวผมเริ่มด้วยเงิน 5 หมื่นหลัง 9-11 1 อาทิตย์
2. คุณ CHIN ขอเงินทางบ้านมาลงทุน 5 แสน ขาดทุนไปเกือบ 3 แสน ในช่วงแรก ผมขอมา 3 แสน ขาดทุนไป 9หมื่นใน 3เดือนแรก
3. ผมเริ่มเป็น mkting ปี2545 ของคุณ CHIN น่าจะ 2546 เจอเหตุการณ์ที่ตลาดขึ้นจาก 400 เป็น 800 จุดเหมือนกัน แล้วก็ได้ค่าคอมเป็นหลักแสนเหมือนกันในปีนั้น
4. ผ่านประสบการณ์แบบเดียวกันตอน subprime คือ port เกือบจะไปถึงเลข 8หลัก แล้วถูกดึงกลับลงมาครึ่งหนึ่ง แล้วก็ต้องขอเติมสภาพคล่องจากทางบ้าน เพื่อให้ผ่านจุดนั้นมาได้
5. ย้ายออกจากบ้านมาอยู่คอนโด เหมือนกัน
ส่วนสิ่งที่ต่างกันหลักๆ โดยเฉพาะหลัง subprime
1. ผมวิเคราะห์หุ้นแบบ basic ดูแค่ Fwd PE แล้วก็ BV พ่วงด้วย การหาหุ้นที่มี story แต่ของคุณ CHIN มองกระแสเงินสด EV/EBITDA ซึ่งผมแทบจะไม่เคยดูเลย (ดูไม่เป็น)
2. ผมกระจายการลงทุนไปในหุ้นหลายตัวหลายกลุ่ม เพราะคิดว่าน่าจะเป็นวิธีที่ปลอดภัย แต่คุณ CHIN เลือกที่จะตีแตก หุ้น โดยการถือเพียงตัวเดียว แต่อยู่ในหลักการที่ว่าเป็นหุ้น ไม่เสี่ยง คุ้มค่า และมี story และใช้ Margin ควบคู่ไปด้วย
ความแตกต่างแค่ไม่กี่ข้อแต่ ผลต่างค่อนข้างมาก แต่ก็ทำให้ผมรู้จุดด้อยของตัวเองที่ต้องเอาไปปรับปรุง ต้องขอบคุณ คุณ CHIN มากๆ ที่นำเสนอ ไอเดีย การลงทุน ให้ผมได้นำไปปรับปรุงตัวเองครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 226
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk@TNN2 .... คุณ Chinn แห่ง Thai VI
โพสต์ที่ 15
เนื่องจากผมเข้าใจผิด นึกว่ารายการจะมีอีกตอนนึง
เลยเก็บส่วนอธิบายการจัดการความเสี่ยงไว้ตอนท้าย
จึงขออนุญาติมาอธิบายเพิ่มเติมตรงนี้ครับ
นอกจากการเลือกหุ้นที่สามารถผ่านมรสุมได้แน่
ผมมีการจักการ บริหารความเสี่ยง port ดังนี้
ช่วงที่ผมลงทุน มี 4 ช่วงครับ
****************************************************************
ช่วงแรก ช่วงตั้งไข่
ผมเริ่มลงทุนใน psl เงินลงทุนยังไม่มาก จึงซื้อด้วยเงินทั้งหมดและยืมเงินเดือนในอนาคต มาซื้อหุ้นก่อน
ประมาณว่ามีปัญญาจ่ายหนี้ และเป็นการกู้เงินมาลงทุนจากคุณแม่ 200000
เบ็ดเสร็จ มีหุ้น psl ประมาณ 30000 หุ้น ที่ต้นทุน 17 บาท
คือซื้อตอนขึ้นตลอดทาง ตั้งแต่ 10 ถึง 25 บาท
เท่าที่เงินเดือนจะออก ในตอนนั้น
จึงไม่มีความเสี่ยงจากการกู้
***********************************************************
ช่วงที่สอง เป็นช่วงเร่ง port
ช่วงนี้เป็นช่วงที่อันตรายที่สุดในชีวิต
ผมซื้อหุ้น acl ที่ราคา 4 บาท ประมาณ 2 ล้านหุ้น โดยเป็นเงินกู้ประมาณ 3ล้านบาท
แล้ววางแผนในการบริหาร margin ว่าหากหุ้นเริ่มลง เราจะทยอยขาย ช่องละ 20000 หุ้น (ใช้แนวคิดบริหารแบบ dsm)
และหลังจากนั้น ราคาหุ้นได้เริ่มลง เราก็ทำตาม แต่เราลืมนึกถึงสภาพคล่อง จึงทำให้ผิดแผน
แต่ก็ทยอยขายไปเรื่อยๆ จน 2 บาท และได้ทำบัญชีไว้ หลังจากนั้น ต้องหาเงินกู้มาโปะหนี้สิน ประมาณ 1.5 ล้านบาท
เมื่อเครียเสร็จ เราก็วางแผน ซื้อกลับ ทุก lot ที่ขายไป ช่องละ 20000 หุ้น ในตอนที่หุ้นขึ้น จนถึง5บาท
และเผื่อเหตุการณ์ว่าขึ้นและลงไว้แล้ว ว่าอย่างไรก็สามารถรักษาสภาพ port ได้อย่างแน่นอน ไม่มีโอกาสโดน call margin
จึงเท่ากับเรากำไรทุก lot ที่ขาย เป็นเหตุการณ์เดียวที่จัดการ margin อย่างอันตรายที่สุด
เพราะได้ซื้อในปริมาณมากตั้งแต่เริ่มต้น เนื่องจากไม่ได้คิดถึง สภาพคล่อง
*********************************************************
ช่วงที่ 3 ลงทุน jas
ณ จุดเริ่มต้น ผมเข้าซื้อ jas ที่ราคา ไม่เกิน 0.45
โดยกู้ margin โดยคำนวนว่าหากหุ้นราคาตกลงไป
เราสามารถถอนเงินจาก od ด้วยการเอาบ้านทุกหลัง ของครอบครัวไปค้ำเพิ่ม
ทำให้ปลอดภัยจากการโดน call margin หากราคา jas ไม่ต่ำกว่า 0.25
และได้วางแผน ทยอยซื้อ ตั้งแต่ 0.5 0.55 0.6 ไปจนถึง 1 บาท
ในปริมาณที่ปลอดภัย คือมีการวางแผนอย่างรัดกุม จึงไม่มีโอกาสโดน call margin
และหากราคาเกิดเปลี่ยนทาง ผมจะดึง หุ้นออกบางส่วนทันที
โดยมี step ขายตลอดทางลงเช่นกัน (หากเกิดขึ้น)
การลงทุนใน dtac ภายหลังก็ใช้วิธีนี้เช่นกันครับ
*********************************************
ช่วงที่ 4 ช่วง play safe
ผมเริ่มลงทุน หุ้นตัวหนึ่ง โดยเป็นตัวหลัก จะใช้เงินสดทั้งหมด
แต่จะเริ่มกระจาย margin ไปยังหุ้นที่ เรามองว่าดี แต่อาจจะยังไม่ถึงเวลาขึ้น
เพื่อ หลังจากที่เราได้ขายหุ้นตัวหลัก เราก็จะใช้หนี้ได้ และซื้อหุ้นเพิ่มในภายหลัง
ซึ่งวิธีนี้ คือ ที่ผมใช้อยู่จึงบอกได้ว่าปลอดภัยมาก เพราะ ได้กันราคาไว้ลึกมาก
หากคิดเป็นสัดส่วน ได้ว่า เงินทุน 85 เงินกู้ 15
ดังนั้นหากมีการผิดพลาด ผมเพียงขายหุ้นบางส่วนก็ไม่เหลือหนี้แล้วครับ
และผลคือ ผมได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าใช้เงินสด 17% ในขณะที่ความเสี่ยงเท่าเดิมครับ
*****************************************************
ในด้านการวิเคราะห์พื้นฐานหุ้น ผมไม่เคยวิเคราะห์พลาดครับ ไม่ใช่เพราะผมเก่งนะครับ
แต่เพราะผมลงทุนแต่สิ่งที่ผมเข้าใจทั้งหมดครับ สังเกตุจะเห็นว่าเป็นธุรกิจง่ายๆ ทั้งหมดครับ
******************************************
ผมค่อนข้างกังวลหลังจาก บันทึกเทปว่า จะทำให้ผู้ชมรายการเข้าใจผิดไปหมดในเรื่องของการใช้ margin
จึงขออนุญาติ อธิบายตามนี้ครับ
เลยเก็บส่วนอธิบายการจัดการความเสี่ยงไว้ตอนท้าย
จึงขออนุญาติมาอธิบายเพิ่มเติมตรงนี้ครับ
นอกจากการเลือกหุ้นที่สามารถผ่านมรสุมได้แน่
ผมมีการจักการ บริหารความเสี่ยง port ดังนี้
ช่วงที่ผมลงทุน มี 4 ช่วงครับ
****************************************************************
ช่วงแรก ช่วงตั้งไข่
ผมเริ่มลงทุนใน psl เงินลงทุนยังไม่มาก จึงซื้อด้วยเงินทั้งหมดและยืมเงินเดือนในอนาคต มาซื้อหุ้นก่อน
ประมาณว่ามีปัญญาจ่ายหนี้ และเป็นการกู้เงินมาลงทุนจากคุณแม่ 200000
เบ็ดเสร็จ มีหุ้น psl ประมาณ 30000 หุ้น ที่ต้นทุน 17 บาท
คือซื้อตอนขึ้นตลอดทาง ตั้งแต่ 10 ถึง 25 บาท
เท่าที่เงินเดือนจะออก ในตอนนั้น
จึงไม่มีความเสี่ยงจากการกู้
***********************************************************
ช่วงที่สอง เป็นช่วงเร่ง port
ช่วงนี้เป็นช่วงที่อันตรายที่สุดในชีวิต
ผมซื้อหุ้น acl ที่ราคา 4 บาท ประมาณ 2 ล้านหุ้น โดยเป็นเงินกู้ประมาณ 3ล้านบาท
แล้ววางแผนในการบริหาร margin ว่าหากหุ้นเริ่มลง เราจะทยอยขาย ช่องละ 20000 หุ้น (ใช้แนวคิดบริหารแบบ dsm)
และหลังจากนั้น ราคาหุ้นได้เริ่มลง เราก็ทำตาม แต่เราลืมนึกถึงสภาพคล่อง จึงทำให้ผิดแผน
แต่ก็ทยอยขายไปเรื่อยๆ จน 2 บาท และได้ทำบัญชีไว้ หลังจากนั้น ต้องหาเงินกู้มาโปะหนี้สิน ประมาณ 1.5 ล้านบาท
เมื่อเครียเสร็จ เราก็วางแผน ซื้อกลับ ทุก lot ที่ขายไป ช่องละ 20000 หุ้น ในตอนที่หุ้นขึ้น จนถึง5บาท
และเผื่อเหตุการณ์ว่าขึ้นและลงไว้แล้ว ว่าอย่างไรก็สามารถรักษาสภาพ port ได้อย่างแน่นอน ไม่มีโอกาสโดน call margin
จึงเท่ากับเรากำไรทุก lot ที่ขาย เป็นเหตุการณ์เดียวที่จัดการ margin อย่างอันตรายที่สุด
เพราะได้ซื้อในปริมาณมากตั้งแต่เริ่มต้น เนื่องจากไม่ได้คิดถึง สภาพคล่อง
*********************************************************
ช่วงที่ 3 ลงทุน jas
ณ จุดเริ่มต้น ผมเข้าซื้อ jas ที่ราคา ไม่เกิน 0.45
โดยกู้ margin โดยคำนวนว่าหากหุ้นราคาตกลงไป
เราสามารถถอนเงินจาก od ด้วยการเอาบ้านทุกหลัง ของครอบครัวไปค้ำเพิ่ม
ทำให้ปลอดภัยจากการโดน call margin หากราคา jas ไม่ต่ำกว่า 0.25
และได้วางแผน ทยอยซื้อ ตั้งแต่ 0.5 0.55 0.6 ไปจนถึง 1 บาท
ในปริมาณที่ปลอดภัย คือมีการวางแผนอย่างรัดกุม จึงไม่มีโอกาสโดน call margin
และหากราคาเกิดเปลี่ยนทาง ผมจะดึง หุ้นออกบางส่วนทันที
โดยมี step ขายตลอดทางลงเช่นกัน (หากเกิดขึ้น)
การลงทุนใน dtac ภายหลังก็ใช้วิธีนี้เช่นกันครับ
*********************************************
ช่วงที่ 4 ช่วง play safe
ผมเริ่มลงทุน หุ้นตัวหนึ่ง โดยเป็นตัวหลัก จะใช้เงินสดทั้งหมด
แต่จะเริ่มกระจาย margin ไปยังหุ้นที่ เรามองว่าดี แต่อาจจะยังไม่ถึงเวลาขึ้น
เพื่อ หลังจากที่เราได้ขายหุ้นตัวหลัก เราก็จะใช้หนี้ได้ และซื้อหุ้นเพิ่มในภายหลัง
ซึ่งวิธีนี้ คือ ที่ผมใช้อยู่จึงบอกได้ว่าปลอดภัยมาก เพราะ ได้กันราคาไว้ลึกมาก
หากคิดเป็นสัดส่วน ได้ว่า เงินทุน 85 เงินกู้ 15
ดังนั้นหากมีการผิดพลาด ผมเพียงขายหุ้นบางส่วนก็ไม่เหลือหนี้แล้วครับ
และผลคือ ผมได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าใช้เงินสด 17% ในขณะที่ความเสี่ยงเท่าเดิมครับ
*****************************************************
ในด้านการวิเคราะห์พื้นฐานหุ้น ผมไม่เคยวิเคราะห์พลาดครับ ไม่ใช่เพราะผมเก่งนะครับ
แต่เพราะผมลงทุนแต่สิ่งที่ผมเข้าใจทั้งหมดครับ สังเกตุจะเห็นว่าเป็นธุรกิจง่ายๆ ทั้งหมดครับ
******************************************
ผมค่อนข้างกังวลหลังจาก บันทึกเทปว่า จะทำให้ผู้ชมรายการเข้าใจผิดไปหมดในเรื่องของการใช้ margin
จึงขออนุญาติ อธิบายตามนี้ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 226
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk@TNN2 .... คุณ Chinn แห่ง Thai VI
โพสต์ที่ 16
อยากย้ำอีกครั้งครับ ว่า ผมเป็นคนขี้กลัวมากๆ
ดั้งนั้นผมทำอะไรจะวางแผนมาละเอียดมากครับ
นั่งคำนวน แผนการณ์ซ้ำแล้วซ้ำอีกตลอดเวลาครับ
และเวลาเกิดความผันผวน
ผมจะกลับมาดูexcelแผนที่วางไว้ตลอดครับ
ไม่ให้อารมณ์ ควบคุมการ ซื้อขายเลยแม้แต่น้อยครับ
ดั้งนั้นผมทำอะไรจะวางแผนมาละเอียดมากครับ
นั่งคำนวน แผนการณ์ซ้ำแล้วซ้ำอีกตลอดเวลาครับ
และเวลาเกิดความผันผวน
ผมจะกลับมาดูexcelแผนที่วางไว้ตลอดครับ
ไม่ให้อารมณ์ ควบคุมการ ซื้อขายเลยแม้แต่น้อยครับ
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk@TNN2 .... คุณ Chinn แห่ง Thai VI
โพสต์ที่ 17
ผมเห็นคุณชิณณ์ post ตลอด เพราะบังเอิญเคยถือหุ้นตัวเดียวกัน (แต่ของผมนิดเดียว ทั้งรถเล็กและน้องดี)
ผมเป็นคนชอบเก็บ....แอบเก็บความรู้จากคนอื่นไว้ด้วยเสมอ
เลยช่วยเอา link มาเสริมเพิ่มจากที่อธิบายข้างบน ที่ผมพอจะจำและหากระทู้ได้ คิดว่าคนอื่นจะเห็นภาพได้ดี ว่าที่คุณชิณณ์พูด จะหมายถึงอะไร
รวมถึงไฟล์ที่คุณชิณณ์แชร์ไว้ด้วย ทั้งการประเมิน DTAC, ไฟล์มาร์จิ้น (ไม่รู้ว่าที่ฝากไฟล์ไว้ จะยังอยู่ใน server เปล่า)
ใครสนใจ ลองตามอ่านดู
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 5&start=48
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... &start=187
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... &start=904
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... start=1038
สไตล์การเล่น ในรายการ พูดเหมือนที่เคย post อธิบายในกระทู้ก่อนหน้าเลย (เพียงแต่ในรายการไม่ได้บอกชื่อหุ้น แต่มันเป็นอดีตไปแล้ว คงไม่ได้เป็นการชี้นำอะไรถ้าจะพูดถึงในที่นี้ แต่จะเป็นประโยชน์ สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษา)
http://topicstock.pantip.com/sinthorn/t ... 80685.html
"โดยนโยบายการลงทุนผม ผมคาดหวังกำไร 100% ขึ้นไป ใน 5 ปี ถึงคุ้ม
จึงพยายามหาEV/EBITDA ที่ต่ำกว่า 5 เท่า
เช่น JAS ตอนราคาต่ำๆ มีแต่คนมองว่าเป็นหุ้นเน่า P/E สูง แต่EV/EBITDA เขาอยู่แค่ 4 เท่าเอง"
ที่คุณ torpongpak สงสัยเรื่อง Enterprise Value (EV) คำตอบอยู่ในกระทู้นี้อยู่แล้ว
ส่วนข้อ 3 "มีประเด็นในอนาคต" ก็คงจะเห็นตัวอย่าง อย่างหุ้นที่เป็นอดีตหมาดๆ ที่คุณชิณณ์ปล่อยขายแล้วคือ DTAC ก็คือเรื่องปันผล ที่เป็นตัวขับดันอย่างรุนแรง เพราะมีเงินสดเก็บไว้ไม่ได้ทำอะไร และทางผู้ถือหุ้นก็เคยเปรยๆ ออกมาเป็นปี เรื่องจะเอาเงินไปลงทุนที่อื่น
เรื่องการใช้ margin ไม่ให้ถูก call
ตอนแรกแค่เล่าสู่กันฟัง http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... &start=194
แล้วปีต่อมาก็เอาไฟล์ excel มาแชร์ว่าคำนวณอย่างไร http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=49911
http://topicstock.pantip.com/sinthorn/t ... 37712.html
เรื่องทยอยซื้อขาขึ้น ทุกคนคงได้ยินแล้ว ผมจำได้ว่าหมอยง (ทพ.ยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม) ก็ใช้วิธีนี้ แต่รายนั้นเขาคงไม่ได้มาคำนวณละเอียดแบบคุณชิณณ์ อาศัยใจสู้มากกว่า
แต่ขาลง นอกจากการชอร์ต ใครอ่านข้างบนจะเห็นว่า มีคำว่า "DSM" ที่ใช่กับ ACL
DSM = Densri Method
สรุปกว้างๆ คือหุ้นตก (มีเครื่องหมายการค้า หุ้นตกยิ้ม หุ้นขึ้นยิ้ม) เพราะขายแล้วได้หุ้นเพิ่มตอนซื้อคืน
ฃคล้ายๆ ชอร์ต แต่วางแผนเป็นระบบรัดกุมกว่า และต้องเป็นหุ้นมีสภาพคล่อง มีพื้นฐานแน่นจริงเท่านั้น
ใครไม่รู้จักไปดูที่
http://dsm.pantipmember.com/
ผมว่าอ.ไพบูลย์สรุปและอ.นิเวศน์ก็เห็นด้วย ว่าอย่าเลียนแบบ เพราะต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัว หมายถึงการเล่นแบบทุ่มกับหุ้นตัวเดียว โดยเฉพาะมาร์จินอันตราย ถ้าเล่นไม่เป็นหมดตัวได้ เพราะแนว VI ทั่วไปที่อนุรักษ์นิยม จะกันเงินไว้แยกแบบอ.ไพบูลย์ว่า
แต่ผมว่าเป็นสิ่งที่ศึกษาได้ โดยเฉพาะสิ่งที่ใช้เวลาพูดอธิบายนิดเดียวในรายการเพราะเวลาจำกัดอย่างที่ว่า ก็คือการประเมินด้วย Enterprise value และดูกระแสเงินสดที่เป็นเงินของจริง จุดนั้นที่ไม่ได้เน้นว่าเป็นอีกวิธี ที่น่านำมาใช้ในการประเมินคุณค่าแบบ VI ได้ดีอย่างมีประสิทธิภาพ
ผมเป็นคนชอบเก็บ....แอบเก็บความรู้จากคนอื่นไว้ด้วยเสมอ
เลยช่วยเอา link มาเสริมเพิ่มจากที่อธิบายข้างบน ที่ผมพอจะจำและหากระทู้ได้ คิดว่าคนอื่นจะเห็นภาพได้ดี ว่าที่คุณชิณณ์พูด จะหมายถึงอะไร
รวมถึงไฟล์ที่คุณชิณณ์แชร์ไว้ด้วย ทั้งการประเมิน DTAC, ไฟล์มาร์จิ้น (ไม่รู้ว่าที่ฝากไฟล์ไว้ จะยังอยู่ใน server เปล่า)
ใครสนใจ ลองตามอ่านดู
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 5&start=48
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... &start=187
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... &start=904
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... start=1038
สไตล์การเล่น ในรายการ พูดเหมือนที่เคย post อธิบายในกระทู้ก่อนหน้าเลย (เพียงแต่ในรายการไม่ได้บอกชื่อหุ้น แต่มันเป็นอดีตไปแล้ว คงไม่ได้เป็นการชี้นำอะไรถ้าจะพูดถึงในที่นี้ แต่จะเป็นประโยชน์ สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษา)
http://topicstock.pantip.com/sinthorn/t ... 80685.html
"โดยนโยบายการลงทุนผม ผมคาดหวังกำไร 100% ขึ้นไป ใน 5 ปี ถึงคุ้ม
จึงพยายามหาEV/EBITDA ที่ต่ำกว่า 5 เท่า
เช่น JAS ตอนราคาต่ำๆ มีแต่คนมองว่าเป็นหุ้นเน่า P/E สูง แต่EV/EBITDA เขาอยู่แค่ 4 เท่าเอง"
ที่คุณ torpongpak สงสัยเรื่อง Enterprise Value (EV) คำตอบอยู่ในกระทู้นี้อยู่แล้ว
ส่วนข้อ 3 "มีประเด็นในอนาคต" ก็คงจะเห็นตัวอย่าง อย่างหุ้นที่เป็นอดีตหมาดๆ ที่คุณชิณณ์ปล่อยขายแล้วคือ DTAC ก็คือเรื่องปันผล ที่เป็นตัวขับดันอย่างรุนแรง เพราะมีเงินสดเก็บไว้ไม่ได้ทำอะไร และทางผู้ถือหุ้นก็เคยเปรยๆ ออกมาเป็นปี เรื่องจะเอาเงินไปลงทุนที่อื่น
เรื่องการใช้ margin ไม่ให้ถูก call
ตอนแรกแค่เล่าสู่กันฟัง http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... &start=194
แล้วปีต่อมาก็เอาไฟล์ excel มาแชร์ว่าคำนวณอย่างไร http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=49911
http://topicstock.pantip.com/sinthorn/t ... 37712.html
เรื่องทยอยซื้อขาขึ้น ทุกคนคงได้ยินแล้ว ผมจำได้ว่าหมอยง (ทพ.ยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม) ก็ใช้วิธีนี้ แต่รายนั้นเขาคงไม่ได้มาคำนวณละเอียดแบบคุณชิณณ์ อาศัยใจสู้มากกว่า
แต่ขาลง นอกจากการชอร์ต ใครอ่านข้างบนจะเห็นว่า มีคำว่า "DSM" ที่ใช่กับ ACL
DSM = Densri Method
สรุปกว้างๆ คือหุ้นตก (มีเครื่องหมายการค้า หุ้นตกยิ้ม หุ้นขึ้นยิ้ม) เพราะขายแล้วได้หุ้นเพิ่มตอนซื้อคืน
ฃคล้ายๆ ชอร์ต แต่วางแผนเป็นระบบรัดกุมกว่า และต้องเป็นหุ้นมีสภาพคล่อง มีพื้นฐานแน่นจริงเท่านั้น
ใครไม่รู้จักไปดูที่
http://dsm.pantipmember.com/
ผมว่าอ.ไพบูลย์สรุปและอ.นิเวศน์ก็เห็นด้วย ว่าอย่าเลียนแบบ เพราะต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัว หมายถึงการเล่นแบบทุ่มกับหุ้นตัวเดียว โดยเฉพาะมาร์จินอันตราย ถ้าเล่นไม่เป็นหมดตัวได้ เพราะแนว VI ทั่วไปที่อนุรักษ์นิยม จะกันเงินไว้แยกแบบอ.ไพบูลย์ว่า
แต่ผมว่าเป็นสิ่งที่ศึกษาได้ โดยเฉพาะสิ่งที่ใช้เวลาพูดอธิบายนิดเดียวในรายการเพราะเวลาจำกัดอย่างที่ว่า ก็คือการประเมินด้วย Enterprise value และดูกระแสเงินสดที่เป็นเงินของจริง จุดนั้นที่ไม่ได้เน้นว่าเป็นอีกวิธี ที่น่านำมาใช้ในการประเมินคุณค่าแบบ VI ได้ดีอย่างมีประสิทธิภาพ
- หมีบึงกุ่ม
- Verified User
- โพสต์: 408
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk@TNN2 .... คุณ Chinn แห่ง Thai VI
โพสต์ที่ 18
ขอบคุณมากเลยครับ คุณชิณณ์ออกรายการให้ดูแล้ว ยังห่วงใยตามมาอธิบายเพิ่มเติมให้อีก นับถือครับ
ตอนผมดูยังนึกว่าน่าจะขยายความเรื่องมาร์จิ้นซะหน่อย
อ.ไพบูลย์เหมือนเกรงว่าจะนำไปใช้ผิดและเกิดความเสียหายได้
แต่เท่าที่ทราบดร.นิเวศน์ก็เคยใช้มาร์จิน
ไม่ทราบว่าวิธีการวางแผนแบบคุณชิณณ์ที่ซื้อขายเป็น step ในกรณีที่ราคาหุ้นผันผวนขึ้นลงเพื่อกันการ call margin
มีกรณีอื่นที่อาจจะนำไปใช้ไม่สำเร็จได้ไหมครับ นอกจากกรณีที่หุ้นมี volume ซื้อขายน้อยแล้ว
ตอนผมดูยังนึกว่าน่าจะขยายความเรื่องมาร์จิ้นซะหน่อย
อ.ไพบูลย์เหมือนเกรงว่าจะนำไปใช้ผิดและเกิดความเสียหายได้
แต่เท่าที่ทราบดร.นิเวศน์ก็เคยใช้มาร์จิน
ไม่ทราบว่าวิธีการวางแผนแบบคุณชิณณ์ที่ซื้อขายเป็น step ในกรณีที่ราคาหุ้นผันผวนขึ้นลงเพื่อกันการ call margin
มีกรณีอื่นที่อาจจะนำไปใช้ไม่สำเร็จได้ไหมครับ นอกจากกรณีที่หุ้นมี volume ซื้อขายน้อยแล้ว
"Good practice makes perfect"
-
- Verified User
- โพสต์: 226
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk@TNN2 .... คุณ Chinn แห่ง Thai VI
โพสต์ที่ 20
ขอบคุณสำหรับคำถามครับหมีบึงกุ่ม เขียน:ขอบคุณมากเลยครับ คุณชิณณ์ออกรายการให้ดูแล้ว ยังห่วงใยตามมาอธิบายเพิ่มเติมให้อีก นับถือครับ
ตอนผมดูยังนึกว่าน่าจะขยายความเรื่องมาร์จิ้นซะหน่อย
อ.ไพบูลย์เหมือนเกรงว่าจะนำไปใช้ผิดและเกิดความเสียหายได้
แต่เท่าที่ทราบดร.นิเวศน์ก็เคยใช้มาร์จิน
ไม่ทราบว่าวิธีการวางแผนแบบคุณชิณณ์ที่ซื้อขายเป็น step ในกรณีที่ราคาหุ้นผันผวนขึ้นลงเพื่อกันการ call margin
มีกรณีอื่นที่อาจจะนำไปใช้ไม่สำเร็จได้ไหมครับ นอกจากกรณีที่หุ้นมี volume ซื้อขายน้อยแล้ว
ต้องเผื่อ กรณีเกิดเหตุการณ์รุนแรงมากๆครับ เช่น 911
ดังนั้น จังหวะซื้อต้องเตรียมสถานการณ์ว่าภายในกี่เดือน ที่หุ้นจะเริ่มมีประเด็น
เพื่อลดเวลาที่เสี่ยงให้สั้นลง
เช่น jas ผมรู้ว่า q3/53 ราคากระโดดแหงๆ เพราะ q3/52 ขาดทุนหนัก
และหากตก ที่ 30 % flooor ต้องมีทางแก้
โดยมากผมกันไว้ 50% ของราคาปัจจุบันครับ
แล้วต้องประเมินราคาเหมาะสมถูกต้อง
หมายความว่าหุ้นของเราต้องขึ้นชัวร์
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4562
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk@TNN2 .... คุณ Chinn แห่ง Thai VI
โพสต์ที่ 21
ยอดเยี่ยมมากครับ ชิณณ์
หวังว่า งาน เฮฮา ในรอบนี้ น่าจะมีการ re run แบบ เต็มๆ สดๆ นะครับ..
หวังว่า งาน เฮฮา ในรอบนี้ น่าจะมีการ re run แบบ เต็มๆ สดๆ นะครับ..
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
-
- Verified User
- โพสต์: 1155
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk@TNN2 .... คุณ Chinn แห่ง Thai VI
โพสต์ที่ 22
คุณชินครับผมมีข้อไม่เข้าใจเกี่ยวกับข้อความเหล่านี้
"แล้ววางแผนในการบริหาร margin ว่าหากหุ้นเริ่มลง เราจะทยอยขาย ช่องละ 20000 หุ้น (ใช้แนวคิดบริหารแบบ dsm)
และหลังจากนั้น ราคาหุ้นได้เริ่มลง เราก็ทำตาม แต่เราลืมนึกถึงสภาพคล่อง จึงทำให้ผิดแผน
แต่ก็ทยอยขายไปเรื่อยๆ จน 2 บาท และได้ทำบัญชีไว้ หลังจากนั้น ต้องหาเงินกู้มาโปะหนี้สิน ประมาณ 1.5 ล้านบาท
เมื่อเครียเสร็จ เราก็วางแผน ซื้อกลับ ทุก lot ที่ขายไป ช่องละ 20000 หุ้น ในตอนที่หุ้นขึ้น จนถึง5บาท
และเผื่อเหตุการณ์ว่าขึ้นและลงไว้แล้ว ว่าอย่างไรก็สามารถรักษาสภาพ port ได้อย่างแน่นอน ไม่มีโอกาสโดน call margin"
ผมไม่เข้าใจหลักการณ์นี้ทั้งหมด
1.เรามีอะไรเป็นจุดสังเกตุ ว่าหุ้นเริ่มลง
2.ขาย 20,000หุ้น ต่อวันหรือต่ออะไรครับ
3.เพราะอะไรต้องขาย 20,000หุ้น และต้องเท่ากันตลอดเลยหรือ มีเหตุผลอะไรครับ
4.ถ้ามันลงและเด้งเป็นช่วงๆเราจะทำอย่างไร
5.ถ้าไม่เล่นมาร์จิ้นยังใช้หลักการณ์นี้มั้ย
6.เรามีอะไรเป็นจุดสังเกตุว่าหุ้นเริ่มขึ้น
7.ตอนซื้อกลับต้องซื้อ วันละ 20,000หุ้นใช่ไม๊ หรือไม่แน่นอน
8.ถ้ามันขึ้นสักพักแล้วปักหัวลงเป็นช่วงๆจะทำอย่างไร
ขอบคุณคุณชินล่วงหน้าครับ
ขอโทษถ้าผมถามซ้ำกับคนอื่น แต่ถ้าถามซ้ำก็บอกด้วยครับผมจะไปดู
"แล้ววางแผนในการบริหาร margin ว่าหากหุ้นเริ่มลง เราจะทยอยขาย ช่องละ 20000 หุ้น (ใช้แนวคิดบริหารแบบ dsm)
และหลังจากนั้น ราคาหุ้นได้เริ่มลง เราก็ทำตาม แต่เราลืมนึกถึงสภาพคล่อง จึงทำให้ผิดแผน
แต่ก็ทยอยขายไปเรื่อยๆ จน 2 บาท และได้ทำบัญชีไว้ หลังจากนั้น ต้องหาเงินกู้มาโปะหนี้สิน ประมาณ 1.5 ล้านบาท
เมื่อเครียเสร็จ เราก็วางแผน ซื้อกลับ ทุก lot ที่ขายไป ช่องละ 20000 หุ้น ในตอนที่หุ้นขึ้น จนถึง5บาท
และเผื่อเหตุการณ์ว่าขึ้นและลงไว้แล้ว ว่าอย่างไรก็สามารถรักษาสภาพ port ได้อย่างแน่นอน ไม่มีโอกาสโดน call margin"
ผมไม่เข้าใจหลักการณ์นี้ทั้งหมด
1.เรามีอะไรเป็นจุดสังเกตุ ว่าหุ้นเริ่มลง
2.ขาย 20,000หุ้น ต่อวันหรือต่ออะไรครับ
3.เพราะอะไรต้องขาย 20,000หุ้น และต้องเท่ากันตลอดเลยหรือ มีเหตุผลอะไรครับ
4.ถ้ามันลงและเด้งเป็นช่วงๆเราจะทำอย่างไร
5.ถ้าไม่เล่นมาร์จิ้นยังใช้หลักการณ์นี้มั้ย
6.เรามีอะไรเป็นจุดสังเกตุว่าหุ้นเริ่มขึ้น
7.ตอนซื้อกลับต้องซื้อ วันละ 20,000หุ้นใช่ไม๊ หรือไม่แน่นอน
8.ถ้ามันขึ้นสักพักแล้วปักหัวลงเป็นช่วงๆจะทำอย่างไร
ขอบคุณคุณชินล่วงหน้าครับ
ขอโทษถ้าผมถามซ้ำกับคนอื่น แต่ถ้าถามซ้ำก็บอกด้วยครับผมจะไปดู
Blueplanet
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 152
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk@TNN2 .... คุณ Chinn แห่ง Thai VI
โพสต์ที่ 23
พอรู้ว่าคุณชิณณ์ มาสัมภาษณ์ ก็เฝ้าจอรอไว้เลย
แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ผมมาอีก 1 เฮือก
แต่ผมเชื่อว่าของฟรีไม่มีในโลก การที่คุณชิณณ์มาถึงจุดนี้ได้ต้องใช้
ตั้งใจจริงที่จะเรียนรู้ที่จะหาข้อมูลและวิเคราะห์อย่างท่องแท้
ผมตั้งใจว่าภายในปีนี้ผมจะต้องไปเรียนการอ่านงบการเงินให้ได้
อย่างน้อย 1 คอร์ส ครับ ที่ผ่านมาผมเล่นหุ้นแบบงูงู ปลาๆ เล่นตามข่าวมาตลอด
แต่ยังไงคงไม่เล่น มาจิ้นแน่ๆ ครับ
แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ผมมาอีก 1 เฮือก
แต่ผมเชื่อว่าของฟรีไม่มีในโลก การที่คุณชิณณ์มาถึงจุดนี้ได้ต้องใช้
ตั้งใจจริงที่จะเรียนรู้ที่จะหาข้อมูลและวิเคราะห์อย่างท่องแท้
ผมตั้งใจว่าภายในปีนี้ผมจะต้องไปเรียนการอ่านงบการเงินให้ได้
อย่างน้อย 1 คอร์ส ครับ ที่ผ่านมาผมเล่นหุ้นแบบงูงู ปลาๆ เล่นตามข่าวมาตลอด
แต่ยังไงคงไม่เล่น มาจิ้นแน่ๆ ครับ
- BeSmile
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1178
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk@TNN2 .... คุณ Chinn แห่ง Thai VI
โพสต์ที่ 24
ขอบคุณ คุณชินณ์ ครับสำหรับความรู้ที่ดีในการลงทุน
ขอแนะนำ เหมือนกัน ว่า อย่าเลียนแบบ ครับในเรื่องการใช้ Margin
แต่ถ้าจะใช้ จริง ๆ ขอให้ คิดเองเข้าใจเอง ให้ได้ ครับ ว่าสร้าง Model การลงทุนยังไง
เวลาเจ็ง จะได้เข้าใจว่าสร้าง Model ยังไง
ถ้าสร้าง Model ไม่ดี หุ้นลงแค่ 30% อาจหมดตัวได้
การใช้ Margin นั้นแค่มีความรู้ (Knowledge)ไม่พอครับ ต้องเข้าใจ (Wisdom) ด้วยแถมต้องมี วินัยในการลงทุนอีกต่างหาก
แต่ไม่ได้หมายความว่า เข้าใจแล้วจะใช้ได้ผลด้วยนะครับ
ขอแนะนำ เหมือนกัน ว่า อย่าเลียนแบบ ครับในเรื่องการใช้ Margin
แต่ถ้าจะใช้ จริง ๆ ขอให้ คิดเองเข้าใจเอง ให้ได้ ครับ ว่าสร้าง Model การลงทุนยังไง
เวลาเจ็ง จะได้เข้าใจว่าสร้าง Model ยังไง
ถ้าสร้าง Model ไม่ดี หุ้นลงแค่ 30% อาจหมดตัวได้
การใช้ Margin นั้นแค่มีความรู้ (Knowledge)ไม่พอครับ ต้องเข้าใจ (Wisdom) ด้วยแถมต้องมี วินัยในการลงทุนอีกต่างหาก
แต่ไม่ได้หมายความว่า เข้าใจแล้วจะใช้ได้ผลด้วยนะครับ
มีสติ - อย่าประมาทในการใช้ชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 226
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk@TNN2 .... คุณ Chinn แห่ง Thai VI
โพสต์ที่ 26
มันคือหลัก dsm ครับblueplanet เขียน:คุณชินครับผมมีข้อไม่เข้าใจเกี่ยวกับข้อความเหล่านี้
"แล้ววางแผนในการบริหาร margin ว่าหากหุ้นเริ่มลง เราจะทยอยขาย ช่องละ 20000 หุ้น (ใช้แนวคิดบริหารแบบ dsm)
และหลังจากนั้น ราคาหุ้นได้เริ่มลง เราก็ทำตาม แต่เราลืมนึกถึงสภาพคล่อง จึงทำให้ผิดแผน
แต่ก็ทยอยขายไปเรื่อยๆ จน 2 บาท และได้ทำบัญชีไว้ หลังจากนั้น ต้องหาเงินกู้มาโปะหนี้สิน ประมาณ 1.5 ล้านบาท
เมื่อเครียเสร็จ เราก็วางแผน ซื้อกลับ ทุก lot ที่ขายไป ช่องละ 20000 หุ้น ในตอนที่หุ้นขึ้น จนถึง5บาท
และเผื่อเหตุการณ์ว่าขึ้นและลงไว้แล้ว ว่าอย่างไรก็สามารถรักษาสภาพ port ได้อย่างแน่นอน ไม่มีโอกาสโดน call margin"
ผมไม่เข้าใจหลักการณ์นี้ทั้งหมด
1.เรามีอะไรเป็นจุดสังเกตุ ว่าหุ้นเริ่มลง
2.ขาย 20,000หุ้น ต่อวันหรือต่ออะไรครับ
3.เพราะอะไรต้องขาย 20,000หุ้น และต้องเท่ากันตลอดเลยหรือ มีเหตุผลอะไรครับ
4.ถ้ามันลงและเด้งเป็นช่วงๆเราจะทำอย่างไร
5.ถ้าไม่เล่นมาร์จิ้นยังใช้หลักการณ์นี้มั้ย
6.เรามีอะไรเป็นจุดสังเกตุว่าหุ้นเริ่มขึ้น
7.ตอนซื้อกลับต้องซื้อ วันละ 20,000หุ้นใช่ไม๊ หรือไม่แน่นอน
8.ถ้ามันขึ้นสักพักแล้วปักหัวลงเป็นช่วงๆจะทำอย่างไร
ขอบคุณคุณชินล่วงหน้าครับ
ขอโทษถ้าผมถามซ้ำกับคนอื่น แต่ถ้าถามซ้ำก็บอกด้วยครับผมจะไปดู
ตัวเลข 20000 ต่อช่อง เกิดจากการเขียน excel ว่าต้องขายหุ้นช่องละเท่าไหร่
เช่น 3.88,3.86,3.84,3.82,3.8
จึงไม่โดน call margin ต่อให้ หุ้นลงไปถึง เท่าไหร่ก็ตาม และมีเงินพอซื้อกลับเมื่อหุ้นขึ้น
ซึ่งรู้ได้ไงว่าหุ้นลง ผมเริ่มขายเมื่อหุ้นลงจากจุดที่เราซื้อครับ แค่นั้นเองครับ
ส่วนซื้อกลับจะซื้อเมื่อหุ้นขึ้นมาระดับหนึ่งคือยืนได้แล้ว อย่างผมเริ่มซื้อกลับ 1.26 ครับ
การซื้อๆ ซื้อ ตาม ราคาที่ขึ้นครับ ช่องละ 20000
เช่น 2.02,2.04,2.06
ถ้าหุ้นลง ก็ทยอยขายตามแผนต่อครับ
มันเป็นการคุมport เพื่อเพิ่มหุ้นครับ แต่ผมนำมาประยุกต์กับมาร์จิ้นครับ
ส่วนว่าน่าใช้ไหม หลังจากจบเกมผมทำลาย excelทันทีครับ ไม่คิดจะแนะนำใครให้ลงทุนเกมนี้
เพราะ เป็นเกมที่ต้องทำตามแผนได้สมบูรณ์ ดังนั้นถ้าราคา โดดลง แบบเหตุการณ์ แปลกๆ ต้องปรับเกมเป็นครับ
ที่นำมาเล่า เพื่อให้เห็นรูปแบบ มาร์จิ้นที่ผมใช้ทั้ง 4แบบครับ
- Taonoi
- Verified User
- โพสต์: 103
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk@TNN2 .... คุณ Chinn แห่ง Thai VI
โพสต์ที่ 27
คุณชิณณ์ ครับ วิธีการและการใช้มาร์จิ้นช่วงที่ลงทุนเพื่อเร่ง port นั้น คุณชิณณ์ต้องเฝ้าหน้าจอตลอดหรือไม่ครับ เนื่องจากเราต้องคอยทำตามแผนการที่วางไว้ใน excel ชีท และไม่ทราบว่าคุณรู้สึกเครียดบ้างไหมครับในช่วงเวลานั้น (ขอแชร์ความรู้สึกหน่อยครับ)
ขอบคุณมากครับ สำหรับความรู้ที่แบ่งปัน
ขอบคุณมากครับ สำหรับความรู้ที่แบ่งปัน
- noonnsn
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 435
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk@TNN2 .... คุณ Chinn แห่ง Thai VI
โพสต์ที่ 28
สุด......สุดยอดมากๆครับ
ผมได้แต่ซื้อเก็บเพราะเห็นว่า data จะมีการใช้งานมากขึ้นอย่างมากเป็นหลายเท่าตัว
และได้ทราบข่าวว่า 2 big operator ได้มีการให้ Packet service เข้าไปอยู่ใน KPI ซึ่งจะมีผลต่อ bonus ของพนักงานด้วยครับ...อย่างนี้พนักงานยิ่งต้องระมัดระวังในการดูแลระบบและเพิ่มขยายอย่างรวดเร็วด้วยเพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งาน
ผมได้แต่ซื้อเก็บเพราะเห็นว่า data จะมีการใช้งานมากขึ้นอย่างมากเป็นหลายเท่าตัว
และได้ทราบข่าวว่า 2 big operator ได้มีการให้ Packet service เข้าไปอยู่ใน KPI ซึ่งจะมีผลต่อ bonus ของพนักงานด้วยครับ...อย่างนี้พนักงานยิ่งต้องระมัดระวังในการดูแลระบบและเพิ่มขยายอย่างรวดเร็วด้วยเพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งาน
- Financeseed
- Verified User
- โพสต์: 1304
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk@TNN2 .... คุณ Chinn แห่ง Thai VI
โพสต์ที่ 30
ขอบคุณครับ