คิดไงถ้าจะบรรจุ การลงทุน ให้นักเรียนตั้งแต่ประถมแบบจริงจัง
-
- Verified User
- โพสต์: 1667
- ผู้ติดตาม: 0
คิดไงถ้าจะบรรจุ การลงทุน ให้นักเรียนตั้งแต่ประถมแบบจริงจัง
โพสต์ที่ 1
คิดว่า เป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศในระยะยาว
และผู้ใหญ่ น่าจะต้องช่วยปลูกฝัง ตั้งแต่ เล็กๆ
ปสก. ของผม คือ แม่ พาไปเปิดบัญชีธนาคารออมสิน
ที่เปิดวันเสาร์ และ สมัยนั้น มีรูปภาพ ล่อใจ
ทำให้ ได้เรียนรู้ เรื่อง ดอกเบี้ย
ตอนนี้ผมเจอพวก อายุ 30 เงินเก็บไม่มีแล้ว น่าห่วงอนาคต
ปรนเปรอตัวเอง ใช้เงินหมด
และผู้ใหญ่ น่าจะต้องช่วยปลูกฝัง ตั้งแต่ เล็กๆ
ปสก. ของผม คือ แม่ พาไปเปิดบัญชีธนาคารออมสิน
ที่เปิดวันเสาร์ และ สมัยนั้น มีรูปภาพ ล่อใจ
ทำให้ ได้เรียนรู้ เรื่อง ดอกเบี้ย
ตอนนี้ผมเจอพวก อายุ 30 เงินเก็บไม่มีแล้ว น่าห่วงอนาคต
ปรนเปรอตัวเอง ใช้เงินหมด
คงไม่มีใคร หาเงินมากมาย ไว้ยัดใส่โลงศพตัวเอง
.........
เชิญรับแจก เมล็ดพันธุ์พืชนานาชนิดได้ที่
http://www.kasetporpeang.com/forums/ind ... board=22.0
เชิญฟังธรรมฟรี ที่ http://www.fungdham.com
.........
เชิญรับแจก เมล็ดพันธุ์พืชนานาชนิดได้ที่
http://www.kasetporpeang.com/forums/ind ... board=22.0
เชิญฟังธรรมฟรี ที่ http://www.fungdham.com
-
- Verified User
- โพสต์: 1667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คิดไงถ้าจะบรรจุ การลงทุน ให้นักเรียนตั้งแต่ประถมแบบจริงจ
โพสต์ที่ 2
รูปภาพล่อใจ คือ
รูปที่ ธนาคารออมสิน แจกให้เด็กๆ ที่ไปฝากเงินในวันเสาร์ ครับ
เสียดาย ตอนนี้ ออมสินไม่เปิดวันเสาร์แล้ว
เด็กเลยต้อง ถืิอเงินที่สะสมมาทั้งอาทิตย์ ไปร้านเกมส์แทน
รูปที่ ธนาคารออมสิน แจกให้เด็กๆ ที่ไปฝากเงินในวันเสาร์ ครับ
เสียดาย ตอนนี้ ออมสินไม่เปิดวันเสาร์แล้ว
เด็กเลยต้อง ถืิอเงินที่สะสมมาทั้งอาทิตย์ ไปร้านเกมส์แทน
คงไม่มีใคร หาเงินมากมาย ไว้ยัดใส่โลงศพตัวเอง
.........
เชิญรับแจก เมล็ดพันธุ์พืชนานาชนิดได้ที่
http://www.kasetporpeang.com/forums/ind ... board=22.0
เชิญฟังธรรมฟรี ที่ http://www.fungdham.com
.........
เชิญรับแจก เมล็ดพันธุ์พืชนานาชนิดได้ที่
http://www.kasetporpeang.com/forums/ind ... board=22.0
เชิญฟังธรรมฟรี ที่ http://www.fungdham.com
-
- Verified User
- โพสต์: 567
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คิดไงถ้าจะบรรจุ การลงทุน ให้นักเรียนตั้งแต่ประถมแบบจริงจ
โพสต์ที่ 3
ถ้าทำได้จริงจังก็ดีครับ แต่ลูกๆพวกเราน่าจะได้เปรียบเพราะเห็นเราเป็นตัวอย่าง
เรื่องการเงินจริงๆที่บ้านผมพ่อเปิดบัญชีครอบครัวให้ผมดูเลยว่าเงินเดือนเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายเดือนละเท่าไหร มีหนี้อะไรบ้าง รู้ฐานะครอบครัวทำให้เราไม่ฟุ่มเฟือย
สอนจากเรื่องง่ายๆ เริ่มจากการออม แล้วค่อยเป็นการลงทุน
ตอนนี้ผมคงไม่หวังกับการศึกษามาก สอนลูกเองก่อนโรงเรียนจะมีสอนเพิ่มเติมถือเป็นผลพลอยได้
เรื่องการเงินจริงๆที่บ้านผมพ่อเปิดบัญชีครอบครัวให้ผมดูเลยว่าเงินเดือนเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายเดือนละเท่าไหร มีหนี้อะไรบ้าง รู้ฐานะครอบครัวทำให้เราไม่ฟุ่มเฟือย
สอนจากเรื่องง่ายๆ เริ่มจากการออม แล้วค่อยเป็นการลงทุน
ตอนนี้ผมคงไม่หวังกับการศึกษามาก สอนลูกเองก่อนโรงเรียนจะมีสอนเพิ่มเติมถือเป็นผลพลอยได้
- Unstablemind
- Verified User
- โพสต์: 405
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คิดไงถ้าจะบรรจุ การลงทุน ให้นักเรียนตั้งแต่ประถมแบบจริงจ
โพสต์ที่ 6
That is a wonderful idea.....he only problem is....the wealthy elite would never teach financial education like that because it would create more competition for them....saddd....well at least warren buffet made that cartoon...god bless him
Its all about getting alpha.
-
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คิดไงถ้าจะบรรจุ การลงทุน ให้นักเรียนตั้งแต่ประถมแบบจริงจ
โพสต์ที่ 7
ถ้าโรงเรียนไหนมีหลักสูตรการเงินสอนตั้งแต่ประถม
ผมจะให้ลูกหลานไปเรียนที่นั่นทันที
ผมจะให้ลูกหลานไปเรียนที่นั่นทันที
-
- Verified User
- โพสต์: 94
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คิดไงถ้าจะบรรจุ การลงทุน ให้นักเรียนตั้งแต่ประถมแบบจริงจ
โพสต์ที่ 8
ควรสอนครับ อย่างน้อยๆขอเป็นการเงินส่วนบุคคลก็ยังดี เด็กๆจะได้เห็นความสำคัญของการออม ดอกเบี้ยทบต้น ความพอเพียง โตขึ้นมาปัญหาพวกหนี้บัตรเครดิต หนี้นอกระบบ หนี้การพนัน จะได้ลดๆลงบ้าง ปัญหาสังคมในภาพใหญ่ก็คงลดลงได้บ้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 47
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คิดไงถ้าจะบรรจุ การลงทุน ให้นักเรียนตั้งแต่ประถมแบบจริงจ
โพสต์ที่ 9
อยากให้มีการเรียนการสอนตั้งแต่ในครอบครัว การบรรจุการลงทุนในหลักสูตรนักเรียนควรทำตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ
ระดับอนุบาลก็ให้รู้จักการเก็บหอมรอมริบ เห็นประโยชน์และคุณค่าความสำคัญของการออมเงิน
ระดับประถมก็ให้รู้จักการจดบันทึก และวินัยทางการเงิน
ระดับมัธยมให้รู้จักการตั้งเป้าหมาย การจัดสรรงบประมาณ และการลงทุนในช่องทางต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
แต่สิ่งที่อยากให้ลงทุนมากที่สุดคือให้ลงทุนในความรู้ เพราะความรู้เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับตัวเราและสามารถนำไปพัฒนาอย่างอื่นได้อีกมากมาย
ระดับอนุบาลก็ให้รู้จักการเก็บหอมรอมริบ เห็นประโยชน์และคุณค่าความสำคัญของการออมเงิน
ระดับประถมก็ให้รู้จักการจดบันทึก และวินัยทางการเงิน
ระดับมัธยมให้รู้จักการตั้งเป้าหมาย การจัดสรรงบประมาณ และการลงทุนในช่องทางต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
แต่สิ่งที่อยากให้ลงทุนมากที่สุดคือให้ลงทุนในความรู้ เพราะความรู้เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับตัวเราและสามารถนำไปพัฒนาอย่างอื่นได้อีกมากมาย
- HARINLUX
- Verified User
- โพสต์: 339
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คิดไงถ้าจะบรรจุ การลงทุน ให้นักเรียนตั้งแต่ประถมแบบจริงจ
โพสต์ที่ 13
-เรื่องนี้ เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ เพราะผลการสำรวจ ครู อาจารย์ ที่มีหน้าที่สอนเด็กและ เยาวชนของขาติ หนี้สิน รุงรังมากขึ้นทุกๆปี กระทรวงศึกษา น่าจะเรียนเชิญ ดร.นิเวศน์ฯหรือผู้รู้ในการบริหารเงินทอง ไปแนะนำให้ครูบาอาจารย์ สามารถบริหารเงินทองของตนเองให้ดีขึ้นดำ เขียน:ปัญหาคือใครจะสอน ในเมื่อคนสอนทุกวันนี้ยังไม่มีความรู้การเงินเลย (เพราะไม่เคยเรียน)
-------------------------------
ความรู้ คู่คุณธรรม
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4886
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คิดไงถ้าจะบรรจุ การลงทุน ให้นักเรียนตั้งแต่ประถมแบบจริงจ
โพสต์ที่ 14
ปัญหาคือ เงินเดือน ครูบาอาจารย์ เราไม่พอใช้ครับ ยังไม่ต้องพูดถึงเงินเก็บหรือลงทุนHARINLUX เขียน:-เรื่องนี้ เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ เพราะผลการสำรวจ ครู อาจารย์ ที่มีหน้าที่สอนเด็กและ เยาวชนของขาติ หนี้สิน รุงรังมากขึ้นทุกๆปี กระทรวงศึกษา น่าจะเรียนเชิญ ดร.นิเวศน์ฯหรือผู้รู้ในการบริหารเงินทอง ไปแนะนำให้ครูบาอาจารย์ สามารถบริหารเงินทองของตนเองให้ดีขึ้นดำ เขียน:ปัญหาคือใครจะสอน ในเมื่อคนสอนทุกวันนี้ยังไม่มีความรู้การเงินเลย (เพราะไม่เคยเรียน)
-------------------------------
ความรู้ คู่คุณธรรม
อีกอย่าง การลงทุนเป็นเรื่องของความเชื่อ ต่างคนโตมาต่างสภาพแวดล้อม ก็มีความเชื่อต่างๆกันเกี่ยวกับเงิน
สมมุติ ครู ส่วนใหญ่ มีเงินเก็บ 1 แสนบาท ทําreturn ได้ 20% = 20000 บาทปี ต่อเดือนมันก็ไม่กี่พันเอง จะให้ลงมากกว่า นี้ ครูส่วนใหญ่มีไม่เกิน 5 แสน หรอกครับ ถึงมีก็ไม่กล้า เพราะกลัวต่างๆนาๆ
พอเจอ ขาดทุนที ก็เข็ดแล้ว Snake Bite Effect แล้วก็จะขยาดตลาดหุ้นไป เผลอๆ ถ่ายทอด ความเชื่อ ว่า ตลาดหุ้นไม่ดี เป็นการพนัน อีก
วิธีที่ดีกว่า ผมว่า หารายได้เสริมก่อนครับ พอมีรายได้ เกิน จุด Break Even ของแต่ละคน ที่เหลือก็จะเป็นเงินสะสม แล้ว มาศึกษาการลงทุนก็ยังไม่สาย Cashflow นิ่งๆก่อนแล้ว คงมีกําลังใจศึกษา การลงทุนมากขึ้น
รายได้เสริม สมัยนี้ทําง่ายกว่าก่อนมากเพราะมี E Commerce ทําควบคู่งานประจําได้ครับ เช่นขายของต่างๆหรือ รับสอนพิเศษ
วิชาที่สําคัญไม่แพ้การลงทุนคือ Marketing แต่ละคนมีCompetitive Advantage ต่างกัน หากนําจุดแข็งมาเป็นจุดขาย หารายได้เสริม น่าจะช่วยได้เยอะครับ
- Petey
- Verified User
- โพสต์: 47
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คิดไงถ้าจะบรรจุ การลงทุน ให้นักเรียนตั้งแต่ประถมแบบจริงจ
โพสต์ที่ 15
เห็นด้วยครับ
แต่ผมว่าควรปลูกฝังให้มีจิตใจที่มีความดีเป็นแก่นของชีวิตก่อนครับ...แล้วค่อยเพิ่มความรู้ด้านการลงทุนเข้าไปเสริม
สอนคนดีให้รวย...
ดีกว่าและง่ายกว่าการ
สอนคนรวยให้ดี...
แต่ผมว่าควรปลูกฝังให้มีจิตใจที่มีความดีเป็นแก่นของชีวิตก่อนครับ...แล้วค่อยเพิ่มความรู้ด้านการลงทุนเข้าไปเสริม
สอนคนดีให้รวย...
ดีกว่าและง่ายกว่าการ
สอนคนรวยให้ดี...
If you only think of things that you haven't got...
You could have it all and still never have enough...
So don't worry, be happy...
You could have it all and still never have enough...
So don't worry, be happy...
- simplelife
- Verified User
- โพสต์: 756
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คิดไงถ้าจะบรรจุ การลงทุน ให้นักเรียนตั้งแต่ประถมแบบจริงจ
โพสต์ที่ 16
อย่าเพิ่งไปคิดถึงสอนให้ "ลงทุน" เลยครับ สอนให้รู้จักใช้เงินก่อน สอนให้ฉลาดทางการเงินก่อน รู้ว่าอะไรเราควรจะใช้เงิน เก็บเงินอย่างไร เรื่องแบบนี้จริงๆ สอนมาจากพ่อจากแม่น่าจะดีกว่า no offense นะครับ แต่อาชีพครู เป็นอาชีพที่รายได้น้อยกว่าอาชีิพอื่น จำนวนมากเลยที่ติดหนี้สหกรณ์ หนี้โน่นนี่นั่น
แต่จะว่าไปที่เห็นๆจากคนรอบตัว เพื่อนฝูงต่างๆ พ่อแม่สมัยนี้แหละตัวดี ใช้เงินเลี้ยงลูก ลูกงอแงก็โยน ipad ให้เล่นเกมส์ ไปเซเว่นให้เงินครั้งละ 100- ซื้อเสื้อผ้าเด็กเข้าชุดทั้งชุด ทั้งพ่อทั้งแม่มีทุกวันนี้ได้เพราะว่าปู่ย่าส่งเรียนมาสูงๆ เลี้ยงมายันโตจนมาจ่ายแม้แต่ค่างานแต่งงาน แต่ไม่เคยกลับไปดูแลพ่อแม่ตัวเอง เพราะว่า generation ก่อนนเขาประหยัด ส่งเลี้ยงลูกเสร็จก็ยังเหลือเงินเลี้ยงตัวเองยามแก่เฒ่า
แต่กลับกัน ด้วยอัตราการใช้เงินที่เห็นจากคน generation นี้ พูดตรงๆว่าตอนแก่เฒ่า คนพวกนี้ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรเลี้ยงตัว หรือจะหวังให้ลูกเลี้ยงเหรอ เหอะๆ
แต่จะว่าไปที่เห็นๆจากคนรอบตัว เพื่อนฝูงต่างๆ พ่อแม่สมัยนี้แหละตัวดี ใช้เงินเลี้ยงลูก ลูกงอแงก็โยน ipad ให้เล่นเกมส์ ไปเซเว่นให้เงินครั้งละ 100- ซื้อเสื้อผ้าเด็กเข้าชุดทั้งชุด ทั้งพ่อทั้งแม่มีทุกวันนี้ได้เพราะว่าปู่ย่าส่งเรียนมาสูงๆ เลี้ยงมายันโตจนมาจ่ายแม้แต่ค่างานแต่งงาน แต่ไม่เคยกลับไปดูแลพ่อแม่ตัวเอง เพราะว่า generation ก่อนนเขาประหยัด ส่งเลี้ยงลูกเสร็จก็ยังเหลือเงินเลี้ยงตัวเองยามแก่เฒ่า
แต่กลับกัน ด้วยอัตราการใช้เงินที่เห็นจากคน generation นี้ พูดตรงๆว่าตอนแก่เฒ่า คนพวกนี้ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรเลี้ยงตัว หรือจะหวังให้ลูกเลี้ยงเหรอ เหอะๆ
"I believe what I said yesterday. I don't know what I said, but I know what I think... and I assume it's what I said." -- Donald Rumsfeld
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4886
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คิดไงถ้าจะบรรจุ การลงทุน ให้นักเรียนตั้งแต่ประถมแบบจริงจ
โพสต์ที่ 17
คนส่วนใหญ่สมัยนี้ เค้าไม่คิดถึงอนาคต กันหรอกครับ Gen X and Y เกือบทุกคน ต้องมี Smartphone เป็น Social Life ทั้งๆที่ 10 ปีก่อนก็ไม่จําเป็นsimplelife เขียน:อย่าเพิ่งไปคิดถึงสอนให้ "ลงทุน" เลยครับ สอนให้รู้จักใช้เงินก่อน สอนให้ฉลาดทางการเงินก่อน รู้ว่าอะไรเราควรจะใช้เงิน เก็บเงินอย่างไร เรื่องแบบนี้จริงๆ สอนมาจากพ่อจากแม่น่าจะดีกว่า no offense นะครับ แต่อาชีพครู เป็นอาชีพที่รายได้น้อยกว่าอาชีิพอื่น จำนวนมากเลยที่ติดหนี้สหกรณ์ หนี้โน่นนี่นั่น
แต่จะว่าไปที่เห็นๆจากคนรอบตัว เพื่อนฝูงต่างๆ พ่อแม่สมัยนี้แหละตัวดี ใช้เงินเลี้ยงลูก ลูกงอแงก็โยน ipad ให้เล่นเกมส์ ไปเซเว่นให้เงินครั้งละ 100- ซื้อเสื้อผ้าเด็กเข้าชุดทั้งชุด ทั้งพ่อทั้งแม่มีทุกวันนี้ได้เพราะว่าปู่ย่าส่งเรียนมาสูงๆ เลี้ยงมายันโตจนมาจ่ายแม้แต่ค่างานแต่งงาน แต่ไม่เคยกลับไปดูแลพ่อแม่ตัวเอง เพราะว่า generation ก่อนนเขาประหยัด ส่งเลี้ยงลูกเสร็จก็ยังเหลือเงินเลี้ยงตัวเองยามแก่เฒ่า
แต่กลับกัน ด้วยอัตราการใช้เงินที่เห็นจากคน generation นี้ พูดตรงๆว่าตอนแก่เฒ่า คนพวกนี้ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรเลี้ยงตัว หรือจะหวังให้ลูกเลี้ยงเหรอ เหอะๆ
พฤติกรรม มันเปลี่ยนไปนะครับ ค่านิยมตะวันตก เข้ามามากขึ้นจาก สื่อ การตลาดต่างๆ
ทําให้คนบูชา วัตถุ เพื่อนผมหลายคนเป็นหนี้บัตรเครดิต มีเพื่อนผมบางคน ขับ Benz แต่ไม่มีเงินเติมนํ้ามันก็มี
สมัยนี้เงินอนาคต หามาใช้ง่ายครับ เคยถามเพื่อนๆหลายๆคน ที่ พฤติกรรมแบบนี้ เค้า
บอกว่า เดี๋ยวก็ตายแล้ว ไม่รอถึงแก่ เพราะเที่ยว กินเหล้า สนุกก่อน แต่ผมคิดว่าแล้วถ้าไม่ตายและบ้านไม่มีธุรกิจ Support ตอนแก่ไป สนุกแน่
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 409
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คิดไงถ้าจะบรรจุ การลงทุน ให้นักเรียนตั้งแต่ประถมแบบจริงจ
โพสต์ที่ 18
ขอโทษที่เข้ามาขัดนะครับ
ถ้าผมเป็นเด็ก คงอยากจะพูดว่า "จะให้กูเรียนอะไร ถามกูบ้างมั้ย"
เรื่องนี้เป็น เรื่องของความอยากและความชอบครับ
จะมีเด็กซักกี่คน ที่มีหัวธุรกิจแบบบัฟเฟตต์
ส่วนตัวถามว่าผมชอบการลงทุนหรือไม่ ผมก็เฉยๆนะครับ แค่มันมี กิเลส เลยต้องเดินทางนี้ครับ
ถ้าผมเป็นเด็ก คงอยากจะพูดว่า "จะให้กูเรียนอะไร ถามกูบ้างมั้ย"
เรื่องนี้เป็น เรื่องของความอยากและความชอบครับ
จะมีเด็กซักกี่คน ที่มีหัวธุรกิจแบบบัฟเฟตต์
ส่วนตัวถามว่าผมชอบการลงทุนหรือไม่ ผมก็เฉยๆนะครับ แค่มันมี กิเลส เลยต้องเดินทางนี้ครับ
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คิดไงถ้าจะบรรจุ การลงทุน ให้นักเรียนตั้งแต่ประถมแบบจริงจ
โพสต์ที่ 19
ผมเห็นด้วยกับคุณ charonp นะครับ ตรงที่ว่าเราอย่าสอนแบบยัดเยียด
ถ้าไปถามนักดนตรีที่ีใจเอื้อเฟื้อต่อสังคม นักดนตรีอาจจะคิดว่า ทำไมไม่เอาหลักสูตรดนตรีดีๆ สอนตั้งแต่เด็กๆ เพราะช่วยกล่อมเกลาเด็กให้จิตใจร่าเริง และบางทีเยือกเย็นควบคุมตัวเองได้
ไปถามนักกีฬา ก็บอกว่าอยากเอากีฬาดีๆ มาลง เพราะช่วยสร้างสุขภาพแข็งแร็ง สุขภาพจิตดีตามมา ก่อให้เกิดความสามัคคีทำงานเป็นทีม อยากให้เด็กเล่นกีฬาทุกเย็น
ไปถามพระพยอม แม่ชีศันสนีย์ ก็บอกว่า จะเอาพระพุทธศาสนาหัดให้เด็กเข้าวัดตั้งแต่เด็ก เจริญธรรม สมถกัมมัฏฐาน วิปัสสนากัมมัฏฐาน
แต่ว่าผมเห็นด้วยกับหลายท่าน ว่าน่าจะมีบ้าง เพื่อช่วยให้เด็กมีความรู้
ถ้าคนไทย ก็บอกเด็กเหมือนผ้าขาว ที่เกิดมาสมองยังว่าง
ถ้าจะเอาเปรียบเทียบกับยุค ICT ก็ต้องเปรียบเทียบกับเด็กเหมือน PC หรือ Tablet ที่ออกมาจากโรงงานใหม่ๆ แล้วเจ้าของจะเริ่มใส่โปรแกรม Apps และเอา data ทั้งหลายใส่เข้าไป
ถ้าเราเป็นพ่อแม่ ก็เหมือนเจ้าของคอมพิวเตอร์ ถ้าเราไม่ใส่เอง ปล่อยให้คนอื่นมาใช้งานคอมเครื่องนี้ แล้วเอาโปรแกรม/Apps ต่างๆ มาลงเพิ่ม เอา data ขยะมาใส่บ้าง ไวรัสบ้าง malware, โดน phishing สารพัดไปหมด
เด็กๆ ก็เหมือนกัน พ่อแม่ครอบครอง แต่ก็ไม่ใช่เจ้าของ Hardware และ software หรือร่างกายและจิตใจเด็กก็จริง แต่เมื่อภูมิใจว่าเป็นผลผลิตเกิดจากความรัก นี่ลูกชั้นนะ
ก็ไม่น่าจะปล่อยให้คนอื่นหรือสิ่งแวดล้อมมลพิษ มาทำให้เกิดการลงโปรแกรม จับ data มายัดตามยถากรรม ควรมีส่วนประคับประคองไม่ให้ PC ใหม่เอี่ยมเครื่องนี้ เละเทะ กลายเป็นคอมพิวเตอร์มีปัญหา ทำงานรวน จะเอาทำงานเป็นจริงเป็นจัง ก็ crash ซะแล้ว แถมเป็นตัวกระจายไวรัสไปหาชาวบ้าน ถ้าซักวันเราจากโลกไป คอมเครื่องนี้คงกลายเป็นอุปกรณ์ล้าสมัยไร่ค้า บางเครื่องอาจถึงเป็นขยะสังคม
เด็กลูกนักการเงินชั้นเซียน ผู้มีศีลธรรม มีความซื่อสัตย์ตลอดชีวิต ไม่เคยทำบาปไม่เคยโกง แต่เอาลูกไปฝากไว้กับมหาโจรจอมเจ้าเล่ห์ สถุล ฆ่าคนยังยิ้มได้โดยที่ความรู้สึกเฉยๆ หรืออาจสนุกนานยังกับการ shopping สะสมคะแนน
สุดท้ายเราก็จะได้เด็กมหาโจรชั้นเซียน ทั้งเกิดจากการเรียนรู้เองเพราะเห็นมารอบตัวแล้วฝึกตาม และทั้งจากการฝึกจากโจรมืออาชีพ
บางทีก็บอกว่าทำไงได้ ในเมื่อเกิดมายุคที่มีมลพิษมากมาย มีตัวอย่างไม่ดี ชักนำทำให้เกิดการโปรแกรมผิดๆ เข้าไปในสมองน้อยๆ ได้เยอะ (อย่างเช่น นักร้อง idol ยังเสพยา ยังไม่ทันออกจากการรักษาเลย ผู้หลักผู้ใหญ่เตรียมเอามาประชาสัมพันธ์ซะแล้ว)
ก็ต้องเอาใจใส่ระมัดระวังกันเอง ใกล้ชิดกับลูกหลานเรามากขึ้น
เรื่องการดูแลให้หัดคิดทาางการเงิน
ถ้าใครไปอ่านหนังสือของพ่อรวยสอนลูก บังเอิญคล้ายกับที่ท่านเจ้าของกระทู้คิดพอดี
แม้สุดท้ายจะลงด้วยการขายความคิดเงินสี่ด้านตามแนวตัวเอง แต่โรบิร์ต คิโยซากิ ก็คิดเหมือนกับหลายท่านในนี้ แถมคิดไปไกลกว่าว่าทุกวันนี้ ถึงแม้จะไปถึงขั้นมหาวิทยาลัย top ระดับโลกก็ตาม มีสอนแต่ให้เด็กหัดกลายเป็นคิดจะเป็นลูกจ้างอย่างเดียว ไม่คิดดิ้นรนสร้างตัว
(คิโยซากิแบ่งออกเป็น 4 จำพวก E: Employee, S: Self employed individual/Small business, B: (Big) Business owner, I: Investor ทุกวันนี้ 'ปลูกฝัง' ค่านิยม ให้คิดแต่หนทางแต่ไป 'E' ทั้งนั้น แม้มหาวิทยาลัยระดับ top ก็ตาม)
ยุคใหม่อาจเห็นหลักสูตร MBA Entrepreneurship แต่นั่นมันก็ปลายทางแล้ว คนที่เรียนส่วนใหญ่ คือลูกคนสืบต่อกิจการคาบช้อนทองมาเกิดเท่านั้น คนที่บังเอิญดิ้นรนเองบางทีไม่รู้จะไปเรียนทำไมด้วยซ้ำ เพราะรู้จากประสบการณ์เอง มากกว่าไปเข้า class MBA แบบนั้น
ซึ่งสรุปคือนั่นเป็นโอกาสทางอ้อม ให้ Kiyosaki ขายสินค้าทั้งหลายของเขาได้โดยไม่หยุดและกลายเป็น Cash Flow เข้ากระเป๋าเขาไม่หยุด และยังมาจากการที่เขาสร้าง "อนุพันธุ์" ต่อ ด้วยการขายลิขสิทธิ์ไปทั่วโลก
สินค้าของค่าย Rich Dad Poor Dad โดยสรุปคือพยายามสอนคนให้ออกจากจากถูกโปรแกรมไว้ในด้าน E อย่างเดียวมาแต่เด็กจนโต
ประเด็นของเรื่องการปลูกฝังแต่เด็ก การจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการศึกษาหรือจับหลักสูตรใสเข้าไปขนาดนั้น จะเป็นไปได้ ถ้าเราได้คนในรัฐบาล ที่มีพื้นฐานจากการลงทุนและเห็นดีเห็นงามไปด้วย อาจแค่ได้รมต.ศึกษาก็พอจะเป็นได้
ซึ่งยังเรื่องไกลตัว อาจต้องใช้เวลา หรืออาจไม่เกิดเลย
ผมว่าทางออกของเราในเรื่องนี้คือ ไม่ต้องถึงกับยัดเยียด ไม่ต้องถึงกับจะทำให้เด็กกลายเป็นนักการเงินชั้นเซียน สอนพื้นฐานเล็กๆ น้อยๆ ถ้าเด็กอยากรู้ ถึงวัยที่จะคิดเองได้แล้ว ไปต่อยอดเอาเองถ้าจะเอาดีทางนั้น
ก็ต้องเริ่มกันเอง จากการสอนในชีวิตประจำวันก่อน ให้เด็กค่อยๆ โปรแกรมความคิดในแนวทางที่เราคิดว่าเป็นสิ่งถูกต้องลงไปเอง ให้กลายเป็นเหมือนกับเรื่องธรรมดาอื่นๆ ที่เราอยากสอน อยากให้เด็กเรียนรู้ แต่ก็อย่าให้รู้สึกถูกยัดเยียด จนเกิดการต่อต้าน
แล้วในมุมกลับด้วย ถ้าจะให้เด็กมีความรู้ทางการเงิน รู้จักประหยัดอดออม สอนให้รู้คุณค่า แต่มือถือออกใหม่ tablet ออกใหม่ ทั้งที่เครื่องเก่ายังใช้ได้ดี ซื้อให้เด็กใหม่หมด แล้วเราจะเอาอะไรไปสอน
ผมยังไม่มีลูก มีแต่หลาน จริงๆ มันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยไปให้โปรแกรมอะไรผิดๆ ตามยถากรรม เริ่มต้นตัวอย่างจากในชีวิตประจำวันก่อน ถ้าอยากได้มากกว่านั้น ก็ต้องคืบคลานเข้าไปใกล้ชิดหาเด็กเอง รอการเปลี่ยนแปลง macro ขนาดนั้น ... เหมือนหวังน้ำบ่อหน้า
ถ้าไปถามนักดนตรีที่ีใจเอื้อเฟื้อต่อสังคม นักดนตรีอาจจะคิดว่า ทำไมไม่เอาหลักสูตรดนตรีดีๆ สอนตั้งแต่เด็กๆ เพราะช่วยกล่อมเกลาเด็กให้จิตใจร่าเริง และบางทีเยือกเย็นควบคุมตัวเองได้
ไปถามนักกีฬา ก็บอกว่าอยากเอากีฬาดีๆ มาลง เพราะช่วยสร้างสุขภาพแข็งแร็ง สุขภาพจิตดีตามมา ก่อให้เกิดความสามัคคีทำงานเป็นทีม อยากให้เด็กเล่นกีฬาทุกเย็น
ไปถามพระพยอม แม่ชีศันสนีย์ ก็บอกว่า จะเอาพระพุทธศาสนาหัดให้เด็กเข้าวัดตั้งแต่เด็ก เจริญธรรม สมถกัมมัฏฐาน วิปัสสนากัมมัฏฐาน
แต่ว่าผมเห็นด้วยกับหลายท่าน ว่าน่าจะมีบ้าง เพื่อช่วยให้เด็กมีความรู้
ถ้าคนไทย ก็บอกเด็กเหมือนผ้าขาว ที่เกิดมาสมองยังว่าง
ถ้าจะเอาเปรียบเทียบกับยุค ICT ก็ต้องเปรียบเทียบกับเด็กเหมือน PC หรือ Tablet ที่ออกมาจากโรงงานใหม่ๆ แล้วเจ้าของจะเริ่มใส่โปรแกรม Apps และเอา data ทั้งหลายใส่เข้าไป
ถ้าเราเป็นพ่อแม่ ก็เหมือนเจ้าของคอมพิวเตอร์ ถ้าเราไม่ใส่เอง ปล่อยให้คนอื่นมาใช้งานคอมเครื่องนี้ แล้วเอาโปรแกรม/Apps ต่างๆ มาลงเพิ่ม เอา data ขยะมาใส่บ้าง ไวรัสบ้าง malware, โดน phishing สารพัดไปหมด
เด็กๆ ก็เหมือนกัน พ่อแม่ครอบครอง แต่ก็ไม่ใช่เจ้าของ Hardware และ software หรือร่างกายและจิตใจเด็กก็จริง แต่เมื่อภูมิใจว่าเป็นผลผลิตเกิดจากความรัก นี่ลูกชั้นนะ
ก็ไม่น่าจะปล่อยให้คนอื่นหรือสิ่งแวดล้อมมลพิษ มาทำให้เกิดการลงโปรแกรม จับ data มายัดตามยถากรรม ควรมีส่วนประคับประคองไม่ให้ PC ใหม่เอี่ยมเครื่องนี้ เละเทะ กลายเป็นคอมพิวเตอร์มีปัญหา ทำงานรวน จะเอาทำงานเป็นจริงเป็นจัง ก็ crash ซะแล้ว แถมเป็นตัวกระจายไวรัสไปหาชาวบ้าน ถ้าซักวันเราจากโลกไป คอมเครื่องนี้คงกลายเป็นอุปกรณ์ล้าสมัยไร่ค้า บางเครื่องอาจถึงเป็นขยะสังคม
เด็กลูกนักการเงินชั้นเซียน ผู้มีศีลธรรม มีความซื่อสัตย์ตลอดชีวิต ไม่เคยทำบาปไม่เคยโกง แต่เอาลูกไปฝากไว้กับมหาโจรจอมเจ้าเล่ห์ สถุล ฆ่าคนยังยิ้มได้โดยที่ความรู้สึกเฉยๆ หรืออาจสนุกนานยังกับการ shopping สะสมคะแนน
สุดท้ายเราก็จะได้เด็กมหาโจรชั้นเซียน ทั้งเกิดจากการเรียนรู้เองเพราะเห็นมารอบตัวแล้วฝึกตาม และทั้งจากการฝึกจากโจรมืออาชีพ
บางทีก็บอกว่าทำไงได้ ในเมื่อเกิดมายุคที่มีมลพิษมากมาย มีตัวอย่างไม่ดี ชักนำทำให้เกิดการโปรแกรมผิดๆ เข้าไปในสมองน้อยๆ ได้เยอะ (อย่างเช่น นักร้อง idol ยังเสพยา ยังไม่ทันออกจากการรักษาเลย ผู้หลักผู้ใหญ่เตรียมเอามาประชาสัมพันธ์ซะแล้ว)
ก็ต้องเอาใจใส่ระมัดระวังกันเอง ใกล้ชิดกับลูกหลานเรามากขึ้น
เรื่องการดูแลให้หัดคิดทาางการเงิน
ถ้าใครไปอ่านหนังสือของพ่อรวยสอนลูก บังเอิญคล้ายกับที่ท่านเจ้าของกระทู้คิดพอดี
แม้สุดท้ายจะลงด้วยการขายความคิดเงินสี่ด้านตามแนวตัวเอง แต่โรบิร์ต คิโยซากิ ก็คิดเหมือนกับหลายท่านในนี้ แถมคิดไปไกลกว่าว่าทุกวันนี้ ถึงแม้จะไปถึงขั้นมหาวิทยาลัย top ระดับโลกก็ตาม มีสอนแต่ให้เด็กหัดกลายเป็นคิดจะเป็นลูกจ้างอย่างเดียว ไม่คิดดิ้นรนสร้างตัว
(คิโยซากิแบ่งออกเป็น 4 จำพวก E: Employee, S: Self employed individual/Small business, B: (Big) Business owner, I: Investor ทุกวันนี้ 'ปลูกฝัง' ค่านิยม ให้คิดแต่หนทางแต่ไป 'E' ทั้งนั้น แม้มหาวิทยาลัยระดับ top ก็ตาม)
ยุคใหม่อาจเห็นหลักสูตร MBA Entrepreneurship แต่นั่นมันก็ปลายทางแล้ว คนที่เรียนส่วนใหญ่ คือลูกคนสืบต่อกิจการคาบช้อนทองมาเกิดเท่านั้น คนที่บังเอิญดิ้นรนเองบางทีไม่รู้จะไปเรียนทำไมด้วยซ้ำ เพราะรู้จากประสบการณ์เอง มากกว่าไปเข้า class MBA แบบนั้น
ซึ่งสรุปคือนั่นเป็นโอกาสทางอ้อม ให้ Kiyosaki ขายสินค้าทั้งหลายของเขาได้โดยไม่หยุดและกลายเป็น Cash Flow เข้ากระเป๋าเขาไม่หยุด และยังมาจากการที่เขาสร้าง "อนุพันธุ์" ต่อ ด้วยการขายลิขสิทธิ์ไปทั่วโลก
สินค้าของค่าย Rich Dad Poor Dad โดยสรุปคือพยายามสอนคนให้ออกจากจากถูกโปรแกรมไว้ในด้าน E อย่างเดียวมาแต่เด็กจนโต
ประเด็นของเรื่องการปลูกฝังแต่เด็ก การจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการศึกษาหรือจับหลักสูตรใสเข้าไปขนาดนั้น จะเป็นไปได้ ถ้าเราได้คนในรัฐบาล ที่มีพื้นฐานจากการลงทุนและเห็นดีเห็นงามไปด้วย อาจแค่ได้รมต.ศึกษาก็พอจะเป็นได้
ซึ่งยังเรื่องไกลตัว อาจต้องใช้เวลา หรืออาจไม่เกิดเลย
ผมว่าทางออกของเราในเรื่องนี้คือ ไม่ต้องถึงกับยัดเยียด ไม่ต้องถึงกับจะทำให้เด็กกลายเป็นนักการเงินชั้นเซียน สอนพื้นฐานเล็กๆ น้อยๆ ถ้าเด็กอยากรู้ ถึงวัยที่จะคิดเองได้แล้ว ไปต่อยอดเอาเองถ้าจะเอาดีทางนั้น
ก็ต้องเริ่มกันเอง จากการสอนในชีวิตประจำวันก่อน ให้เด็กค่อยๆ โปรแกรมความคิดในแนวทางที่เราคิดว่าเป็นสิ่งถูกต้องลงไปเอง ให้กลายเป็นเหมือนกับเรื่องธรรมดาอื่นๆ ที่เราอยากสอน อยากให้เด็กเรียนรู้ แต่ก็อย่าให้รู้สึกถูกยัดเยียด จนเกิดการต่อต้าน
แล้วในมุมกลับด้วย ถ้าจะให้เด็กมีความรู้ทางการเงิน รู้จักประหยัดอดออม สอนให้รู้คุณค่า แต่มือถือออกใหม่ tablet ออกใหม่ ทั้งที่เครื่องเก่ายังใช้ได้ดี ซื้อให้เด็กใหม่หมด แล้วเราจะเอาอะไรไปสอน
ผมยังไม่มีลูก มีแต่หลาน จริงๆ มันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยไปให้โปรแกรมอะไรผิดๆ ตามยถากรรม เริ่มต้นตัวอย่างจากในชีวิตประจำวันก่อน ถ้าอยากได้มากกว่านั้น ก็ต้องคืบคลานเข้าไปใกล้ชิดหาเด็กเอง รอการเปลี่ยนแปลง macro ขนาดนั้น ... เหมือนหวังน้ำบ่อหน้า
- leaderinshadow
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1765
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คิดไงถ้าจะบรรจุ การลงทุน ให้นักเรียนตั้งแต่ประถมแบบจริงจ
โพสต์ที่ 22
ไม่รู้สิ
โดยส่วนตัวคิดว่าดีนะ แต่จะสอนยังไงให้เด็กเข้าใจได้นี้ซิ เรื่องยาก
แต่โดยส่วนตัว คิดว่า ถ้ามีลูก จะสอนเรื่องนี้เอง
ปลูกฝังไว้ ตั้งแต่เด็กๆเลย
คงไม่รอพึ่งพาหลักสูตรของภาครัฐหรอกครับ
ถ้ารอ มีหวังๆๆๆ...
โดยส่วนตัวคิดว่าดีนะ แต่จะสอนยังไงให้เด็กเข้าใจได้นี้ซิ เรื่องยาก
แต่โดยส่วนตัว คิดว่า ถ้ามีลูก จะสอนเรื่องนี้เอง
ปลูกฝังไว้ ตั้งแต่เด็กๆเลย
คงไม่รอพึ่งพาหลักสูตรของภาครัฐหรอกครับ
ถ้ารอ มีหวังๆๆๆ...
- ซุนเซ็ก
- Verified User
- โพสต์: 1104
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คิดไงถ้าจะบรรจุ การลงทุน ให้นักเรียนตั้งแต่ประถมแบบจริงจ
โพสต์ที่ 23
ไม่เห็นด้วย การเรียนรู้มันขึ้นอยู่กับช่วงวัยของเด็ก
เด็กประถมให้เรียนรู้เรื่องดอกเบี้ย เงินทบต้น โดยอาจจะแทรกเข้าไปในวิชาคณิตพอแล้ว
ระดับมัธยมถึงเห็นด้วยให้มีวิชาการลงทุนเบื้องต้นอาจจะรวมไปกับเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นก็ได้
เด็กประถมให้เรียนรู้เรื่องดอกเบี้ย เงินทบต้น โดยอาจจะแทรกเข้าไปในวิชาคณิตพอแล้ว
ระดับมัธยมถึงเห็นด้วยให้มีวิชาการลงทุนเบื้องต้นอาจจะรวมไปกับเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นก็ได้
ผมไม่ได้อยู่ในเว็บนี้แล้ว, มีอะไรติดต่อได้ทาง FB - 27/9/2555
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
- Nanjeng
- Verified User
- โพสต์: 102
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คิดไงถ้าจะบรรจุ การลงทุน ให้นักเรียนตั้งแต่ประถมแบบจริงจ
โพสต์ที่ 24
คิดไงถ้าจะบรรจุ การลงทุน ให้นักเรียนตั้งแต่ประถมแบบจริงจัง
มันมีมาหลายปีแล้วครับ สพฐ.ทำMOUกับ ตลท.โดยแบ่งเป็นช่วงชั้น คือ
ช่วงชั้นที่ 1 (ป. 1 - ป. 3)
ช่วงชั้นที่ 2 (ป. 4 - ป. 6)
ช่วงชั้นที่ 3 (ม. 1 - ม. 3)
ช่วงชั้นที่ 4 (ม. 4 - ม. 6)
หนังสือ+คู่มือครู ช่วงชั้นละ 1 เล่ม ร.ร.ไหนสนใจขอได้ฟรีที่ ตลท.
หนังสือและคู่มือครูมีกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ ออกแนว Edutainment
แถมยังมีสื่อช่วยสอนจาก http://www.tsi-thailand.org ที่แบ่งออกเป็นช่วงชั้น
มีเกมและกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย เรียกว่า ตลท.สนับสนุนเต็มที่เลย แต่...................
มันมีมาหลายปีแล้วครับ สพฐ.ทำMOUกับ ตลท.โดยแบ่งเป็นช่วงชั้น คือ
ช่วงชั้นที่ 1 (ป. 1 - ป. 3)
ช่วงชั้นที่ 2 (ป. 4 - ป. 6)
ช่วงชั้นที่ 3 (ม. 1 - ม. 3)
ช่วงชั้นที่ 4 (ม. 4 - ม. 6)
หนังสือ+คู่มือครู ช่วงชั้นละ 1 เล่ม ร.ร.ไหนสนใจขอได้ฟรีที่ ตลท.
หนังสือและคู่มือครูมีกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ ออกแนว Edutainment
แถมยังมีสื่อช่วยสอนจาก http://www.tsi-thailand.org ที่แบ่งออกเป็นช่วงชั้น
มีเกมและกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย เรียกว่า ตลท.สนับสนุนเต็มที่เลย แต่...................
- Nanjeng
- Verified User
- โพสต์: 102
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คิดไงถ้าจะบรรจุ การลงทุน ให้นักเรียนตั้งแต่ประถมแบบจริงจ
โพสต์ที่ 25
หนังสือเงินทองของมีค่า สามารถซื้อได้ที่ SE-ED หรือตามลิงค์นี้ มีครบทั้ง 4 ช่วงชั้น
ดูสารบัญจากลิงค์ได้เลยครับ
http://www.se-ed.com/eShop/Products/Det ... 9749198490
ดูสารบัญจากลิงค์ได้เลยครับ
http://www.se-ed.com/eShop/Products/Det ... 9749198490
- Nanjeng
- Verified User
- โพสต์: 102
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คิดไงถ้าจะบรรจุ การลงทุน ให้นักเรียนตั้งแต่ประถมแบบจริงจ
โพสต์ที่ 26
หรือเรียนทางเว็บไซต์ผ่าน e-learning มีครบทั้ง 4 ช่วงชั้นครับ
ไม่ได้เป็นสมัครสมาชิกก็เรียนได้ทาง
http://www.tsi-thailand.org/index.php?o ... temid=1325
ตัวอย่างสารบัญบทเรียน ป.1-ป.3
ไม่ได้เป็นสมัครสมาชิกก็เรียนได้ทาง
http://www.tsi-thailand.org/index.php?o ... temid=1325
ตัวอย่างสารบัญบทเรียน ป.1-ป.3
-
- Verified User
- โพสต์: 1667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คิดไงถ้าจะบรรจุ การลงทุน ให้นักเรียนตั้งแต่ประถมแบบจริงจ
โพสต์ที่ 27
ผมเคยเป็นครูอาสาสอนเด็กประถม ให้ รร.ที่อยุธยา ครับ
ก็ แทรกสอด เรื่องการออมเงินไปด้วย
คือ ทำกระปุกออมสิน จาก กระปุกขนมที่ รวบรวมได้
ไปแจกเด็ก (ทำง่ายๆ คือ กรีดฝาด้านบน เป็น ช่องหยอดเหรียญ)
สอนให้เด็ก รู้เรื่อง เอาเงินไปฝากแบงค์
สอนว่า เงินเอาไปลงทุน ซื้อของจาก สำเพ็ง มาขายได้ และได้กำไร
สอนเด็กให้รู้จักหุ้น แค่ ว่า ถ้าเพื่อน ซื้อของมาขาย ได้กำไร มากๆ
แล้ว อยาก รับของมาเพิ่ม มาชวนเราไปเป็นหุ้นส่วน
เด็กก็เข้าใจนะครับ
ก็ แทรกสอด เรื่องการออมเงินไปด้วย
คือ ทำกระปุกออมสิน จาก กระปุกขนมที่ รวบรวมได้
ไปแจกเด็ก (ทำง่ายๆ คือ กรีดฝาด้านบน เป็น ช่องหยอดเหรียญ)
สอนให้เด็ก รู้เรื่อง เอาเงินไปฝากแบงค์
สอนว่า เงินเอาไปลงทุน ซื้อของจาก สำเพ็ง มาขายได้ และได้กำไร
สอนเด็กให้รู้จักหุ้น แค่ ว่า ถ้าเพื่อน ซื้อของมาขาย ได้กำไร มากๆ
แล้ว อยาก รับของมาเพิ่ม มาชวนเราไปเป็นหุ้นส่วน
เด็กก็เข้าใจนะครับ
คงไม่มีใคร หาเงินมากมาย ไว้ยัดใส่โลงศพตัวเอง
.........
เชิญรับแจก เมล็ดพันธุ์พืชนานาชนิดได้ที่
http://www.kasetporpeang.com/forums/ind ... board=22.0
เชิญฟังธรรมฟรี ที่ http://www.fungdham.com
.........
เชิญรับแจก เมล็ดพันธุ์พืชนานาชนิดได้ที่
http://www.kasetporpeang.com/forums/ind ... board=22.0
เชิญฟังธรรมฟรี ที่ http://www.fungdham.com
- Nanjeng
- Verified User
- โพสต์: 102
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คิดไงถ้าจะบรรจุ การลงทุน ให้นักเรียนตั้งแต่ประถมแบบจริงจ
โพสต์ที่ 28
สำหรับเด็กต่างจังหวัดจะได้ยิน ได้ฟัง ได้รู้จักหุ้นและได้ปันผลตั้งแต่ชั้น ป.1แล้วteetotal เขียน:ผมเคยเป็นครูอาสาสอนเด็กประถม ให้ รร.ที่อยุธยา ครับ
ก็ แทรกสอด เรื่องการออมเงินไปด้วย
คือ ทำกระปุกออมสิน จาก กระปุกขนมที่ รวบรวมได้
ไปแจกเด็ก (ทำง่ายๆ คือ กรีดฝาด้านบน เป็น ช่องหยอดเหรียญ)
สอนให้เด็ก รู้เรื่อง เอาเงินไปฝากแบงค์
สอนว่า เงินเอาไปลงทุน ซื้อของจาก สำเพ็ง มาขายได้ และได้กำไร
สอนเด็กให้รู้จักหุ้น แค่ ว่า ถ้าเพื่อน ซื้อของมาขาย ได้กำไร มากๆ
แล้ว อยาก รับของมาเพิ่ม มาชวนเราไปเป็นหุ้นส่วน
เด็กก็เข้าใจนะครับ
เด็กบางคนอาจจะสัมผัสได้ตั้งแต่อนุบาลถ้าสมัครสมาชิกสหกรณ์โรงเรียนเร็ว
แต่เด็กอาจจะไม่ให้ความสนใจ หรือฟังดูก็งั้นๆ พอสิ้นปีสหกรณ์โรงเรียนก็จะปันผลกำไรให้ตามหุ้นที่มีอยู่
ตอนประถมผมดีใจมากที่ก่อนปิดเทอมใหญ่ได้ปันผลเป็นเงินหลายสิบบาทอยู่
ได้เงินปันผลมาก็ไม่ได้เอาเงินไปฝากออมทรัพย์โรงเรียนต่อ ส่วนใหญ่เอาไปซื้อขนม
ส่วนการออมเงินผมฝากเงินตอนเช้ากับครูทุกๆวันอยู่แล้ว เป็นสัดส่วนที่มากกว่าค่าขนม 5-6 เท่า
ซึ่งตรงนี้ไม่มีใครมาชี้แนะต่อไปว่าถ้าอยากได้ปันผลก็ต้องลงทุนในบริษัทมหาชน
ถ้าเป็นในโรงเรียนเราลงทุนกับสหกรณ์โรงเรียน
เป็นกิจการที่เราเป็นลูกค้าซื้อขนมและอุปกรณ์การเรียนทุกเช้า กลางวัน เย็น
เราสามารถตรวจได้ว่าขายดีไหม กำไรได้กี่เปอร์เซ็นต์
นักเรียนที่ทำหน้าที่เวรขายของทำเงินหายไหม ซื่อสัตย์หรือเปล่า
ตรงนี่เราฝึกให้เขาเป็น VI ได้แต่ต้องมีคนชี้แนะแนวทางที่ถูกต้อง ในการเป็นหุ้นส่วนของสหกรณ์ การอุดหนุนสินค้าของสหกรณ์และอื่นๆ
จำได้ว่าตอนเด็กผมได้ปันผลปีละ 20% จบป.6 โรงเรียนจะคืนเงินต้นให้
แต่มีข้อจำกัดคือทางโรงเรียนไม่ให้ถือหุ้นมากทำให้ได้ปันผลไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
ดังนั้นตรงนี้เราสามารถปลูกฝังจากสิ่งที่ใกล้ตัวเด็กให้เขาตกผลึกทางความคิดสู่แนวทางของVIได้
โดย Learnning by Doing.
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
Re: คิดไงถ้าจะบรรจุ การลงทุน ให้นักเรียนตั้งแต่ประถมแบบจริงจ
โพสต์ที่ 30
เด็กยุคนี้เรียนมากจริงๆครับ
ไม่ต้องพูดถึงวิชาหลักๆ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย สังคมศึกษา ภาษาอังกฤษ ที่เนื้อหามากเหลือเกิน
ภาษาอังกฤษไม่เริ่มไม่เพียงพอ ต้องเรียนภาษาจีนเพิ่ม ดนตรีก็มีประโยชน์ เรียนเปียโน ไวโอลิน
ศิลปะก็ช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรร กีฬาก็ช่วยพัฒนาร่างกาย ว่ายน้ำ ยิมนาสติก บัลเล่ย
ไม่เรียนก็กลัวทักษะไม่ทันเพื่อน
ไม่ต้องพูดถึงวิชาหลักๆ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย สังคมศึกษา ภาษาอังกฤษ ที่เนื้อหามากเหลือเกิน
ภาษาอังกฤษไม่เริ่มไม่เพียงพอ ต้องเรียนภาษาจีนเพิ่ม ดนตรีก็มีประโยชน์ เรียนเปียโน ไวโอลิน
ศิลปะก็ช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรร กีฬาก็ช่วยพัฒนาร่างกาย ว่ายน้ำ ยิมนาสติก บัลเล่ย
ไม่เรียนก็กลัวทักษะไม่ทันเพื่อน
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี