CPALL แพงไปยัง ???
-
- Verified User
- โพสต์: 42
- ผู้ติดตาม: 0
CPALL แพงไปยัง ???
โพสต์ที่ 33
ก็ลองเอากำไรต่อหุ้นหารด้วยราคาปัจจุบันว่าได้ผลตอบแทนขั้นต้นเท่าไหร่
อัตราการเติบโตของกำไรสุทธิต่อหุ้นเป็นยังไงในอีก5-10ปีข้างหน้า
บวกด้วยปันผลรวมกันแล้วได้ผลตอบแทนดีกว่าลงทุนอย่างอื่นเช่น
พันธบัตรรัฐบาล เป็นต้นก็จะรู้แล้วล่ะครับว่าแพงไปมั๊ย
อัตราการเติบโตของกำไรสุทธิต่อหุ้นเป็นยังไงในอีก5-10ปีข้างหน้า
บวกด้วยปันผลรวมกันแล้วได้ผลตอบแทนดีกว่าลงทุนอย่างอื่นเช่น
พันธบัตรรัฐบาล เป็นต้นก็จะรู้แล้วล่ะครับว่าแพงไปมั๊ย
-
- Verified User
- โพสต์: 82
- ผู้ติดตาม: 0
ความเห็นส่วนตัว
โพสต์ที่ 36
ผมคิดว่าหุ้นตัวนี้ดีครับ แพงไปหรือเปล่าไม่รู้ครับ แต่เท่าที่ผมศึกษามาแม้ไม่มาก ผมมีความคิดว่า พราะหากผมเป็นเจ้าของหลาย ๆ อย่างก็จะแบ่งกำไรจากธุกิจนี้ไปใช้สำรองธุรกิจอื่น ๆ เพื่อประคับประคองธุรกิจนี้ให้อยู่ได้...ทั่วกัน
อีกประการ การถือหุ้นตามแบบใครซักคนที่มีชื่อเสียงมาก ๆ จะทำให้ราคาหุ้นไม่สะท้อนตามผลประกอบการจริง แต่กลับทำให้ผู้ถือหุ้นได้รับผลตอบแทนแบบลวง ๆ เพราะในระยะยาวแล้วหากผลประกอบการเปลี่ยนไป ก็ทำให้ราคาสะท้อนออกมาอย่างรวดเร็ว
สรุปคือ ถือหุ้นที่ไม่มีความซับซ้อนในธุรกิจ และ อย่าถือหุ้นตามใครคนใดคนนึงเพราะเชื่อว่าดี และอีกประการคือ การแนะนำหุ้นที่ตัวเองถืออยู่เป็นลักษณะผลประโยชน์แอบแฝง นิ๊ดนิด
อีกประการ การถือหุ้นตามแบบใครซักคนที่มีชื่อเสียงมาก ๆ จะทำให้ราคาหุ้นไม่สะท้อนตามผลประกอบการจริง แต่กลับทำให้ผู้ถือหุ้นได้รับผลตอบแทนแบบลวง ๆ เพราะในระยะยาวแล้วหากผลประกอบการเปลี่ยนไป ก็ทำให้ราคาสะท้อนออกมาอย่างรวดเร็ว
สรุปคือ ถือหุ้นที่ไม่มีความซับซ้อนในธุรกิจ และ อย่าถือหุ้นตามใครคนใดคนนึงเพราะเชื่อว่าดี และอีกประการคือ การแนะนำหุ้นที่ตัวเองถืออยู่เป็นลักษณะผลประโยชน์แอบแฝง นิ๊ดนิด
Nothing Impossible
Just Image and Do it.
Image&Words
Just Image and Do it.
Image&Words
- newbie_12
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2912
- ผู้ติดตาม: 1
CPALL แพงไปยัง ???
โพสต์ที่ 37
ข้อมูลจากรายการ money talk daily เมื่อคืน สัมภาษณ์โดย dr นิเวศน์
สรุปแล้วก็คือ อัตราการขยายของยอดขายสาขาเดิม ปีละ 10% (2 ปีที่แล้ว)
ขยายสาขาปีละ 400 สาขา
PE ตัดขาดทุนโลตัสเต็มปี ประมาณ 16
อัตราเติบโตของกำไร (ตัดโลตัส) ปีละ 20%
โอ้วววว
ถูกหรือแพงคิดเอาเองเด้อ
สรุปแล้วก็คือ อัตราการขยายของยอดขายสาขาเดิม ปีละ 10% (2 ปีที่แล้ว)
ขยายสาขาปีละ 400 สาขา
PE ตัดขาดทุนโลตัสเต็มปี ประมาณ 16
อัตราเติบโตของกำไร (ตัดโลตัส) ปีละ 20%
โอ้วววว
ถูกหรือแพงคิดเอาเองเด้อ
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
cpall กับ ความผิดพลาดของนักลงทุนมือเก่า
โพสต์ที่ 39
สวัสดีครับ
พุดถึงเรื่อง CPALL แล้ว ผมจำได้ว่าวันที่ 31.12.51 วันสุดท้ายของปีที่แล้ว ผมเจอพี่เว็ป วันนั้นยังถามพี่เขาเกี่ยวกับหุ้นตัวนี้ พอตลาดเปิด 5.1.2552 ผมเลยเริ่มลงทุนที่ละน้อย ทุกวันทุนปาเข้าไป 13 บาท ยังไมได้ขายเหมือนกันครับ ผมเคยซื้อ cpall หุ้นมาถูกสุดราคา 10 บาท แต่เอาตัวกูรไปบวกในราคาหุ้น อย่างนี้ถือว่าหุ้นตัวนี้แพงกว่า 10 บาทครับ เพราะมีต้นทุนตัวกรูผุกเข้าไปด้วย เวลาขายนี่ ต้องขายตัวกรูออกก่อน แล้วค่อยขายหุ้น ทำให้ต้นทุนมันเพิ่มทำไม ซื้อหุ้น ให้มีแต่ต้นทุนหุ้น ไม่มีต้นทุนกรู ตีราคาอย่างนี้ หุ้นจะได้ไม่แพงครับ 555555
สมัยก่อนผมมัวแต่วัดมูลค่า ตีราคา ให้ราคา แต่ไม่ได้ให้ราคาตัวเอง ไม่ค้นหาตัวเอง ตีราคาหุ้นจนลืมตีราคาตัวเอง นี่ไปเที่ยวกันรอบโลก เสาะหาค้นหาที่กินอร่อยๆ ไปมาหมดทุกทวีปแล้ว แต่ไม่เคยไปในใจของตัวเอง ไม่เคยค้นหาตัวเอง ไม่ต้องลงทุนเปนเงินเปนทอง ได้ของที่ดีกว่า ค้นหาตัวเองไม่เสียตังสักบาท
หุ้น CPALL ถ้าท่านเอาตัวกรูไปผูกกับหุ้นด้วย อย่างนี้หุ้นตัวนั้นก็เปนคนละตัวกับที่กระผมรู้จัก คุยหุ้นตัวเดียวกัน แต่ ท่านมองเปน Cpallku เอา ku ไปต่อท้ายซะหมดครับ 555555
มีบทความของท่านวิบูลย์เขียนไว้ตั้งแต่ปี 2547
กระผมใส่กรอปแปะไว้ข้างฝาเพื่อไว้อ่านเตือนสติกระผมเป้นระยะ ๆ เสมอ
Value Way : 'ข้อผิดพลาด' นักลงทุน(มือใหม่)
http://www.thaivi.com/article/value-way ... e-way.html
เป็นบทความที่ไม่เคยล้าสมัยจริง ๆครับ
มือเก่า ๆ ห่างไกลไม่ว่าทางตรงและทางอ้อมจากข้อผิดพลาดต่างๆ ที่กล่าวในบทความแล้ว แต่มีข้อผิดพลาดอยู่หนึ่งอย่างที่อาจเกิดขึ้นกับมือเก่า ข้อผิดพลาดนี้ ในหมู่นักลงทุนเน้นคุณค่ามือเก่า ๆ จะพบมากที่สุดนั้น คือการเห้น
1= 2
กระผมจะอธิบายให้ฟังครับ
ที่บอกว่า 1 = 2 นั้นมีที่มาอย่างนี้
เราจะให้ a = b จากนั้นคูณสมการทั้งสองข้างด้วย a ซึ่งจะได้
2
a = ab
2
เอา a - 2ab บวกเข้าไปทั้งสองข้างของสมการ จะได้;
2 2 2
a + (a - 2ab) = ab + (a - 2ab)
หรือเขียนย่อได้เป้น:
2 2
2(a - ab) = a - ab
2
ตอนนี้หารทั้งสองข้างด้วย a - ab ซึ่งจะได้
2 = 1
หลังจากหารทั้งสองข้างแล้ว ผลออกมาได้อย่างที่เห็น
อะไรผิดพลาดหรือครับ?
คำตอบตือ กระผมได้ละเมิดกฎพื้นฐานของวิชาเลขซึ่งก็คือ การหารด้วยศูนย์ การหารด้วย "0" นั้น จะใค้ตอบที่ไร้คววามหมาย
แต่เสียงที่บอกในใจกระผมบอกว่า ผมไม่เคยหารด้วย "0" เลยนี่
2
ความจริงคือ ผมให้ a = b ตั้งแต่เริ่มแรก การหารด้วย a - ab ซึ่งก็คือ "0" นั่นเอง
ในชีวิตจริง
กระผมก็มีเรื่องของการเห็น 1=2 เช่นกัน
เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เพือนบ้านของกระผมคนหนึ่งไปปรากฎตัวในหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เขาคอยช่วยเหลืองานในหมู่บ้านตลอดและไม่เคยบ่นเลย เขาไปกวาดถนนตอนตี 3 ตี 4 ทุก ๆวัน เป็นเวาเป็นปี ๆ และโดยไม่รับค่าจ้างใด ๆเลยจากคณะกรรมการหมู่บ้าน
แต่ภาพที่ปรากฎในหนังสือพิมพ์นั้น เขาเป็นอาญากรโดยไปข่มขืนผู้หญิงคนหนึ่งในหมู่บ้าน และเขาก็รับสารภาพไปแล้ว
ผมตกใจมาก ทุกคนตกใจมาก สำหรับกระผมแล้ว "เขาเป็นคนดีมาก" ไม่มีใครคาดคิดเลย
สำหรับการลงทุนแล้ว
นักลงทุนมือเก่าคุ้นเคยกับหุ้นตัวหนึ่งๆ มากเท่าไร พวกเขาก็จะยิ่งมีโอกาสเห็น 1 = 2 มากกว่านักลงทุนมือใหม่เท่านั้น
เพื่อนผมคนหนึ่งเป็นนักลงทุนเน้คุณค่าที่ประสบความสำเร็จมาก
ตลอดเวลาที่เขาลงทุนในบริษัท CPALL นั้นเป้นเวลาหลายปี จนมีความคุ้นเคยกับบริษัทมาก เพราะตลอดช่วงเวลาที่เขาเดินเข้าออกใช้บริการสินค้าของบริษัทที่เขาลงทุน
"ผมไปที่ร้านนี้ทุกวัน" ผมเลยซื้อมันไว้ เชื่อผมซิ มันเป็นบริษัทที่เยี่ยมมาก "
เขาได้ความรู้ว่า สิ่งไหนดี สิ่งไหนไม่ดี สิ่งไหนขายได้ สิ่งไหนขายไม่ออก......และส่วนที่สำคัญที่สุด เขาจะรู้ก่อนใคร ๆในตลาดด้วยซ้ำ
ผมเชื่อครับ ว่ามันดี..............
แต่ตอนหลังๆ ที่ผมไปคุยกับเขานั้น เขาแทบจะไมได้ดูงบการเงินและประเมินมูลค่าของบริษัทใหม่เลย นอกจากดูงบรวมคร่าวๆ เท่านั้น ผมคิดว่า เขาเริ่มหารบริษัทที่เขาลงทุนด้วย "สิ่งที่เขารู้จัก" มากกว่าที่จะหารด้วย "สิ่งที่เขาเข้าใจ" แล้ว
ผมคิดว่าเขากำลังเจอปัญหาของการเห็น
1 = 2
เมือ่ไรก็ตามที่เราอยู่ใกล้กับบางสิ่งหรือคนบางคนมากเกินไป เราจะยืดถือความเชื่อของเราแทนที่เราจะตั้งคำถามเหมือนที่เราทำกับคนหรือสิ่งที่เราไม่คุ้นเคย และเมื่อใดก็ตามที่เขาเริ่มหารบริษัทต่างๆ ด้วย "สิ่งที่เขารู้จัก" ผมคิดว่าเขากำลังเริ่มหารมันด้วย "0" นั่นเอง 555555555555
ขอบพระคุณครับ......
- newbie_12
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2912
- ผู้ติดตาม: 1
CPALL แพงไปยัง ???
โพสต์ที่ 40
เคยอ่านการทดสอบของปีเตอร์ ลินซ์เปล่าครับ เคยมีการทดลองหนึ่ง ให้เด็กๆประถม เลือกซื้อหุ้น ซึ่งเด็กๆก็ซื้อแต่หุ้นที่เขารู้จัก ผ่านไประยะหนึ่ง ผลตอบแทนใน Port ของเด็กๆ โตมากกว่าผลตอบแทนทั่วๆไปของเซียนใน wall street อีกครับเขาเริ่มหารบริษัทที่เขาลงทุนด้วย "สิ่งที่เขารู้จัก" มากกว่าที่จะหารด้วย "สิ่งที่เขาเข้าใจ" แล้ว
ผมคิดว่าเขากำลังเจอปัญหาของการเห็น
1 = 2
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
CPALL แพงไปยัง ???
โพสต์ที่ 41
สวัสดีครับ เปนข้อสังเกตที่ดีมากเลยนะครับ เสีบดายผมไม่ได้อ่านเลยครับ ปีเตอร์นี่ ผมไม่เคยได้อ่านเลย ผมเคยได้ยิน Ken Heebner พูดถึงปีเตอร์บ้าง เพราะท่านทั้งสองเคยทำงานด้วยกัน ผมอยากว่าเด้กประถมโรงเรียนอะไรครับ เด็กทั้งหมดกี่คน พ่อแม่ของเด็กทำงานอะไรครับ ผ่านไประยะหนึ่งนั้น นานแค่ไหน ช่วงที่ทดลองนั้นเปนช่วงปีด มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้างในอเมริกา มีเหตุการณ์เกิดขึ้นบ้างในตลาดหุ้น ผลตอบแทนที่ว่ามากกว่านั้นมากกว่าเท่าใด แล้วเซียนเหล่านั้นเปนใคร เอาผลทดลองไปถามเซียนแล้วเซียนว่าอย่างไรบ้าง ต้องขอโทษที่ผมถามเยอะ บางทีการตั้งคำถามแบบเด็กไร้เดียงสามีความจำเปนอย่างมาก ผมกำลังทำตัวเปนเด็กเหมือนเด็กประถมพวกนั้น ผมเปนครูพิเศษสอนเศรษสาสตร์เด็ก ป.4 ที่โรงเรียนลูก บางทีผมอาจให้พวกเขามาซื้อหุ้นแทนผมในช่วงนี้ โดยเฉพาะช่วงที่ตลาดมีความซับซ้อน มีปัจจัยความเสี่ยงรออยู๋ข้างหน้าเหมือนกับเหตุการณ์อย่างปัจจุบันนี้ ตลาดอาจจะเลือกหุ้นที่ตัวเองรูจักเหมือนกับเด็กเลือกก็เปนได้ครับ แต่เด็กเปลี่ยนใจง่าย ถ้ามีเหตุการณ์มากระทบ ไม่เกี่ยวกับพื้นฐานหุ้นเลน เขาจะขายทันที เราจึงเห้นความผันผวนใน cpall เพราะด้วยเหตุผลคนไม่มีพื้นฐานเข้าซื้อหุ้นพื้นฐานนั่นเองครับ คำถามดีมากครับ ขอบคุณครับเคยอ่านการทดสอบของปีเตอร์ ลินซ์เปล่าครับ เคยมีการทดลองหนึ่ง ให้เด็กๆประถม เลือกซื้อหุ้น ซึ่งเด็กๆก็ซื้อแต่หุ้นที่เขารู้จัก ผ่านไประยะหนึ่ง ผลตอบแทนใน Port ของเด็กๆ โตมากกว่าผลตอบแทนทั่วๆไปของเซียนใน wall street อีกครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1252
- ผู้ติดตาม: 0
CPALL แพงไปยัง ???
โพสต์ที่ 45
MR. Market โก่งราคาไปหน่อยแต่ก็ยังถูกกว่าTIESครับ
- vi_tal signs
- Verified User
- โพสต์: 631
- ผู้ติดตาม: 0
CPALL แพงไปยัง ???
โพสต์ที่ 46
มันจะมีโอกาสลงมาถึง 7 บาทอีกเหรอครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 413
- ผู้ติดตาม: 0
CPALL แพงไปยัง ???
โพสต์ที่ 47
[quote="vi_tal signs"]มันจะมีโอกาสลงมาถึง 7
Even Sir Isaac Newton loss in stock market
"You can't predict the future, because the future depends on how you react to it."
ซื้อหุ้นเมื่อคนส่วนใหญ่หมดศรัทธาในหุ้นและเทขายอยู่ นั่นคือเวลาตี5ในการจ่ายตลาด....จาก สอง ว. ผู้ยิ่งใหญ่
"You can't predict the future, because the future depends on how you react to it."
ซื้อหุ้นเมื่อคนส่วนใหญ่หมดศรัทธาในหุ้นและเทขายอยู่ นั่นคือเวลาตี5ในการจ่ายตลาด....จาก สอง ว. ผู้ยิ่งใหญ่
- Isamu
- Verified User
- โพสต์: 167
- ผู้ติดตาม: 0
CPALL แพงไปยัง ???
โพสต์ที่ 48
อ่านกระทู้นี้แล้วดีใจที่ยังมีความเห็นต่างๆกันไปบ้าง ถูกบ้าง แพงบ้าง แสดงว่ายังไม่ผิดปกติ ถ้าทุกคนพูดตรงกัน......ผมคงเริ่มเครียดแล้ว
หนักใจตรงที่ว่าถ้าขาย CPALL แล้วจะให้ไปลงทุนต่อตัวไหน คิดอยู่ทุกวัน ยังหาตัวที่มีคุณสมบัติทดแทนลำบาก เข้าทำนองว่างั้นอยู่เฉยๆดีกว่าแล้วกัน ก็เรารู้น้อย ให้เวลาช่วยคิดแทน นักลงทุนท่านทั้งหลายคงจะค่อยๆให้ราคาตรงกับความเป็นจริงไปเอง ไม่หวังขายที่ peak อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ขายหมูละกัน
ส่วนตัวยังเป็นลูกค้าอยู่เหนียวแน่น ของก็อร่อยเหมือนเดิม ไว้ถ้าขยายธุรกิจแบบไม่เกรงใจรายย่อย ค่อยโบกมือลา รอดูอยู่ว่าจะเอาเงินสดไปทำอะไร.....ปันผลเพิ่มเถอะก๊าบ ราคากระฉูดแน่ๆ
หนักใจตรงที่ว่าถ้าขาย CPALL แล้วจะให้ไปลงทุนต่อตัวไหน คิดอยู่ทุกวัน ยังหาตัวที่มีคุณสมบัติทดแทนลำบาก เข้าทำนองว่างั้นอยู่เฉยๆดีกว่าแล้วกัน ก็เรารู้น้อย ให้เวลาช่วยคิดแทน นักลงทุนท่านทั้งหลายคงจะค่อยๆให้ราคาตรงกับความเป็นจริงไปเอง ไม่หวังขายที่ peak อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ขายหมูละกัน
ส่วนตัวยังเป็นลูกค้าอยู่เหนียวแน่น ของก็อร่อยเหมือนเดิม ไว้ถ้าขยายธุรกิจแบบไม่เกรงใจรายย่อย ค่อยโบกมือลา รอดูอยู่ว่าจะเอาเงินสดไปทำอะไร.....ปันผลเพิ่มเถอะก๊าบ ราคากระฉูดแน่ๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 55
- ผู้ติดตาม: 0
Re:
โพสต์ที่ 50
ไม่น่าเชื่อครับ ว่าราคาที่หลายคนคิดว่าอาจจะเป็นไปไม่ได้sangop403 เขียน:Suysak เพื่อนผม แนะนำให้ซื้อตั้งแต่ที่ 11 บาท
แต่เริ่มซื้อตอน 13 บาท แต่เก็บได้นิดหน่อย เพราะงบน้อย
วันก่อนนัดทานข้าวกัน พูดกันแต่เรื่อง 7-11
กะไว้ว่าตัวนี้ถ้าถือยาว ราคาคงขึ้นไปถึง 7*11 = 77 บาท น่ะครับ
แต่ยาวขนาดไหน โปรดติดตามกันต่อไปครับ
หากพูดกัน ณ ตอนนั้นหลายคนคงหัวเราะ
แต่มาวันนี้ เวลามันพิสูจน์อะไรหลาย ๆ อย่างครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1024
- ผู้ติดตาม: 0
Re: CPALL แพงไปยัง ???
โพสต์ที่ 51
ผลสรุปออกมาแล้ว ที่ 17.5 ถูกเหลือเชื่อเลยครับ
"เพราะเรียบง่าย จึงชนะ"
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: CPALL แพงไปยัง ???
โพสต์ที่ 57
เซเว่นฯตั้งเป้า 3 ปี บุกจีน-เวียดนาม
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์, วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 10:30
“เซเว่นอีเลฟเว่น” รอจังหวะบุกสยายปีก ‘จีน-เวียดนาม’ ใน 2-3 ปีข้างหน้า เพิ่มพอร์ตรายได้เสริมแกร่งธุรกิจ
นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านอิ่มสะดวก “เซเว่นอีเลฟเว่น” เปิดเผยถึงความคืบหน้าแผนการลงทุนในต่างประเทศ ว่า ยังอยู่ระหว่างเจรจาขอสิทธิประกอบการ (ไลเซ่น) ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทั้งในประเทศจีน และเวียดนาม คาดว่าใน 2-3 ปีข้างหน้าจะมีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากบริษัทแม่ได้เข้าศึกษาตลาดเชิงลึกมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้แบ่งพื้นที่ประเทศจีนเป็น 10 โซนการลงทุนด้วยกัน แต่ละโซนมีขนาดประชากรเฉลี่ย 100 ล้านคน
ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทแม่ได้ทยอยให้สิทธิประกอบการในบางมณฑลแล้ว อาทิ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง กวางเจา ขณะนี้กำลังสำรวจตลาดจีนตอนใต้ ซึ่งพบว่าเศรษฐกิจขยายตัวดีมาก คาดว่าจะใช้เวลา 2 ปีด้วยกันก่อนตัดสินใจให้ไลเซ่นกับนักลงทุนที่สนใจ
“ศักยภาพของซีพีออลล์ในการขยายธุรกิจเซเว่นอีเลฟเว่นเป็นเบอร์ 1 มาหลายปีทั้งในแง่การเปิดสาขาอย่างรวดเร็ว และร้านต่อร้านที่มีลูกค้าเข้าสูงสุดเทียบทั่วโลก ฉะนั้นในการขอไลเซ่นเพื่อสยายปีกในจีนเชื่อว่าบริษัทแม่จะให้เราเป็นรายแรกหลังใช้เวลา 2 ปีในการศึกษาตลาดจากนี้” นายปิยะวัฒน์กล่าว
สำหรับประเทศเวียดนาม ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา มีปัญหาเงินเฟ้อทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้บริษัทแม่ต้องศึกษาตลาดอย่างรอบคอบอีกครั้ง
ปัจจุบัน ไทยมีเครือข่ายสาขา 6,300 แห่งเป็นอันดับ 3 ของเซเว่นอีเลฟเว่นทั่วโลก รองจากญี่ปุ่น มีสาขาสูงสุด 1.3 หมื่นแห่ง ตามด้วยสหรัฐอเมริกา 6,500 แห่ง ส่วนอันดับ 4 ประเทศเกาหลี มีสาขา 5,000 แห่ง แซงไต้หวันที่ลงไปอยู่อันดับ 5 มีสาขารวม 4,800 แห่ง
แต่หากเปรียบเทียบปริมาณลูกค้าเข้าร้าน ไทยมีปริมาณสูงสุดเฉลี่ย 1,200 คนต่อวันต่อสาขา ญี่ปุ่น 1,000 คนต่อวันต่อสาขา ไต้หวัน 980 คนต่อวันต่อสาขา อเมริกา 950 คนต่อวันต่อสาขา เกาหลี 400 คนต่อวันต่อสาขา โดยเซเว่นอีเลฟเว่นในไทยสามารถทำยอดขายเฉลี่ย 5 หมื่นบาทต่อวันต่อสาขา จากอัตราการใช้จ่ายเฉลี่ย 52-53 บาทต่อคนต่อครั้ง
นายปิยะวัฒน์ กล่าวต่อว่า ในปีนี้เซเว่นอีเลฟเว่นมีแผนขยายตลาดอาหารแช่เย็น (ชิลล์ฟู้ด) เบเกอรี่ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยยังได้ปรับโมเดลการขยายธุรกิจใหม่ สู่ “โรงงานขนาดย่อม” หรือ “ฮับ” เพื่อผลิตเบเกอรี่สด ป้อนเครือข่ายร้านยูริ คัดสรร ภายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น โดยแต่ละฮับ จะป้อนเครือข่ายยูริ-คัดสรร 50 สาขา โดยคาดว่าจะต้องลงทุนขยายอย่างน้อย 120 ฮับภายใน 5 ปีข้างหน้ารองรับสาขากว่า 6,300 แห่งในเบื้องต้น นอกจากนี้จะมีการโรงงานผลิตอาหารแช่เย็น หรือ ชิลล์ฟู้ด ย่านพัทยา ชลบุรี อีกด้วย
นายปิยะวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อในขณะนี้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว หลังเผชิญวิกฤติน้ำท่วมครั้งใหญ่ในช่วงปลายที่ผ่านมากระทบต่อบรรยากาศการจับจ่ายและสภาพเศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับภาพรวมปีนี้ เซเว่นอีเลฟเว่นจะใช้งบประมาณกว่า 5,000 ล้านบาทสำหรับการลงทุนในด้านต่างๆ แบ่งเป็น การเปิดสาขาใหม่ 500 แห่งใช้งบกว่า 2,000 ล้านบาท ที่เหลือ 1,000 ล้านบาท ใช้สำหรับการปรับปรุงสาขาเก่าที่มีอายุ 6 ปีขึ้นไป 1,000 ล้านบาท เป็นงบลงทุนศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ในภูมิภาคตะวันออก และอีก 1,000 ล้านบาทเป็นงบลงทุนด้านไอที และพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์, วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 10:30
“เซเว่นอีเลฟเว่น” รอจังหวะบุกสยายปีก ‘จีน-เวียดนาม’ ใน 2-3 ปีข้างหน้า เพิ่มพอร์ตรายได้เสริมแกร่งธุรกิจ
นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านอิ่มสะดวก “เซเว่นอีเลฟเว่น” เปิดเผยถึงความคืบหน้าแผนการลงทุนในต่างประเทศ ว่า ยังอยู่ระหว่างเจรจาขอสิทธิประกอบการ (ไลเซ่น) ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทั้งในประเทศจีน และเวียดนาม คาดว่าใน 2-3 ปีข้างหน้าจะมีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากบริษัทแม่ได้เข้าศึกษาตลาดเชิงลึกมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้แบ่งพื้นที่ประเทศจีนเป็น 10 โซนการลงทุนด้วยกัน แต่ละโซนมีขนาดประชากรเฉลี่ย 100 ล้านคน
ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทแม่ได้ทยอยให้สิทธิประกอบการในบางมณฑลแล้ว อาทิ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง กวางเจา ขณะนี้กำลังสำรวจตลาดจีนตอนใต้ ซึ่งพบว่าเศรษฐกิจขยายตัวดีมาก คาดว่าจะใช้เวลา 2 ปีด้วยกันก่อนตัดสินใจให้ไลเซ่นกับนักลงทุนที่สนใจ
“ศักยภาพของซีพีออลล์ในการขยายธุรกิจเซเว่นอีเลฟเว่นเป็นเบอร์ 1 มาหลายปีทั้งในแง่การเปิดสาขาอย่างรวดเร็ว และร้านต่อร้านที่มีลูกค้าเข้าสูงสุดเทียบทั่วโลก ฉะนั้นในการขอไลเซ่นเพื่อสยายปีกในจีนเชื่อว่าบริษัทแม่จะให้เราเป็นรายแรกหลังใช้เวลา 2 ปีในการศึกษาตลาดจากนี้” นายปิยะวัฒน์กล่าว
สำหรับประเทศเวียดนาม ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา มีปัญหาเงินเฟ้อทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้บริษัทแม่ต้องศึกษาตลาดอย่างรอบคอบอีกครั้ง
ปัจจุบัน ไทยมีเครือข่ายสาขา 6,300 แห่งเป็นอันดับ 3 ของเซเว่นอีเลฟเว่นทั่วโลก รองจากญี่ปุ่น มีสาขาสูงสุด 1.3 หมื่นแห่ง ตามด้วยสหรัฐอเมริกา 6,500 แห่ง ส่วนอันดับ 4 ประเทศเกาหลี มีสาขา 5,000 แห่ง แซงไต้หวันที่ลงไปอยู่อันดับ 5 มีสาขารวม 4,800 แห่ง
แต่หากเปรียบเทียบปริมาณลูกค้าเข้าร้าน ไทยมีปริมาณสูงสุดเฉลี่ย 1,200 คนต่อวันต่อสาขา ญี่ปุ่น 1,000 คนต่อวันต่อสาขา ไต้หวัน 980 คนต่อวันต่อสาขา อเมริกา 950 คนต่อวันต่อสาขา เกาหลี 400 คนต่อวันต่อสาขา โดยเซเว่นอีเลฟเว่นในไทยสามารถทำยอดขายเฉลี่ย 5 หมื่นบาทต่อวันต่อสาขา จากอัตราการใช้จ่ายเฉลี่ย 52-53 บาทต่อคนต่อครั้ง
นายปิยะวัฒน์ กล่าวต่อว่า ในปีนี้เซเว่นอีเลฟเว่นมีแผนขยายตลาดอาหารแช่เย็น (ชิลล์ฟู้ด) เบเกอรี่ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยยังได้ปรับโมเดลการขยายธุรกิจใหม่ สู่ “โรงงานขนาดย่อม” หรือ “ฮับ” เพื่อผลิตเบเกอรี่สด ป้อนเครือข่ายร้านยูริ คัดสรร ภายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น โดยแต่ละฮับ จะป้อนเครือข่ายยูริ-คัดสรร 50 สาขา โดยคาดว่าจะต้องลงทุนขยายอย่างน้อย 120 ฮับภายใน 5 ปีข้างหน้ารองรับสาขากว่า 6,300 แห่งในเบื้องต้น นอกจากนี้จะมีการโรงงานผลิตอาหารแช่เย็น หรือ ชิลล์ฟู้ด ย่านพัทยา ชลบุรี อีกด้วย
นายปิยะวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อในขณะนี้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว หลังเผชิญวิกฤติน้ำท่วมครั้งใหญ่ในช่วงปลายที่ผ่านมากระทบต่อบรรยากาศการจับจ่ายและสภาพเศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับภาพรวมปีนี้ เซเว่นอีเลฟเว่นจะใช้งบประมาณกว่า 5,000 ล้านบาทสำหรับการลงทุนในด้านต่างๆ แบ่งเป็น การเปิดสาขาใหม่ 500 แห่งใช้งบกว่า 2,000 ล้านบาท ที่เหลือ 1,000 ล้านบาท ใช้สำหรับการปรับปรุงสาขาเก่าที่มีอายุ 6 ปีขึ้นไป 1,000 ล้านบาท เป็นงบลงทุนศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ในภูมิภาคตะวันออก และอีก 1,000 ล้านบาทเป็นงบลงทุนด้านไอที และพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."