ที่มา : ทันหุ้น
หัวข้อข่าว : UMS ยึดกลยุทธ์เจาะฐานลูกค้าชูบริการขนส่งเร็วพร้อมเพิ่มมูลค่าถ่านหิน
บริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) UMS มีรายได้จากการขาย 309 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 2547 ที่มีรายได้ 178 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 73% และมีกำไรสุทธิ 54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 32 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ เนื่องจากความต้องการใช้ถ่านหินของลูกค้าที่อยู่ในอุตสาหกรรมต่างๆ มีมากขึ้น อันเป็นผลมาจากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
บริษัท UMS ตั้งเป้าหมายไตรมาส 2 ปี 2548 หากแนวโน้มราคาถ่านหินในตลาดโลกยังคงปรับตัวสูงขึ้น เชื่อมั่นว่าบริษัทจะได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นในอนาคตพร้อมออเดอร์สั่งซื้อสินค้า เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะหันมาใช้ถ่านหินเพิ่มมากขึ้น มองว่าธุรกิจถ่านหินยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น คาดว่าจะจ่ายเงินปันผลได้ทุกๆปี แม้จะอยู่ในตลาด mai แต่ด้านศักยภาพของผลดำเนินงานอยู่ในระดับที่น่าพอใจ พร้อมภูมิใจที่เข้าอยู่ในตลาด mai โดยไม่คิดที่จะเข้าไปอยู่ในตลาด SET เนื่องจากปัจจุบันมีความสุขที่ได้อยู่กับตลาด mai
แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส1/2548 ที่เติบโตแบบก้าวกระโดด เนื่องจากยอดขายถ่านหินปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทมีแผนลงทุนก่อสร้างคลังสินค้ากักเก็บวัตถุดิบในจังหวัดสมุทรสาครเพิ่มขึ้นอีก 1 แห่ง โดยจะใช้งบลงทุนประมาณ 170 ล้านบาท รวมทั้งซื้อรถบรรทุกขนส่งถ่านหินเพิ่มเติมโดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 9 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน
ดังนั้น รายการวิพากษ์หุ้น ได้เปิดโอกาสให้ คุณชัยวัฒน์ เครือชะเอม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิคไมนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)UMS มาให้ข้อมูลเจาะลึกถึงความโดดเด่นของธุรกิจถ่านหินและการเพิ่มมูลค่าให้ทัดเทียมสู้กับตลาดโลกและความต้องการถ่านหิน โดยส่งคุณวรุฒม์ ศิวะศิริยานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด มาวิเคราะห์เจาะฐานกับแนวโน้มขาขึ้นของธุรกิจถ่านหินและการก้าวกระโดดของ UMS ให้ได้รับคำตอบที่ชัดเจนและถึงแก่นว่ามองอนาคตธุรกิจนี้เป็นอย่างไร
ถาม ผลประกอบการที่โดดเด่นและโตกว่า 100% มีผลจากอะไรบ้าง
ชัยวัฒน์ การที่มีผลประกอบการที่ขยายตัว เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส แรกปี 47 ส่วนหนึ่งมาจากการขยายการตลาดและการเติบโตของตลาดถ่านหิน และอีกส่วนหนึ่ง คือราคาของถ่านหินมีการปรับตัวสุงขึ้น
โดยผลประกอบการไตรมาส 1 ของปี 2548 มีรายได้จากการขาย 309 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 2547 ที่มีรายได้ 178 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 73% และมีกำไรสุทธิ 54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 32 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 148 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 22 ล้านบาทสาเหตุหลักที่ทำให้ผลประกอบการเพิ่มขึ้น
เนื่องจากความต้องการใช้ถ่านหินของลูกค้าที่อยู่ในอุตสาหกรรมต่างๆ มีมากขึ้น อันเป็นผลมาจากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง โดยในไตรมาสแรกของปีนี้บริษัทมีลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้นถึง 10 ราย ที่หันมาใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตแทนน้ำมัน ประกอบกับราคาเฉลี่ยของถ่านหินก็มีการปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 47 ตั้งเป้าหมายไตรมาส 2 ปี 2548 หากแนวโน้มราคาถ่านหินในตลาดโลกยังคงปรับตัวสูงขึ้นเชื่อมั่นว่าบริษัทจะได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นในอนาคตพร้อมออเดอร์สั่งซื้อสินค้า เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะหันมาใช้ถ่านหินเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
ถาม ในส่วนของภาษีเป็นอย่างไรบ้าง
ชัยวัฒน์ ส่วนหนึ่งเพราะ UMS เข้ามาอยู่ในตลาด mai ซึ่งทำให้เราสามารถที่จะประหยัดภาษีไปได้ โดยปัจจุบันเราเสียภาษีประมาณ 20%
ถาม เปรียบเทียบได้หรือไม่ในไตรมาส 1 ของปี 48 กับปี 47 รายได้กับปริมาณการใช้ถ่านหิน เป็นไปอย่างก้าวกระโดดอย่างไรบ้าง
ชัยวัฒน์ การก้าวกระโดดของรายได้ ส่วนหนึ่งมาจากผลกำไรที่เพิ่มขึ้นและยอดขายที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน อีกทั้งการเติบโตของตลาดถ่านหินในเมืองไทย ซึ่งเดิมเป็นตลาดขนาดเล็ก มีแนวโน้มการเติบโตค่อนข้างมาก โดย UMS ได้ดำเนินแผนการตลาด พบว่ายังมีช่องว่างของตลาดเมืองไทยสำหรับตลาดถ่านหินจะเข้าไปช่วยส่งเสริมในการใช้พลังงานให้ถูกลง โดยสถานการณ์ราคาน้ำมันที่เกิดในขณะนี้ จะส่งผลดีต่อธุรกิจถ่านหิน โดยจะผลักดันให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงเพิ่มมากขึ้น เพราะถ่านหินมีราคาต่อพลังงานถูกกว่าและมีปริมาณสำรองที่เพียงพอต่อการใช้งานได้ยาวนานกว่า
ถาม ถ้าเทียบการเติบโตของถ่านหินระหว่างไทยและประเทศจีน เป็นอย่างไร
ชัยวัฒน์ ประเทศจีนปัจจุบัน มีการใช้ถ่านหินมาก จะเห็นได้ชัดว่าในแต่ละปีการใช้ถ่านหินของจีนมีความต้องการใช้มาก ปัจจุบันมีความต้องการใช้ถ่านหินมากกว่า 1,500 ตันต่อปี ขณะที่เมืองไทยใช้ถ่านหินค่อนข้างจำกัด โดยใช้ 28 ล้านตันต่อปี ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากลิกไนน์ และอีกส่วนหนึ่งเป็นถ่านหินนำเข้า
ถาม ราคา UMS อยู่ที่เท่าไหร่
วรุฒม์ 15.80 บาท โดยปรับลงเล็กน้อยตามภาวะตลาดที่ผันผวน
ถาม เป้าหมายราคาคิดว่าให้ไว้ที่เท่าไหร่
วรุฒม์ ปีนี้ให้เป้าหมายที่ 22 บาทต่อหุ้น โดยดูจาก PE ถ้า UMS ราคาอยู่ที่ 15.80 บาท PE น่าจะประมาณ 6.4 เท่า
ถาม ถ้าเทียบกับตัวอื่นในกลุ่มเดียวกัน UMS ยังเป็นหุ้นที่น่าลงทุนใช่หรือไม่
วรุฒน์ ใช่ เนื่องจาก UMS เป็นหุ้นที่มีพื้นฐานแกร่ง และมีฐานลูกค้าที่มั่นคง โดยลูกค้ามีความต้องการถ่านหินเพิ่ม การเพิ่มมูลค่าของถ่านหินจึงเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการหันมาใช้ถ่านหินทดแทนพลังงานที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างเช่นน้ำมัน ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากผู้ประกอบการเห็นคุณค่าของถ่านหินนำมาใช้ก็จะเพิ่มรายได้ให้กับทั้งองค์กรและเพิ่มรายได้ให้กับประเทศชาติอีกด้วย
ถาม มองอนาคตของ UMS ตลอดปี เป็นอย่างไรบ้าง
วรุฒน์ เรามองในเชิงบวกตลอด ต้องคิดว่าเดิมทีจีนเป็นคนที่ส่งถ่านหินอย่างเดียว แต่ 2 ปี หลัง กลับผลิตไม่พอต้องสั่งเข้า ฉะนั้นจะเห็นว่า ผู้ที่ส่งออกแต่กลายเป็นผู้นำเข้า แสดงว่ามีปริมาณความต้องการมหาศาล และขณะนี้ จีนขยายตัวอยู่ประเทศเดียว ญี่ปุ่นไม่ขยายตัวเลย แต่หากญี่ปุ่นขยายตัวขึ้นมา การใช้ถ่านหินจะมากขนาดไหน ในเมื่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอยู่ในระดับสูง หากสามารถผลิตถ่านหินได้เพิ่มและส่งให้กับทางจีน มองว่าอนาคตของ UMS คงมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล สำหรับแผนการดำเนินงานในอนาคตนั้น บริษัทเตรียมจัดหาแหล่งถ่านหินแห่งใหม่จากประเทศออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ และรัสเซีย เพื่อรองรับความต้องการใช้ของลูกค้ารายใหม่ ในอีก 10 ปีข้างหน้าซึ่งคาดว่าจะมีเพิ่มขึ้น ส่วนแหล่งถ่านหินที่นำเข้าจากประเทศอินโดนีเซียนั้นยังคงรองรับความต้องการใช้ของลูกค้ารายเดิม
ถาม มองความเสี่ยงของการลงทุนในหุ้น UMS ไว้อย่างไรบ้าง
วรุฒม์ คงจะเป็นอย่างที่หลายๆ คนกลัวกัน ส่วนหนึ่งยังมองไม่เห็นว่าจะเกิดขึ้นในเรื่องเศรษฐกิจจีนหรือเศรษฐกิจโลกจะชะลอ การใช้สินค้าโภคภัณฑ์รวมทั้งน้ำมัน ถ่านหิน เหล็กจะลดลง ซึ่งจะทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลง ก็ทำให้ตลาดหุ้นถอยหลังมาอยู่วันหนึ่ง แต่แน่นอนเป็นความเสี่ยงด้วยเหมือนกัน
ถาม แนะนำให้ลงทุนในหุ้น UMS อย่างไรดี
วรุฒม์ เราแนะนำให้ ซื้อลงทุน
ถาม จีนในเรื่องของถ่านหิน มีความเสี่ยงหรือไม่
ชัยวัฒน์ ในการใช้ถ่านหินในเมืองจีน เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่มีการขยายตัวเร็วมาก และไม่ใช่ขยายตัวแบบไม่มีทิศทางแต่เป็นการขยายตัวแบบใช้เทคโนโลยี อย่างเก่ง พูดได้ว่ามีการซื้อเทคโนโลยีมาจากยุโรปและอเมริกาและนำมาพัฒนาต่อ มีการขยายการใช้ถ่านหินในเมืองจีนอย่างมหาศาล และเป็นเรื่องที่ดีหาก UMS จะสามารถเจาะตลาดจีนและส่งถ่านหินให้กับจีนได้
ถาม เจาะฐานลูกค้าขนาดกลางและเล็กตลอด ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
ชัยวัฒน์ จะเรียกว่ายึดมั่นคงไม่เชิง แต่ถือว่าเป็นกลยุทธ์หลักของ UMS ที่เราใช้ ในการดำเนินตลาดอยู่ คือเราเปิดการขายไว้ที่กลุ่มลูกค้าขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่ยังไม่เคยใช้ถ่านหินมาก่อน ในจุดนี้เองที่ UMS เข้าไปขาย และสามารถทำให้ต้นทุนของการใช้พลังงานของกลุ่มธุรกิจเหล่านี้ลดลง และเท่าที่เรามองเห็นคือ 40-60%
ถาม ผู้ประกอบการกลางและเล็ก UMS เข้าไปจัดหาทีมงานเข้าไปดูอย่างไร
ชัยวัฒน์ สิ่งหนึ่งที่ UMS ได้ดำเนินการไปแนะนำว่า เป็นผู้ประกอบการที่ใช้พลังงานมาก มีการใช้ต้นกำเนิดไอน้ำ ต้นทุนในการใช้น้ำมันในการสร้างไอน้ำ ในปัจจุบันค่อนข้างสูง ถ้ามีการใช้ถ่านหินก็สามารถที่จะลดต้นทุนได้มากกว่าครึ่ง จะทำให้โอกาสในการแข่งขันสามารถแข่งขันในธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น บางธุรกิจเช่น โรงงานกระดาษ โรงงานอาหาร จะมีต้นทุนหลักตัวหนึ่งที่สำคัญคือ ต้นทุนพลังงาน
ถาม การขนส่ง UMS ได้เปรียบคู่แข่งอย่างไร
ชัยวัฒน์ นโยบายการขนส่งและการจัดส่งถ่านหิน เนื่องจาก UMS เรามองที่ลูกค้าขนาดกลางและขนาดเล็ก สิ่งหนึ่งที่เราทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้คือ ลูกค้าอาจมีความเข้าใจเรื่องถ่านหินน้อยกว่าเรา เราก็ดึงเรื่องสต๊อกว่า เราดูแลเอง และจัดส่งในลักษณะที่ลูกค้ามีสต๊อกค่อนข้างต่ำ จะได้ไม่ต้องเสียเรื่องค่าใช้จ่าย ในเรื่องของการทำสต๊อก การจัดส่งไว ทำให้ UMS ได้รับการตอบรับจากลูกค้ากลุ่มนี้เป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของการบริการ เพราะการบริการถือเป็นอันดับหนึ่งของการทำการค้า
ถาม ผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นมาก เกิดจากการลดต้นทุน ที่ UMS ทำ เข้าไปแนะนำลูกค้าอย่างไรบ้าง
ชัยวัฒน์ สิ่งหนึ่งที่เราเข้าไปทำ คือ เป็นการคำนวณ ว่า ถ้าหากบริษัทนั้นเปลี่ยนมาใช้ถ่านหินแล้ว สิ่งที่จะสามารถลดค่าใช้จ่ายในกระบวนการผลิตของลูกค้าจะลดได้ดังต่อไปนี้ ก็เป็นเหตุเป็นผลให้ลูกค้าฟัง สิ่งหนึ่งมีการเช็คข้อมูลทางด้านวิศวกรรมก็พบว่าเป็นจริงเช่นนั้น
ถาม โครงการที่กำลังจะสร้างโรงคลัง มีความคืบหน้าอย่างไร
ชัยวัฒน์ เนื่องจากตลาด ถ่านหิน ที่ UMS มองถึง มองว่า ตลาดถ่านหินจะมีการเติบโตค่อนข้างมากในเมืองไทย ปัจจุบันคลังสินค้า สามารถเก็บถ่านหินได้ประมาณ 40,000-50,000 ตัน แต่ในอนาคตเรามองว่าตลาดจะขยายเป็น 2-3 เท่าตัวขึ้นไป เราจึงจำเป็นต้องมีคลังสินค้า ที่มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น บริษัทได้มีการลงทุนที่จะทำคลังสินค้าที่จะสามารถเก็บสินค้าได้ประมาณ 100,000 -120,000 ตัน โดยจัดซื้อที่ดินเพื่อสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ที่จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสแรกของปีหน้า โดยคลังสินค้าแห่งใหม่จะเก็บสินค้าได้มากกว่าเดิม 2-3 เท่า ซึ่งสามารถรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอีก 10 ปีข้างหน้า และในปี 48 บริษัทตั้งเป้าขยายตัว 20-30% จากปีที่ผ่านมาด้วย
ถาม อนาคต คิดว่าจะเข้าไปอยู่ในกลุ่ม SET หรือไม่
ชัยวัฒน์ ถ้าถามตอนนี้ในภาพของ UMS เรามองว่า เรามีความสุขที่ได้อยู่กับตลาด mai และเราก็ยังมั่นใจว่า เราสามารถที่จะระดมทุน ถ้า UMS ต้องการระดมทุน เราก็คิดว่าเราก็ทำได้ เพราะปัจจุบัน ค่าการลงทุนของ UMS เรายังมีค่า PE ที่ต่ำมาก ซึ่งตรงนี้เราสามารถหาแหล่งทุนได้จากการกู้
ums อีกแล้วครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 44
- ผู้ติดตาม: 0
ums อีกแล้วครับ
โพสต์ที่ 2
ปักกิ่ง--25 พ.ค.--เอเอฟพี
สื่อมวลชนของรัฐบาลจีนเปิดเผยในวันนี้ว่า ความต้องการถ่านหินในประเทศจีนอาจมีอยู่ถึง 2.2 พันล้านตันภายในปี 2553 เนื่องจากเศรษฐกิจกำลังขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะอุปทานขาดแคลนอย่างรุนแรง
นายหวัง เสี้ยนเจิง รองผู้อำนวยการคณะทำงานด้านความปลอดภัยในการทำงานของรัฐบาลจีนกล่าวว่า อุปทานจะมีน้อยกว่าอุปสงค์อยู่ประมาณ 330 ล้านตัน
"ขนาดและปริมาณของอุตสาหกรรมถ่านหินในปัจจุบันของจีนยังมีไม่มากพอที่จะตอบสนองความต้องการในอนาคตของประเทศได้" สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของนายหวัง ในที่ประชุมว่าด้วยกลยุทธ์ด้านพลังงานของจีน ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง
"ภาวะอุปทานที่ไม่เพียงพอจะยังคงเป็นปัญหาใหญ่ต่อไป"
เหมืองแร่ของจีนสามารถผลิตถ่านหินได้ 1.96 พันล้านตันในปีที่แล้ว แต่ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศซึ่งมีเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวขึ้นถึง 9.5%
ด้วยเหตุนี้ พื้นที่หลายแห่งของจีนจึงเกิดภาวะไฟฟ้าขาดแคลน เนื่องจากผลผลิตที่มีอยู่ไม่สอดคล้องกับความต้องการ
นายหวังกล่าวว่า มีถ่านหินเพียง 1.2 พันล้านตันเท่านั้นที่ผลิตโดยเหมืองแร่ที่ได้มาตรฐานด้านความปลอดภัยของประเทศ
จีนต้องพึ่งพาถ่านหินถึง 70% ของความต้องการด้านพลังงานในประเทศ ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการเหมืองแร่หลายแห่งต่างละเลยความปลอดภัย เพียงเพื่อจะเร่งการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการ จึงส่งผลให้คนงานเหมืองเสียชีวิตหลายร้อยคนเนื่องจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในเหมืองแร่ทุกๆปี
จีนกำลังพยายามมองหาแหล่งพลังงานด้านอื่นๆ อาทิ พลังงานนิวเคลียร์, พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานไฟฟ้าที่ได้จากพลังน้ำ เพื่อลดการพึ่งพาถ่านหิน
สื่อมวลชนของรัฐบาลจีนเปิดเผยในวันนี้ว่า ความต้องการถ่านหินในประเทศจีนอาจมีอยู่ถึง 2.2 พันล้านตันภายในปี 2553 เนื่องจากเศรษฐกิจกำลังขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะอุปทานขาดแคลนอย่างรุนแรง
นายหวัง เสี้ยนเจิง รองผู้อำนวยการคณะทำงานด้านความปลอดภัยในการทำงานของรัฐบาลจีนกล่าวว่า อุปทานจะมีน้อยกว่าอุปสงค์อยู่ประมาณ 330 ล้านตัน
"ขนาดและปริมาณของอุตสาหกรรมถ่านหินในปัจจุบันของจีนยังมีไม่มากพอที่จะตอบสนองความต้องการในอนาคตของประเทศได้" สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของนายหวัง ในที่ประชุมว่าด้วยกลยุทธ์ด้านพลังงานของจีน ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง
"ภาวะอุปทานที่ไม่เพียงพอจะยังคงเป็นปัญหาใหญ่ต่อไป"
เหมืองแร่ของจีนสามารถผลิตถ่านหินได้ 1.96 พันล้านตันในปีที่แล้ว แต่ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศซึ่งมีเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวขึ้นถึง 9.5%
ด้วยเหตุนี้ พื้นที่หลายแห่งของจีนจึงเกิดภาวะไฟฟ้าขาดแคลน เนื่องจากผลผลิตที่มีอยู่ไม่สอดคล้องกับความต้องการ
นายหวังกล่าวว่า มีถ่านหินเพียง 1.2 พันล้านตันเท่านั้นที่ผลิตโดยเหมืองแร่ที่ได้มาตรฐานด้านความปลอดภัยของประเทศ
จีนต้องพึ่งพาถ่านหินถึง 70% ของความต้องการด้านพลังงานในประเทศ ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการเหมืองแร่หลายแห่งต่างละเลยความปลอดภัย เพียงเพื่อจะเร่งการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการ จึงส่งผลให้คนงานเหมืองเสียชีวิตหลายร้อยคนเนื่องจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในเหมืองแร่ทุกๆปี
จีนกำลังพยายามมองหาแหล่งพลังงานด้านอื่นๆ อาทิ พลังงานนิวเคลียร์, พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานไฟฟ้าที่ได้จากพลังน้ำ เพื่อลดการพึ่งพาถ่านหิน