Meeting With Warren Buffett May 23, 2005
-
- Verified User
- โพสต์: 435
- ผู้ติดตาม: 0
Meeting With Warren Buffett May 23, 2005
โพสต์ที่ 1
เป็นบทบันทึกการซักถามพูดคุยของนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์ระหว่างเข้าเยี่ยมพบปะกับ วอเร็น บัฟเฟตต์ ที่โอมาฮา เมื่อ 23 พ.ค. 2548 ที่ผ่านมา โดยเป็นโปรแกรมที่จัดโดย Shai Dardashti (เป็นอาจารย์ผู้นำนักศึกษาเข้าเยี่ยม) โดยผมพบ address ใน board ของ website Berkshire Hathaway Shareholder เห็นว่าน่าสนใจเลยนำมาบอกเล่าต่อที่ TVI นี่แหละ คลิกตามนี้ก็แล้วกัน: (ปล. ท่านต้องมีต้องมีโปรแกรม Adobe Reader)
http://www.vinvesting.com/docs/bg/Warre ... g_0503.pdf
บัฟเฟตต์ ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจของจีนไว้อย่างน่าสนใจ / ยังพูดถึงเรื่องเหตุการณ์ก่อนตัดสินใจลงทุนในบริษัท Geico / อีกทั้งเรื่องการลงทุนครั้งแรกของเขาเมื่ออายุ 11 ขวบ ซื้อหุ้น 3 ตัวพร้อมกับน้องสาว ซื้อไม่นานราคาตก น้องสาวบ่นทุกวันระหว่างทางไปโรงเรียนด้วยกัน พอราคาพลิกกลับสูงกว่าต้นทุนเลยรีบขาย ทำให้ได้กำไรหน่อยเดียว อันเป็นผลกระทบจากอารมณ์อ่อนไหวของน้องสาวที่แผ่กระจายถึงตัวเขาด้วยเลยทำให้ตัดสินใจขายหุ้นเร็วเกินไป (เขาจำเป็นบทเรียนสอนใจจนถึงทุกวันนี้) / แนวทางการศึกษาบริษัทจากรายงานประจำปีอย่างไร โดย เขาบอกว่าไม่ใช่เรียนรู้แค่ว่าบริษัททำธุรกิจผลิตสินค้าอะไร แต่ต้องมองว่าต้องเรียนรู้ให้เข้าใจอย่างดีถึงภาวะเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมนั้นๆในอีก 10 ปีข้างหน้าจะเป็นเช่นไร และใครจะเป็นบริษัทที่ทำกำไรเมื่อช่วงเวลาดังกล่าวมาถึง
ยังมีคำถามว่า เขาควบคุมความเครียดอย่างไร คำตอบ คือ เขาไม่เคยเครียดเลย และแนะนำว่าเราต้องหาทางหลีกเลี่ยงความเครียด เขาไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา แต่ชอบเรื่องกินแต่ก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองอ้วนฉุ หากเราทำงานให้กับคนที่เรานิยมชมชอบและยกย่อง เราจะไม่มีความเครียดเลย เขาให้ความเห็นว่า การทำงานที่มุ่งเพื่อแสวงหาเงินตราก็เปรียบเหมือนการแต่งงานกับคนร่ำรวยเพื่อให้ได้เงิน ซึ่งเป็นเรื่องโง่เง่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีเงินมีทองแล้ว.....................................................................ฯลฯ และสาระดีๆที่สามารถนำกลับเอาไปเป็นข้อคิดอีกหลายๆอย่างๆ
เชิญหาความรู้และความสำราญตามอัธยาศัยครับ
http://www.vinvesting.com/docs/bg/Warre ... g_0503.pdf
บัฟเฟตต์ ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจของจีนไว้อย่างน่าสนใจ / ยังพูดถึงเรื่องเหตุการณ์ก่อนตัดสินใจลงทุนในบริษัท Geico / อีกทั้งเรื่องการลงทุนครั้งแรกของเขาเมื่ออายุ 11 ขวบ ซื้อหุ้น 3 ตัวพร้อมกับน้องสาว ซื้อไม่นานราคาตก น้องสาวบ่นทุกวันระหว่างทางไปโรงเรียนด้วยกัน พอราคาพลิกกลับสูงกว่าต้นทุนเลยรีบขาย ทำให้ได้กำไรหน่อยเดียว อันเป็นผลกระทบจากอารมณ์อ่อนไหวของน้องสาวที่แผ่กระจายถึงตัวเขาด้วยเลยทำให้ตัดสินใจขายหุ้นเร็วเกินไป (เขาจำเป็นบทเรียนสอนใจจนถึงทุกวันนี้) / แนวทางการศึกษาบริษัทจากรายงานประจำปีอย่างไร โดย เขาบอกว่าไม่ใช่เรียนรู้แค่ว่าบริษัททำธุรกิจผลิตสินค้าอะไร แต่ต้องมองว่าต้องเรียนรู้ให้เข้าใจอย่างดีถึงภาวะเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมนั้นๆในอีก 10 ปีข้างหน้าจะเป็นเช่นไร และใครจะเป็นบริษัทที่ทำกำไรเมื่อช่วงเวลาดังกล่าวมาถึง
ยังมีคำถามว่า เขาควบคุมความเครียดอย่างไร คำตอบ คือ เขาไม่เคยเครียดเลย และแนะนำว่าเราต้องหาทางหลีกเลี่ยงความเครียด เขาไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา แต่ชอบเรื่องกินแต่ก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองอ้วนฉุ หากเราทำงานให้กับคนที่เรานิยมชมชอบและยกย่อง เราจะไม่มีความเครียดเลย เขาให้ความเห็นว่า การทำงานที่มุ่งเพื่อแสวงหาเงินตราก็เปรียบเหมือนการแต่งงานกับคนร่ำรวยเพื่อให้ได้เงิน ซึ่งเป็นเรื่องโง่เง่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีเงินมีทองแล้ว.....................................................................ฯลฯ และสาระดีๆที่สามารถนำกลับเอาไปเป็นข้อคิดอีกหลายๆอย่างๆ
เชิญหาความรู้และความสำราญตามอัธยาศัยครับ
"The man who doesn't read has no advantage over the man who cannot read." Mark Twain
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
Meeting With Warren Buffett May 23, 2005
โพสต์ที่ 3
ถ้าถามถึงเจ้าของหรือผู้บริหาร วอเรนจะมอง 4 ข้อ
1. ความหลงใหล ผมจะดูว่าผู้จัดการรักงาน หรือรักเงิน ถ้าเขารักและหลงใหลในงาน ผมจะอยู่ใกล้ๆเขา เจ้าของหรือผู้บริหารต้องรักงานของเขา มากกว่าเงิน
2. ความฉลาด ไม่จำเป็นต้องเรียนจบ หลายปีที่ผ่านมา ผมมีผู้จัดการหลายคนที่จบสูงๆ และผมก็มีอีกหลายคนที่เรียนไม่สูง แต่อย่างไรก็ตามคนที่เป็นผู้จัดการจำเป็นต้องฉลาด และสามารถทำให้ธุรกิจอยู่รอดได้ ซึ่งบางคนมีบางคนไม่มี
3. พลัง คนคนนั้นต้องมีความทุ่มเท ลุยงาน อย่างไม่เหน็ดไม่เหนื่อย
4. ซื่อสัตย์ ถ้าไม่มีข้อนี้ ส่วนที่เหลือของธุรกิจก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้ามีบางคนที่เป็นใหญ่อยู่แล้วไม่ซื่อสัตย์ วอเรนชอบคนโง่และขี้เกียจขึ้นมาบริหารแทน เพราะจะทำลายบริษัทได้น้อยกว่า
อิอิ ลองแปลเล่นๆ
1. ความหลงใหล ผมจะดูว่าผู้จัดการรักงาน หรือรักเงิน ถ้าเขารักและหลงใหลในงาน ผมจะอยู่ใกล้ๆเขา เจ้าของหรือผู้บริหารต้องรักงานของเขา มากกว่าเงิน
2. ความฉลาด ไม่จำเป็นต้องเรียนจบ หลายปีที่ผ่านมา ผมมีผู้จัดการหลายคนที่จบสูงๆ และผมก็มีอีกหลายคนที่เรียนไม่สูง แต่อย่างไรก็ตามคนที่เป็นผู้จัดการจำเป็นต้องฉลาด และสามารถทำให้ธุรกิจอยู่รอดได้ ซึ่งบางคนมีบางคนไม่มี
3. พลัง คนคนนั้นต้องมีความทุ่มเท ลุยงาน อย่างไม่เหน็ดไม่เหนื่อย
4. ซื่อสัตย์ ถ้าไม่มีข้อนี้ ส่วนที่เหลือของธุรกิจก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้ามีบางคนที่เป็นใหญ่อยู่แล้วไม่ซื่อสัตย์ วอเรนชอบคนโง่และขี้เกียจขึ้นมาบริหารแทน เพราะจะทำลายบริษัทได้น้อยกว่า
อิอิ ลองแปลเล่นๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 511
- ผู้ติดตาม: 0
Meeting With Warren Buffett May 23, 2005
โพสต์ที่ 4
พี่ Jeng หรือท่านอื่นๆรบกวนแปลให้หน่อยให้ไหมครับ
เผอิญภาษาอังกฤษอ่อนแอมากๆ
เผอิญภาษาอังกฤษอ่อนแอมากๆ
VI ฝึกหัด
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
Meeting With Warren Buffett May 23, 2005
โพสต์ที่ 5
ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยแปลกันหรอกทางเน็ต เพราะกลัวปัญหาลิขสิทธิ์ ซึ่งเราแปลไป เกิดมีใครนำไปขาย จะไปกันใหญ่
พูดซะยืดยาว จริงๆแล้ว แปลไม่เก่งเหมือนกันครับ
อิอิ
อ่านจบแล้ว เสียดายไม่ได้เป็นผู้ถาม ถ้าผมเป็นผู้ถาม ผมจะถามว่า ท่านวอเรนคิดว่า จะมีใครในโลกเรียนรู้หลักการของท่านแล้วสามารถนำไปใช้ได้บ้างหรือไม่ เพราะในปัจจุบัน ผ่านมาเกือบ 50 ปี มีคนพยายามเรียนรู้จากท่านมากมาย ทั่วโลก แต่ยังไม่เห็นมีวอเรน 2 3 4 เกิดขึ้นเลย
พูดซะยืดยาว จริงๆแล้ว แปลไม่เก่งเหมือนกันครับ
อิอิ
อ่านจบแล้ว เสียดายไม่ได้เป็นผู้ถาม ถ้าผมเป็นผู้ถาม ผมจะถามว่า ท่านวอเรนคิดว่า จะมีใครในโลกเรียนรู้หลักการของท่านแล้วสามารถนำไปใช้ได้บ้างหรือไม่ เพราะในปัจจุบัน ผ่านมาเกือบ 50 ปี มีคนพยายามเรียนรู้จากท่านมากมาย ทั่วโลก แต่ยังไม่เห็นมีวอเรน 2 3 4 เกิดขึ้นเลย
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
Meeting With Warren Buffett May 23, 2005
โพสต์ที่ 8
ชอบมุขแกจัง
"N" stood for Nowledge :lovl:
"N" stood for Nowledge :lovl:
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
-
- Verified User
- โพสต์: 435
- ผู้ติดตาม: 0
Meeting With Warren Buffett May 23, 2005
โพสต์ที่ 10
ผมว่าคุณตาหมูอ้วน ต้องพัฒนาด้านภาษาอังกฤษให้ดีขึ้นได้นะครับ ถ้าไม่ทำแสดงว่ายังมี passion (ความคลั่งไคล้)เกี่ยวกับเรื่องการลงทุนไม่มากพอ พยายามหน่อยก็แล้วกัน หรือหากสนใจท่อนไหนของบทความอ่านแล้วไม่เข้าใจแจ่มแจ้งแดงแจ๋ ก็ยกมาเป็นประเด็น แล้วให้คนในนี้ช่วยกันแปล(คุณ CK ต้องช่วยได้แน่นอน)แล้วช่วยกันถกเถียง ผมว่าจะได้อรรถรสและความรู้ดีนะครับตาหมูอ้วน. เขียน:....................................................................
เผอิญภาษาอังกฤษอ่อนแอมากๆ
"The man who doesn't read has no advantage over the man who cannot read." Mark Twain
-
- Verified User
- โพสต์: 435
- ผู้ติดตาม: 0
Meeting With Warren Buffett May 23, 2005
โพสต์ที่ 12
คุณ Jeng สนใจจะถามคำถามนี้จริงๆ ก็ลองไปตั้งคำถามไว้ใน webboard ได้นะครับ Shai Dardashti (อาจารย์ที่พานักศึกษาไปเยี่ยม) ยินดีตอบข้อซักถามและความคิดเห็นรออยู่ในกระทู้ของเขานี้แล้วนะครับJeng เขียน:......................................................................................
.....เสียดายไม่ได้เป็นผู้ถาม ถ้าผมเป็นผู้ถาม ผมจะถามว่า ท่านวอเรนคิดว่า จะมีใครในโลกเรียนรู้หลักการของท่านแล้วสามารถนำไปใช้ได้บ้างหรือไม่ เพราะในปัจจุบัน ผ่านมาเกือบ 50 ปี มีคนพยายามเรียนรู้จากท่านมากมาย ทั่วโลก แต่ยังไม่เห็นมีวอเรน 2 3 4 เกิดขึ้นเลย
http://groups.msn.com/BerkshireHathaway ... 0899177577
"The man who doesn't read has no advantage over the man who cannot read." Mark Twain
-
- Verified User
- โพสต์: 435
- ผู้ติดตาม: 0
Meeting With Warren Buffett May 23, 2005
โพสต์ที่ 14
อันที่จริง วอเร็น บัฟเฟตต์ ก็ตอบคำถามเรื่องความฉลาดกับความซื่อสัตย์ไว้ระหว่างการประชุมใหญ่ประจำปีนี้ของ เบิร์กชัวร์ แฮทธเวย์ เหมือนกันนะครับน่าจะประยุกต์ตอบคำถามที่คุณ CK ตั้งมานั้นได้อย่างดี ทั้งนี้เป็นบทบันทึกของคนที่คลั่งไคล้ วอเร็น บัฟเฟตต์ และเข้าประชุมประจำปีของ BRK มา5-6 ปีติดๆกัน เขาคือ Richard M. Rockwood ซึ่งเป็นเจ้าของ website ชื่อ Focusinvestor.com บทความนี้อยู่บนหน้าแรกของ website เขาตามนี้ครับCK เขียน:ระหว่างผู้บริหารหุ้นที่เราถือที่โง่แต่ขี้เกียจ และฉลาดแต่โกง จะเลือกอย่างไหนดี
ระหว่างนายกที่โง่แต่ขี้เกียจ และฉลาดแต่โกง จะเลือกอย่างไหนดี
http://www.focusinvestor.com/UsefulLessons.pdf
แล้วไปที่ 2 ข้อ ท่อนที่ 2 ตอนท้ายจะบอกไว้อย่างนี้ครับ ......In fact he has said that being highly intelligent and possessing lots of drive and not much integrity is a dangerous combination.
หากแปลเป็นไทยๆก็น่าจะเป็นว่า ส่วนผสมระหว่างอภิมหาความฉลาดกับความทะยานอยากและการมีความสัตย์ซื่อไม่ค่อยจะมากนักเป็นเรื่องที่อันตราย
ผมอ่านเจอข้อความนี้ ทำนึกถีงปัญหาคอรัปชั่นของประเทศไทยขณะนี้ แล้วเสียวสันหลังว่า...ประเทศไทยเราอยู่ในภาวะอันตรายอย่างที่ วอรเร็น บัฟเฟตต์ ตอบไว้หรือเปล่าหนอ ??????
"The man who doesn't read has no advantage over the man who cannot read." Mark Twain