เอามาให้อ่านกันครับ พักหลังๆๆ ผมเริ่มรู้สึกว่าโดนปิดบังความจิงไงก้อไม่รู้ เรื่องต่างๆๆเหมือนได้รับข่าวแบบไม่เต็มมๆๆปัญหาเศรษฐกิจขาดดุลการค้ามหาศาล จนถึงขั้นที่นักวิชาการทั้งหลายห่วงใย ฝันร้ายวิกฤติเศรษฐกิจจะหวนกลับ มาเยือนเมืองไทยอีกครั้ง น่าจะให้ คำตอบได้ดี... เป็นเพราะกฎแห่งกรรม หรือไม่
เหมือนอย่างที่พูดกัน...กรรมยุคนี้ติดจรวด ตามมาเร็วให้เห็นทันตา
การขาดดุลการค้าที่เกิดขึ้นตอนนี้ ไม่เคยมีมาก่อนในรอบ 7-8 ปี ประเทศไทย จะมีการขาดดุลการค้าก็แค่ 1-2 เดือน แล้วจะกลับมาเป็นปกติ แต่ตอนนี้เราขาดดุลการค้า มาติดต่อกัน 4 เดือนเข้าไปแล้ว เป็นเงินประมาณ 2 แสนล้านบาท
การขาดดุลการค้าอย่างนี้ รศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ นักวิชาการเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้ว่า จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจมหภาค ทำให้ความเชื่อมั่น ความไว้วางใจในเศรษฐกิจไทยลดลง
ต่างชาติที่เอาเงินมาลงทุนในบ้านเรา จะขนเงินออกไป
ส่งผลให้เงินบาทอ่อนตัว เนื่องจากต่างชาติจะเทขายเงินบาท เพื่อแลกเป็นดอลลาร์ ขนเงินไปลงทุนในประเทศอื่น เมื่อเงินบาทอ่อนมาก ความเชื่อมั่นในเงินบาทน้อยลง นักลงทุนยิ่งเร่งขนเงินออก ตลาดหุ้นซบเซา มูลค่าหุ้นของธุรกิจต่างๆร่วงกันเป็นทิวแถว
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไปไม่รอด ธนาคารเกิดปัญหาหนี้เสีย หรือเอ็นพีแอล
สุดท้าย...จะเหมือนกับวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540
แล้วอะไรเป็นตัวการที่ทำให้เกิดการขาดดุลการค้า?
ตัวการสำคัญ รัฐบาลรู้ ใครๆก็รู้ ดร.สมภพ ฟันธงไปที่...การนำเข้าน้ำมัน
ทั่วทั้งโลกใช้น้ำมันวันละ 84.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน บ้านเราใช้วันละประมาณ 850,000 บาร์เรล คิดแล้วคนไทยใช้น้ำมันมากกว่า 1% ของปริมาณการใช้ทั้งโลก
แต่เมื่อมาดูรายได้ประชาชาติหรือจีดีพี ไทยมีรายได้ 0.45% ของจีดีพีโลก
ตัวเลขนี้ชี้ว่า คนไทยใช้น้ำมันเกินตัว เกินฐานะ เกินรายได้ของตัวเองกว่าเท่าตัว
แค่นั้นไม่พอ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยอยู่ที่ 5%...แต่เรานำเข้าน้ำมันเพิ่มขึ้นถึง 20%
ตัวเลขรายรับกับรายจ่ายของไทย ช่างไม่สมดุลกันซะเลย
คนไทยใช้น้ำมันเกินตัว สาเหตุมาจากอะไร?
รัฐบาลบิดเบือนราคาน้ำมัน ด้วยการตรึงราคาน้ำมันเพื่อหาเสียงในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศ ที่วันนี้ยังอุ้มยังตรึงดีเซล นี่แหละ...คือตัวก่อปัญหา
ตรึงราคาน้ำมันให้ถูก...รัฐบาลได้คะแนนเสียง แต่ทำให้คนไทยไม่ประหยัดใช้น้ำมันกันเพลิน เลยต้องนำเข้าน้ำมันมากขึ้น
ความจริงเรื่องนี้ นักวิชาการเคยเตือนรัฐบาลมาเป็นปี อย่าบิดเบือนราคาน้ำมัน แต่รัฐบาลไม่ฟัง วันนี้พอเกิดปัญหาเศรษฐกิจ ขาดดุลการค้าต่อเนื่อง เพิ่งจะมาคิดรณรงค์ให้คนไทย ช่วยกันประหยัด
ระบบขนส่งบ้านเราไร้ประสิทธิภาพ...เป็นอีกตัวการหนึ่งที่ทำให้ ประเทศไทย บริโภคน้ำมันเกินตัว
ไม่มีประเทศไหนในโลก ที่การขนส่งในประเทศระยะทางยาวเกือบ 2,000 กม. จากแม่สายถึงสุไหงโก-ลก ใช้รถบรรทุกเกือบจะทั้งหมด การใช้ รถบรรทุกขนส่งสินค้า ในระยะทางที่เกินกว่า 300 กม. ไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ
การขนส่งที่มีประสิทธิภาพต้องใช้ระบบรางหรือรถไฟ รถไฟ 1 ขบวนบรรทุกได้ 30 โบกี้ กินน้ำมันน้อยกว่ารถบรรทุก 30 คันแน่นอน แต่เราไม่มีการขนส่งระบบรางที่ดี เราก็ต้องใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น
การเผาน้ำมันทิ้งบนท้องถนนเพราะการจราจรติดขัด...เป็นอีกสาเหตุ หนึ่งที่ทำให้เราต้องนำเข้าน้ำมันเพิ่มขึ้น
แม้รัฐบาลจะมีโครงการสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินหลายสาย เพื่อแก้ ปัญหาการจราจร แต่เป็นการกำหนดนโยบายที่ผิดกาลเทศะ ผิดที่ ผิดเวลา ถ้ารัฐบาลมีวิชั่นจริง น่าจะผลักดันโครงการนี้ตั้งแต่สมัยที่แล้ว
ช่วงนั้นระบบเศรษฐกิจอยู่ในช่วงเงินล้นแบงก์ ดอกเบี้ยถูก ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม
คิดทำตอนนั้น รัฐบาลจะไม่มีปัญหาเรื่องหาเงินมาลงทุน ธนาคารยินดี ที่จะให้รัฐบาล กู้เอาเงินไปใช้ แถมยังสามารถออกพันธบัตรระดมเงินออม ของประชาชนได้เป็นอย่างดี
การฝากเงินในช่วงที่ผ่านมา คนฝากขาดทุน...ฝากเงินได้ดอกเบี้ย 1% แต่เงินเฟ้อ 3-4%
ฝาก 100 บาท ได้ดอกเบี้ย 1 บาท...ถึงสิ้นปีค่าเงินกลับเหลือแค่ 96-97 บาทเท่านั้น
ถ้าทำโครงการเสียแต่ตอนนั้น ออกพันธบัตรมา ชาวบ้านยินดีเอาเงินออมมาซื้อ พันธบัตร และตอนนี้คนไทยก็คงได้ใช้รถไฟใต้ดินไปแล้ว
แต่มาคิดทำโครงการในช่วงนี้...ดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น จึงเกิดปัญหาไม่รู้จะเอาเงิน 5-6 แสนล้านบาท จากที่ไหนมาลงทุนทำโครงการเมกะโปรเจกต์ทั้งหลาย
การกำหนดนโยบายดีทรอยต์แห่งเอเชีย ส่งเสริมผลิตรถยนต์เป็นอีกปัญหาที่ทำให้รถติด เพราะรถที่ผลิตออกมานั้นส่งออกได้เพียง 10% เท่านั้นเอง อีก 90% ต้องใช้ในประเทศ
คนไทยซื้อรถใหม่เพิ่มขึ้น 30-40% หรือปีละ 620,000 คัน ในขณะที่ช่วงเศรษฐกิจดีๆ ก่อนเกิดฟองสบู่แตก เคยทำสถิติไว้ที่ปีละ 580,000 คัน จำนวนรถเพิ่มขึ้นแต่ถนนมีไม่พอ เลยเกิดปัญหารถติด มีการเผาน้ำมันทิ้งกันเป็นว่าเล่น และทำให้เราต้องนำเข้าน้ำมันเพิ่ม
แต่นั่นเป็นสาเหตุของการขาดดุลการค้าเพราะน้ำมันเท่านั้น
ตัวการที่ทำให้เราขาดดุลการค้ามากอีกประการ ดร.สมภพ ชี้ว่า... มาจากการนำเข้าสินค้าทุนมากจนเกินไป
การนำเข้าสินค้าเครื่องจักร เทคโนโลยีเข้ามามากไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่การนำเข้าสินค้า ประเภทวัตถุดิบชิ้นส่วนมาประกอบเป็นสินค้าเพื่อการส่งออก อย่าง อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เข้ามามากเป็นสิ่งอันตราย สำหรับเศรษฐกิจในบ้านเรา
การนำเข้าวัตถุดิบประเภทนี้มีมากกว่า 50% ของสินค้าประเภททุนทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าระบบอุตสาหกรรมในบ้านเราล้มเหลว ณ วันนี้โครงสร้างอุตสาหกรรม ของไทยไม่ต่างอะไรกับผู้รับจ้างประกอบสินค้า แทบไม่สามารถจะผลิตวัตถุดิบอะไรได้เอง จะส่งออกได้มากก็ต้องนำเข้ามากเป็นเงาตามตัว
ตัวเลขการส่งออกในบ้านเวลานี้ ที่คุยกันนักกันหนาส่งออกได้ เพิ่มขึ้น 13%...แต่ต้องพึ่งพาการนำเข้าสูงถึง 30%
ตัวการสำคัญอีกประการที่ทำให้ประเทศไทยต้องขาดดุลการค้า...นโยบาย กระตุ้นเศรษฐกิจแบบ เอื้ออาทร ลดแลกแจกแถม หาแหล่งเงินกู้ เพื่อให้ ประชาชนจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
คนไทยมีโอกาสได้เงินมาใช้มากขึ้น ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายมากขึ้น... ซื้อสินค้าจากต่างประเทศมากขึ้น
ตัวอย่างง่ายๆที่เห็นได้ชัด โทรศัพท์มือถือ ประเทศไทยผลิตเองไม่ได้ ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ การให้ประชาชนได้กู้เงินได้ง่าย ธุรกิจโทรศัพท์มือถือขายดีมาก คนหนึ่งมีใช้กันหลายเครื่อง
การที่ประชาชนได้ใช้ประโยชน์จากการติดต่อสื่อสารสะดวกเป็นสิ่งที่ดี ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ถ้าการซื้อโทรศัพท์มือถือนั้น ซื้อมาใช้งานเพื่อการผลิต เพื่อสร้างรายได้ให้กับตัวเอง แต่คนไทยกลับซื้อมาเพื่อการบริโภค พูดคุยเป็นเรื่องหลัก เป็นการซื้อมาเพื่อเพิ่มค่าใช้จ่าย มันเลยทำให้วันนี้คนมีหนี้ต่อครอบครัวเพิ่มมากขึ้น
วิกฤติที่เกิดขึ้นเหล่านี้...ชี้ชัด ใครเป็นคนวางแผนคิดทำ หรือกรรมตามมาทันเอง.
หรือตอจะผุดเมื่อน้ำลด
-
- Verified User
- โพสต์: 479
- ผู้ติดตาม: 0
หรือตอจะผุดเมื่อน้ำลด
โพสต์ที่ 1
:lol: :lol:
*****