เรื่องอยู่ดีๆขาใหญ่ก็เอาหุ้นออกไปจากตลาดเฉยๆ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
SmileGraycop
Verified User
โพสต์: 127
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องอยู่ดีๆขาใหญ่ก็เอาหุ้นออกไปจากตลาดเฉยๆ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

คือผมมีเรื่องอยากถามเพื่อนๆและพี่ๆทุกคนครับ สมมุติว่ามีหุ้นบริษัท เอ อยู่ในตลาดมีผลประกอบการดีมากๆปันผลทุกปีแบบจุใจสะใจชาววิ แต่บริษัทนี้มีหุ้นใหญ่คือบริษัทบีถือหุ้นอยู่ ซึ่งบริษัทบีก็เป็นองค์กรที่ใหญ่มากและมีหุ้นอยู่ในบริษัทซีซึ่งอยู่ในตลาดเหมือนกัน อยู่ดีๆถ้าบีเกิดอยากนำบริษัท เอ และซี มารวมกันโดยให้เหตุผลว่าทำให้ต้นทุนต่ำลง และจะทำการซื้อหุ้นเอคืนจากรายย่อยอย่างพวกเราในราคาที่เขากำหนดเอาเอง เช่นรายย่อยบางรายซึ้อมาที่ 150 บาทต่อหุ้นแต่เขาจะซื้อที่ 120 ผมเลยคาใจมีข้อสงสัยว่า
1. ตามกฎหมายแล้วบริษัท บีมีสิทธิทำอย่างนั้นได้หรือไม่
2. รายย่อยอย่างพวกเราจะทำตัวอย่างไรหากคนวงในรู้ล่วงหน้ารีบถล่มขายหุ้นเอก่อนที่จะเอามารวมกับซี
3. หากเป็นเช่นนี้รายย่อยก็เสียเปรียบ แล้วเราจะเทรดกันแบบหวังหาอิสรภาพทางการเงินในอนาคตได้อย่างไร ฤาอิสรภาพทางการเงินจะเป็นเพียงแดนสุขาวดีที่ร่ำลือกันไปเอง?
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

Re: เรื่องอยู่ดีๆขาใหญ่ก็เอาหุ้นออกไปจากตลาดเฉยๆ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

hatorihunso เขียน:คือผมมีเรื่องอยากถามเพื่อนๆและพี่ๆทุกคนครับ สมมุติว่ามีหุ้นบริษัท เอ อยู่ในตลาดมีผลประกอบการดีมากๆปันผลทุกปีแบบจุใจสะใจชาววิ แต่บริษัทนี้มีหุ้นใหญ่คือบริษัทบีถือหุ้นอยู่ ซึ่งบริษัทบีก็เป็นองค์กรที่ใหญ่มากและมีหุ้นอยู่ในบริษัทซีซึ่งอยู่ในตลาดเหมือนกัน อยู่ดีๆถ้าบีเกิดอยากนำบริษัท เอ และซี มารวมกันโดยให้เหตุผลว่าทำให้ต้นทุนต่ำลง และจะทำการซื้อหุ้นเอคืนจากรายย่อยอย่างพวกเราในราคาที่เขากำหนดเอาเอง เช่นรายย่อยบางรายซึ้อมาที่ 150 บาทต่อหุ้นแต่เขาจะซื้อที่ 120 ผมเลยคาใจมีข้อสงสัยว่า
1. ตามกฎหมายแล้วบริษัท บีมีสิทธิทำอย่างนั้นได้หรือไม่
2. รายย่อยอย่างพวกเราจะทำตัวอย่างไรหากคนวงในรู้ล่วงหน้ารีบถล่มขายหุ้นเอก่อนที่จะเอามารวมกับซี
3. หากเป็นเช่นนี้รายย่อยก็เสียเปรียบ แล้วเราจะเทรดกันแบบหวังหาอิสรภาพทางการเงินในอนาคตได้อย่างไร ฤาอิสรภาพทางการเงินจะเป็นเพียงแดนสุขาวดีที่ร่ำลือกันไปเอง?
1.มีครับ กฎหมายไม่ได้กำหนดว่าราคาที่รับซื้อ ต้องสูงกว่าราคาตลาด แต่มีวิธีการคำนวณหลายวิธี สุดแท้แต่ว่าจะใช้วิธีไหน ซึ่งบางครั้งราคาที่รับซื้อก็ไม่สมเหตุสมผล

2.ก็ปล่อยให้ขายไป หากบริษัทบี ไม่มีเจตนาเอาบริษัทเอ ออกจากตลาดก็คงไม่มีปัญหาอะไร

3.หากหุ้นเอยังอยู่ในตลาด เราก็คงไม่ต้องทำอะไรครับ เพราะผลประกอบการก็ดี ปันผลก็ดี ตามที่ว่ามา ส่วนกรณีที่บีต้องการให้เอ ออกจากตลาด ก็ต้องให้ราคาเสนอซื้อสูงหน่อย ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครจะยอมขาย เพราะต่ำกว่าพื้นฐาน ถ้าไม่มีใครขาย ก็เอาออกจากตลาดไม่ได้

เหมือนกรณี scc เสนอซื้อ tpc ราคาต่ำ ก็ไม่มีรายย่อยขายให้ครับ ส่วนถ้าประเด็นนี้หมายถึง ptt จะให้ npc รวมกับ toc รายละเอียดยังไม่ออกมาเลยครับ แต่งานนี้คงไม่ง่ายเพราะ scc รู้ทัน ptt ซะแล้ว ส่วนใครจะเข้าไปเก็งผลของ tender offer คงต้องระวัง จะซื้อจะขายดูกันที่พื้นฐานและผลประกอบการดีกว่าครับ :o
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
SmileGraycop
Verified User
โพสต์: 127
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องอยู่ดีๆขาใหญ่ก็เอาหุ้นออกไปจากตลาดเฉยๆ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณคุณพี่ลูกอีสานมากครับแต่ผมยังคาใจอยู่นิดหนึ่งคือ ถ้าสัดส่วนของรายย่อยรวมกันน้อยมากๆเมื่อเทียบกับหุ้นทั้งหมดของบริษัทเนี่ย เขายังมีสิทธิบังคับซื้อคืนอีกหรือเปล่าครับ คือผมยังไม่ค่อยเข้าใจว่าเขาจะมีสิทธิบังคับซื้อหรือเปล่า ถ้ามีรายย่อยสักคนถือ100หุ้นไม่ยอมขายยังงี้เขาจะทำยังไงครับ ส่วนที่พี่บอกว่าน่าจะหมายถึง npcกับ tocนี่ใช่เลยครับ ขอคารวะด้วยใจจริง ผมเพิ่งจะเริ่มลงทุนอยากมีปันผลไว้กินระยะยาวไม่ได้คิดขายวันต่อวัน เจอยังงี้ก็ชะงักไปเหมือนกัน ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

เรื่องอยู่ดีๆขาใหญ่ก็เอาหุ้นออกไปจากตลาดเฉยๆ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

hatorihunso เขียน:ขอบคุณคุณพี่ลูกอีสานมากครับแต่ผมยังคาใจอยู่นิดหนึ่งคือ ถ้าสัดส่วนของรายย่อยรวมกันน้อยมากๆเมื่อเทียบกับหุ้นทั้งหมดของบริษัทเนี่ย เขายังมีสิทธิบังคับซื้อคืนอีกหรือเปล่าครับ คือผมยังไม่ค่อยเข้าใจว่าเขาจะมีสิทธิบังคับซื้อหรือเปล่า ถ้ามีรายย่อยสักคนถือ100หุ้นไม่ยอมขายยังงี้เขาจะทำยังไงครับ ส่วนที่พี่บอกว่าน่าจะหมายถึง npcกับ tocนี่ใช่เลยครับ ขอคารวะด้วยใจจริง ผมเพิ่งจะเริ่มลงทุนอยากมีปันผลไว้กินระยะยาวไม่ได้คิดขายวันต่อวัน เจอยังงี้ก็ชะงักไปเหมือนกัน ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ
ผมไม่แน่ใจว่าต้องถือหุ้นใหญ่กี่เปอร์เซนต์ จึงจะมีสิทธิ์ขอถอนหลักทรัพย์ออกจากตลาดได้ ไม่แน่ใจว่า 10% หรือเปล่า แต่ถ้ามีหุ้นไม่ถึงเปอร์เซนต์ที่กำหนด ก็เอาออกจากตลาดไม่ได้ครับ ในกรณีของ toc และ npc มีหุ้นหมุนเวียนค่อนข้างสูง หาก ptt ไม่ให้ราคาที่จูงใจ คงเป็นเรื่องไม่ง่ายที่จะรวบรวมหุ้นจนสามารถ delist ได้

ต่างจาก astl spp ซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่มีหุ้นอยู่ในมือมากกว่า 90% หากเค้าต้องการ delist รายย่อยก็ต้องขายให้เค้าอย่างเดียว ไม่มีทางเลือก เพราะหากเลือกถือหุ้นออกนอกตลาดไปด้วย ผู้ถือหุ้นเหล่านั้นจะไม่มีสิทธิ์ทำอะไรได้เลย เหมือนกรณีเพื่อนๆที่ถือหุ้น spp พอออกจากตลาดไปแล้ว ปันผลเค้าก็ไม่จ่ายครับ :evil:

ผมว่ารอดูราคาที่จะสว็อปหุ้นกันดีกว่า คงไม่น่าเกลียดมาก ไม่อย่างนั้น ptt โดนด่าเละ :lol:

อีกตัวที่มีโอกาสที่จะโดน delist คือ tbsp ของพี่หมอประจวบ
ตัวนี้ spp บริษัทย่อยของ scc เคยทำเสนอซื้อที่ 40 บาท
แต่ได้หุ้นสัดส่วนไม่มากพอเลยเอาออกจากตลาดไม่ได้
ไม่รู้ว่าจะทำเสนอซื้ออีกรอบหรือเปล่า และที่ราคาเท่าไหร่
คาดการณ์จากความเป็นไปได้นะครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
SmileGraycop
Verified User
โพสต์: 127
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องอยู่ดีๆขาใหญ่ก็เอาหุ้นออกไปจากตลาดเฉยๆ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ดูดูไปแล้ว แทบจะไม่มีหลักประกันอะไรสำหรับรายย่อยอย่างเราเลยนะครับ ผมรู้สึกว่าทุกอย่างถูกกำหนดโดยbig playerเท่านั้น ส่วนเราก็เบี้ยเล็กๆที่ดูเหมือนว่าจะมีสิทธิแต่จริงๆแล้วไม่มี อย่างไรก็ตามขอบคุณสำหรับคำตอบครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
harry
Verified User
โพสต์: 4200
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องอยู่ดีๆขาใหญ่ก็เอาหุ้นออกไปจากตลาดเฉยๆ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ตามกฎ หรือโดยทั่วไป น่าจะมากกว่า 75% แต่ยิ่งมากยิ่งดีอยู่แล้ว
Expecto Patronum!!!!!!
ภาพประจำตัวสมาชิก
nana
Verified User
โพสต์: 209
ผู้ติดตาม: 0

เรื่องอยู่ดีๆขาใหญ่ก็เอาหุ้นออกไปจากตลาดเฉยๆ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

บีถือหุ้นใน เอและซี แล้วจะให้เอและซีรวมกัน
โดยให้ ซี ไปซื้อหุ้นของ เอ เหรอคะ หรือยังไง
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11444
ผู้ติดตาม: 1

เรื่องอยู่ดีๆขาใหญ่ก็เอาหุ้นออกไปจากตลาดเฉยๆ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ผมว่ากรณี NPC กับ TOC น่าจะเป็นการแลกหุ้นกันมากกว่าครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
ล็อคหัวข้อ