ก.ล.ต. ฉบับที่ 67/2548 เรื่อง ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้บริหาร PICNI
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
ก.ล.ต. ฉบับที่ 67/2548 เรื่อง ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้บริหาร PICNI
โพสต์ที่ 1
ฉบับที่ 67/2548 วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน 2548
ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้บริหาร PICNI 2 ราย
ในวันนี้ (30 มิถุนายน 2548) ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษนายธีรัชชานนท์ ลาภวิสุทธิสิน อดีตกรรมการผู้จัดการ
และนางสาวสุภาพร ลาภวิสุทธิสิน รองกรรมการผู้จัดการ ซึ่งรับผิดชอบการดำเนินงานของบริษัทปิคนิค
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (PICNI) ต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรณีจัดทำเอกสารและบัญชี
ไม่ถูกต้อง รวมทั้งการกระทำหน้าที่โดยทุจริต พร้อมกันนี้ ได้กล่าวโทษผู้ที่เกี่ยวข้องอีกจำนวน 8 ราย
กรณีให้ความช่วยเหลือผู้บริหารดังกล่าว
จากการตรวจสอบงบการเงินของ PICNI และเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ก.ล.ต. พบว่า ผู้บริหารของ PICNI ได้กระทำความผิด ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ) ดังนี้
กรณีการทำสัญญาและการรับรู้รายได้จากการให้เช่าถังแก๊ส ทำให้รายได้และกำไรสูงกว่าความเป็นจริง
(1) นายธีรัชชานนท์ ลาภวิสุทธิสิน อดีตกรรมการผู้จัดการ และ (2) นางสาวสุภาพร ลาภวิสุทธิสิน
รองกรรมการผู้จัดการ ได้ร่วมกันลงนามในสัญญาให้เช่าถังแก๊สแก่โรงบรรจุแก๊ส 10 แห่ง ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้บริหารของ PICNI และอยู่ภายใต้การควบคุมทางการเงินของนายธีรัชชานนท์
ซึ่งการทำสัญญาให้เช่าดังกล่าว ผิดไปจากการดำเนินการกับลูกค้ารายอื่นที่อยู่ในรูปเงินมัดจำค่าถังแก๊ส และเป็นเหตุอ้างให้ PICNI รับรู้รายได้และกำไรในงบการเงินประจำปี 2547 เพิ่มขึ้น 178.4 ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ 2.43 ของรายได้รวม และร้อยละ 24.26 ของกำไรสุทธิ ทำให้งบการเงินของ PICNI
แสดงฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานดีกว่าความเป็นจริง การกระทำของบุคคลดังกล่าว
จึงเข้าข่ายเป็นการปฏิบัติฝ่าฝืนมาตรา 312 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ
นอกจากนี้ การกระทำของผู้บริหาร PICNI ข้างต้นได้รับการสนับสนุนจาก (3) นายอนุกูล ตั้งเรืองเกียรติ (4) นายพิริยะ ถาวร (5) นายเฉลิมชัย ชุบผา (6) นางสาวนุชนาฎ ปริกสุวรรณ (7) นายปรเมษ
ลอองสุวรรณ (8) นายทวีทรัพย์ เกริกเกียรติศักดิ์ และ (9) นายกฤษณ์ โปรยเจริญ ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของโรงบรรจุแก๊ส 10 แห่ง และ/หรือ เป็นกรรมการที่ลงนามในสัญญาเช่าถังแก๊สของโรงบรรจุแก๊ส
ดังกล่าว บุคคลทั้ง 7 รายจึงเข้าข่ายเป็นผู้ช่วยเหลือ และ/หรือให้ความสะดวกในการกระทำข้างต้น
อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 315 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ
กรณีการทำหน้าที่โดยทุจริต และจัดทำเอกสารและบัญชีไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับการทำสัญญาให้กู้ยืมเงินแก่
นิติบุคคลอื่น
นายธีรัชชานนท์ และนางสาวสุภาพร ได้ร่วมกันลงนามในสัญญาให้กู้ยืมเงินจำนวน 85 ล้านบาท
แก่นิติบุคคลอื่น 2 ราย แต่กลับปรากฏว่า เงินที่ให้กู้ยืมนั้นถูกนำไปเข้าบัญชีส่วนตัวของนายธีรัชชานนท์ นายธีรัชชานนท์จึงเข้าข่ายกระทำผิดหน้าที่ โดยได้เบียดบังทรัพย์สินของ PICNI เพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายแก่ตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 307 308 และ 311
แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ
นอกจากนี้ การกระทำของผู้บริหารทั้ง 2 ราย ที่ได้ร่วมกันลงนามในสัญญาให้กู้ยืมเงินนั้น ยังเป็นเหตุให้ PICNI มีการจัดทำเอกสารหลักฐานและบัญชีไม่ถูกต้อง ไม่ตรงต่อความเป็นจริง จึงเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 312 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ
การกระทำข้างต้นมี (10) นายพินิจ พุทธศาสตร์ (กรรมการของนิติบุคคลอื่น) เป็นผู้ช่วยเหลือ และ/หรือให้ความสะดวก จึงเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 315 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ
เนื่องจากคดีข้างต้นมีความซับซ้อน ทั้งในด้านธุรกรรมและมาตรฐานการบัญชีที่เกี่ยวข้อง ในการกล่าวโทษคดีดังกล่าวต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ก.ล.ต. จึงได้ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาดำเนินการตามมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 เพื่อให้มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของ ก.ล.ต. รวมทั้งหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อเข้าร่วมสอบสวนคดีนี้ให้เป็นไปโดยรอบคอบ ครบถ้วนยิ่งขึ้นด้วย
ทั้งนี้ การดำเนินคดีข้างต้นเป็นผลจากการตรวจสอบส่วนหนึ่งที่เสร็จแล้ว โดยยังมีประเด็นที่ ก.ล.ต.
อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติม
ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้บริหาร PICNI 2 ราย
ในวันนี้ (30 มิถุนายน 2548) ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษนายธีรัชชานนท์ ลาภวิสุทธิสิน อดีตกรรมการผู้จัดการ
และนางสาวสุภาพร ลาภวิสุทธิสิน รองกรรมการผู้จัดการ ซึ่งรับผิดชอบการดำเนินงานของบริษัทปิคนิค
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (PICNI) ต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรณีจัดทำเอกสารและบัญชี
ไม่ถูกต้อง รวมทั้งการกระทำหน้าที่โดยทุจริต พร้อมกันนี้ ได้กล่าวโทษผู้ที่เกี่ยวข้องอีกจำนวน 8 ราย
กรณีให้ความช่วยเหลือผู้บริหารดังกล่าว
จากการตรวจสอบงบการเงินของ PICNI และเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ก.ล.ต. พบว่า ผู้บริหารของ PICNI ได้กระทำความผิด ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ) ดังนี้
กรณีการทำสัญญาและการรับรู้รายได้จากการให้เช่าถังแก๊ส ทำให้รายได้และกำไรสูงกว่าความเป็นจริง
(1) นายธีรัชชานนท์ ลาภวิสุทธิสิน อดีตกรรมการผู้จัดการ และ (2) นางสาวสุภาพร ลาภวิสุทธิสิน
รองกรรมการผู้จัดการ ได้ร่วมกันลงนามในสัญญาให้เช่าถังแก๊สแก่โรงบรรจุแก๊ส 10 แห่ง ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้บริหารของ PICNI และอยู่ภายใต้การควบคุมทางการเงินของนายธีรัชชานนท์
ซึ่งการทำสัญญาให้เช่าดังกล่าว ผิดไปจากการดำเนินการกับลูกค้ารายอื่นที่อยู่ในรูปเงินมัดจำค่าถังแก๊ส และเป็นเหตุอ้างให้ PICNI รับรู้รายได้และกำไรในงบการเงินประจำปี 2547 เพิ่มขึ้น 178.4 ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ 2.43 ของรายได้รวม และร้อยละ 24.26 ของกำไรสุทธิ ทำให้งบการเงินของ PICNI
แสดงฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานดีกว่าความเป็นจริง การกระทำของบุคคลดังกล่าว
จึงเข้าข่ายเป็นการปฏิบัติฝ่าฝืนมาตรา 312 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ
นอกจากนี้ การกระทำของผู้บริหาร PICNI ข้างต้นได้รับการสนับสนุนจาก (3) นายอนุกูล ตั้งเรืองเกียรติ (4) นายพิริยะ ถาวร (5) นายเฉลิมชัย ชุบผา (6) นางสาวนุชนาฎ ปริกสุวรรณ (7) นายปรเมษ
ลอองสุวรรณ (8) นายทวีทรัพย์ เกริกเกียรติศักดิ์ และ (9) นายกฤษณ์ โปรยเจริญ ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของโรงบรรจุแก๊ส 10 แห่ง และ/หรือ เป็นกรรมการที่ลงนามในสัญญาเช่าถังแก๊สของโรงบรรจุแก๊ส
ดังกล่าว บุคคลทั้ง 7 รายจึงเข้าข่ายเป็นผู้ช่วยเหลือ และ/หรือให้ความสะดวกในการกระทำข้างต้น
อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 315 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ
กรณีการทำหน้าที่โดยทุจริต และจัดทำเอกสารและบัญชีไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับการทำสัญญาให้กู้ยืมเงินแก่
นิติบุคคลอื่น
นายธีรัชชานนท์ และนางสาวสุภาพร ได้ร่วมกันลงนามในสัญญาให้กู้ยืมเงินจำนวน 85 ล้านบาท
แก่นิติบุคคลอื่น 2 ราย แต่กลับปรากฏว่า เงินที่ให้กู้ยืมนั้นถูกนำไปเข้าบัญชีส่วนตัวของนายธีรัชชานนท์ นายธีรัชชานนท์จึงเข้าข่ายกระทำผิดหน้าที่ โดยได้เบียดบังทรัพย์สินของ PICNI เพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายแก่ตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 307 308 และ 311
แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ
นอกจากนี้ การกระทำของผู้บริหารทั้ง 2 ราย ที่ได้ร่วมกันลงนามในสัญญาให้กู้ยืมเงินนั้น ยังเป็นเหตุให้ PICNI มีการจัดทำเอกสารหลักฐานและบัญชีไม่ถูกต้อง ไม่ตรงต่อความเป็นจริง จึงเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 312 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ
การกระทำข้างต้นมี (10) นายพินิจ พุทธศาสตร์ (กรรมการของนิติบุคคลอื่น) เป็นผู้ช่วยเหลือ และ/หรือให้ความสะดวก จึงเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 315 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ
เนื่องจากคดีข้างต้นมีความซับซ้อน ทั้งในด้านธุรกรรมและมาตรฐานการบัญชีที่เกี่ยวข้อง ในการกล่าวโทษคดีดังกล่าวต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ก.ล.ต. จึงได้ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาดำเนินการตามมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 เพื่อให้มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของ ก.ล.ต. รวมทั้งหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อเข้าร่วมสอบสวนคดีนี้ให้เป็นไปโดยรอบคอบ ครบถ้วนยิ่งขึ้นด้วย
ทั้งนี้ การดำเนินคดีข้างต้นเป็นผลจากการตรวจสอบส่วนหนึ่งที่เสร็จแล้ว โดยยังมีประเด็นที่ ก.ล.ต.
อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติม
เป็นบุญหนักหนาเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นคนไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
ก.ล.ต. ฉบับที่ 67/2548 เรื่อง ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้บริหาร PICNI
โพสต์ที่ 2
เอกสารแนบ
พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535
มาตรา 307 กรรมการผู้จัดการหรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของ
นิติบุคคลใดตามพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของนิติบุคคลดังกล่าว
หรือทรัพย์สินที่นิติบุคคลดังกล่าวเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย กระทำผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใด ๆ โดยทุจริตจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของนิติบุคคลนั้น
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท
มาตรา 308 กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของ
นิติบุคคลใดตามพระราชบัญญัตินี้ ครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของนิติบุคคลดังกล่าวหรือ
ซึ่งนิติบุคคลดังกล่าวเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สาม
โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท
มาตรา 311 กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของ
นิติบุคคลใดตามพระราชบัญญัตินี้ กระทำการหรือไม่กระทำการเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควร
ได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่นอันป็นการเสียหายแก่นิติบุคคลนั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท
มาตรา 312 กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของ
นิติบุคคลใดตามพระราชบัญญัตินี้ กระทำหรือยินยอมให้กระทำการดังต่อไปนี้
(1) ทำให้เสียหาย ทำลาย เปลี่ยนแปลง ตัดทอน หรือปลอมบัญชีเอกสารหรือหลักประกันของนิติบุคคลดังกล่าว หรือที่เกี่ยวกับนิติบุคคลดังกล่าว
(2) ลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชีหรือเอกสารของนิติบุคคลหรือที่เกี่ยวกับนิติบุคคลนั้น หรือ
(3) ทำบัญชีไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน หรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง ถ้ากระทำหรือยินยอมให้กระทำเพื่อลวงให้นิติบุคคลดังกล่าวหรือผู้ถือหุ้นขาดประโยชน์อันควรได้ หรือลวงบุคคลใดๆต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท
มาตรา 315 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการ
ที่กรรมการ ผู้จัดการหรือบุคคลซึ่งรับผิด ชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลใดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือผู้สอบบัญชี กระทำความผิดตามที่บัญญัติใน มาตรา 287 มาตรา 306 มาตรา 307 มาตรา 308 มาตรา 309 มาตรา 310 มาตรา 311 หรือ มาตรา 312 ไม่ว่าก่อนหรือขณะกระทำความผิด ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรานั้น ๆ เว้นแต่ผู้นั้นมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้น
พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535
มาตรา 307 กรรมการผู้จัดการหรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของ
นิติบุคคลใดตามพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของนิติบุคคลดังกล่าว
หรือทรัพย์สินที่นิติบุคคลดังกล่าวเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย กระทำผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใด ๆ โดยทุจริตจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของนิติบุคคลนั้น
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท
มาตรา 308 กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของ
นิติบุคคลใดตามพระราชบัญญัตินี้ ครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของนิติบุคคลดังกล่าวหรือ
ซึ่งนิติบุคคลดังกล่าวเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สาม
โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท
มาตรา 311 กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของ
นิติบุคคลใดตามพระราชบัญญัตินี้ กระทำการหรือไม่กระทำการเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควร
ได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่นอันป็นการเสียหายแก่นิติบุคคลนั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท
มาตรา 312 กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของ
นิติบุคคลใดตามพระราชบัญญัตินี้ กระทำหรือยินยอมให้กระทำการดังต่อไปนี้
(1) ทำให้เสียหาย ทำลาย เปลี่ยนแปลง ตัดทอน หรือปลอมบัญชีเอกสารหรือหลักประกันของนิติบุคคลดังกล่าว หรือที่เกี่ยวกับนิติบุคคลดังกล่าว
(2) ลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชีหรือเอกสารของนิติบุคคลหรือที่เกี่ยวกับนิติบุคคลนั้น หรือ
(3) ทำบัญชีไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน หรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง ถ้ากระทำหรือยินยอมให้กระทำเพื่อลวงให้นิติบุคคลดังกล่าวหรือผู้ถือหุ้นขาดประโยชน์อันควรได้ หรือลวงบุคคลใดๆต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท
มาตรา 315 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการ
ที่กรรมการ ผู้จัดการหรือบุคคลซึ่งรับผิด ชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลใดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือผู้สอบบัญชี กระทำความผิดตามที่บัญญัติใน มาตรา 287 มาตรา 306 มาตรา 307 มาตรา 308 มาตรา 309 มาตรา 310 มาตรา 311 หรือ มาตรา 312 ไม่ว่าก่อนหรือขณะกระทำความผิด ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรานั้น ๆ เว้นแต่ผู้นั้นมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้น
เป็นบุญหนักหนาเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นคนไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
ก.ล.ต. ฉบับที่ 67/2548 เรื่อง ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้บริหาร PICNI
โพสต์ที่ 3
ถ้าเอาผิดได้จริง
ผมขอ standing ovation ให้ กลต.ครับ
ผมขอ standing ovation ให้ กลต.ครับ
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
ก.ล.ต. ฉบับที่ 67/2548 เรื่อง ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้บริหาร PICNI
โพสต์ที่ 4
เอาเถอะเฮียอย่างน้อย กลต.ก็ได้ทำงานที่สมควรจะต้องทำมาตั้งนานแล้วเสียที
งานนี้เห็นทีมีเรื่องให้เล่าขานกันอีกนาน
เจ้าหน้าที่ กลต. ที่แวะเข้ามาอ่าน ผมประชาสัมพันธ์ให้ท่านแล้วนะ แต่ผมจะจับตามองว่าท่านเอาจริงแค่ไหนด้วย
งานนี้เห็นทีมีเรื่องให้เล่าขานกันอีกนาน
เจ้าหน้าที่ กลต. ที่แวะเข้ามาอ่าน ผมประชาสัมพันธ์ให้ท่านแล้วนะ แต่ผมจะจับตามองว่าท่านเอาจริงแค่ไหนด้วย
เป็นบุญหนักหนาเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นคนไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
-
- Verified User
- โพสต์: 44
- ผู้ติดตาม: 0
ก.ล.ต. ฉบับที่ 67/2548 เรื่อง ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้บริหาร PICNI
โพสต์ที่ 6
กลต = กลัว ลาภ..... ตลอด มีหรือที่จะกล้าลงดาบ พูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อ
กลต. ไทย ก็แค่นั้น หากการทำผิดในประเทศอย่างอเมริกา เค้าเอาถึงขั้นสุดๆๆๆไปเลยของไทยก็แค่ออกมาเขี้ยๆ เสร็จแล้วก็เงียบตามระเบียบ
กลต. ไทย ก็แค่นั้น หากการทำผิดในประเทศอย่างอเมริกา เค้าเอาถึงขั้นสุดๆๆๆไปเลยของไทยก็แค่ออกมาเขี้ยๆ เสร็จแล้วก็เงียบตามระเบียบ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
ก.ล.ต. ฉบับที่ 67/2548 เรื่อง ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้บริหาร PICNI
โพสต์ที่ 7
สุดท้ายจะเอาผิดถึงขั้นลงโทษตาม กม. หรือไม่ก็ไม่เป็นไรครับ
แค่นี้ก็ถือว่าทางผู้บริหารได้รับความลำบาก ความทุกข์ เสียผลประโยชน์และชื่อเสียงมากพอสมควรครับ
ขอแสดงความชื่นชมจากนักลงทุนรายย่อยด้วยครับ
เชียร์เต็มที่ ถือได้ว่าเป็นยุคที่มีความโปร่งใสขึ้นมากครับ ประทับใจ
อยากเชิญชวนเพื่อนนักลงทุนที่เห็นด้วยกับ กลต. เขียนชื่นชมและให้กำลังใจทางเวบของ กลต. ด้วยครับ
ทำดีก็น่าจะได้รับคำขม
แค่นี้ก็ถือว่าทางผู้บริหารได้รับความลำบาก ความทุกข์ เสียผลประโยชน์และชื่อเสียงมากพอสมควรครับ
ขอแสดงความชื่นชมจากนักลงทุนรายย่อยด้วยครับ
เชียร์เต็มที่ ถือได้ว่าเป็นยุคที่มีความโปร่งใสขึ้นมากครับ ประทับใจ
อยากเชิญชวนเพื่อนนักลงทุนที่เห็นด้วยกับ กลต. เขียนชื่นชมและให้กำลังใจทางเวบของ กลต. ด้วยครับ
ทำดีก็น่าจะได้รับคำขม
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 1435
- ผู้ติดตาม: 0
ก.ล.ต. ฉบับที่ 67/2548 เรื่อง ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้บริหาร PICNI
โพสต์ที่ 8
ถ้า กลต. ทำงานชิ้นนี้ลุล่วงจริง เอาคนผิดมารับโทษให้ได้ ทั้งทางกฎหมาย และทางสังคม รวมถึง รายอื่นๆ อย่างไม่มีกรณีพิเศษยกเว้น
ขอปรบมือชื่นชม กลต. ด้วยคนครับ
ขอปรบมือชื่นชม กลต. ด้วยคนครับ
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
- น้ำครึ่งแก้ว
- Verified User
- โพสต์: 1098
- ผู้ติดตาม: 0
ก.ล.ต. ฉบับที่ 67/2548 เรื่อง ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้บริหาร PICNI
โพสต์ที่ 10
โดยส่วนตัว คิดว่ายังไงก็ถือเป็นแนวโน้มที่ดีของตลาดหุ้นไทยนะครับ
ทำได้จริง ก็ standing ovation ด้วยอีกคนครับ :lol:
ทำได้จริง ก็ standing ovation ด้วยอีกคนครับ :lol:
" ชีวิตไม่เคยขาดความหวาน "