..บิล เกตส์ จบปริญญาตรีหรือเปล่า ?

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 12:15 pm

แล้วอีกพระองค์หนึ่งคือพระพุทธเจ้า..
จบดอกเตอร์หรือเปล่า ?

$:\/:$

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 12:31 pm

คือว่าผมก็หมั่นไส้คนอื่นเป็นเหมือนกัน..
หาใช่ว่าคนอื่นจะหมั่นไส้ผมอย่างเดียวแต่อย่างใดไม่

คือหมั่นไส้คนที่นิยมดอกเตอร์...
อะไรๆ....ก็ดอกเตอร์

รัฐบาลชุดนี้บอกว่าจะ seminar หรือ work shop ดอกตอร์ของพรรค 1,800 คน
มากำหนดวิสัยทัศน์ชาติ...

(5 ก๊าก)
:lovl: :lovl: :lovl: :lovl: :lovl:

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 12:31 pm

ไม่จบครับ บิลเกตนะ แต่พระพุทธเจ้าท่านก็เรียนตักศิลามิใช่รึ ถ้าเป็นสมัยนี้ก็คงจบหละครับ
ผมชอบบิลเกตมานานและตามอ่านและรับรู้ข้อมูลของเขามานานแล้ว แนะนำว่ามีวีดีโอสนุกมาก ชื่อ The Pirate Of Silicon valley ดู3 รอบแล้วยังดูได้ รอบแรกดูแล้วคึกมากขนลุกเลย บิลเกตเขาว่าเขาอยากเรียนนะแต่โอกาสตอนนั้นถ้าเขาไม่คว้าไว้ก็อด
ผมเองยังไม่อยากเรียนตรีเลย อยากทำตัวแบบคุณตันมากกว่า แต่คุณแม่ขอร้อง ผมว่ามหาลัยสำหรับผมให้เพื่อนมากกว่า อาจารย์บางคนก็ดี แต่ส่วนใหญ่ก็........ดีที่มหาลัยผมมีอิสระเต็มที่ เข้าก็ได้ไม่เข้าก็ส่วนใหญ่จะไม่เช็คชื่อนะ เด็กในนี้ก็........มีคนให้นับถือบ้างแต่ยังเป็นสัดส่วนที่น้อยอยู่ ผมว่าเด็กรุ่นผมไม่ค่อยอดทน ขี้เกียจ แต่มีข้อดีคือ เก่งมีความรู้เรื่องคอมพอสมควร อย่างที่หอ ก็มีโปรแกรมดูทีวีทางเน็ต ต่อเน็ตความเร็วสูงโดยใช้โปรแกรมมาช่วยให้เร็วขึ้นได้ และอื่นๆที่คิดไม่ออกอีก :lol:

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 12:35 pm

indexthai เขียน:คือว่าผมก็หมั่นไส้คนอื่นเป็นเหมือนกัน..
หาใช่ว่าคนอื่นจะหมั่นไส้ผมอย่างเดียวแต่อย่างใดไม่

คือหมั่นไส้คนที่นิยมดอกเตอร์...
อะไรๆ....ก็ดอกเตอร์

รัฐบาลชุดนี้บอกว่าจะ seminar หรือ work shop ดอกตอร์ของพรรค 1,800 คน
มากำหนดวิสัยทัศน์ชาติ...

(5 ก๊าก)
:lovl: :lovl: :lovl: :lovl: :lovl:

ตามประสาคนมีปมด้อย
จบสูงกว่ามศ.5 เท่านั้น

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 12:35 pm

บิลเกต ตามประวัติ บอกว่าไม่จบ

ส่วนพระพุทธเจ้า ต้องใช้คำว่า ศาสตราจารย์ เป็นอย่างน้อย เพราะบรรลุธรรมได้เอง นี่ไม่ธรรมดา

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 12:39 pm

ปัญญาชน คือ ชนที่ไม่จำเป็นต้องมีปริญญาเสมอไป ก็สามารถรอบรู้ประสบผลสำเร็จในชีวิตได้ รู้แจ้งเห็นจริงต่างๆนานา

ปริญญาชน คือ ชนที่ไข้วขว้าหาปริญญามาประดับบ้าน จะหามาด้วยการเรียน ด้วยการซื้อหา ซึ่งให้ได้มาซึ่งปริญญา แต่มากมายที่หาได้มีปัญญาที่จะนำตนสู่ความสำเร็จก็หาไม่

การปลูกฝังเยาวชนไทยให้รับรู้แต่เพียงว่าเรียนเพื่อให้ได้ปริญญา แต่หาได้สั่งสอนเค้าให้เกิดปัญญารู้แจ้ง ข่าวของปริญญาชนทางเสียหายจึงเกิดขึ้นมากมาย

เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้...............................

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 12:41 pm

อ้อ คุณ index ได้ไปงานไหมครับ จำที่ดอกเตอร์นิเวศพูดได้ไหมครับ
ว่าใครจบสูงๆน่ะรวยยาก ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งแต่คงมียกเว้นพวกดอกเตอร์ที่ทำงานเฉพาะทางน่ะครับ และหมอ :lol:

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 12:50 pm

พระพุทธเจ้า...
ก็ปฏิเสธ โอฬารดาบส และอุทกดาบสมาแล้ว
เรียนไปก็เท่านั้นแหละ.. ไม่เห็นทางพ้นทุกข็ได้

เลยออกมาค้นคว้าเรียนรู้ด้วยตัวเอง
จนกระทั่งตรัสรู้เป็นพระอรหันต์

พระศาสดาทรงมีเมตตาสูงมาก..
คิดกลับมาเทศนา.. ความจริงให้อาจารย์ของท่านทราบ
ปรากฏว่าลาโลกไปก่อน

แล้วพระศาสดาก็เดินทางด้วยเท้า 300 กิโลเมตรตามหาปัญจวัคคีย์(เขียนถูกหรือเปล่า)
เพื่อเทศนาหลักความจริงของการพ้นทุกข์

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 12:58 pm

ผมคิดว่า การเรียนให้จบเป็นเรื่องที่ดีครับ

แต่การเรียนไม่จบก็ไม่จำเป็นต้องมีปมด้อยนะครับ

............................................................................

ส่วนเรื่องความรู้จริง ถ้าให้ระยะเวลานานพอควร ก็ต้องทยอยมีคนเดินตาม

แต่ก็ไม่เสมอไป

ผมคิดว่าพระพุทธเจ้า ตรัสรู้และสิ่งที่ท่านสอน คนที่ศึกษาแล้วนำไปปฎิบัติก็ได้รับประโยชน์ ศาสนาพุทธ ถึงอยู่ได้นาน

...........................................................................

ในช่วง 2500 ปีที่ผ่าน ก็มีคนที่ตั้งตัวเป็นเจ้าลัทธิ มีสาวกนับพัน นับหมื่น แต่ในที่สุด ถ้าไม่ใช่ของจริง สุดท้าย ก็สูญสลายหายไป

...........................................................................

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 12:58 pm

บิล เกตต์ กะ สตีฟ จ๊อบ ใครเก่งกว่ากัน?

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 1:24 pm

indexthai เขียน:คือว่าผมก็หมั่นไส้คนอื่นเป็นเหมือนกัน..
หาใช่ว่าคนอื่นจะหมั่นไส้ผมอย่างเดียวแต่อย่างใดไม่

(5 ก๊าก)
:lovl: :lovl: :lovl: :lovl: :lovl:

หมั่นไส้ผมเมื่อไหร่บอกด้วย จะได้หลบทัน

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 1:27 pm

buglife เขียน:บิล เกตต์ กะ สตีฟ จ๊อบ ใครเก่งกว่ากัน?

ผมชอบทั้งสองคนเลยครับ 555 ... สตีฟไอเดียสุดยอด แต่บิลเซงลี้สุดยอด ...

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 1:38 pm

คุณคัดท้ายได้ยินเรื่อง Macintel ไหมครับ ข่าวว่า Apple ร่วมมือกับ Intel
จะออก Macintel ในปีหน้าแล้ว

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 1:44 pm

CK เขียน:คุณคัดท้ายได้ยินเรื่อง Macintel ไหมครับ ข่าวว่า Apple ร่วมมือกับ Intel
จะออก Macintel ในปีหน้าแล้ว

ได้ยินครับผม .. กำลังรอดูอยู่ว่าจะทำออกมายังไงมั่งครับ ... เพราะผมว่าความแตกต่างระหว่าง Microsoft กับบริษัทคอมพิวเตอร์ อื่นๆเช่น Sun HP Oracle หรือ Apple เอง มีอยู่ข้อนึง ที่แตกต่างกันมากๆๆๆๆๆๆ

คือ "Make it Happen !!!"

คือเจ้าอื่นๆหนะ ไอเดียดี ไอเดียเยอะ แต่ว่า ทำให้เกิดได้จริงนั้นน้อยมากๆ Microsoft นี่ผมถือว่าเป้นสุดยอดเลย ในการที่ทำให้สิ่งที่คิด เกิดขึ้นได้จริงครับ

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 2:15 pm

ที่ microsoft ถือว่าเจ๊งก็มีนะครับ

asp.net กะ x-box ไง อิอิ

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 2:32 pm

เดี๋ยวนี้คนเก่งๆไม่ค่อยจบปริญญากันครับ คงกลัวเสียเวลาทำเงิน

Larry Page กับ Sergey Brin ผู้ก่อตั้ง Google ก็ลาออกตอนที่กำลังเรียนปริญญาเอก

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 2:53 pm

Kopite เขียน:เดี๋ยวนี้คนเก่งๆไม่ค่อยจบปริญญากันครับ คงกลัวเสียเวลาทำเงิน

Larry Page กับ Sergey Brin ผู้ก่อตั้ง Google ก็ลาออกตอนที่กำลังเรียนปริญญาเอก

ผมว่า พูดแบบนั้นไม่ได้ทุก กรณี การทำแบบนั้นไม่ได้เหมาะกับทุกคน เดี๋ยวน้องๆ เด็กๆ จะฟังแล้ว ไม่ยอมไปเรียนตรีเอา

เพราะว่า ของจริง เค้าได้พิสูจน์ตัวเองมาแล้ว ประสบความสำเร็จและเรามองเห็น แต่ที่ไม่จบตรี เพราะคิดแบบบิลเกตส์ หมดอนาคตไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ เราไม่ค่อยได้ยินเท่านั้นเอง

ทั้งความมุ่งมั่น ทั้งจังหวะเวลา ทั้งสภาพแวดล้อม ไม่เหมือนกัน จะให้สำเร็จหรือล้มเหลวแบบเดียวกัน ยากส์ครับ

ของจริงแท้ๆ กับ ของย้อมทำเหมือน นี่ไม่มีวันเหมือนกันครับ

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 3:24 pm

ใช่ครับ มันยังมีองค์ประกอบหลายอย่าง
นอกจากมี idea แล้วยังต้องมีโอกาส, เงิน อย่าง Google ก็ได้รับเงินสนับสนุน 100,000$ จนขยายกิจจการได้

รู้สึกว่าบิลล์เกตแรกลองทำไปด้วยเรียนไปด้วย พอรู้ว่าน่าจะ work ก็ออกมาทำ Full-time

ส่วนที่ไม่ประสบความสำเร็จ แล้วอาจจะกลับไปเรียนต่อ คงไม่มีคนรู้จัก

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 3:33 pm

ปรัชญา เขียน: หมั่นไส้ผมเมื่อไหร่บอกด้วย จะได้หลบทัน

ปกติผมก็ไม่ได้หมั่นไส้ใครจริงจังหรอกครับ
โดยเฉพาะรายย่อยในตลาดหุ้น
คนที่ 1000 ทิพช่วยกันพล๊อคคอล๊อคแขนผม แล้วรุมตืบ..
ผมก็ไม่ได้ถือสาอะไร

มีแต่เห็นใจ...
อย่างเรื่อง picni ผมว่าเจ้าของและรายใหญ่สบายตัวไปแล้ว
ที่เสียหายตอนนี้..ก็มีแต่รายย่อยอย่างเดียว
กลต.ตลท.ทำอะไร... มีแต่ซ้ำเติมรายย่อย

:lol:

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 3:36 pm

:lol: :lol: :lol: :lol:

น้องกั๊มพูดถูกครับ

ท่านดัชนีไทยคิดว่าบิลเกตต์ประสบผลสำเร็จเพราะปัจจัยที่ชื่อว่า " ไม่ได้จบปริญญาตรี " เหรอครับ ไม่จริงหรอกครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นคนที่ไม่จบปริญญาตรีก็ประสบผลสำเร็จทุกคนสิครับ

ตัวอย่างที่ไม่ได้จบปริญญาตรีแล้วประสบผลสำเร็จก็มี หรือจบแค่ป.4แล้วประสบผลสำเร็จก็มีให้เห็นเหมือนกัน

แต่ถ้าแบ่งกลุ่มมากลุ่มละหนึ่งล้านคน กลุ่มที่จบปริญญาตรี 1 ล้าน จบสูงกว่าป.4แต่ไม่จบปริญญาตรี 1 ล้าน จบต่ำกว่าป.4 อีก 1ล้านคน กลุ่มไหนจะมีคนที่ประสบผลสำเร็จมากกว่ากันหละครับ

จบปริญญาเอกบางคนโง่กว่าจบปริญญาตรีบางคนก็มีครับ
แต่ถ้าเอาปริญญาเอกพันคนกับปริญญาตรีพันคนมาวัดกันเป็นคู่ๆ กลุ่มไหนจะชนะมากกว่ากันหละครับ

บ่อยครั้งที่เราสับสนระหว่างคำว่า ส่วนน้อยๆที่เป็นข้อยกเว้น กับคำว่า ส่วนใหญ่
เกิดข้อยกเว้นหนึ่งครั้งเราจะตีความว่าส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้นได้อย่างไร เราเอา something ไปสรุป everything ไม่ได้

เรื่องแบบนี้เอาไว้ปลอบใจตัวเองเฉยๆน่าจะดีครับ จะได้มีกำลังใจ แต่ผมว่าไม่น่าจะยึดถือเป็นจริงเป็นจัง

:lol: :lol: :lol: :lol:

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 5:37 pm

เห็นด้วยกับ FG ครับ

ตอนบิล เกตส์ กับ ไมเคิล เดลล์ ขอพ่อลาออกจากมหาลัยเพื่อไปทำธุรกิจ

ทั้งคู่พูดเหมือนกัน 1 อย่างครับ

"ผมเห็นโอกาสอยู่ตรงหน้า ถ้ารอเรียนจบ โอกาสก็จะหายไป"

ถ้าคุณกำลังเรียนอยู่ เห็นโอกาสแบบ once-in-a-life-time และมีความสามารถ
ที่จะทำให้สำเร็จได้ ลาออกไปเลยครับ แล้วทุ่มเท 120%

ถ้าไม่เช่นนั้น ก็เรียนให้จบนะครับ

เรื่องแบบนี้เอาไว้ปลอบใจตัวเองเฉยๆน่าจะดีครับ จะได้มีกำลังใจ แต่ผมว่าไม่น่าจะยึดถือเป็นจริงเป็นจัง

จริงครับ

บ่อยครั้งที่เราสับสนระหว่างคำว่า ส่วนน้อยๆที่เป็นข้อยกเว้น กับคำว่า ส่วนใหญ่

คนเล่นหุ้นส่วนใหญ่ถึงขาดทุนมังครับ :lovl:

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 8:08 pm

สามัญชน,

บ่อยครั้งที่เราสับสนระหว่างคำว่า ส่วนน้อยๆที่เป็นข้อยกเว้น กับคำว่า ส่วนใหญ่
เกิดข้อยกเว้นหนึ่งครั้งเราจะตีความว่าส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้นได้อย่างไร เราเอา something ไปสรุป everything ไม่ได้

8) เหลี่ยมนี้ น่าคิดให้ละเอียดจัง
แต่มันก็มีคำว่าพวกมากลากไปเหมือนกันนาครับ
คุณหมอว่าอย่างไร...

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 10:06 pm

เจ้าชายสิทธัตถะ ร่ำเรียนจบ 16 ศาสตร์ตามนิยมราชประเพณีที่ต้องเล่าเรียนนะครับ ถ้าเปรียบก็คงได้ดอกเตอร์ 16 ใบ ก่อนที่จะออกบวชและบำเพ็ญเพียรจนกระทั่งได้ตรัสรู้ ช่วงนี้ดูตามรอยพระพุทธเจ้า ทางช่องเก้า วันอังคาร น่าติดตามครับ

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 10:47 pm

Bill Gates เป็นคนเรียนเก่งมากครับ โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ มีโอกาสได้เข้าเรียนที่
Harvard ถึงปีสอง ด้วยความที่คลั่งไคล้กับคอมพิวเตอร์จนพบโอกาสทางธุรกิจ ทำให้
ลาออกมาทำ Microsoft ร่วมกับ Paul Allen ที่เป็นเพื่อนรุ่นพี่

ส่วน Google ในยุคแรกๆ ถ้าผมจำไม่ผิด มีพนักงาน 30 กว่าคน เป็น PhD ประมาณ 90%

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:42 pm

ผมว่า เราจะเอาพระพุทธเจ้ามาเปรียบ
กับบิลเกต หรือมาพูดเรื่องดอกเตอร์หรือปริญญานี่คงไม่เข้าทีเท่าไรนะครับ

พวกเราหรือบิลเกตหรือดอกเตอร์ทั้งหลาย
ยังเป็นบุคคลธรรมดาเหมือนกัน ต้องเวียนว่ายตายเกิดกันต่อไป

ไม่ว่าคุณจะประสบความสำเร็จเท่าไร คุณกับผมก็ไม่ต่างกัน
อันนี้ผมพูดเปรยไปในทางความคิดของทางธรรมนะครับ

(ไม่ต้องคุยเรื่องธรรมะกับผมนะครับ ผมชอบกินเหล้า อิอิ)

ถ้าเป็นทางโลก
อย่างน้อยปริญญาก็เป็นใบรับรองใบหนึ่ง
แสดงให้เห็นความบุคคลนั้นมีความพากเพียรพยายามเพื่อให้สำเร็จลุล่วง
หรือความร่ำรวย หรือเล่นหุ้นแล้วรวย หรือทำธุรกิจมีกำไร
มันก็คงเป็นตัวชี้วัดตัวบุคคลได้เหมือนกันว่า
ประสบความสำเร็จในการทำงานหรือการเล่นหุ้น
แต่สิ่งเหล่านี้ ก็ไม่ได้บอกได้ว่าคุณเข้าใจชีวิตและสามารถจะหลุดพ้นจากโลกได้เลย
คุณก็เหมือนกับผมนั่นแหละ

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:57 pm

คุยกันแบบทางโลกดีกว่า

ผมไม่เคยคิดว่าความคิดของดอกเตอร์เป็นความคิดที่ถูกต้องเสมอไป
แต่ผมก็คิดว่าอย่างน้อยก็ดีกว่าความคิดของคนที่ไม่ได้เรียนรู้อะไรมาซักเท่าไร
หรือเด็กสมัยนี้ที่เข้ามหาลัยเพราะไม่รู้จะทำอะไร

มีรุ่นพี่ผมคนหนึ่งจบดอกเตอร์ เรียนเก่งมากๆ ทำงานวิจัยที่ญี่ปุ่นยังไม่ครบ3ปี
ก็จบก่อนแล้ว เคยบอกผมว่า
ทำไมถึงต้องคิดว่าดอกเตอร์เก่ง จริงๆแล้วดอกเตอร์ก็รู้ในเรื่องที่ตัวเองทำวิจัยและเชี่ยวชาญเรื่องที่ตัวเองค้นคว้าอย่างจริงจังมาเท่านั้น ก็คงจะรู้ในเรื่องที่ทำเองเท่าอยู่เท่านั้นเอง ไม่ใช่จะรู้อะไรทุกอย่าง

ดังนั้น ผมคิดว่าการเอาด็อกเตอร์1800คน มากำหนดวิสัยทัศน์ของชาติ
ก็น่าจะดีกว่าให้ดอกเตอร์ ทักษิณ คนเดียว เป็นผู้กำหนด
เพราะคงจะมีด๊อกเตอร์ ที่เชี่ยวชาญหลายๆด้านมารวมกัน

ผมสนับสนุนครับ

ถ้าผมรู้ว่าจะทำอะไร ตั้งแต่อายุ7ขวบ ผมคงไม่ไปเรียนป.1 ให้เสียเวลาเหมือนกันครับ

ศุกร์ ก.ค. 01, 2005 12:03 am

บิล เกตต์ กะ สตีฟ จ๊อบ ใครเก่งกว่ากัน?

ผมว่าสตีฟบ้าๆดี กวนตีนๆ อย่างในหนังบางทีเข้าประชุม(ตอนหนุ่มๆ) ก็ใส่ขาสั้นรองเท้าแตะ และยังทำกริยาเหยียดหยามคนที่ทำตัวดูภูมิฐาน และในบ้างครั้งก็กดดันเพื่อยร่วมงานมากๆ จนโดนชกปากแตก แนะนำครับเรื่อง The Pirate Of The Sillicon Valley จะรู้อะไรอีกมากๆ และตัวละครมาเชื่อมโยงเกี่ยวกันเกือบทุกคนในวงการ :lol:

โพสต์ ศุกร์ ก.ค. 01, 2005 6:24 am |

nanchan เขียน:คุยกันแบบทางโลกดีกว่า

ดังนั้น ผมคิดว่าการเอาด็อกเตอร์1800คน มากำหนดวิสัยทัศน์ของชาติ
ก็น่าจะดีกว่าให้ดอกเตอร์ ทักษิณ คนเดียว เป็นผู้กำหนด
เพราะคงจะมีด๊อกเตอร์ ที่เชี่ยวชาญหลายๆด้านมารวมกัน

สุดยอดของปัญญาและสิ่งประดิษฐ
หาใช่เกิดจากที่ประชุมของคนส่วนมากแต่อย่างใดไม่
แต่เกิดจากคนคนเดียวเป็นส่วนใหญ่

เช่น
ผู้นำศาสนาทั้งหลาย
นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย
นักประดิษฐ์ทั้งหลาย

ความคิดหรือคำพูด "ดอกเตอร์ 1,800 คน"
มาจากจิตใต้สำนึกแห่งการตลาดเท่านั้น

แผนพัฒนาประเทศเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมีมา 9 ฉบับแล้ว..
ประเทศชาติถึงได้เป็นเช่นนี้
(ตอนรู้ไหมว่าประเทศชาติอยู่ในฐานะไหน?)

ฉบับนี้จะเป็นฉบับที่ 10
โดยมีสภาพัฒน์ฯเป็นเจ้าภาพ
เป็นบทปฏิบัติที่ซ้ำรอย เป็นบทเรียนที่ไม่เคยจดจำ
และยังไม่ทราบว่าปรัชญาที่ล้มเหลว.. มาจากที่ใด

มันไม่ถูกต้องตั้งแต่ตั้งสภาพัฒน์ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันพระปกเกล้า แล้ว
ซึ่งเป็นที่เอาคน.. สูงทางปริญญา สูงทางตำแหน่ง และสูงทางเงินทอง มาชุมนุมกัน..
(มี Standard deviation สูงเหมือน SET50 Index)

ผิดหลักการทางสายกลาง..
มันจึงแก้ปัญหาอะไรประเทศชาติไม่ได้
มันจึงเป็นการสะสมปัญหาแต่อย่างเดียว

$:\/:$

โพสต์ ศุกร์ ก.ค. 01, 2005 6:34 am |

นายกฯ ยังพูดว่า...
คณะรัฐมนตรีชุดนี้ของท่านมีดร.ถึง 11 คน
รวมทั้งตัวท่านเองด้วย...

เป็นครั้งแรกที่ประเทศไทย... มีนายกฯที่เป็นดอกเตอร์

:lovl:

โพสต์ ศุกร์ ก.ค. 01, 2005 6:55 am |

ศจ.ดร.ปรีดี พนมยงค์

ได้รับปริญญาทางกฏหมาย และได้ "ลิซองซิเอ ทางกฏหมาย"
ได้ดุษฎีบัณฑิตทางกฏหมาย (Docteur en Droit) ฝ่ายเนติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยปารีส ปี พ.ศ. ๒๔๖๓

๒๔ มี.ค. ๒๔๘๙, ดำรงนายกรัฐมนตรีครั้งที่ ๑ (คนที่ ๗ ของไทย)