ถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจคุณอยากเป็นเจ้าของ ประกันหรือธนาคารมากกว
-
- Verified User
- โพสต์: 314
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจคุณอยากเป็นเจ้าของ ประกันหรือธนาคารมากกว
โพสต์ที่ 1
ธนาคารผมเพิ่งนึกข้อดีได้หลังจากตาบอดนานคือ เอาเงินฝากมาปล่อยกู้ได้หลายรอบครับ ทำให้ถ้ามีเงินมาฝาก 100 แล้วกันสำรองคิดเป็น 10% เราสามารถปล่อยได้มากสุดถึง 1000 เชียว
บ.ประกัน เอาเงินไปลงทุนได้โดยเงินที่ได้มามีต้นทุนถูกกว่าเงินกู้ธนาคาร และถ้าลูกค้าไม่เคลมเงินตรงนั้นก็ตกเป็นของบริษัท :lol:
บ.ประกัน เอาเงินไปลงทุนได้โดยเงินที่ได้มามีต้นทุนถูกกว่าเงินกู้ธนาคาร และถ้าลูกค้าไม่เคลมเงินตรงนั้นก็ตกเป็นของบริษัท :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 375
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจคุณอยากเป็นเจ้าของ ประกันหรือธนาคารมากกว
โพสต์ที่ 2
คิดว่าประกันนะครับ หลายรอบๆละหลายปีนะครับ แต่เบี้ยประกันนี้ ถ้าเป็นแบบอุบัติเหตุก็ปีต่อปี นะครับ ไม่เคลมก็ได้มาแล้ว ถ้าเป็นแบบมากกว่าสิบปี ถ้าไม่เคลมในปีแรกๆก็เอาเงินไปปล่อยได้หลายรอบเหมือนกันนะคับ
ปล ความเห็นส่วนตัวนะครับ
ปล ความเห็นส่วนตัวนะครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจคุณอยากเป็นเจ้าของ ประกันหรือธนาคารมากกว
โพสต์ที่ 4
เจ้าของเลยนะ.......ไม่ใช่แค่ซื้อหุ้น...ธนาคารครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจคุณอยากเป็นเจ้าของ ประกันหรือธนาคารมากกว
โพสต์ที่ 6
ช่องทางและโอกาสทางธุรกิจ ธนาคารพานิชย์มีสูงกว่าประกันภัยอย่างเทียบไม่ได้
เป็นเจ้าของธนาคาร แล้วเปิดกิจการของตัวเอง ไม่มีทางเงินช๊อต คุณควบคุมเงินได้นี่ ปล่อยสินเชื่อง่ายกว่ากันเยอะ .. มีปัญหากับกิจการ จะปรับหนี้ก็ได้หลากหลายวิธี แฮร์คัท เปลี่ยนหนี้เป็นทุน (แล้วขายหุ้นทิ้ง) ... หรือถือหุ้นกู้แปลงสภาพ ในราคา Discount สุดๆ อย่าง BH
จริงหรือที่ว่าซื้อกิจการอื่นไม่ได้ แล้ว รพ.บำรุงราษฎร์ ที่ทุกท่านชอบนักชอบหนา ใครหนอ ถือหุ้นกู้แปลงสภาพ แปลงเป็นหุ้นได้ในราคา 5 บาท (พาร์ 1) ...เห็นธนาคารเปิด บล. บลจ. บ.บัตรเครดิต ประกันภัย ประกันชีวิต บ.อสังหา กันให้เอิกเกริก นี่ครับ
แต่เป็นผู้ถือหุ้นรายย่อย .. คนละเรื่องเลยครับ
ลองเอาเงินซักล้านไปซื้อหุ้น TMB เปรียบเทียบกับเงินเท่ากันไปซื้อ SAFE ดูสิครับ
เป็นเจ้าของธนาคาร แล้วเปิดกิจการของตัวเอง ไม่มีทางเงินช๊อต คุณควบคุมเงินได้นี่ ปล่อยสินเชื่อง่ายกว่ากันเยอะ .. มีปัญหากับกิจการ จะปรับหนี้ก็ได้หลากหลายวิธี แฮร์คัท เปลี่ยนหนี้เป็นทุน (แล้วขายหุ้นทิ้ง) ... หรือถือหุ้นกู้แปลงสภาพ ในราคา Discount สุดๆ อย่าง BH
จริงหรือที่ว่าซื้อกิจการอื่นไม่ได้ แล้ว รพ.บำรุงราษฎร์ ที่ทุกท่านชอบนักชอบหนา ใครหนอ ถือหุ้นกู้แปลงสภาพ แปลงเป็นหุ้นได้ในราคา 5 บาท (พาร์ 1) ...เห็นธนาคารเปิด บล. บลจ. บ.บัตรเครดิต ประกันภัย ประกันชีวิต บ.อสังหา กันให้เอิกเกริก นี่ครับ
แต่เป็นผู้ถือหุ้นรายย่อย .. คนละเรื่องเลยครับ
ลองเอาเงินซักล้านไปซื้อหุ้น TMB เปรียบเทียบกับเงินเท่ากันไปซื้อ SAFE ดูสิครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจคุณอยากเป็นเจ้าของ ประกันหรือธนาคารมากกว
โพสต์ที่ 7
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ธนาคารผมเพิ่งนึกข้อดีได้หลังจากตาบอดนานคือ เอาเงินฝากมาปล่อยกู้ได้หลายรอบครับ ทำให้ถ้ามีเงินมาฝาก 100 แล้วกันสำรองคิดเป็น 10% เราสามารถปล่อยได้มากสุดถึง 1000 เชียว
การปล่อยกู้ 100 ปล่อยกี้รอบ ก็ได้เท่ารอบเดียว
ที่ได้เพิ่มก็คือค่าธรรมเนียมในการปล่อย ไม่ใช่หรือ
ใครอยู่ธนาคารช่วยให้ความกระจ่างหน่อย
...............................................................................
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
ถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจคุณอยากเป็นเจ้าของ ประกันหรือธนาคารมากกว
โพสต์ที่ 8
มองต่างมุม
ธุรกิจประกันภัย ไม่ได้บันทึก เบี้ยประกันภัยเป็นรายรับ
แต่ เมื่อเกิดเหตุการณ์ตามที่ทำสัญญาประกันไว้ บริษัทถึงต้องจ่าย อันนี้เป็นรายจ่าย แต่ธุรกิจธนาคาร บันทึกเงินฝาก เป็นหนี้สิน ที่ต้องจ่ายให้แก่ผู้ฝาก
เมื่อเอาเงินไปปล่อยกู้ได้ดอกเบี้ย อันนี้คือรายรับ
ที่เหมือนกันคือ เอาเงินไปลงทุนได้
แต่ประกันภัยมีข้อจำกัดว่า ลงทุนในหุ้นได้ไม่เกินที่กฏหมายกำหนด ประมาณ 10-20%
ลงทุนในตัวที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าคือ พันธบัตรหรือ หุ้นกู้
ส่วนธนาคารจะไปลงทุนในการปล่อยกู้ ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะล้มมากกว่า
ถ้าให้เราคิดว่าจะลงทุนกับอันนั้นดี ก็ไม่ต้องคิดมากเลย เอาประกันภัยดีกว่าแบงค์อยู่แล้ว เพราะว่า ได้ชัวร์คือเบี้ยประกันภัย เป็นเงินสด ตอนนี้ธุรกิจไหนมีเงินสดมากๆๆมันดีอยู่แล้ว ค่าเบี้ยประกันภัยก็ขึ้นทุกๆปีเสียด้วย ถ้าประวัติการทำประกันภัยไม่ดี งานนี้สนุกเลย ถ้าประวัติดีก็ลดให้ เป็นไปตามหลักของความเสี่ยงอยู่แล้ว
ธุรกิจประกันภัย ไม่ได้บันทึก เบี้ยประกันภัยเป็นรายรับ
แต่ เมื่อเกิดเหตุการณ์ตามที่ทำสัญญาประกันไว้ บริษัทถึงต้องจ่าย อันนี้เป็นรายจ่าย แต่ธุรกิจธนาคาร บันทึกเงินฝาก เป็นหนี้สิน ที่ต้องจ่ายให้แก่ผู้ฝาก
เมื่อเอาเงินไปปล่อยกู้ได้ดอกเบี้ย อันนี้คือรายรับ
ที่เหมือนกันคือ เอาเงินไปลงทุนได้
แต่ประกันภัยมีข้อจำกัดว่า ลงทุนในหุ้นได้ไม่เกินที่กฏหมายกำหนด ประมาณ 10-20%
ลงทุนในตัวที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าคือ พันธบัตรหรือ หุ้นกู้
ส่วนธนาคารจะไปลงทุนในการปล่อยกู้ ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะล้มมากกว่า
ถ้าให้เราคิดว่าจะลงทุนกับอันนั้นดี ก็ไม่ต้องคิดมากเลย เอาประกันภัยดีกว่าแบงค์อยู่แล้ว เพราะว่า ได้ชัวร์คือเบี้ยประกันภัย เป็นเงินสด ตอนนี้ธุรกิจไหนมีเงินสดมากๆๆมันดีอยู่แล้ว ค่าเบี้ยประกันภัยก็ขึ้นทุกๆปีเสียด้วย ถ้าประวัติการทำประกันภัยไม่ดี งานนี้สนุกเลย ถ้าประวัติดีก็ลดให้ เป็นไปตามหลักของความเสี่ยงอยู่แล้ว
-
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจคุณอยากเป็นเจ้าของ ประกันหรือธนาคารมากกว
โพสต์ที่ 10
กฏหมายเค้าว่าไงมั่งครับ อยากรู้เหมือนกัน
ประกันใช้กฏหมายอะไร ธนาคารใช้กฏหมายอะไร
ความเข้มต่างกันมากน้อยอย่างไร
ประกันใช้กฏหมายอะไร ธนาคารใช้กฏหมายอะไร
ความเข้มต่างกันมากน้อยอย่างไร
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
ถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจคุณอยากเป็นเจ้าของ ประกันหรือธนาคารมากกว
โพสต์ที่ 11
ธนาคารพาณิชย์ โดนควบคุมโดนตรงจากธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลัง
ส่วนบริษัทประกันภัย (ตอนนี้) ควบคุมโดนกรมการประกันภัย กระทรวงพาณิชย์
(ปลายปี) ควบคุมโดนกรมหรือสถาบัน....(แบบเดียวกับกลต.) สังกัด กระทรวงการคลัง
ส่วนบริษัทประกันภัย (ตอนนี้) ควบคุมโดนกรมการประกันภัย กระทรวงพาณิชย์
(ปลายปี) ควบคุมโดนกรมหรือสถาบัน....(แบบเดียวกับกลต.) สังกัด กระทรวงการคลัง
-
- Verified User
- โพสต์: 1608
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจคุณอยากเป็นเจ้าของ ประกันหรือธนาคารมากกว
โพสต์ที่ 13
ถ้าเป็นรายย่อยก็เลือกประกันครับ
มนุษย์เห่อลูก :lol:
http://tyakon.multiply.com
http://tyakon.multiply.com
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจคุณอยากเป็นเจ้าของ ประกันหรือธนาคารม
โพสต์ที่ 14
คงจะผิดมั๊งครับที่ว่ามีเงินฝาก 100 ปล่อยกู้ได้ 1000ztep เขียน: ธนาคารผมเพิ่งนึกข้อดีได้หลังจากตาบอดนานคือ เอาเงินฝากมาปล่อยกู้ได้หลายรอบครับ ทำให้ถ้ามีเงินมาฝาก 100 แล้วกันสำรองคิดเป็น 10% เราสามารถปล่อยได้มากสุดถึง 1000 เชียว:lol:
ที่ถูกน่าจะเป็นเงินกองทุน 100 ปล่อยกู้ได้ 1000 มากกว่าครับ แต่เงินฝากคงใกล้เคียง 1000 นะครับ ถึงจะได้มีเงินสดไปปล่อยกู้
ธุรกิจสถาบันการเงินเป็นธุรกิจที่นับวันจะแข่งขันลำบากมากๆครับ เงินปล่อยกู้ 1000 บาท จะได้รายรับดอกเบี้ยรับประมาณ 50 - 60 บาทต่อปี เมื่อหักต้นทุนดอกเบี้ยเงินฝากซัก 10 - 15 บาทต่อปี ก็จะเหลือกำไรขั้นต้น 35 - 50 บาทต่อปี หักค่าใช้จ่ายต่างๆและภาษีจะเหลือกำไรสุทธิเท่าไร
แล้วถ้าปล่อยกู้ 20 ราย เป็นหนี้เสียซักราย กำไรแทบหมดเลยครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
ถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจคุณอยากเป็นเจ้าของ ประกันหรือธนาคารมากกว
โพสต์ที่ 16
ปัญหาของธนาคารอีกประการในช่วง 4 ถึง 5 ปี ที่ผ่านมาคือ
การรับฝากเงินนั้น ต้องรับทุกคน ในขณะที่การปล่อยกู้นั้นทำได้ยาก กิจการดีมักไม่กู้ ที่อยากจะกู้ก็มีความเสี่ยงสูง สุดท้ายเงินสดก็ท่วมธนาคารครับ
และสินค้าของธนาคารก็คือเงิน เงินไม่มีความแตกต่างเท่าไร เงินกู้จากสถาบันการเงินที่ไหนก็เหมือนกัน
การรับฝากเงินนั้น ต้องรับทุกคน ในขณะที่การปล่อยกู้นั้นทำได้ยาก กิจการดีมักไม่กู้ ที่อยากจะกู้ก็มีความเสี่ยงสูง สุดท้ายเงินสดก็ท่วมธนาคารครับ
และสินค้าของธนาคารก็คือเงิน เงินไม่มีความแตกต่างเท่าไร เงินกู้จากสถาบันการเงินที่ไหนก็เหมือนกัน
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1399
- ผู้ติดตาม: 1
ถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจคุณอยากเป็นเจ้าของ ประกันหรือธนาคารมากกว
โพสต์ที่ 17
ธนาคาร ปล่อยกู้ยากก็ลดดอกเงินฝาก เดียวสดก็ลดเอง
มาคุยกันได้ที่นี่ครับ https://www.facebook.com/value.investing.freedom