ข่าวจริงหรือไม่ ? "ภูเก็ตขาดน้ำ" ใครรู้มั่งครับ
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
ข่าวจริงหรือไม่ ? "ภูเก็ตขาดน้ำ" ใครรู้มั่งครับ
โพสต์ที่ 1
งงว่าเมืองไทย เป็นอะไรไป ทำไมขาดน้ำหลายจุดจัง ?
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews ... 0000110838
ภูเก็ตวิกฤต"บางวาด"น้ำเหลือแค่4แสนคิวใช้ได้ไม่เกิน1เดือน
ทุกปีปริมาณน้ำในเขื่อนบางวาดจะแห้งขอดอย่างนี้ในช่วงหน้าแล้ง แต่ปีนี้น้ำแห้งขอดเร็วกว่าปกติ จากฝนที่ตกลงมาน้อยมาก
ศูนย์ข่าวภูเก็ต -น้ำดิบจากเขื่อนบางวาด ใช้ได้ไม่เกิน 1 เดือน เหลือให้ใช้แค่ 4.7 แสนลูกบาศก์เมตร จากปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาน้อยมาก ภูเก็ตวิกฤตแน่นอนหากฝนยังไม่ตกลงมาในช่วงนี้ ชลประทานงดจ่ายน้ำให้ประปาเทศบาลเมืองภูเก็ตแล้ว ต้องใช้น้ำจากขุมเหมือง ขณะที่ประปาส่วนภูมิภาค ผลิตน้ำต่ำกว่ากำลังผลิต ส่งผลน้ำไหลอ่อนหรือหยุดไหลในพื้นที่สูง ผู้ประกอบการโรงแรมต้องซื้อน้ำจากเอกชนแทนน้ำประปาแล้ว
นายอิสระ อนุกูล หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำ เขื่อนบางวาด กรมชลประทาน เปิดเผย ถึงปริมาณน้ำในเขื่อนบางวาด ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบที่สำคัญที่สุดของจังหวัดภูเก็ต ว่า ในขณะนี้ปริมาณน้ำดิบในเขื่อนบางวาดที่การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) และการประปาเทศบาลนครภูเก็ตใช้ในการผลิตน้ำประปา มีปริมาณเหลือน้อยมาก โดยขณะนี้ทั้งเขื่อนมีน้ำเหลือแค่ 470,000ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)เท่านั้น และน้ำที่สามารถนำมาใช้ผลิตน้ำประปาโดยการไหลมาตามท่อใช้ได้แค่ 200,000 ลบ.ม.ซึ่งจุดนี้สามารถรองรับการใช้น้ำได้ภายใน 8 วัน ส่วนที่เหลืออีก 270,000ลบ.ม.จะต้องใช้เครื่องสูบน้ำมาใช้
"ขณะนี้เขื่อนบางวาดอยู่ในภาวะที่ใกล้จะแห้งขอดแล้ว หากฝนไม่ตกลงมาในช่วงนี้ น้ำในเขื่อนบางวาดจะรองรับการใช้น้ำได้ไม่เกิน 1 เดือนอย่างแน่นอน"
นายอิสระ กล่าวอีกว่า เขื่อนบางวาดสามารถที่จะจุน้ำได้กว่า 7 ล้านลบ.ม. แต่ในปีนี้ตลอดทั้งปีปริมาณน้ำในเขื่อนบางวาดมีน้อยมาก จากที่ฝนทิ้งช่วงไม่ตกตามฤดูกาล โดยตลอดทั้งปีมีฝนตกลงมาแค่ 815 มิลลิเมตรเท่านั้น และที่ตกมากที่สุดในเดือนพฤษภาคมแค่ 336 มิลลิเมตร(มม.) หลังจากนั้นก็จะตกเล็กๆน้อยๆ โดยที่ไม่สามารถที่จะสูบน้ำเข้าเขื่อนได้ นอกจากนี้น้ำที่จะสูบจากคลองบางใหญ่ ลงมาในเขื่อนบางวาดก็สูบได้น้อยมาก ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงขณะนี้สามารถสูบได้แค่ 500,000ลบ.ม.เท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากปริมาณน้ำในคลองบางใหญ่มีน้อย
หลังจากนี้การประปาฯจะไม่ปล่อยน้ำให้ทางเทศบาลนครภูเก็ตแล้ว โดยจะปล่อยให้เฉพาะในส่วนของการประปาส่วนภูมิภาควันละ 10,000 ลบ.ม.เท่านั้น ทั้งนี้เพื่อให้ทั้งสองหน่วยงานได้ใช้น้ำในแหล่งน้ำดิบของตัวเองก่อน โดยเทศบาลนครภูเก็ตมีน้ำที่ได้จากขุมเหมือง 7 แห่ง สามารถรองรับได้เป็นเวลา 1 เดือน ส่วนการประปาภูมิภาค ก็มีแหล่งน้ำดิบหลายแห่งด้วยกัน เช่น จากขุมน้ำของสนามกอล์ฟ ล๊อคปาล์ม กอล์ฟ คลับ วันละ 8,000 ลบ.ม. สูบจากขุมเหมืองของสรรพสามิตอีก 8,000 ลบ.ม.ซื้อน้ำที่ผลิตแล้วจากบริษัท REQ 10,000 ลบ.ม.และจากเขื่อนบางวาดอีก 10,000 ลบ.ม.
"แม้ว่าประปาภูมิภาคจะมีแหล่งน้ำจากหลายแหล่ง แต่ปริมาณน้ำที่ผลิตอยู่ในขณะนี้ไม่เพียงพอสามารถผลิตได้วันละ 38,000 ลบ.ม.แต่สภาพความเป็นจริงจะต้องผลิตให้ได้วันละ 46,000 ลบ.ม. ทำให้ในพื้นที่สูงและพื้นที่ปล่อยท่อน้ำจะไหลอ่อนหรือไม่ไหลในบางส่วน ซึ่งหากไม่มีฝนตกลงมาในระยะเวลาอันใกล้นี้ ภูเก็ตต้องเจอกับภาวะการขาดแคลนน้ำอย่างแน่นอน" นายอิสระ กล่าว
อย่างไรก็ตาม จังหวัดภูเก็ตประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำเกือบทุกปี โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้ง แต่สำหรับปีนี้ถือว่าการขาดแคลนน้ำเกิดขึ้นเร็วกว่าทุกๆปี ซึ่งในส่วนของจังหวัด ได้มีการวางแผนในการแก้ปัญหาไว้แล้ว เพราะหากภูเก็ตขาดแคลนน้ำจะเป็นอุปสรรคสำคัญ ในการพัฒนาการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของภูเก็ต
โดยได้มีการวางแผนในการก่อสร้างเขื่อนบางเหนียวดำ ที่ตำบลศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ที่จะรองรับการใช้น้ำในส่วนตอนบนของเกาะ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ตามกำหนดการจะแล้วเสร็จภายในปี 2551 และในส่วนของการประปาส่วนภูมิภาค ได้จัดสรรงบประมาณในการจัดซื้อที่ดิน สำหรับก่อสร้างโรงผลิตน้ำประปาแล้วเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีโครงการที่จะก่อสร้างเขื่อนคลองกะทะ ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อรองรับการใช้น้ำในพื้นที่ตอนล่างของเกาะ ซึ่งตามแผนงานจะแล้วเสร็จใกล้เคียงกับเขื่อนบางเหนียวดำ
รวมทั้งมีโครงการที่จะนำน้ำจากเขื่อนรัชประภา อ.ตาขุน ต.สุราษฎร์ธานี โดยการต่อท่อมายังจังหวัดพังงา กระบี่ และภูเก็ต แต่ต้องใช้งบประมาณลงทุนสูงถึง 3,000-4,000 ล้านบาท
ขณะที่นายอุดมศักดิ์ อัศวรางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตได้มีการพยายามที่จะแก้ปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำมาโดยตลอด ซึ่งในขณะนี้จังหวัดได้ทำเรื่องขอฝนหลวงแล้ว หากไม่มีฝนตกลงมา
ด้านนายพัฒนพงษ์ เอกวานิช นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ผู้ประกอบการในเขตป่าตอง กะตะ กะรน เดือดร้อนจากน้ำประปาไม่เพียงพอมาก ขณะนี้เท่าที่ทราบบริเวณหาดกะตะ กะรน น้ำประปาไหลอ่อนมากบางช่วงก็ไม่ไหล ซึ่งผู้ประกอบการต้องแก้ปัญหาโดยการซื้อน้ำจากเอกชน และเอกชนต้องการที่จะให้ภาครัฐเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องน้ำของภูเก็ตแบบครบวงจร โดยการนำน้ำจากเขื่อนรัชประภามาใช้ แม้จะใช้งบประมาณในการลงทุนสูงแต่ก็คุ้มค่าในระยะยาว รวมทั้งสามารถที่จะรองรับการใช้น้ำทั้ง 3 จังหวัด ภูเก็ต กระบี่ และพังงา
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews ... 0000110838
ภูเก็ตวิกฤต"บางวาด"น้ำเหลือแค่4แสนคิวใช้ได้ไม่เกิน1เดือน
ทุกปีปริมาณน้ำในเขื่อนบางวาดจะแห้งขอดอย่างนี้ในช่วงหน้าแล้ง แต่ปีนี้น้ำแห้งขอดเร็วกว่าปกติ จากฝนที่ตกลงมาน้อยมาก
ศูนย์ข่าวภูเก็ต -น้ำดิบจากเขื่อนบางวาด ใช้ได้ไม่เกิน 1 เดือน เหลือให้ใช้แค่ 4.7 แสนลูกบาศก์เมตร จากปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาน้อยมาก ภูเก็ตวิกฤตแน่นอนหากฝนยังไม่ตกลงมาในช่วงนี้ ชลประทานงดจ่ายน้ำให้ประปาเทศบาลเมืองภูเก็ตแล้ว ต้องใช้น้ำจากขุมเหมือง ขณะที่ประปาส่วนภูมิภาค ผลิตน้ำต่ำกว่ากำลังผลิต ส่งผลน้ำไหลอ่อนหรือหยุดไหลในพื้นที่สูง ผู้ประกอบการโรงแรมต้องซื้อน้ำจากเอกชนแทนน้ำประปาแล้ว
นายอิสระ อนุกูล หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำ เขื่อนบางวาด กรมชลประทาน เปิดเผย ถึงปริมาณน้ำในเขื่อนบางวาด ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบที่สำคัญที่สุดของจังหวัดภูเก็ต ว่า ในขณะนี้ปริมาณน้ำดิบในเขื่อนบางวาดที่การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) และการประปาเทศบาลนครภูเก็ตใช้ในการผลิตน้ำประปา มีปริมาณเหลือน้อยมาก โดยขณะนี้ทั้งเขื่อนมีน้ำเหลือแค่ 470,000ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)เท่านั้น และน้ำที่สามารถนำมาใช้ผลิตน้ำประปาโดยการไหลมาตามท่อใช้ได้แค่ 200,000 ลบ.ม.ซึ่งจุดนี้สามารถรองรับการใช้น้ำได้ภายใน 8 วัน ส่วนที่เหลืออีก 270,000ลบ.ม.จะต้องใช้เครื่องสูบน้ำมาใช้
"ขณะนี้เขื่อนบางวาดอยู่ในภาวะที่ใกล้จะแห้งขอดแล้ว หากฝนไม่ตกลงมาในช่วงนี้ น้ำในเขื่อนบางวาดจะรองรับการใช้น้ำได้ไม่เกิน 1 เดือนอย่างแน่นอน"
นายอิสระ กล่าวอีกว่า เขื่อนบางวาดสามารถที่จะจุน้ำได้กว่า 7 ล้านลบ.ม. แต่ในปีนี้ตลอดทั้งปีปริมาณน้ำในเขื่อนบางวาดมีน้อยมาก จากที่ฝนทิ้งช่วงไม่ตกตามฤดูกาล โดยตลอดทั้งปีมีฝนตกลงมาแค่ 815 มิลลิเมตรเท่านั้น และที่ตกมากที่สุดในเดือนพฤษภาคมแค่ 336 มิลลิเมตร(มม.) หลังจากนั้นก็จะตกเล็กๆน้อยๆ โดยที่ไม่สามารถที่จะสูบน้ำเข้าเขื่อนได้ นอกจากนี้น้ำที่จะสูบจากคลองบางใหญ่ ลงมาในเขื่อนบางวาดก็สูบได้น้อยมาก ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงขณะนี้สามารถสูบได้แค่ 500,000ลบ.ม.เท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากปริมาณน้ำในคลองบางใหญ่มีน้อย
หลังจากนี้การประปาฯจะไม่ปล่อยน้ำให้ทางเทศบาลนครภูเก็ตแล้ว โดยจะปล่อยให้เฉพาะในส่วนของการประปาส่วนภูมิภาควันละ 10,000 ลบ.ม.เท่านั้น ทั้งนี้เพื่อให้ทั้งสองหน่วยงานได้ใช้น้ำในแหล่งน้ำดิบของตัวเองก่อน โดยเทศบาลนครภูเก็ตมีน้ำที่ได้จากขุมเหมือง 7 แห่ง สามารถรองรับได้เป็นเวลา 1 เดือน ส่วนการประปาภูมิภาค ก็มีแหล่งน้ำดิบหลายแห่งด้วยกัน เช่น จากขุมน้ำของสนามกอล์ฟ ล๊อคปาล์ม กอล์ฟ คลับ วันละ 8,000 ลบ.ม. สูบจากขุมเหมืองของสรรพสามิตอีก 8,000 ลบ.ม.ซื้อน้ำที่ผลิตแล้วจากบริษัท REQ 10,000 ลบ.ม.และจากเขื่อนบางวาดอีก 10,000 ลบ.ม.
"แม้ว่าประปาภูมิภาคจะมีแหล่งน้ำจากหลายแหล่ง แต่ปริมาณน้ำที่ผลิตอยู่ในขณะนี้ไม่เพียงพอสามารถผลิตได้วันละ 38,000 ลบ.ม.แต่สภาพความเป็นจริงจะต้องผลิตให้ได้วันละ 46,000 ลบ.ม. ทำให้ในพื้นที่สูงและพื้นที่ปล่อยท่อน้ำจะไหลอ่อนหรือไม่ไหลในบางส่วน ซึ่งหากไม่มีฝนตกลงมาในระยะเวลาอันใกล้นี้ ภูเก็ตต้องเจอกับภาวะการขาดแคลนน้ำอย่างแน่นอน" นายอิสระ กล่าว
อย่างไรก็ตาม จังหวัดภูเก็ตประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำเกือบทุกปี โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้ง แต่สำหรับปีนี้ถือว่าการขาดแคลนน้ำเกิดขึ้นเร็วกว่าทุกๆปี ซึ่งในส่วนของจังหวัด ได้มีการวางแผนในการแก้ปัญหาไว้แล้ว เพราะหากภูเก็ตขาดแคลนน้ำจะเป็นอุปสรรคสำคัญ ในการพัฒนาการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของภูเก็ต
โดยได้มีการวางแผนในการก่อสร้างเขื่อนบางเหนียวดำ ที่ตำบลศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ที่จะรองรับการใช้น้ำในส่วนตอนบนของเกาะ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ตามกำหนดการจะแล้วเสร็จภายในปี 2551 และในส่วนของการประปาส่วนภูมิภาค ได้จัดสรรงบประมาณในการจัดซื้อที่ดิน สำหรับก่อสร้างโรงผลิตน้ำประปาแล้วเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีโครงการที่จะก่อสร้างเขื่อนคลองกะทะ ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อรองรับการใช้น้ำในพื้นที่ตอนล่างของเกาะ ซึ่งตามแผนงานจะแล้วเสร็จใกล้เคียงกับเขื่อนบางเหนียวดำ
รวมทั้งมีโครงการที่จะนำน้ำจากเขื่อนรัชประภา อ.ตาขุน ต.สุราษฎร์ธานี โดยการต่อท่อมายังจังหวัดพังงา กระบี่ และภูเก็ต แต่ต้องใช้งบประมาณลงทุนสูงถึง 3,000-4,000 ล้านบาท
ขณะที่นายอุดมศักดิ์ อัศวรางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตได้มีการพยายามที่จะแก้ปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำมาโดยตลอด ซึ่งในขณะนี้จังหวัดได้ทำเรื่องขอฝนหลวงแล้ว หากไม่มีฝนตกลงมา
ด้านนายพัฒนพงษ์ เอกวานิช นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ผู้ประกอบการในเขตป่าตอง กะตะ กะรน เดือดร้อนจากน้ำประปาไม่เพียงพอมาก ขณะนี้เท่าที่ทราบบริเวณหาดกะตะ กะรน น้ำประปาไหลอ่อนมากบางช่วงก็ไม่ไหล ซึ่งผู้ประกอบการต้องแก้ปัญหาโดยการซื้อน้ำจากเอกชน และเอกชนต้องการที่จะให้ภาครัฐเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องน้ำของภูเก็ตแบบครบวงจร โดยการนำน้ำจากเขื่อนรัชประภามาใช้ แม้จะใช้งบประมาณในการลงทุนสูงแต่ก็คุ้มค่าในระยะยาว รวมทั้งสามารถที่จะรองรับการใช้น้ำทั้ง 3 จังหวัด ภูเก็ต กระบี่ และพังงา
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0