ข่าวภาพรวม Q2 จากสยามธุรกิจครับ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
ภาพประจำตัวสมาชิก
คัดท้าย
Verified User
โพสต์: 2917
ผู้ติดตาม: 0

ข่าวภาพรวม Q2 จากสยามธุรกิจครับ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วยยังไงบ้างกับบทความนี้ครับ ?

http://www.siamturakij.com/612/a1/st612011.htm

4กลุ่มบ.ตลาดหุ้นQ2บักโกรก บทพิสูจน์ทีมเศรษฐกิจรัฐบาล

รูปภาพ

ตลท.-ผลงานบริษัทจดทะเบียนครึ่งปี แม้ภาพรวมกำไรเฉียด 2.5 แสนล้านบาท แต่หุ้น 4 กลุ่มหลักที่เป็นปัจจัยสำคัญในชีวิตดำรงชีวิตกลับสวนทางกำไรลดฮวบ พิสูจน์ฝีมือทีมเศรษฐกิจรัฐบาล "อสังหาฯ/ก่อสร้าง-ขนส่ง/ลอจิสติกส์" ต้นทุนพุ่งจากราคาน้ำมันแพง "อารียา-แอลพีเอ็น" กำไรหด ขณะที่ "การบินไทย" ขาดทุนบาน ด้านกลุ่มบริการ "ห้างไดอาน่า-แมคโคร-ล็อกสเล่ย์" ชักแถวรายได้ต่ำ ส่วนกลุ่มสื่อสาร "เอไอเอส-ทรู-ทีทีแอนด์ดี" แข่งเดือดทำสงครามราคาหากำไรไม่เจอ ส่งสัญญาณเศรษฐกิจสาละวันเตี้ยลง ด้าน"ศุภวุฒิ" ย้ำจีดีพีปีนี้อย่างเก่งแค่ 3-4% ส่วนดัชนีหุ้นไทยหมดสิทธิ์แตะ 800 จุดแน่นอน

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สรุปผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา (ม.ค.-มิ.ย.2548) พบว่าปัจจัยลบทั้งในและนอกประเทศที่เข้ารุมเร้าอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง ปัญหาภัยธรรมชาติ ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ปัญหาการก่อการร้ายสากล ปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด รวมทั้งทิศทางของค่าเงินหยวนและดอลลาร์สหรัฐ ปัจจัยเหล่านี้ได้ฉุดกระชากอัตราการขยายทางเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเป็นผลทำให้สำนักงานวิจัยทางเศรษฐกิจทั้งภาครัฐและเอกชนปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยในปีนี้อยู่ที่ร้อยละ3-4

โดยความถอถอยของภาวะเศรษฐกิจได้แสดงส่งสัญญาณผ่านผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนโดยเฉพาะ 4 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีผลประกอบการโดยรวมลดลงอย่างเห็นได้ชัด ได้แก่ 1.กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ผลประกอบการในไตรมาส 2 โดยรวมลดลงถึงร้อยละ 9 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน, 2.กลุ่มบริการ ผลประกอบการโดยรวมลดลงร้อยละ 10 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.กลุ่มเทคโนโลยี ผลประกอบการโดยรวมลดลงร้อยละ 8 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 4.กลุ่มสินค้าบริโภค ผลประกอบการโดยรวมลดลงร้อยละ 1 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนทางกับภาพรวมผลประกอบการในไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดที่มีกำไรรวมกันเกือบ 2.5 แสนล้านบาท

จับตา4กลุ่มส่งสัญญาณขาลง
โดย 4 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ผลการดำเนินงานลดลง มีรายละเอียด คือ 1.กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (หมวดวัสดุก่อสร้างและตกแต่ง และหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์) ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 โดยรวมมีกำไรสุทธิ 34,732 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9 เป็นผลจากราคาของวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 36 แต่ยังคงมียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 29

2.กลุ่มบริการ (หมวดขนส่งและลอจิสติกส์ พาณิชย์ โรงแรมและบริการท่องเที่ยว บันเทิงและสันทนาการการแพทย์ การพิมพ์และสิ่งพิมพ์ และบริการเฉพาะทาง) มีกำไรสุทธิรวม 20,826 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10 จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากยอดขายรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 ขณะที่ต้นทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 อัตรากำไรขั้นต้นจึงลดลงจากร้อยละ 38 เหลือร้อยละ 33 โดยบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น โดยเฉพาะบริษัทในหมวดขนส่งและโลจิสติกส์

3.กลุ่มเทคโนโลยี (หมวดสื่อสาร หมวดชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ และหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์) มีกำไรสุทธิโดยรวม 2 หมื่นล้านบาท ลดลงร้อยละ 8 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ผลจากการแข่งขันที่รุนแรงของกลุ่มอุตสาหกรรมและต้นทุนราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
และ 4.กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (หมวดแฟชั่น ของใช้ในครัวเรือน และของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์) มีกำไรสุทธิโดยรวม 3,047 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยจากเหลือร้อยละ 18.9 ขณะที่มีการเติบโตของยอดขายร้อยละ 4.5

"อารียา-แอล.พี.เอ็น."กำไรร่วง
สำหรับหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่มีกำไรลดลง เช่น บริษัทอารียา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ AREEYA โดยผลประกอบการในไตรมาส 2 มีกำไรสุทธิลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 26.50 ล้านบาท และกำไรสุทธิในช่วง 6 เดือน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนลดลง 65.45 ล้านบาททั้งนี้เนื่องจากผลของปัจจัยเชิงลบของเศรษฐกิจโดยรวมซึ่งมีผลทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจในการซื้อบ้านที่มีระดับราคาค่อนข้างสูง

ขณะที่บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN ก็มีผลประกอบการที่ลดลงเช่นกัน โดยผลประกอบการในไตรมาส 2 มีรายได้รวม 770.15 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 1.45% และมีผลทำให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 123.70 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 19.77%

"ขนส่ง-โลจิสติกส์"อ่วมพิษน้ำมัน
ส่วนหุ้นในกลุ่มบริการ (หมวดขนส่งและโลจิสติกส์) ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันแพงมากที่สุด เห็นได้จากผลประกอบการในไตรมาส 2 ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ขาดทุนสุทธิ 4,779.44 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีขาดทุนสุทธิ 913.14 ล้านบาท โดยบริษัทมีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน 5,935.95 ล้านบาท จากที่มีกำไรในการดำเนินงาน 54.68 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ในงวดบัญชีรอบ 9 เดือน (ต.ค.47-มิ.ย.48) บริษัทมีค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง 32,372.48 ล้านบาทจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง21,609.11ล้านบาท

กลุ่มบริการชักแถวกำไรหด
สำหรับกลุ่มบริการ บริษัทไดอานา ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ จำกัด (มหาชน) หรือ DIADA แจ้งผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนของปี 2548 มีผลขาดทุนสุทธิ จำนวน 22.96 ล้านบาท, บริษัทล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) หรือ LOXLEY ขาดทุนสุทธิ 328,870,000 ล้านบาท, บริษัทสยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO ผลประกอบการในไตรมาส 2 มีกำไรสุทธิ 219.5 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.9, บริษัทแปซิฟิก แอสเซ็ทส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PA มีผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อย (งบรวม)ประจำไตรมาส 2/2548 ซึ่งแสดงผลขาดทุนสุทธิหลังจากหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยแล้วเป็นจำนวนเงิน 92.2 ล้านบาท เมื่อเทียบกับผลขาดทุนสุทธิ 26.5 ล้านบาท ในไตรมาสเดียวกันของงบการเงินปี 2547 มีขาดทุนเพิ่มขึ้น 65.7 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 247.9

สงครามหั่นราคา-หุ้นสื่อสารขาดทุนยับ
ในขณะที่ผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี (หมวดสื่อสาร) ส่วนใหญ่มีผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ที่ลดลง อันเนื่องมาจากการเปิดสงครามแข่งขันราคาค่าโทรศัพท์มือถือ โดยเห็นได้จากบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC มีผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 มีกำไรสุทธิ 4,169 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนร้อนละ 22.4, บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE มีผลการดำเนินงานรวมของบริษัทและบริษัทย่อย ในไตรมาสที่ 2 สิ้นสุด วันที่ 30 มิถุนายน 2548 ขาดทุนสุทธิ จำนวน 964.28 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขาดทุนเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าร้อยละ 20 จากผลการดำเนินงานสุทธิในงวดเดียวกันของปีก่อน, และบริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) หรือ TT&T มีผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2548 ขาดทุนสุทธิ 873,278,000 ล้านบาท

432บจ.ฟันกำไร2.5แสนล้าน
นายสุทธิชัย จิตรวาณิช รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนประจำงวด 6 เดือนสิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2548 ว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (MAI) นำส่งงบการเงินแล้วจำนวน 432 บริษัท จากทั้งหมด 454 บริษัท มียอดขายรวมกันมูลค่า 2,198,733 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิรวมกัน 248,333 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อนละ 22 จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 203,951 ล้านบาท โดยมีบริษัทที่ประกาศผลกำไรสุทธิ 369 แห่ง

ส่วนบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ นำส่งงบการเงินงวด 6 เดือนครบทั้ง 26 บริษัท มียอดขายรวม 8,678 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิรวม 551 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 467 ล้านบาท ในจำนวนนี้ มีบริษัทที่ประกาศผลกำไรสุทธิ 22 แห่ง

สำหรับบริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม SET50 มีกำไรสุทธิรวม 195,934 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 79 ของกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 27 มีกำไรขั้นเพิ่มขึ้นต้นร้อยละ 24 และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ส่วนในกลุ่ม SET100 มีกำไรสุทธิรวม 207,674 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 83 ของกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 27 มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 24 และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 17

ปตท.แชมป์ฟันกำไร4.4หมื่นล้าน
ทั้งนี้ บริษัทที่มีกำไรสุทธิสูงสุด 5 อันดับแรก คือ 1. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT มีกำไรสุทธิรวม 44,351 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 68.27 จาก 26,357 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากสถานการณ์ราคาและการใช้ปิโตรเลียมโดยรวมของประเทศยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งยอดขายเพิ่มขึ้น ทั้งจากราคาขายและปริมาณการขายผลิตภัณฑ์ของบริษัท 2.บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC มีกำไรสุทธิรวม 18,718 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.98 จาก 15,097 ล้านบาทในงวดเดียวกันปี 2547 เนื่องจากธุรกิจปิโตรเคมี ซึ่งทำยอดขายร้อยละ 38.71 ของยอดขายรวมของ SCC มีผลประกอบการที่ดี

3.บริษัทปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP มีกำไรสุทธิรวม 9,735 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 46.28 จาก 6,655 ล้านบาทในงวดเดียวกันปี 2547 เนื่องจากราคาและปริมาณการขายผลิตภัณฑ์น้ำมันเฉลี่ยเพิ่มขึ้น
4.บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC มีกำไรสุทธิรวม 9,538 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5.32 จาก 10,074 ล้านบาท เนื่องจากผู้บริโภค ระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ด้วยผลจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้บริษัทมีรายได้จากการให้ บริการลดลง นอกจากนี้ ADVANC ยังมีการลงทุนในอุปกรณ์เครือข่ายและค่าใช้จ่ายด้านการตลาดเพิ่มขึ้น

และ5. บริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือTOP มีกำไรสุทธิรวม 7,222 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.88 จาก 6,633 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีกำลังการกลั่น น้ำมันเพิ่มขึ้นหลังจากหยุดซ่อมบำรุงในไตรมาสก่อน รวมทั้งราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปปรับตัวสูงขึ้น ทำให้มีกำไร จากการกลั่นขั้นต้นเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ผลประกอบการของกลุ่มบริษัทย่อยยังปรับตัวดีขึ้นด้วย

ปัจจัยลบรุมเร้าดับฟันดัชนี800จุด
นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยในปีนี้ จะขยายตัวได้ร้อยละ 3.4 โดยเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังน่าจะฟื้นตัวขึ้นจากครึ่งปีแรก เนื่องจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงสุดแล้ว และการนำเข้าน้ำมันน่าจะชะลอตัว ซึ่งเป็นผลดีต่อตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัด ส่วนจีดีพีในปีหน้าจะเติบโตประมาณร้อยละ 4 ขณะที่ในระยะ 5 ปีข้างหน้า คาดว่าจีดีพีของไทยคงขยายตัวมากสุดไม่เกินร้อยละ 6 เนื่องจากถูกกดดันด้วยราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในครึ่งปีหลัง คาดว่าน่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากปัจจัยลบต่างๆที่เกิดขึ้นในครึ่งปีแรกน่าจะคลี่คลายลง ส่วนดัชนีหุ้นไทยในปีนี้คาดว่าน่าจะยืนอยู่ที่ 720-740 จุด และคงเป็นเรื่องยากที่จะสามารถยืนที่ 800 จุดได้ภายในปีนี้
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

ข่าวภาพรวม Q2 จากสยามธุรกิจครับ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

8) เข้ามาอ่าน....
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 0

ข่าวภาพรวม Q2 จากสยามธุรกิจครับ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

:man: เข้ามาอ่านด้วย...
mey
Verified User
โพสต์: 359
ผู้ติดตาม: 0

ข่าวภาพรวม Q2 จากสยามธุรกิจครับ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

:man: ปลอมตัวเข้ามาอ่าน
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 1

ข่าวภาพรวม Q2 จากสยามธุรกิจครับ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ขอบคุณครับ  ท่านคัดท้าย
อกาลิโก
Verified User
โพสต์: 323
ผู้ติดตาม: 0

ข่าวภาพรวม Q2 จากสยามธุรกิจครับ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

..


                      ..ปิโตรเคมีน่าจะอยู่ในขาลงนะ :nm:
อกาลิโก
cts
Verified User
โพสต์: 53
ผู้ติดตาม: 0

ข่าวภาพรวม Q2 จากสยามธุรกิจครับ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ลองเอา q2 ปี47 รวมได้ 209,488
q2 ปี 48 รวมได้ 238,856
เติบโต 14%
สิ่งที่พาดหัว กับความเป็นจริง ไม่เหมือนกัน
ลงทุนทบต้น
cts
Verified User
โพสต์: 53
ผู้ติดตาม: 0

ข่าวภาพรวม Q2 จากสยามธุรกิจครับ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ลองเอา q2 ปี47 รวมได้ 209,488
q2 ปี 48 รวมได้ 238,856
เติบโต 14%
สิ่งที่พาดหัว กับความเป็นจริง ไม่เหมือนกัน
ลงทุนทบต้น
ล็อคหัวข้อ